เห็นโผล่หน้านั่งเมาท์แตกเป็นหนึ่งในพิธีกรรายการ “ผู้หญิงถึงผู้หญิงสวย” หลายคนเลยคิดว่านางเอกสาวก้านยาว “บี น้ำทิพย์” จะโละข้าวหม้อเก่าต้นสังกัดเดิม “แกรมมี่” ทิ้ง แล้วหันมาซบอุ่นๆ ของบอสใหญ่ช่อง 3 “ประวิทย์ มาลีนนท์” หวังรุ่งงานพิธีกรซะแล้ว ที่แท้สาวเจ้าเขาแค่แว้บมารับจ๊อบขำๆ เท่านั้นเอง
“แกรมมี่ก็อยู่มานานแล้วรู้สึกอบอุ่นไม่มีความจำเป็นต้องออก คืออยู่อย่างนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ทางแกรมมี่ก็ดูแลดี ส่วนงานเพลงก็มีแน่นอนแต่ว่าเป็นเมื่อไหร่นั้นยังบอกไม่ได้ จริงๆ คุยไว้นานแล้วแต่หยุดไปเพราะมีช่วงหนึ่งที่ถ่ายละครอยู่ด้วยถึงว่าตอนนี้ถ่ายเรื่องเดียวแต่ก็มีงานค้างอื่นๆ อยู่ เลยพักไว้ก่อนดีกว่า ตอนนี้จะหันมาทำรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงเต็มที่”
“ความจริงเรียกว่าเป็นจ๊อบหรือเป็นโอกาสที่ผู้ใหญ่เขาหยิบยื่นให้ดีกว่า ให้เราได้ลองได้ในสิ่งที่ไม่เคยทำ คือบีจะเป็นโรคที่แบบว่าเกร็งอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเดินแบบหรือถ่ายละคร ทำอะไรก็แล้วแต่เพราะว่าหนึ่งยอมรับเลยว่าเป็นคนขี้อาย พอถ้าจะต้องทำเต็มที่ความเกร็งก็จะเริ่มหายไปเองก็มีลองมาอัดดู”
เคยโยกย้ายส่ายสะโพกถือไมค์ร้องเพลง รวมไปถึงการวาดลวดลายโพสต์ท่าถ่ายแบบแต่พอต้องมานั่งจ้อเป็นพิธีกรเลยต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวเองกันยกใหญ่
“ต้องมีการเตรียมข่าวสารเยอะขึ้น รอบรู้ว่าสิ่งรอบตัวของเราตอนนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง จริงๆแล้วอยากทำพิธีกรอยากลองทำแต่ไม่คิดว่าจะเป็นรายการสด รายการนี้เป็นรายการที่น่าสนใจเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสวยความงามของผู้หญิงใกล้ตัวคิดว่าไม่น่าจะยากเกินไปเพราะว่าเราก็ทำงานด้านนี้อยู่แล้ว”
“ผู้ใหญ่เองก็มีทั้งติและชม ก็พยายามให้ดีที่สุดให้ข้อติเหลือน้อย อย่างบางทียังพูดติดๆ บ้าง เนื่องจากบางทีพูดแล้วลิ้นรัว เป็นคนที่พูดเร็วก็พยายามฝึกให้พูดช้าลง นอกนั้นก็ไม่มีอะไร ซึ่งมันจะมีสคริปต์อยู่แล้วให้เราทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่เราจะนำเสนอให้กับคนดูว่าเราจะนำเสนออะไรแล้วก็ใช้ความเข้าใจมากกว่าออกมาเป็นสื่อกลางให้กับคนดูทางบ้าน”
แถมเป็นรายการสดไม่มีการเมค เลยกลายเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถสำหรับสาว “บี”
“สดๆ บีว่าเจ๋งนะ ทุกไม่ต้องเมคอะไรไ ด้เห็นตัวจริงของเราว่าเราเป็นยังไงมากกว่า ในกลุ่มของบีจะมีพี่เอมม่า พี่จอย สิริลักษณ์แล้วก็พี่เบนซ์คือทุกคนรู้จักกันหมดแล้วมาทำความเข้าใจ คุ้นเคยกันมากขึ้น แต่ละคนก็จะน่ารักมากทุกคนก็จะเปิดว่าเป็นคนยังไง”
เมื่อได้ลองเลยเกิดความชอบจนอยากยึดอาชีพพิธีกรเป็นงานประจำซะแล้ว
“ชอบเพราะมันเป็นอะไรที่ท้าทายดี หนึ่งเลยมันไม่มีการเมค เมื่อมีพลาดมันก็คือการแก้สถานการณ์ เหมือนการเดินแฟชั่นโชว์เมื่อก่อนพลาดก็ไม่รู้จะทำยังไงแต่หลังๆ ก็เริ่มรู้ว่าเราต้องทำยังไงก็ปรับตัวไปเรื่อยๆ”