xs
xsm
sm
md
lg

"มหา'ลัยเหมืองแร่" หนึ่งหนังดีที่คนไทยควรดู?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ห่างหายไปจากภาพยนตร์เรื่องแรก "15 ค่ำเดือน 11" นานเกือบ 3 ปี วันนี้ผู้กำกับฝีมือเชื่อถือได้ "เก้ง จิระมะลิกุล" พร้อมแล้วกับภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขาใน "มหา'ลัย เหมืองแร่"

ภาพยนตร์ที่เขากล้าโฆษณาว่า...นี่คือหนึ่งในภาพยนตร์ที่ควรไทยควรดู

"ยากที่สุดในชีวิต ผมไม่เคยเห็นเรือขุด ไม่เคยไปเที่ยวเหมืองแร่ ทุกอย่างเลยต้องสร้างมาจากจินตนาการที่ผมอ่านมาจากหนังสือ ความเป็นจริงจะเป็นยังไงไม่รู้เพราะนี่คือจินตนาการมันเลยยาก..."

เก้ง เริ่มต้นการสนทนาด้วยการบอกเล่าถึงความยากในการทำ "มหา'ลัย เหมืองแร่" ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือชุด "เหมืองแร่" ของ "อาจินต์ ปัญจพรรค์" โดยเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นคงจะต้องหมุนเวลากลับไปในพ.ศ. 2492 เลยทีเดียว

"คนที่เราแคร์ที่สุดคือพี่อาจินต์ เพราะเป็นชีวิตที่แกรักมากและไม่อยากให้เอามาทำเป็นหนัง ทุกอย่างสร้างขึ้นมาจากหนังสือที่ไม่มีการเติมแต่ง นอกจากการตัดต่อที่มีการผสมผสานให้ตัวละครน้อยลงไปเพื่อให้พอดีกับหนัง 2 ชั่วโมง แล้วส่วนตัวผมชอบหนังสืออยากเห็นมันเป็นเหมืองแร่"

"การหาตัวแสดงที่จะมาเล่นเป็นพี่อาจินต์ในช่วงแรกเลยเป็นเรื่องที่ให้ผมและทีมงานต้องคิดหนัก รวมไปถึงคาแรกเตอร์ที่ต้องบ่งบอกความเป็นอาจินต์ก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งพี่อาจินต์สูงแค่ 150 แต่คนที่ ได้มาสูงถึง 180 แต่แกก็พอใจ ฉาก เรือขุดก็ไม่น่าจะทำให้พี่เขาเสียความรู้สึก"

ความดีทั้งหมดต้องยกให้โปรดักชั่นคนเก่ง "เอก เอี่ยมชื่น" ที่ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองมาแล้วกว่า 18 ครั้งซึ่งผู้กำกับอารมณ์ดีเขาใจในฝีมือ และมั่นใจให้สอบผ่านฉลุย

"คนทำโปรดักชั่นเรื่องนี้คือเอก เอี่ยมชื่นซึ่งเคยได้รับรางวัลตุ๊กตาทองมาแล้ว 18 - 19 ตัว ซึ่งเขาทำมาแล้วหลายเรื่องอย่าง 2499 ฯ นางนาก จันดารา ฯลฯ และเป็นคนที่รักเหมืองแร่เหมือนกันเราเลยไม่กลัว ผมไปยืนอยู่ในฉากเห็นร้านกาแฟ ผมก็ขนลุกรู้สึกว่าทำไมมันเหมือนอย่างนี้ มันเลยจุดที่ดีที่สุดไปแล้ว สำหรับผมเอกมารับตุ๊กตาทองไปได้เลย"

เพื่อความสมจริง (อีกขั้น)คนในท้องถิ่นระแวกนั้นเลยกลายเป็นอีกหนึ่งตัวแสดง ที่มีการคัดเลือกกันอย่างพิถีพิถัน
"ผมภูมิใจเสนอแคสติ้งพี่จิ๊บ นักแสดงจิ๋มใหญ่จากเรื่องแจ๋ว เริ่มต้นคัดเลือกนักแสดงจากหลายจังหวัดในภาคใต้เช่นชุมพร, สุราษฎ์ธานี, นครศรีธรรมราช, พัทลุง, ระนอง, พังงา คือทั่วเลยเอาโปสเตอร์ไปแปะตามร้านซึ่งก็จะมีคนที่เป็นบาร์เบอร์ แท็กซี่ ครูมาร่วมแสดงซึ่งพวกเขาเล่นเก่งมาก"

ด้วยคำโฆษณา ด้วยฟอร์มของตัวหนัง ด้วยระดับชื่อชั้นและความสำเร็จภาพยนตร์เรื่องแรกบวกกับการจับตาของใครต่อใคร่ หลายคนเลยอาจจะสงสัยว่าผู้กำกับคนนี้จะเกิดอาการกดดันหรือเปล่า ซึ่งเมื่อเอ่ยถามไปเก้งบอกว่าไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นเลย

"ไม่กดดันนะ ผมรู้สึกว่านี่คือศรัทธา เขาซื้อก๋วยเตี๋ยวเราคงไม่ตามไปเติมน้ำตาล ใส่พริกอะไรให้เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะเลือก เรียกว่านี่เป็นจิตวิญญาณของการทำหนัง ผมชอบเหมืองแร่อยากให้มันเป็นเรื่องราวขึ้นมาอีกครั้งเลยพยายามทำให้ออกมาดีที่สุด"

งบประมาณที่เคยวางไว้ 20 ล้าน แต่เพื่อความสมจริงตัวเลขจริงๆ เลยปาเข้าไปเกือบ 100 ล้านแล้ว ซึ่งแม้จะเป็นตัวเลขที่สูงเอาการทว่าเก้งก็แสดงความมั่นใจว่า ด้วยความรู้สึกของเขาเองหนังเรื่องนี้มีโอกาสสูงทีเดียวที่จะทำเงินขึ้นไปถึงหลักดังกล่าว

"ก็เกินงบไปเยอะนะ ตรงนี้ผมไม่รู้รายละเอียดมากเท่าไหร่ แต่เท่าที่รู้มา 65 ล้านสูงมาก มันเริ่มมาจากเรือขุดที่ตอนแรกจะหาจากซากเรือขุดเก่าๆ มาทำใหม่ แต่หาไม่ได้และมันคือหัวใจ แล้วไม่ใช่บ้านเราเลยใช้เงินไป 7 ล้าน ไหนจะหาตามรายทางอีกและสุดท้ายเราต้องจ่ายเงินให้กับวงออเคสตร้าที่มาทำเพลงประกอบให้อีก 2ล้าน"

"ผมมั่นใจว่าได้100 ล้านนะ อันนี้ก็ไม่รู้ บอกแล้วว่ามั่นใจว่าสนุก น่าจะมากกว่าด้วยซ้ำ มันมีกลิ่นความเป็นตัวตนที่เป็นชาวบ้าน เรียกว่าเป็นหนังชีวิต ประจำวัน ต้องวรรคด้วยนะ เพราะคำว่าชีวิตในภาษาอังกฤษเรียกว่าดราม่า ซึ่งมันจะกลายเป็นความรันทด คุณอาจินต์เขาไม่ได้ไปทำทรมานตัวเอง"

ปิดท้ายการสนทนาด้วยการรันตีหนังเรื่องนี้ดูง่ายมุกตลกเพียบรวมทั้งคนดูเองน่าจะได้อะไรกับชีวิตติดตัวกลับไปบ้างหลังจากที่ลุกออกไปจากโรงฯ

"มีมุกเพียบ เป็นมุกชาวบ้านๆ ที่สามารถเรียกเสียงหัวเราะได้ แล้วก็จะมีอารมณ์แต่ไม่เครียด ลองนึกถึงภาพที่เข้าไปอยู่ในที่ที่รอบตัวมีสายตาน่ากลัวมองมาที่เราคนเดียว คนที่อาจไม่หวังดีกับเราตลอด แต่สุดท้ายเขาก็แสดงให้เห็นว่ามีมโนธรรม หนังตัดเสร็จมันซึ้ง ผมดูยังนั่งน้ำตาซึมเลย"

"มั่นใจเลยละว่าดูไม่เครียด ถ้าจะมีคำว่าเครียดก็เป็นคลายเครียดมากกว่า ทำให้ค้นพบว่าชีวิตยังมีความน่ารักความเครียดมันหายไป อยากให้น้องๆ ที่เอ็นท์ฯ ไม่ติด หรือว่าเสียใจให้มาดูหนังเรื่องนี้กับเรื่องราวผู้ชายคนหนึ่งที่โดนรีไทร์จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ เมือตอนปี 4 มันน่าเศร้านะ แต่ว่าโลกมันก็ยังไม่แตก ชีวิตยังมีความหวัง และมองเห็นมุมมองการใช้ชีวิตแบบรักชีวิต แม้จะเพิ่งพบพานกับความผิดหวังก็ตาม"


กำลังโหลดความคิดเห็น