จริงหรือ? ที่บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็น "ไฮโซ" จะเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หรือจะทำอะไรทีก็ดูโอเว่อร์ไปหมดทุกอย่าง ของใช้เครื่องแต่งกายก็ต้องมีคลาสมีแบรนด์ดังๆ แปะให้เห็นยี่ห้อบ่งชี้ให้เห็นถึงรสนิยมของพวกชั้น(หัว)สูงตั้งแต่หัวจรดเท้า เสแสร้งแกล้งทำอยู่ตลอด จะเพ่งมองยังไงก็ไม่เห็นแววความจริงใจจากบุคคลเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
วันนี้ "ต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี" หนุ่มทายาทเบียร์สิงห์ หรือคนส่วนใหญ่อาจจะจดจำเขาได้ในฐานะพิธีกรไฮโซจากรายการ "เจาะใจ" จะมาตอบข้อสงสัยข้างต้นให้พวกเราคนธรรมดาได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงกัน ทั้งนี้ "ต๊อด" ยังยินดีให้ "ผู้จัดการบันเทิง ออนไลน์" ได้กะเทาะเปลือกชีวิต (ไฮโซ) ของเขาที่หลายคน(อาจ)คาดไม่ถึงและไม่อยาก(จะ)เชื่ออีกด้วย
คิดว่าตัวเราเอง เป็นไฮโซมั้ย
“ผมถามก่อนว่าการเป็นไฮโซคุณเอาอะไรมาวัด ถ้าเกิดการเป็นไฮโซคือจะต้องเป็นที่รู้จักของสังคม ผมก็คงปฎิเสธไม่ได้ การเป็นไฮโซคือเป็นบุคคลที่มีนามสกุลที่โด่งดัง เป็นที่รู้จักของประชาชน อันนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่การเป็นไฮโซ ต้องใช้ชีวิตที่เลิศหรู ทำอะไรเว่อร์ๆ อันนี้ปฏิเสธได้ว่าผมไม่ใช่ซึ่งแล้วแต่คนจะตีความหมายไฮโซคืออะไร”
“คือผมพูดตรงๆ เลย ผมไม่ชอบกับการมาติดกับคำว่าไฮโซ การที่เป็นพิธีกรไฮโซ การที่เป็นไฮโซๆๆ ทั้งหลายแหล่เนี่ย ผมคิดว่ามันไม่ใช่แต่ก็ไม่ใช่ว่าไฮโซไม่ดี แต่ไฮโซในความหมายของคนถามเนี่ยมักจะเป็นคำถามที่ติดลบ จะออกมาทางในแง่ลบซะมากกว่าในแง่บวก จริงๆ แล้ว คำว่าไฮโซไม่ใช่คำที่ถูก คำที่ผิดมันเป็นเพียงกลุ่มคนหนึ่งกลุ่มคน แต่พฤติกรรมไฮโซเป็นพฤติกรรมที่หลายๆ คนไม่ชอบหรือเรียกว่าไม่ถูกหูไม่ถูกตาประชาชน ซึ่งไม่จำเป็นด้วยว่าเป็นไฮโซจะต้องมีพฤติกรรมไฮโซ ซึ่งบางคนก็เป็นคนธรรมดาแต่กูคิดว่ากูแน่กูเท่ห์ กูทำตัวไฮโซมันซะเลย”
การเป็นเด็กสปอยล์ถือว่าเป็นเรื่องปกติของการเป็นลูกคนรวยหรือเปล่า
“บ้านผมเนี่ยสปอยล์ตัดทิ้งไปได้เลย การที่จะได้อะไรมาสักอย่างเนี่ยมันยากเย็นแสนลำบาก เด็กๆก็อิจฉาเพื่อนเหลือเกินว่าทำไมเพื่อนได้ของง๊าย ง่าย การที่จะได้อะไรสักอย่างเนี่ยตอนเป็นเด็กเรียกว่าต้องทำสัญญากันเลย การทำสัญญานี่คือจะต้องตั้งใจเรียน ทำเกรดให้ได้เกรดเท่านี้ จะต้องไม่ทะเลาะกับที่บ้านจะต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน”
“ไฮโซคืออะไรคือไฮโซไซตี้คือการใช้ชีวิตสังคมแบบเลิศหรู ซึ่งผมคิดว่าหลายๆ คนยังใช้คำว่าไฮโซผิดอยู่นะครับ การเป็นไฮโซเนี่ย ไปดูก่อนศึกษาก่อนว่าคำว่าไฮโซหมายความว่าอะไร และการใช้ชีวิตของไฮโซคืออะไร ไม่ใช่ว่าดูที่นามสกุลแล้วรู้ว่าเขาเป็น "ภิรมย์ภักดี" แล้วไอ้นี่เป็นไฮโซ อันนี้ก็เราใช้คำพูดไฮโซอย่างผิดประเด็น”
กำลังจะบอกว่าตัวเราไม่ได้ใช้ชีวิตแบบเลิศหรู ?
“ผมคิดว่าชีวิตบ้านผมเนี่ยเป็นชีวิตคนธรรมดาหรือคนที่เป็นไฮโซเนี่ยจะต้องอิจฉา เพราะว่าครอบครัวผมใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายนะครับ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่ชายหรือน้องสาว รวมถึงตัวผมด้วยเรียกว่าอยากทำอะไรก็ทำ แล้วก็การที่มีสถาบันครอบครัวที่อบอุ่นแล้วเนี่ยทำอะไรทุกอย่าง 90% ถ้าเราตั้งใจประสบความสำเร็จอยู่แล้ว คือเราได้รับความผลักดันและได้รับแรงสนับสนุนเกื้อกูลจากที่บ้าน มันจะหนักจะเหนื่อยแค่ไหนที่บ้านให้กำลังใจ นี่แหละที่คือสิ่งที่ทุกคนต้องการ”
บอกว่าไม่ไฮโซแล้วใช้เงินวันละกี่บาท
“อ่ะ แล้วเขียนลงจริงๆ นะ ถ้าเกิดไม่รวมวันที่ผมไม่ได้ไปเที่ยวนะ วันที่ผมใช้ชีวิตปกติธรรมดาจ.-ศ. จะมีประมาณหนึ่งวันที่ผมออกไปกินข้าวนอกบริษัท(บุญรอด บริวเวอร์รี่) นอกนั้นผมกินข้าวในโรงอาหารคือข้าวแกงจานนึงถ้ากับ 1 อย่าง สามสิบบาท กับ 2 อย่าง 40 บาท น้ำ 10 บาท วันนึงผมใช้ตังค์ไม่เกิน 50 บาท ไม่รวมค่าทางด่วนนะ เพราะค่าทางด่วนผมเบิกกับบริษัทได้”
“แต่กินข้าวเที่ยงบางวันของผมเรียกว่าพิสดารหน่อย คือกินกับลูกน้องทั้งแผนกก็มีประมาณ 10 หรือ 20 คน ตอนเที่ยงเนี่ยจะไปนั่งกินข้าวโต๊ะเรียงยาวเลย ไปแอบดูได้โรงงานที่สามเสนบริวเวอร์ลี่เนี่ย ซึ่งตรงนั้นเนี่ยเป็นโรงอาหารสำหรับคนที่มารับส่งซื้อเบียร์ของพนักงานทั้งหลายแหล่คือไม่ได้เลิศหรู ไปแล้วเดี๋ยวจะรู้ว่าก็ไม่ได้เรียกสะอาด ซึ่งผมก็พยายามให้เขาทำความสะอาดหรือรีโนเวทให้มันน่าดูหน่อยหนึ่ง ซึ่งร้านอาหารมีไม่กี่ร้านหรอก 4-5 ร้านเป็นร้านข้าวแกง ร้านตามสั่ง”
“มันมีอยู่ว่ามันจะมีผู้จัดการทั้งหมด 3 คน มีผม มีการตลาด,โฆษณา,ประชาสัมพันธ์ที่มีหน้าที่เวียนวนสับกันเลี้ยงลูกน้อง ซึ่งผมไม่ค่อยได้เลี้ยงหรอกแต่ถ้ามากับเจ้านาย - คุณรังสฤษดิ์แกจะเลี้ยงทุกครั้ง คือเลี้ยงทั้งโต๊ะแต่ถ้าผมซื้อจ่ายเองก็ประมาณไม่เกินวันละ 50 บาท ส่วนตอนเย็นก็ไม่ได้ทำอะไรอีก อาจจะมีกินของว่างบ้างก็อีกประมาณ 50 บาทให้แม่บ้านไปซื้อ แล้วก็ตอนเย็นขึ้นรถทางด่วนกลับก็อีก 40 บาท ก็ทั้งหมดประมาณร้อยกว่าบาท กลับบ้านก็กินข้าวบ้านไม่ได้เสียตังค์หรอก”
แล้ววันที่ไปเที่ยวล่ะ ใช้เงินเยอะมั้ย
“ก็มีแน่นอนครับ เขาคงไม่ให้เรากินเบียร์ฟรีหรอก เราก็ต้องซื้อเบียร์เลี้ยงเพื่อนบ้าง เพื่อนเลี้ยงเราบ้างเลี้ยงคนนั้นคนนี้บ้างมันอยู่ในหมู่สังสรรค์ สั่งเบียร์ทีสามขวด ตานี้ชั้นจ่าย ตาหน้าเธอจ่ายแล้วกันซึ่งตรงนี้ก็ตกจริงๆ แล้วก็อยู่หลักพัน กรณีแยกจ่ายเลย ผมคิดว่าคืนหนึ่งมันไม่เกิน 2,000 บาทหรอก หรือกรณีสั่งอะไรเสร็จแล้วเรียกเช็คบิลแล้วก็หาร ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เราไป ถ้าเป็นสถานที่ปกติก็ขายเบียร์ขวดละ 100 ฉะนั้น กินยังไงให้มันเป็นหมื่นเป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าไปกินที่โรงแรมห้าดาว 9 ครั้งจาก 10 ครั้งก็คงไปกับที่บ้านซึ่งพ่อแม่ก็เป็นคนจ่ายอีก”
“ณ วันนี้ก็ว่าได้เงินเดือนจากบริษัทแต่ก็ยังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่บ้าง ไอ้ที่ขอตังค์พ่อใช้อยู่นี่ เพราะว่างก เอาเงินเดือนเก็บเข้าธนาคารเก็บเป็นก้นถุงสะสมไปเรื่อยๆ ส่วนเงินที่ใช้ในชีวิตประจำวันก็คือจะขอพ่อใช้ (พอบอกได้มั้ยว่าได้เท่าไหร่) แล้วแต่หมดครับเขาก็ให้ที 3 - 5 พัน พูดตรงๆ นะผมบอกให้เขียนเดี๋ยวก็ไม่เขียนอีก ผมใช้เงินเดือนละไม่ถึงหมื่น”
เสื้อผ้าล่ะต้องแบรนด์เนมมั้ย
“ยิ่งเสื้อผ้าไม่มีแบรนด์เลยมาดูเลย (เปิดปกเสื้อให้ดูยี่ห้อ) ยี่ห้อ M ครับ ซึ่งถามว่ากางเกงแบรนด์เนมไหม ในระดับหนึ่งนะอย่างตัวที่ผมใส่อยู่นี่เป็น DIESEL เนี่ยถามว่าแบรนด์เนมไหม มันพูดยากเหมือนกัน แต่ถ้าถามว่าผมใช้ของมือสองรึเปล่า คือผมไม่ค่อยนิยมครับ ใครเป็นคนใส่ก็ไม่รู้ของมือสองผมไม่ค่อยนิยมจริงๆ”
ตอนนี้ขับรถยี่ห้ออะไรอยู่
“รถผมได้มาจากรถประจำตำแหน่งครับ ซึ่งเมื่อก่อนที่ไม่ได้รถประจำตำแหน่ง ผมก็ขับบีเอ็มซีรี่ยส์ 3 แต่พอมาเป็นรถประจำตำแหน่งเขาก็ให้อยู่ในหลักสองล้านกว่าๆ พอดีบีเอ็มเขาฉลาดมาผลิตที่เมืองไทยซีรียส์ 5 ก็ตก 3 ล้านกลางๆ ซึ่งผมก็เอามาใช้เป็นรถประจำตำแหน่ง ไอ้อีกล้านนึงผมก็ต้องควักตังค์ตัวเองจ่าย”
เป็นรสนิยมส่วนตัวที่เราชอบใช้รถราคาแพงๆ?
“ก็ก่อนหน้านี้ผมก็ใช้รถญี่ปุ่นอยู่ ใช้มิตซูบิชิ ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่ามันวัดกันไม่ได้ มันแล้วแต่บางครั้งผมก็ยังมองหลายๆ คนว่าทำไมมันต้องเว่อร์ ต้องแบรนด์เนมทุกอย่างไม่ว่าหัวจรดเท้า ไม่ว่าจะเป็นรถรา อะไรทุกอย่างมันดูเว่อร์ไปหน่อยหนึ่ง ผมถึงบอกว่ามันเป็นพฤติกรรมของคนที่เขาเรียกว่าไฮโซ ซึ่งถามว่าไฮโซจำเป็นมั้ยไม่ได้จำเป็น ไฮโซหลายๆ คนไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างนั้น แล้วหลายๆ คนที่ไม่ใช่ไฮโซก็ดันมาใช้ชีวิตอย่างนี้”
เบื่อไหมที่คนมองว่าเราเป็นไฮโซ
“ผมเบื่อกับคนถามว่าผมใช้ชีวิตอย่างไฮโซรึเปล่ามากกว่า เพราะผมจะต้องมานั่งพูดเรียงตั้งแต่เริ่มต้นของชีวิตเนี่ย แต่ถามว่าเบื่อมั้ยที่คนมองเป็นไฮโซ ก็ถ้าเกิดมองว่าไฮโซเป็นนามสกุลเก่าแก่ที่คนรู้จักของชาวบ้านชาวช่องเค้า มันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก”
คิดยังไงกับคนที่บอกว่าไฮโซทำอะไรไม่เป็นเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
“ก็นี่ไงผมถึงบอกไง นี่มันเป็นพฤติกรรมของไฮโซที่คุณคิดว่าไฮโซ ถามว่าจำเป็นมั้ยว่า ไฮโซจะทำอะไรไม่เป็นเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ นี่คือคุณกำหนดเอาเอง โอเค มันอาจจะเป็น 90 % เป็นอย่างที่พวกคุณคิดแต่คุณไม่คิดเผื่ออีก 10 % ที่ไม่ใช่บ้างเหรอ ถึงได้บอกคำว่าไฮโซคืออะไร ไปถามตัวเองดูก่อน”
“แต่ถามว่าพฤติกรรมอย่างไฮโซ ไอ้ที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อจำเป็นมั้ยที่ต้องเป็นไฮโซอย่างเดียว คนทั่วไปทำอะไรไม่เป็นก็เยอะแยะ คนทั่วไปไม่ทำอะไรก็เยอะแยะ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ไฮโซ เป็นแค่คนชั้นกลางนี่แหละก็ทำอะไรไม่เป็นตั้งเยอะแยะ แต่นั่นคือส่วนน้อยอาจจะ 10% ของ 90% ที่ทำไม่เป็น แต่ส่วนไฮโซ 90% ที่ทำไม่เป็น10% ที่ทำเป็น”
“ฉะนั้น มันต้องแบ่งช่องว่างไว้ด้วยว่ามันไม่ได้หมายถึง 100% นะครับ ผมใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกผมทำอาหารเอง ล้างจาน ซักเสื้อผ้า ดูดฝุ่นทำทุกอย่างเองหมด แต่ถ้าไปเปรียบเทียบกับทุกๆคนเนี่ย คนธรรมดา หรือคนทั่วๆ ไป ผมอาจจะทำสู้เขาไม่ได้ เพราะเขาอาจจะต้องทำทั้งบ้าน ทำให้พ่อแม่ด้วย”
แล้วที่คนเขามองว่าไฮโซ ไม่จริงใจล่ะ รู้สึกยังไง ?
“ก็มองไปเถอะครับ (หัวเราะ) ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปแก้ภาพไฮโซได้ยังไง มันมีไฮโซคนนึงทำตัวอย่างนั้น ผมบอกว่ามันไม่ใช่อย่างโน้นอย่างนี้ มันก็คงทำไม่ได้ เพราะผมบอกแล้วไง 90% มันทำแล้วไอ้ 10% ไม่ได้ทำ ผมอาจจะเป็น 10% ที่ไม่ได้ทำแต่ผมจะไปพูดให้คนเขาเชื่อว่าไอ้ 90% มันไม่ใช่อย่างนั้น ผมก็พูดไม่ได้ เพราะ 90% มันทำจริงๆ คือสิ่งที่ผมบอกก็คือคุณอย่าไปมองว่ามันเป็นอย่างนั้น 90% ไอ้พวกนั้นมันอยากจะเป็นช่างมันแต่ 10% ที่เขาไม่ได้เป็นก็มีถมไป”
คนจะดี-จะเลวอยู่ที่ความรักและการเลี้ยงดูจากครอบครัวเป็นสำคัญ
“เพื่อนผมที่เป็นไฮโซก็ไม่ใช่เด็กสปอยล์ที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ มันขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ขึ้นอยู่กับสถาบันครอบครัวว่าเขาเลี้ยงลูกยังไง ไม่ได้บอกว่าเลี้ยงผิด เลี้ยงตามใจลูกเขาขนาดไหน พ่อแม่ผมเป็นคนที่มีเวลา ถึงพ่อจะทำงานหนักแค่ไหนแต่ก็มีเวลาให้ครอบครัว แม่ผมก็เป็นคนดูแลพวกผมมาตลอดอย่างใกล้ชิดไม่ได้ให้พี่เลี้ยงคนโน้นคนนี้เป็นคนดูแล ก็เรียกว่ามีครอบครัวที่สุขสบายสมบูรณ์แบบนะครับ”
“หลายๆ คนเขาไม่มีเวลาให้ลูก การที่เขาให้คือเงินและพี่เลี้ยง พี่เลี้ยงจะกล้าขืนใจคุณหนูเหรอ แม่กล้าขืนใจเราไหม 100% คุณแม่เห็นอะไรที่ไม่เหมาะก็ไม่ให้ ไม่ให้ผมก็เถียง ก็ทะเลาะเป็นเรื่องปกติ แน่นอนถ้าพี่เลี้ยงตามใจทุกอย่างสุดท้ายเด็กก็จะติดเป็นนิสัยเช่นเดียวกันกับที่พ่อแม่ไม่มีเวลาให้สิ่งที่เขารู้สึกว่าเป็นความรักคือเงิน อ่ะ...ลูกเอาเงินไปพ่อแม่ไม่มีเวลาไปซื้อนะไปซื้อกับพี่เลี้ยงละกันมันไม่มีความรักเกิดขึ้น”
“ครอบครัวผมผมอยากซื้อของที่ห้าง แน่นอนเด็กๆ ผมไม่มีตังค์น่ะ พ่อแม่ก็เป็นคนออกแต่สิ่งที่มันเกิดคือ เราไปกินข้าวกันก่อนนะเราไปเที่ยวด้วยกันแล้วค่อยไปซื้อ แล้วดูในสิ่งที่เหมาะสมไม่ใช่ว่าเอาอย่างดีที่สุดเรา 6 ขวบได้แค่นี้นะพี่เรา 8 ขวบต้องได้ดีหน่อยได้ดีกว่า ซึ่งเดี๋ยวเราโตไปเราก็จะได้ของที่ดีขึ้น ตรงนี้มันเป็นสารรัก มันเป็นปฎิกริยาของครอบครัว นี่คือการใช้ชีวิตของครอบครัวอย่างมีความสุขแต่จะไปโทษคนอื่นก็ไม่ได้เพราะบางคนไม่มีเวลาจริงๆ เขาบอกว่าสิ่งที่เขาทำคือให้ครอบครัว ทำงาน 24 ชั่วโมงเพื่อให้ครอบครัวมีความสุขสบาย มันก็แล้วแต่มุมมองครับ”
ถ้ามีคนธรรมดาคนหนึ่งบอกว่ามาเปลี่ยนชีวิตกับเขามั้ย ต๊อดจะเปลี่ยนมั้ย ?
“คำถามแบบนี้ไม่มีใครเคยถามเลย งง มันคงเปลี่ยนไม่ได้หรอกครับ แล้วให้เปลี่ยนก็ไม่เปลี่ยนหรอกครับ ถึงจะให้เปลี่ยนรวยกว่านี้ ให้เปลี่ยนจนกว่านี้ ผมคิดว่า ณ วันนี้ผมได้ทุกอย่างที่ดีนะครับ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการงาน ด้านครอบครัว เรื่องของชีวิตส่วนตัว ผมพอใจในระดับ 95% อีก 5% คือผมก็ไปแสวงหาในสิ่งที่ตัวเองต้องการสิ่งที่ผมชอบ”
อีก 5 % คือ ?
“ครอบครัวผมสิครับ ผมก็ต้องมีครอบครัวของผม ในเมื่อผมมีบรรทัดฐานของครอบครัวที่สูงมากๆ เพราะว่าพ่อแม่ให้ความอบอุ่น ฉะนั้นถ้าผมมีครอบครัวผมก็ต้องเป็นผู้นำที่ดี ซึ่งตรงนี้คือสิ่งที่เราต้องไปตามหาอีกครึ่งชีวิตของเรา อ้อ!ผมยังไม่มีแฟนครับ”
ที่ผ่านๆ มามีสาวๆ เข้ามาหาเราเยอะมั้ย
“ก็มีบ้าง แล้วก็มีบ้างที่เราเข้าไปหาเขา ซึ่งก็ศึกษาค้นหาดูว่ามันเหมาะสมรึเปล่า เพราะมีคบเลิกคบเลิกก็มีเป็นเรื่องปกติ คบกันแบบจริงจังถึง 3-4 ปีก็มีสุดท้ายมันถ้าไปด้วยกันไม่ได้ก็เลิก ส่วนไอ้ที่คบกัน 2-3 เดือนที่คิดว่ามันไม่เรียกว่าคบ มันเรียกว่ารู้จักกัน 2-3เดือน แล้วมันไม่ใช่มันก็เลยเป็นเพื่อนกัน มันเป็นเรื่องของชีวิตปกติครับที่ว่าเรามีโอกาสของเราคือเลือกคนที่มาเป็นแม่ของลูกเราให้ดีที่สุด คนที่มาดูแลเราให้ได้ดีที่สุดแต่ก็ถือว่าตอนนี้ผมยังไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ ไม่รู้จะพูดยังไงเพราะพูดไปก็อึกอักๆ เหมือนกันเพราะว่าที่ผ่านมามันก็มีทั้งใช่และไม่ใช่”
แสดงว่าก็เคยอกหักมาก่อน
“ทำไมผมจะไม่เคยอกหักล่ะครับ ผมก็เคยทำให้คนอื่นเขาอกหัก ผมก็เคยอกหักเพราะคนอื่นเยอะแยะไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วย หลายครั้ง ซึ่งเราก็ต้องดูว่าทำไม สิ่งที่เราให้เขาไม่เพียงพอเหรอ เขาถึงได้เลิกกับเราเขาถึงไปมีคนใหม่ ตรงนี้ก็ถือเป็นบทเรียนที่จะต้องศึกษากันให้ดีที่สุดละกัน เพื่อที่จะให้มันเกิดขึ้นในอนาคตน้อยที่สุด”
จริงๆ ต๊อดเป็นคนเจ้าชู้มั้ย
“แล้วแต่ว่าความเจ้าชู้คืออะไร ถ้าคือคบทีละหลายๆ คนในเวลาเดียวกัน ผมไม่เจ้าชู้ครับ ผมคบทีละคนแต่ถามว่าหลายคนไหมก็หลายคนอยู่ แต่ถ้าเกิดเรียกว่าเป็นแฟนจริงๆ ผมเรียกว่าไม่เยอะ ซึ่งความเจ้าชู้มันก็อีกแหละ คุณเจอผู้หญิงหน้าตาดี 10 คนคุณไปจีบเขา 8 คนอย่างนั้นเรียกว่าเจ้าชู้อ่ะถ้าอย่างนั้นผมไม่เจ้าชู้”
แม่ของลูกเราต้องเป็นยังไง
“ถ้าเลือกได้ผมเลือกเอาดีที่สุดหมดทุกอย่างนะ แต่ความเป็นจริงมันเลือกไม่ได้อยู่แล้ว แต่ที่ผมให้ความสำคัญมากที่สุดคือเขารักเราเขาดูแลลูกเราได้ เขาสามารถเป็นแม่ที่ดีกับลูกของเราสามารถเข้ากับครอบครัวเราได้ 4 อย่างที่ผมจะต้องเลือกแน่นอนจะต้องเป็นคนรวยมั้ยไม่จำเป็น จะต้องเป็นที่รู้จักมั้ยไม่จำเป็นจะต้องเป็นดารามั้ยไม่จำเป็น ไอ่นั่นเป็นออฟชั่นหมดถ้ามีก็ดีถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร”
แล้วคุณพ่อคุณแม่ต๊อดไม่มีข้อกำหนดกฎเกณฑ์มากกว่านี้เหรอ
“เขาพูดเลยครับว่าเขาคอยดูให้ห่างๆเขาคอยไกด์ให้ เขาดูว่าผู้หญิงคนนี้ดีมั้ยมาหลอกเรามั้ยแค่นั้นเอง เขาค่อนข้างให้อิสระในการตัดสินใจ หลายๆ คนคิดว่าพ่อแม่ต้องมีการจับคู่ให้อยู่แล้วล่ะ เขาเลือกให้ไว้แล้วล่ะแต่ที่บ้านผมไม่มีอย่างนั้นครับ คำเดียวที่เขาบอกอยู่ตลอดเวลาเลยว่าคนที่จะอยู่กับผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เขาคือตัวผมเพราะฉะนั้นคนที่จะตัดสินใจก็คือตัวผมไม่ใช่พ่อแม่”
“ผมว่าพวกคนไฮโซคงรู้จักผมแค่ชื่อ นามสกุล เท่านั้น มีหลายคนพูดถึงผมแม้ว่าจะไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวหรือว่ารู้จักการใช้ชีวิตของผม ซึ่งตรงนี้มันก็ตลกดีเหมือนกันที่รู้จักแค่ชื่อและนามสกุลก็สามารถพูดถึงผมได้ มันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกเหมือนกัน”