xs
xsm
sm
md
lg

"คงเดช" ยัน "เฉิ่ม" ไม่เหมือน "หมานคร"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ด้วยคาแรกเตอร์ของสองตัวละครที่มีความเหมือนกัน คนหนึ่งใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยเพราะความฝันมองโลกในแง่ดี แต่อีกคนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง(มากๆ) อีกทั้งพระเอกยังมีอาชีพขับแท็กซี่เหมือนกัน หรือแม้กระทั่งโปสเตอร์ก็ยังทำออกมาเหมือนกันเด๊ะๆ จึงไม่แปลกที่หลายๆ คนจะพากันมองว่าภาพยนตร์เรื่อง "เฉิ่ม" นั้นเลียนแบบมาจาก "หมานคร" อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเอ่ยถามผู้กำกับอย่าง "คงเดช จารุรันต์รัศมี" เจ้าตัวยืนยันว่าหนัง "เฉิ่ม" ของเขาไม่เหมือนกับ "หมานคร" ของ "วิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง" อย่างแน่นอน

"เฉิ่มก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งมีอาชีพขับแท็กซี่กะดึก มันพิเศษตรงที่ว่าเขาเป็นคนที่ติดวิทยุเอ.เอ็ม. คือนั่งฟังตลอดทั้งวันทั้งคืน ไอ้ตัวละครตัวเนี่ยเหมือนคนที่หมกหมุ่นอยู่กับในโลกที่มันยังเป็นอุดมคติอยู่ ไอ้โลกเอ.เอ็ม.มันยังค่อนข้างบริสุทธิ์ ละครวิทยุทุกเรื่องก็ค่อนข้างจะจบลงด้วยดีฮ่ะ มันน้ำเน่าครับ พวกรายการข่าวที่ลุงเขาหยิบหนังสือพิมพ์มากางอ่าน ข่าวฆาตกรรมให้มันร้ายแรงยังไง เขาก็จะพูดจนมันเป็นเรื่องเบาๆ”

“ไอ้โลกเอ.เอ็ม.ที่เขาไปเสพติดอยู่เนี่ย มันเหมือนกับเขาเองเนี่ยหลบอยู่ในความฝัน หลบอยู่ในโลกที่สวยงามที่ยังเป็นอุดมคติอยู่ คราวนี้เรื่องของเรื่องก็คือ ผู้ชายคนนี้มันมาเจอผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งทำงานหมอนวด ผู้หญิงคนนี้มันจริงมากมันไม่มีความฝันและสองคนนี้พอมันเจอมันเริ่มผูกพันกันและมันก็เริ่มออสโมซิส ซึมซับกันและกัน นึกออกไหมฮ่ะ คนนึงจริงมาก อีกคนนึงฝันมาก แล้วมันก็เจอบททดสอบอะไรบางอย่างในความสัมพันธ์นี้”

ฟังแล้วคล้ายกับ”หมานคร”เลย ?
“ก็ไม่รู้เหมือนกันฮะ ผมว่าลองไปดูแล้วคงจะไม่รู้สึกว่าคล้ายกันแน่ๆ เลย เวลาทำหนังนะครับสำหรับผมคือการแสดงทัศนะคติต่อโลก ต่อชีวิต ต่อมนุษย์ของเราเพราะฉะนั้นผมว่าไอ้เรื่องพวกนี้เนี่ย ไม่มีใครมีทางเหมือนกัน”

“เหมือนว่าโลกเอ.เอ็ม.เหมือนโลกเฉพาะกาล โลกที่ไม่มีห้วงเวลาและผมก็รู้สึกว่าขณะที่ผมขับรถไปบนสุขุมวิทซึ่งทันสมัยมาก แต่เสียงที่ผมได้ยิน(ในเอ.เอ็ม.)มันช่างขัดแย้ง และตรงนี้มันเป็นคอนเทนต์ที่ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจที่ทำและผมว่าตรงนี้เป็นส่วนที่ไม่มีทางเหมือนใคร คือผมมีคอนเซ็ปต์อยู่แล้วอ่ะและมันไม่น่าจะเหมือนหมานครอยู่แล้ว”

“ก็คือมันเป็นประโยคนึงแล้ว ถ้าเราค้นพบสิ่งที่เรารักแล้วเราจะหยุดอยู่กับมันโดยที่ไม่ต้องหมุนไปตามโลกที่มันหมุนไปอย่างรวดเร็วได้หรือเปล่า เพราะโลกตอนนี้มันหมุนเร็วเหลือเกินแล้วเทคโนโลยีมันก็เร็วเหลือเกินมันเหนื่อยตามไม่ทัน เราจะขอหยุดอยู่ตรงนี้กับสิ่งที่เรารักได้หรือเปล่า มันเป็นคำถามครับ”

สิ่งที่แตกต่างจาก ”หมานคร” คือดูเข้าใจได้ง่ายกว่า
“คือวิธีของหมานครมันเป็นเรื่องของการประชดประชัน ใช้สัญลักษณ์ แล้วก็สร้างโลกที่มันสมจริงขึ้นมา ขณะที่ของผมเป็นหนังที่ตัวละครเป็นหลักกว่า ถ้าเข้าไปดูเนี่ยอย่างโลกเอ.เอ็ม.ของพระเอกเองก็มีความเฉพาะตัวอยู่ และที่สำคัญคือมันเป็นโรแมนติกดราม่าที่ทุกคนก็น่าจะรู้สึกอิ่มเอมไปกับมันได้ง่าย"

“แต่มันไม่ได้ส่วนตัวเลยหมายความว่าไม่ได้เข้าใจยากเลย แล้วมันก็ไม่ใช่หนังสูตรขนาดนั้นน่ะ(ไม่น้ำเน่า) มันก็มีส่วนที่ส่วนตัวมากอยู่เหมือนกันแต่ก็แบบว่าไม่ใช่สิ่งที่คนเข้าใจไม่ได้เลย มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องปีนกะไดเลย ผมว่าหมานครมันอาจเป็นตรงนั้นนะ มันทำให้คนดูรู้สึกห่างเหิน มันเหมือนกับตีวงชาวบ้านออกไปอยู่เหมือนกัน แต่หนังเรื่องนี้มันไม่ใช่ มันเป็นหนังที่คุณจะออกจากโรงมามีความสุขได้”

“จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้ถ่ายเสร็จมาตั้งเกือบปีแล้ว ถ้าได้ยินข่าวมาก่อน จริงๆ พี่แก(หนังเรื่อง”หมานคร”)ถ่ายเสร็จหลังผมอีกแต่ว่ามันเป็นเรื่องว่าเลื่อนโปรแกรม จริงๆ แล้วไอ้เรื่องเนื้อหาถ้าเข้าไปดูจะรู้ว่ามันไม่เหมือนกัน”

แต่อย่างดูภาพของหนังแล้วหรือดูความเฉิ่มแล้วมันก็ยังไปคล้ายกับ ”หมานคร” อยู่ดี
“ตอนแรกเนี่ยหนังไม่ได้ชื่อนี้ฮ่ะ ชื่อมิดไนท์เพลงรัก แต่ว่าคำว่าเฉิ่มเนี่ย ผมเข้าใจว่าในแง่ของการตลาดมันน่าจะทำให้คนดูไม่ต้องเดามาก มิดไนท์เพลงรักเนี่ยชาวบ้านทั่วไปอาจจะต้องเดาหน่อยนะว่าดูไปจะต้องเจออะไรในหนัง แต่ว่าเฉิ่มเองเนี่ยได้วงกว้างกว่าและมันน่าจะสามารถพรีเซ็นต์ความรักในหนังเรื่องนี้ได้ว่ามันจะไม่ทันสมัย คือหนังเรื่องนี้มันก็ยังมีคอนเทนต์ซ่อนอยู่ภายใต้เรื่องราวของความเป็นเรื่องรักบวกโศกนาฎกรรมนิดๆ ซึ่งใครเข้าใจมากขนาดไหน ก็แล้วแต่คนรับไป”

จุดขายอยู่ที่ "หม่ำ จ๊กมก"
“เอ่อ นุ่น ไม่น่าขายเหรอ นุ่นก็น่าขายนะ ตอนผมทำผมไม่รู้ว่าหนังจะขายยังไง ผมรู้แต่ว่าได้คนนี้มาเล่น ตั้งแต่แรกคือผมไม่ได้คิดด้วยนะว่าเพราะพี่หม่ำจะทำให้หนังขายดีมากขึ้น แต่ผมเห็นว่าพี่หม่ำเหมาะสม และผมอยากจะท้าทายทั้งตัวเองและคนดูและพี่หม่ำ ท้าทายทุกคนเลย”

“คือเมืองไทยนี่นะครับบ่อยครั้งที่เรามีนักแสดงที่มีฝีมือมากๆ เยอะแยะเลยนะแต่มันถูกขีดจำกัดวงโดยทั้งคนดูและก็คนสร้างเองและก็ตัวเขาเอง คนดูบอกว่าคนนี้เป็นตลกแล้วต้องเป็นตลกเท่านั้นเป็นพระเอกไม่ได้ ด้วยทัศนคติเก่าๆ แคบๆ ด้วยภาพที่คุ้นชิน สมมติว่าบอกว่าโจทย์พระเอกคือหนุ่มใหญ่ อายุเกิน 30 บุคลิกคมเข้ม พี่นกฉัตรชัยมาเป็นอันดับหนึ่ง และเราก็เห็นพี่นกฉัตรชัยไม่รู้กี่เรื่องแล้ว จริงๆ แล้วเราบอกแค่นี้มันมีตัวเลือกอื่นๆ อีกเพียบเลยที่ท้าทาย แล้วก็เขาสามารถมีศักยภาพที่จะสร้างความสดใหม่ให้คนได้ดู คุณจะไม่เคยเห็นพี่หม่ำเป็นแบบนี้มาก่อน”

ทำให้ “หม่ำ”เป็นพระเอกที่ดูหล่อก็ได้เหมือนกัน
“ตอนที่ผมเอาบทไปคุยกับพี่หม่ำเนี่ย เขาชอบบทมากเขาอยากเล่นมากแต่เขาไม่แน่ใจว่าคนดูจะรับได้รึเปล่า ผมบอกเขาว่าผมไม่รู้ว่าคนดูรับได้หรือไม่ได้แต่ผมมั่นใจ คือผมเห็นศักยภาพทางดราม่าของเขาตั้งแต่ในองค์บากแล้วผมรู้สึกว่า ตลกในเมืองไทยพี่หม่ำเนี่ยโคตรดราม่าเลย”

“ผมถ่ายไปเนี่ยยิ่งรู้สึก... คนในกองถ่ายยังบอกพี่หม่ำเนี่ยยิ่งถ่ายยิ่งหล่อว่ะ (หัวเราะ) มีบางคนได้ดูหนังเขาบอกว่า ดูไปครึ่งเรื่องเนี่ยพี่หม่ำหล่อว่ะ พวกผู้หญิงนะบอกเนี่ยหน้ายังเนี่ยเอาก็ได้ หมายถึงว่าหน้าอย่างพี่หม่ำก็เท่ห์ดีนะ”



กำลังโหลดความคิดเห็น