ทำรายการเรียลลิตี้แป้กล้มไม่เป็นท่ามาครั้งหนึ่งแล้วกับรายการ ”เกมชีวิต” มาครั้งนี้ “โอ๋ ศศิกร ฉันท์เศรษฐ์” กรรมการผู้จัดการ บ.กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บอกมั่นใจมากที่ “Big Brother” เรียลลิตี้ เกมส์ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจากเมืองนอกซึ่งออกอากาศทางไอทีวีและยูบีซีนั้นจะมีเรตติ้งกระฉูดชนะรายการวาไรตี้ของช่องอื่นและได้รับความนิยมมากกว่า ”Academy Fantasia” แน่นอน
“อะคาเดมี่มันเป็นยูบีซี อันนี้มันแมสกว่า แต่ในขณะดียวกันก็มีถ่ายทอดสด 24 ชั่วโมงทางยูบีซีด้วยก็จะซัพพอร์ทกันตรงนี้ และอีกส่วนหนึ่งเราก็ได้แมส คนที่ไม่มียูบีซีก็จะได้ดู จริงๆ แล้วถ้าไปถามเด็กทั่วไปที่เป็นคนอีกระดับหนึ่งก็จะไม่รู้จักอะคาเดมี่เพราะฉะนั้นเราต้องประสบผลสำเร็จมากกว่าค่ะ ในส่วนที่ต้องไปแข่งกับรายการวาไรตี้ของช่องอื่น เราก็ต้องสู้ให้ได้ค่ะ”
“Big Brother” ไม่ใช่รายการที่หาดารา,นักร้องหรือนางแบบ เป็นแค่การเอาคน 12 คนมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นเวลา 100 วัน อะไรที่จะทำให้ “Big Brother” ประสบความสำเร็จได้อย่างที่ตั้งใจไว้และไม่ล้มเหลวเหมือนตอน”เกมชีวิต”?
“มี 3 อย่างที่รวมกันอยู่ในรายการอย่างที่ 1 ก็คือคนดูจะรู้สึกมีอารมณ์ร่วมเหมือนดูละคร จะชอบคนนี้จะเกลียดคนนั้น เราไม่จำเป็นต้องชอบพระเอกนางเอกอย่างเดียวเราจะชอบผู้ร้ายก็เป็นไปได้ อย่างที่ 2 จะสนุกไปกับการแข่งขัน เป็นเกมอยู่ด้วยในละครเรื่องนั้นอาทิตย์นี้มีใครจะออก ใครได้บ้านรถเงินและสุดท้ายก็คือคนดูได้ interactiveร่วมในรายการตลอดเวลา”
“เพราะงั้นบิ๊ก บราเธอร์ลงตัวมาก และสุดท้ายผู้ชมนั่นแหละคือบิ๊ก บราเธอร์ว่าจะเลือกเอาใครที่อยู่ในบ้าน หรืออย่างเพื่อนร่วมบ้านจะไม่เอาคนนี้แต่สุดท้ายทางบ้านเห็นทางกล้องว่าเป็นคนจริงใจไม่เสแสร้งตรงไปตรงมาคนดูก็เอาไว้ก็โหวตกลับมาให้เขาอยู่ต่อได้ตลอด”
“ตอนเราทำเกมชีวิตเรารู้เลยว่าเรารู้ไม่จริงเรื่องเรียลลิตี้ แต่ถือว่าตอนนั้นมันเป็นของใหม่ และคนดูอาจจะยังไม่รู้จักรายการแนวเรียลลิตี้ก็อาจจะเครียดคือที่โดนคอมเมนท์มาก็คือเครียดมากเลย”
“จริงๆ ฟอร์แมทรายการมันใกล้เคียงกันแต่เรายังไม่เข้าใจความเป็นดราม่ามากพอ เช่นเรื่องการแคสติ้งคนเข้ามาตอนนั้นเราจะเลือกคนที่มีความคล้ายๆ กันเข้ามา ซึ่งการซื้อฟอร์แมทจากเมืองนอกก็ดีตรงที่เราได้รู้วิธีการในรายการการที่สำเร็จในระดับโลก เมืองนอกเขาเข้าใจความเป็นดราม่าเขาก็แคสคนที่แตกต่างกันสุดขั้วเลยมาอยู่ด้วยกัน เหมือนคนกินเนื้อก็ต้องมาอยู่กับคนกินผักหรือว่าคนที่มีการศึกษาน้อยก็ต้องมาอยู่กับไฮโซการศึกษาสูงมันจะสนุกเพราะว่ามันพูดกันละภาษา แล้วเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในบ้านก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลยมันจะสนุกตรงนี้”
“อย่างในต่างประเทศจะมีเรื่องเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้องแต่ว่าในเมืองไทยด้วยพื้นฐานของเมืองไทยยังไม่ขนาดนั้น แต่มันก็รักกันได้เราคิดว่ามีโอกาสนะคะ ในต่างประเทศเขาก็แต่งงานกันหลายคู่เลยนะ หลายประเทศพอคนหนึ่งถูกโดนโหวตออก อีกคนก็เดินออกจากบ้านเลยเพราะว่าคิดถึงมาก ทนไม่ได้ หรือว่าบางคนก็ออกจากบ้านก็ได้แต่งงานอยู่กินกันเลย เพราะงั้นมันก็เหมือนละครแต่มันเป็นเรื่องจริงน่ะ จบด้วยความรักก็มีเยอน่ะค่ะ”
แม้ว่ารายการจะฟังดูน่าสนใจหรือเป็นเพราะว่ากระแสรายการเรียลลิตี้กำลังมาแรงแต่กับเม็ดเงินที่ลงทุนไปสูงถึง 80 ล้านบาท หลายคนจึงมองไปที่เรื่องของความคุ้มค่า
“เราได้สปอนเซอร์มาเราถึงไม่ค่อยกังวล คือก็ใช้วิธีทำงานแบบเรารู้อยู่แล้วว่าเราต้องลงทุน 80 ล้านเราก็วางแผนเรื่องการขายสปอนเซอร์ ก็คือที่ให้เรากล้าที่จะเดินต่อเพราะว่าเราเปิดตัวบิ๊ก บราเธอร์เนี่ยครั้งแรกในชีวิตเลยนะที่ลูกค้าเข้ามาหาแล้วก็พรีเซ็นต์เพื่อขอสนับสนุนรายการ ก็เหมือนกับมันเป็นแบรนด์ที่รู้จักก็แค่พูดชื่อรายการไม่ต้องพรีเซ็นต์รายการเขาก็มาแล้ว”
“ก็ถือว่าการขายโฆษณาครั้งนี้สูงที่สุดของช่องไอทีวีน่ะค่ะ แต่ไม่ใช่เป็นการขายที่สูงที่สุดของกันตนานะคะเพราะต้องยอมรับว่าเรทโฆษณาช่อง 7 มันสูงกว่าอยู่แล้วยังไงก็ไม่เท่าค่ะ”
ในส่วนที่มีการออกอากาศ 24 ชั่วโมงทางช่องยูบีซี 16 มีการแบ่งผลประโยชน์กันอย่างไร
“ไม่แบ่งค่ะ เขาได้เป็นคอนเทนต์ไป SMS ก็ไม่มี แต่ในรายการของไอทีวีมี SMS คือมันไปเกี่ยวกับเรื่องโหวต จริงๆ แล้วเราไม่ได้มีรางวัลให้แต่มันคือโหวตติ้งเป็นส่วนหนึ่งของรายการ คือรูปแบบหนึ่งของรายการเพราะฉะนั้นคนโหวตมาโดยไม่หวังรางวัล โหวตมาเพื่อให้คนที่เขารักให้ได้อยู่ในรายการเท่านั้นเอง”