กลายเป็นฮีโร่คนใหม่ของประเทศไทยไปแล้วสำหรับ "จา พนม ยีรัมย์" พระเอกภาพยนตร์ "องค์บาก" ที่โด่งดังไปทั่วเอเชีย - ยุโรป และขณะนี้กำลังฮอตสุดๆ ในอเมริกา เข้าฉายที่อเมริกา 4 สัปดาห์ ฟันรายได้ไปถึง 4 ล้านเหรียญ ส่งผลให้ทางรัฐบาลจัดมอบประกาศนียบัตรให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ที่ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ
โดยเฉพาะจานั้นค่อนข้างจะพิเศษกว่าคนอื่น เพราะทางรัฐบาลยังแต่งตั้งให้เป็น "ทูตวัฒนธรรมด้านภาพยนตร์ไทย" อีกต่างหาก...ดังทั้งคน ดังทั้งหนังแบบนี้หลายๆ คนก็เลยสงสัยว่าหนุ่ม "จา พนม" จะได้รับค่าตอบแทนมหาศาลขนาดไหน
"หนังเรื่องนี้ค่อนข้างทำเงินมากเพราะฉายทั้งเอเชีย, ยุโรป และอเมริกา ผมก็ได้ค่าตอบแทนตามเปอร์เซ็นต์ของหนังด้วย เป็นเงินเท่าไหร่คงแล้วแต่เสี่ย (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) จะกรุณาด้วย" (หัวเราะ)
"ซึ่งเงินที่ได้มาผมก็เอาไปสร้างบ้านให้พ่อให้แม่ สร้างที่สุรินทร์ 8 ล้าน 6 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ หลังค่อนข้างใหญ่บนพื้นที่ 10 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินที่พวกเรามีอยู่แล้ว ก็อยู่กันหลายคนครับ"
"ส่วนหลังที่กรุงเทพฯ นี่ราคา 10 ล้านอยู่แถวลาดพร้าว หลังนี้ซื้อเงินผ่อน แต่หลังที่สุรินทร์ซื้อเงินสด ตอนนี้ก็ต้องทำงานหาเงินเพื่อผ่อนบ้านและก็เลี้ยงครอบครัว ถามว่าอยากจะซื้ออะไรอีกไหม รถคงไม่ซื้อเพราะรถที่บ้านยังใช้ได้อยู่ ผมอยากซื้อช้างมากกว่าเพราะบ้านผมเลี้ยงช้าง ตอนนี้ก็มีอยู่สองตัว ถ้ามีตังค์ก็คงจะซื้ออีก"
ถึงจะมีเงินมีรายได้ค่อนข้างมาก แต่พ่อกับแม่ของจานั้นก็ยังคงยึดอาชีพทำไร่ทำนาเหมือนเดิม
"พ่อกับแม่เค้าก็ยังทำไร่ทำนาอยู่เหมือนเดิม เราชาวนาก็ต้องทำนา เราปลูกข้าวเราก็ได้กินข้าวไม่ต้องไปซื้อใครกิน ปลูกผักก็ได้กินผัก อยากกินปลาก็เลี้ยงปลา พวกเราก็ทำตัวเหมือนเดิม เคยทำอะไรก็ทำแบบนั้น"
"คนเราเกิดมาจากอะไรก็ไม่ควรลืม วันนี้ถึงแม้ผมจะประสบความสำเร็จ แต่ผมก็ไม่ลืมว่าผมเคยลำบากมาก่อน ผมเคยเป็นตัวประกอบ เคยเป็นสตันท์ แต่อยู่ดีๆ ก็ได้เป็นพระเอกและหนังได้ไปฉายเกือบจะทั่วโลก ถือว่าเป็นความโชคดีที่เกิดขึ้นในชีวิต แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนผมแบกประเทศไทยไว้ ตอนที่ไปโชว์ที่อเมริกาผมไปในฐานะคนไทย ไปในฐานะหนังไทย มันเหมือนว่าเราแบกชื่อเสียงประเทศไทยไว้"
"วันนั้นผมเจ็บขามากแต่ก็ต้องโชว์ ก่อนโชว์ก็นึกถึงแต่สิ่งดีๆ นึกถึงพ่อนึกถึงแม่ กลัวก็กลัว แต่คิดว่าจะทำให้ดีที่สุด เอาก็เอา....เป็นไงก็เป็นกัน ถ้าเกิดพลาดพลั้งไปอย่างน้อยๆ ก็กลับไปหาพ่อหาแม่ไปทำไร่ทำนาอย่างเดิมก็ได้ แต่ในที่สุดผมก็ทำได้ครับ ฝรั่งเค้าก็ตบมือกันใหญ่เลย(ยิ้ม)"
แม้ว่าวันนี้จะประสบความสำเร็จมีทั้งชื่อเสียงมีทั้งเงินทอง แต่เมื่อถึงวันหนึ่งที่สิ่งเหล่านั้นหมดลง เจ้าตัวก็ยินดีที่จะกลับไปใช้ชีวิตบนท้องไร่ท้องนาเหมือนเดิม
"ถ้าวันหนึ่งที่ผมไม่ได้เป็นดารา จะให้ผมกลับไปทำไร่ก็ดีสิครับ ดีมากเลย และก็จะมีความสุขมากด้วย ทุกวันนี้ผมกลับบ้านก็ยังไปดำนาไปขี่ช้างอยู่ นี่ไม่ใช่การเตรียมใจหากวันหนึ่งต้องตกแต่นี่เป็นสิ่งที่ผมทำอยู่แล้ว และถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะกลับไปพัฒนาบ้านผม อยากไปช่วยท้องถิ่นให้เค้ามีรายได้มากขึ้น"
เป็นฮีโร่ทั้งในจอและนอกจอเลยจริงๆ...