หลังจากศาลพิพากษาตัดสินและสั่งปรับไปแล้ว เป็นเงิน 2 พันบาท กรณีที่อดีตนักร้องขาแดนซ์ “โจอี้ บาซู” หรือ นายสุรเดช ทับทิมใส จับก้นสาวพริตตี้กลางผับเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยในวันนี้(3 ก.พ.) ศาลได้พิจารณาแล้วว่าอดีตนักร้องหนุ่มมีความผิดจริง
โดยมีความผิดในข้อหากระทำอนาจารหญิงอายุกว่า 15 ปี ต่อหน้าธารกำนัล โดยหญิงนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ แต่การกระทำของจำเลยไม่รุนแรง ทั้งไม่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง อีกทั้งจำเลยไม่เคยกระทำความผิดหรือได้รับโทษในลักษณะนี้มาก่อน สมควรลงโทษสถานเบา พิพากษาให้ปรับเงินจำนวน 2,000 บาท
อย่างไรก็ตาม แม้ศาลจะตัดสินคาดโทษไปแล้ว แต่เจ้าตัวเองกลับไม่ยอมพิพากษาตัวเอง แถมกล้าคอนเฟิร์มความบริสุทธิ์เต็มร้อย
“จบเรื่องแล้วฮะ แต่ว่ามันมีทั้งสองความรู้สึก คือตอนนี้ศาลตัดสินเรียบร้อยจบแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว แต่ผมก็ยังโดนค่าปรับอยู่ดีเป็นเงินนิดหน่อย เป็นเงิน 2 พันบาท เนื่องจากว่าคดีบางมุมมีความเป็นไปได้"
“แต่ทีนี้เนื่องจากเราไม่เคยมีพฤติกรรมลักษณะอย่างนี้ อย่างในผับโอ.เค.คนจะเยอะก็จริงแต่ทีนี้ว่า พยานหลักฐานมันไม่มี แต่น้องเค้ายืนยัน แล้วมันก็มีมูลเหตุที่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากน้องเค้าไม่มีมูลเหตุจะเอามาอ้างว่าเราทำ นั่นคือสิ่งหนึ่งที่ทำให้ศาลตัดสินว่า อยู่ๆ เค้าจะมาแกล้งผมทำไม ผมก็เลยโดนปรับไปโดยปริยาย”
ยกให้เป็นบทเรียนราคาแพง ทั้งนี้เจ้าตัวกะทำบุญล้างซวยด้วยการหาเงินช่วยผู้ประสบภัยสึนามิ ทางภาคใต้
“ก็ถือเป็นบทเรียนหลายๆ อย่าง ทำให้เรียนรู้ว่าบทมันจะซวยก็ซวยครับ ทำยังไงได้ฮะมันก็ช่วยไม่ได้ก็ต้องว่าไปตามนั้น ถามว่าทำบุญใหญ่หรือยัง ผมไปบวชมาแล้วครับ ยังเอาไม่อยู่เลย(หัวเราะ) คงต้องทำอะไรอีกเยอะ ตอนนี้ผมมีโครงการที่จะช่วยเหลือภาคใต้ ถือเป็นการทำบุญครั้งใหญ่เหมือนกัน และผมจะไปเดินสายต่างประเทศประมาณเดือนครึ่ง เพื่อจะหารายได้เข้ามาช่วยเหลือที่สึนามิ จะเริ่มประมาณอาทิตย์หน้า จะบินไปที่ยุโรป"
ถึงยังไงก็ยังยืนยัน ว่าตัวเองนั้นบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์
“ก็ผมไม่ได้ทำครับ ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ผมไม่รู้ว่าใครไปจับ หันมาเจอผมพอดี มันช่วยไม่ได้ก็ต้องว่ากันไปตามนั้น แต่ศาลท่านก็เมตตามากๆ คือที่พิจารณาปรับ 2 พันบาทเนื่องจากว่ามันมีเค้าที่จะกระทำความผิดได้”
“ศาลนัดมา 3 นัด ก็คือศาลชั้นต้นและพิจารณาเลย ก็คือไม่มีอะไร ปกติแล้วเนี่ยถ้าหากมีความจริง มันก็คงต้องอุทธรณ์และพิจารณากันต่อไปนะฮะ แต่นี่มันไม่มีอะไรคือจบแล้ว สิ้นสุดแล้ว”
ตั้งแต่เป็นคดีความกันมา ได้เจอน้องเค้า(น.ส.กรรณิกา ผู้เสียหาย)บ้างหรือยัง?
“เคยเจอครั้งเดียว วันที่ศาลนัดวันสุดท้าย ผมยังนึกหน้าไม่ออกเลย เพราะไม่เคยคุยไม่เคยรู้จักกัน ผมนึกหน้าไม่ออกจริงๆ”
ด้าน “นายชัยมงคล กัณชัย” ซึ่งเป็นทนายทางฝ่าย “โจอี้ บาซู” ช่วยขยายความต่อว่า...
“คดีสิ้นสุดแล้ว ก็ขึ้นอยู่ที่ทางโน้นนะครับ ถ้าหากไม่พอใจก็สามารถยื่นขออุทธรณ์ได้ แต่ก็จะมีข้อจำกัดในการอุทธรณ์ด้วย ก็จะเป็นการอุทธรณ์ในข้อปัญหายังหาข้อเท็จจริงไม่ได้ อันนี้ต้องถามเจ้าตัวเค้าเองว่าพอใจกับคำตัดสินของศาลหรือไม่ ถ้าเค้าพอใจก็โอ.เค.ถ้าเค้าไม่พอใจก็ยินดีที่จะให้ดำเนินการต่อไป แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับเจ้าตัวเลย”
