ห่างหายไปจากการกำกับหนังเป็นแรมปีหลังงาน "โอเคเบตง" เจอะหน้าอีกทีในงานตลาดซื้อขายหนังของเทศกาลหนังนานาชาติกรุงเทพฯ 2005 เลยได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้กำกับร้อยล้าน "อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร" ที่ถือเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินรางวัลกินรีในครั้งนี้ด้วย โดยเจ้าตัวเกริ่นมาว่าปีนี้หนังร่วมทุนหลายชาติที่เคยคุยไว้มาแน่ พร้อมเปิดเผยตัวเลขทุนสร้างสูง 6 ล้านเหรียญ หรือราว 240 ล้านบาทเลยทีเดียว
"ตอนนี้ก็จะมีหนูหิ่นอินเตอร์ที่พี่โปรดิวซ์อยู่ ก็จะเป็นการร่วมมือกันระหว่างทางสหมงคลและเจ้าของหนังสือหนูหิ่นเขา ก็ไปคุยกันมาเรียบร้อยแล้ว คือพอได้อ่านๆ แล้วมันเกิดแรงบันดาลใจอยากจะทำเป็นหนังขึ้นมาก็เอามาคิดเอามาคุยเป็นภาพหนังขึ้นมา คาแรกเตอร์ขอตัวแสดงจะเหมือนเดิมแต่เรื่องราวก็จะแตกต่างออกไป
"อีกเรื่องก็เป็น ปืนใหญ่จอมสลัด เป็นหนังไตรภาคนะแต่เราจะเริ่มทำแค่สองภาคแรกก่อน เป็นเรื่องราวของราชินี 4 องค์ที่เคยปกครองรัฐปัตตานี ก็จะเป็นการร่วมทุนกันของ 4 ประเทศคือ เกาหลี ญี่ปุ่น มาเลย์แล้วก็ไทย ทุนสร้าง 2 ภาคนี้ก็ 6 ล้านเหรียญ (สหรัฐ) ทุนก็มาจากสี่ประเทศนี้นั่นล่ะ ส่วนดาราก็จะเป็นดาราของแต่ละประเทศมาเล่นร่วมกัน ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นใครบ้าง"
เล่นรวมกันแบบนี้ ใช้สคริปต์ภาษาอะไรล่ะ?
"ก็จะเป็นภาษาของใครของมัน เสร็จเรียบร้อยแล้ว เริ่มเตรียมงานไปบ้างแล้วคิดว่าปีนี้คงเปิดกล้องได้ จะเป็นหนังแนวแฟนตาซีกึ่งประวัติศาสตร์ คือเราลดความเครียดของแนวประวัติศาสตร์ลงไปโดยการใช้แนวแฟนตาซีมาช่วยเสริมน่ะ"
"คาดว่าจะเข้าฉายได้ก็ช่วงคริสต์มาสปีหน้า (2006) โน่นเลย ส่วนภาคสามก็คงดูก่อน คือดูก่อนว่าอาจจะทำเป็นภาคแรกสุดเลย หรืออาจจะทำเป็นภาคต่อก็ได้เลยเก็บไว้ก่อน งานนี้ ปีเตอร์ ชาน เป็นโปรดิวเซอร์ให้ด้วยนะ"
ถามถึงบรรยากาศของตลาดหนังไทยในปีนี้ ผู้กำกับรุ่นใหญ่บอกว่าอาจจะมีออกมาไม่เยอะเท่าปีก่อนๆ และคุณภาพก็ต้องดีจริงถึงจะอยู่ได้
"ภาพรวมหนังไทยปีหน้า ก็ไม่น้อยนะ แต่คงไม่มากเหมือนปีที่ผ่าน ๆ มา เพราะหนังทำเงินได้น้อยลง บางเรื่องได้แค่แสนเดียวก็มี คือพอรายได้ต่ำมันเลยมีการชะงัก ก็คงมีการสกรีนกันก่อน เข้มงวดในเรื่องการทำงานมากขึ้น กลั่นกรองมากขึ้น ดูมีมาตรฐานมากขึ้น คือถ้ามีการกลั่นกรองก็น่าจะทำให้หนังดูดีขึ้น"
"เพราะบางครั้งมันก็ไม่ค่อยน่าสนใจ อุตสาหกรรมมันต้องสร้างคนขึ้นมา มองที่ระยะยาวด้วยไม่ใช่เป็นปลากระป๋องคือ ออกมาเป็นแบบบล็อกๆ เดียวกัน ก็ควรจะมีหลากแนวบ้าง ยิ่งตอนนี้การออกวีซีดีออกมาเร็วไป ก็เริ่มมีผลแล้วนะเพราะคนก็เริ่มหันไปรอซื้อแผ่นกันมากขึ้นน่ะ"