เคยเป็นถึงพระเอกชื่อดัง เป็นนักร้องยอดนิยมทว่าอยู่ดีๆ หลังออกอัลบั้ม "เช็คบิล" เมื่อหลายปีก่อน "อ๊อด สิวะ แตรสังข์" ก็พาตัวเองหายไปจากวงการอย่างเงียบๆ ก่อนจะมีเสียงลืออย่างลับๆ ว่าเจ้าตัวแอบไปขายตัวอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นกระทั่งติดโรคร้ายกลับมา
ล่าสุดอดีตนักร้องชื่อดังได้ไปปรากฏตัวในรายการ "อันซีนทีวี" ก็ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดว่าไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างไร?
ที่มาของข่าวลือเกิดขึ้นมาจากไหน? ข้อเท็จ - จริงเป็นอย่างไรกันแน่? วันนี้ "นัดคุย" มีคำตอบ แถมด้วยเรื่องที่หลายๆ คนอยากจะรู้...ระหว่างความสัมพันธ์ของเขากับนักร้องสาวที่ชื่อ "มาช่า วัฒนพานิช"
พี่อ๊อดหายไปนานขนาดไหน?
"ประมาณ 4 - 6 ปีได้มั้ง"
"คือตอนที่ผมเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงแรกๆ รู้สึกว่าทุกอย่างเข้ามาเร็วมาก ทั้งแสดงละคร ภาพยนตร์ รวมทั้งการร้องเพลงแต่ที่สร้างชื่อให้คนอื่นๆ รู้จักผมคงจะเป็นละครเรื่องกว่าจะรู้เดียงสาครับ แล้วก็รู้สึกว่าช่วงนั้นเงินมันหามาได้ง่ายมากก็ค่อนข้างที่จะใช้เยอะแล้วก็ไม่ได้เก็บเท่าไหร่"
ทำไมถึงออกจากวงการ?
"ก็อย่างที่ให้สัมภาษณ์ในรายการ คือรู้สึกเบื่อกับการทำอะไรที่ต้องเป็นระบบ ประกอบกับติดสัญญาเรื่องการทำเพลงซึ่งมันผูกมัดเรามาก จะทำอะไรก็ไม่ได้ พอออกอัลบั้มเช็คบิลเสร็จ พอดีมีเพื่อนที่ญี่ปุ่นชวนไปเที่ยวผมก็เลยตั้งใจว่าจะไปพักผ่อนสัก 3 อาทิตย์ แต่พอไปจริงๆ เราไปอยู่ 3 เดือน ทั้งเที่ยวและทำงานด้วย"
ทำงานอะไร?
"ก็คือมันเป็นร้านอาหารของเพื่อนๆ กันเนี่ยะแหละครับ พอดีว่าเราไปกินบ่อยแล้วเพื่อนก็เลยบอก เอ้าช่วยร้องเพลงให้หน่อยก็แล้วกัน เราก็เอาก็เอาก็ร้องเพลงโชว์ตัวทำงานอยู่ที่นั่น กลับมาเมืองไทยพักหนึ่งแล้วก็กลับไปอีก"
รู้มั้ยว่าทำไมถึงมีข่าวลือว่าขายตัว?
"ผมมารู้ข่าวก็จากเพื่อนที่เมืองไทยไปบอก ซึ่งมันเป็นข่าวที่ไม่จริงเลย เป็นข่าวลือ ก็คงจะมาจากพวกที่ชอบซุบซิบนินทา คือเวลาคนไทยไปเที่ยวที่นั่น ไปเห็นผมอยู่ที่โน่น ก็เอากลับมาเล่ามานินทา ซึ่งคนพวกนี้ผมจะเกลียดมากๆ ผมเกลียดการนินทามากๆ จะแบบว่าอุทิศส่วนกุศลให้เลยนะ เพราะเรื่องนี้มันไม่จริงเลย"
ร้านที่ทำเป็นร้านอาหารหรือว่าเป็นบาร์ที่มีบริการอย่างว่าหรือเปล่า?
"ไม่ใช่ครับ เป็นร้านอาหารธรรมดา เจ้าของเป็นคนไทย แล้วแขกส่วนมากก็จะเป็นคนไทยที่ไปเที่ยวนั่น เป็นร้านเต้นรำ ส่วนที่ว่าจะมีการขายอะไรด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ได้ เพราะว่ามันก็เหมือนทั่วๆ ไปคือไอ้เวลาเลิกร้านหรือว่าร้านปิดแล้วใครเขาจะออกไปกับแขกหรือว่าไปไหนกันเราก็ไม่รู้ แล้วถ้าร้านปิดแล้วเราก็จะไปห้ามก็ไม่ได้"
เป็นเอดส์?
"(หัวเราะ)อันนี้ไม่ใช่แน่นอน ดูตอนนี้สิครับหน้ำหนักตัวผมขึ้นมา 5 กิโลแล้ว"
กลับมาอยู่ที่เมืองไทยแล้ว ตอนนี้ทำกิจการอะไรบ้าง?
"ตอนนี้ก็ทำบริษัทเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กับเพื่อน ส่วนร้านขนมจีนไม่ได้ทำแล้วครับคือที่ทำนั้นทำกันเล่นๆ กับเพื่อนแล้วมันก็ขายดีก็มีคนเยอะแต่ว่าเราไม่ได้จริงจังอะไรมาก แต่ถ้ามีโอากาสทำก็คงจะทำนะเพราะว่าผมเป็นคนที่ชอบทานขนมจีน ทานมาเยอะพอสมควรก็รู้ว่าอร่อยไม่อร่อยยังไง ยังมองๆ หาที่เพื่อที่จะทำอยู่เหมือนกันครับ"
"สูตรเด็ดหรือ...ขนมจีนอร่อยไม่อร่อยมันอยู่ที่น้ำยานะ อย่างของเราจะใช้ปลาช่อนทำซึ่งเป็นสูตรแบบตามบ้านนอก...(เขาบอกว่าต้องใช้กิ้งกือถึงจะอร่อย) น้ำยากิ้งกือหรือ อือก็น่าสนแต่กิ้งกือมันหายากน่ะซิ(หัวเราะ) ไม่หรอกของเราใช้ปลาช่อนครับ อร่อย"
มีข่าวว่าเป็นเกย์ด้วย
"ข่าวเกย์ไม่มั้ง ไม่ค่อยได้ยินข่าวนี้เท่าไหร่ ถ้าเป็นก็เป็นเกย์ทอมน่ะแหละ คือสนใจแต่ดี้อย่างเดียวเลย ...(หัวเราะ) เรื่องเกย์นี่ไม่เลยไม่ใช่อย่างแน่นอนมีพยานเป็นพันๆ คนยืนยันได้(หัวเราะ)"
ชีวิตที่ผ่านมาถือว่าเป็นช่วงตกอับมั้ย?
"ไม่นะ เรื่องเงินอะไรไม่ค่อยเท่าไหร่นะ เป็นเรื่องของความไม่สบายใจอะไรมากกว่า แล้วก็เรื่องรู้เบื่อๆ อย่างที่บอก"
อะไรที่พี่อ๊อดรู้สึกว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต?
"คงไม่ถึงอะไรขนาดนั้นนะ ผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตนี่ยังไม่มี แต่ถ้าเป็นการคิดผิดละก็มี อย่างเรื่องไปญี่ปุ่นนี่ก็ต้องบอกว่าคิดผิดอยู่เหมือนกัน(หัวเราะ)"
"คือมาถึงตอนนี้รู้สึกว่าไม่น่าจะไปญี่ปุ่นเลย เพราะว่านอกจากจะมีข่าวลือแล้วผมว่ามันยังเป็นการตัดโอกาสตนเองเนื่องจากช่วงนั้นทำให้เราไม่ได้ติดต่อใครเลย แล้วงการนี้คือถ้ามันไม่ได้เห็นหน้ากัน ไม่ได้ยินชื่อกัน มันเหมือนถูกลืมไปเลย คนจำเราไม่ได้แล้ว"
"แต่ถ้าเรายังอยู่เมืองไทยก็อาจจะมีงานมีอะไรออกมาบ้าง ผู้จัดเองก็ยังพอที่จะจำเราได้ นึกถึงเราบ้าง อาจจะเรียกเราไปเล่นละครหรือว่าอะไรบ้าง"
"อีกอย่างช่วงนี้ก็รู้คุณค่าของเงินมากขึ้น แต่ก่อนค่อนข้างจะสุรุ่ยสุร่าย แต่เดี๋ยวนี้ก็จะเก็บมากขึ้น"
ยังอยากจะกลับมาทำงานในวงการมั้ย?
"ก็ยังอยากอยู่...ส่วนเรื่องงานเพลง ที่เป็นงานรวมอัลบั้มอะไรนั้นคงยังไม่มี ยังไม่เคยคิดเลย จะมีก็แต่ในหนังวีซีดี ทำพวกจิงเกิ้ล แล้วก็ร้องเพลงให้กับรายการทีวีบ้าง นี่ก็เพิ่งจะทำให้กับรายการใครคู่ใครของบริษัทฮาวคัมฯ "
มีหลายคนสงสัยถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับ "มาช่า"
"ก็ไม่มีอะไรนะ เป็นเพียงแค่ข่าว เพื่อนกัน...เจอช่าครั้งแรกตอนเล่นละครกว่าจะรู้เดียงสาแล้วก็มีโอกาสได้ร่วมงานกันอีก 2 - 3 ชิ้น คือตอนนั้นเพราะความที่มันต้องเจอกันบ่อยๆ ก็ทำให้ค่อนข้างจะสนิทกัน อาจจะมีคนอื่นมอง อาจจะมีข่าวถูกจับคู่กันบ้าง ข่าวว่าเป็นแฟนกันบ้าง แต่ว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน เป็นเพื่อนที่สนิทกัน คุยกันรู้เรื่อง เป็นเพื่อนร่วมงาน"
"นอกเวลางานก็เจอบ้าง บางทีก็ไปเจอกันที่เที่ยวบ้าง 2 - 3 ครั้ง..."
แต่ก่อนวัยรุ่นเขานิยมเที่ยวกันที่ไหน?
"...แต่ก่อนที่ดังๆ ก็เดอะ พาเลซนั่นแหละ ซึ่งพอหลังๆ ไม่ได้ทำงานด้วยกันแล้ว ก็ห่างๆ กันไปครับ"
ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย?
"ไม่เลย ผมไม่ได้ติดต่อไม่ได้เจอช่ามาเป็น 10 ปีแล้วมั้ง..."
อยากให้พี่พูดถึง "มาช่า" สักหน่อย?
"พูดได้ครับ...ช่าหรือ ช่าเขาเป็นคนเก่งนะ แล้วก็เป็นคนที่มีความสามารถ แกรมมี่เขาก็เห็นแววการเป็นนักร้องของเขามาตั้งนานแล้ว ก็ปั้นกันจนมีชื่อเสียง ช่าเขาเป็นคนที่ร้องเพลงดีนะ แล้วน้ำเสียงก็มีเอกลักษณ์ เป็นตัวของตัวเอง"
เคยเป็นข่าวว่าเป็นแฟนกับ "โยโกะ (ทาคาโน่)" ด้วย?"
"ใช่ แต่ก็เป็นเพียงแค่ข่าวครับ..."
แสดงว่าเป็นคนเจ้าชู้เหมือนกัน?
"แต่ก่อนเป็น ผมว่าเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายทั่วๆ ไป แต่ตอนนี้ไม่แล้ว แล้วอีกอย่างแต่ก่อนก็เป็นคนชอบเที่ยวด้วย..เที่ยวบ่อยเพื่อนเยอะ แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยเที่ยวแล้ว"
อายุก็ 30 กว่าแล้ว คิดถึงเรื่อง(สร้าง)ครอบครัวหรือยัง?
"ตอนนี้ก็คิดเหมือนกัน...มีคนที่คบแล้วครับ ก็เป็นผู้หญิงนอกวงการคบกันมาได้ประมาณสัก 2 ปีแล้ว เขาก็เป็นคนดี...จะแต่งแล้วหรือยัง ก็ดูๆ อยู่ครับ"