เคยร่ำๆ ว่าอยากจะจับธุรกิจบิ๊กๆ เมื่อหลายปีก่อน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็น “พิม ซอนย่า คูลลิ่ง" ลุยธุรกิจไหนซักที กระทั่งเมื่อช่วงสองปีก่อนก็ได้ข่าวว่าเจ้าตัวเปลี่ยนแผน จะโกอินเตอร์ไปเล่นหนังฮอลีวูดประเดิมเรื่องแรก “MASTER OF THE GAME” หนังฮ่องกงที่ร่วมทุนทำกับเพื่อนๆ เปิดบริษัทที่ฮ่องกง แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ทราบความคืบหน้าของภาพยนตร์ดังกล่าวเช่นกัน
ล่าสุดสาวพิมก็ได้กลับมาสร้างความเซอร์ไพร์สให้กับวงการอีกครั้ง ด้วยการประกาศจับมือกับ “บีอีซี – เทโรฯ” ร่วมกันก่อตั้ง “บริษัท ฮอรัส จำกัด” ขึ้นมาผลิตรายการโทรทัศน์และรับจัดทำออร์กาไนซ์ในฐานะบริษัทลูกของบีอีซี – เทโร โดยบีอีซีถือหุ้นในสัดส่วน 60 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่นักแสดงสาวมีหุ้นอยู่ถึง 40 เปอร์เซ็นต์
งานนี้เซียนการตลาดได้แต่อึ้งไปตามๆ กันเพราะมองเกมธุรกิจบีอีซีไม่ออกว่าจะไปในทิศทางไหน พาร์ทเนอร์มือเก๋ามีตั้งเยอะแยะ แต่ทำไมบีอีซีกับเลือกรุ่นใหม่ถอดด้ามอย่างพิมเข้าทีม เพราะนอกจากชื่อเสียงในงานแสดงและพิธีกรแล้ว เราแทบไม่ได้เห็นบทบาทของพิมพ์ในแง่ของนักธุรกิจเลย
“บริษัทของเราต้องการคนเก่งๆ มาร่วมงานอยู่แล้ว พิมพ์เองก็เป็นคนเก่งมีความสามารถในวงการมากมาย..." “ไบรอัน แอล มาร์การ์” บอสใหญ่บีอีซีฯ เปิดเผยถึงสาเหตุในการเข้าร่วมธุรกิจกับนักแสดงสาว
"เค้าเป็นทั้งนางแบบเป็นนักแสดงเป็นพิธีกร เค้าค่อนข้างผ่านงานมาเยอะ พอได้มีการพูดคุยกันเรื่องคอนเซ็ปต์กับพิมแล้ว ผมเห็นว่าเค้าสามารถทำงานได้เพราะเค้ารู้เรื่องในวงการนี้ดี เราก็เลยตกลงร่วมงานกัน...ทำไมคุณถึงคิดว่าซอนย่าไม่มีความสามารถอะไรเลยเหรอ เรามั่นใจว่าเค้าสามารถผลิตงานได้ เรามั่นใจว่าเค้าสามารถผลิตรายการที่ให้ผลดีกับเรา”
เป็นอันว่าผู้บริหารช่อง 3 ค่อนข้างจะมั่นใจในฝีมือสุดๆ ส่วนพิมก็ได้เปิดเผยถึงที่มาในการร่วมทุนกับบีอีซีว่า…
“ก่อนหน้านี้พิมเคยเปิดบริษัทโปรดักชั่นที่ฮ่องกงทำหนังเรื่อง MASTER OF THE GAME แต่ก็ต้องหยุดเรื่องหนังไว้ก่อนเพราะพิมอยากทำรายการโทรทัศน์ พอดีคุณไบรอันแนะนำให้มาเปิดบริษัทด้วยกัน ก็เลยใช้ชื่อฮอรัสมาจากภาษาอียิปต์เป็นชื่อของเทพเจ้าอียิปต์แปลว่าชัยชนะ พิมว่าชื่อนี้แปลกและเหมาะสมกับช่อง 3 ดีที่ต้องการความแปลกใหม่”
“แต่อย่างไรก็ตามเราจะทำหนังต่อแน่นอน เพียงแต่จะรอให้งานโทรทัศน์เสร็จเรียบร้อยก่อน จากนั้นเราก็จะดึงเข้ามาอยู่ในโปรเจกต์ฮอรัส ซึ่งตอนนี้ก็มีการพูดคุยกับทางฮ่องกงแล้ว คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรเพราะเราต่างก็เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น”
ข่าวว่าก่อนหน้านี้แกรมมี่ก็เคยติดต่อขอร่วมทุนกับพิมแต่ช่อง 3 ให้เงื่อนไขที่ดีกว่า สุดท้ายเจ้าตัวก็เลยเลือกช่อง 3
“กับแกรมมี่พิมไม่ได้สนใจด้านการผลิตรายการโทรทัศน์ อีกอย่างเค้าก็ไม่ได้มีข้อเสนอดีๆ ให้เรา โปรดิวเซอร์เค้าก็มีเยอะจะทำอะไรต้องผ่านขั้นตอนมาก แต่กับบีอีซีค่อนข้างง่าย มีคนตัดสินใจไม่กี่คน มีอะไรเราก็ไม่ต้องเข้าบอร์ดใหญ่สามารถทำได้เลย”
“อีกอย่างที่เลือกช่อง 3 ก็เป็นเพราะพิมไม่ได้ต้องการทำงานที่หยุดอยู่แค่เมืองไทย แต่พิมต้องการทำงานที่ขยายไปยังต่างประเทศได้ ซึ่งต้องดูผลการตอบรับที่เมืองไทยก่อนว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง จากนั้นก็ค่อยขยายไปยังเอเชีย พิมไม่อยากทำอะไรที่แค่ไปซื้อลิขสิทธิ์ต่างประเทศ แต่พิมต้องการให้ต่างประเทศมาซื้อลิขสิทธิ์ของเรา ซึ่งการที่เลือกร่วมงานกับช่อง 3 ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด”
ปีหน้าฮอรัสจะยึดหัวหาดผังช่อง 3 ถึง 3 รายการ
“ปีหน้าพิมจะผลิตรายการประมาณ 3 รายการ ซึ่งรายการแรกจะเปิดตัวในอาทิตย์หน้า เป็นรายการที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจากต่างประเทศ แต่เราจะเอามาปรับแต่งกันเอง ส่วนจะเป็นรายการอะไรนั้นก็ต้องขออุบไว้ก่อน เอาไว้เซอร์ไพร์สละกัน นอกจากรายการโทรทัศน์แล้ว ฮอรัสก็ได้ทำงานในด้านอื่นด้วยเช่น ผลิตหนัง ซึ่งตอนนี้ต่างประเทศก็ให้ความสนใจมาก”
“พิมค่อนข้างมั่นใจว่างานจะออกมาดี เพราะพิมมั่นใจในทีมงานของพิม เค้าค่อนข้างมีประสบการณ์ในการทำงานมาเป็นสิบปี เพียงแต่พึ่งจะมารวมตัวกับพิม พิมเองก็มีประสบการณ์ในการทำงานเบื้องหลังมาตั้งแต่เด็ก ๆ เวลาทำรายการพิมก็จะสังเกตว่ารายการนี้เป็นไงบ้าง ประกอบกับพิมเองก็เรียนด้านธุรกิจมาก็เลยเข้าใจว่า เราจะทำให้โปรดักชั่นเติบโตทางธุรกิจได้อย่างไร”
นอกจากจะลุยงานโทรทัศน์แล้ว ปีหน้าพิมก็ยังจะลุยตลาดเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ “ซอนย่า” ซึ่งผลิตโดย “ฮานาโกะ” เจ้าเดียวที่ทำให้เบนเซ่ของ “เบนซ์ พรชิตา” ดังระเบิด
“ปีหน้าพิมจะทำผลิตภัณฑ์ออกมา 3 ตัวเป็นโลชั่น ชาวเวอร์ เจล ภายใต้ชื่อซอนย่าฮานาโกะ ซึ่งตอนแรกพิมตั้งใจจะจดลิขสิทธิ์เป็นชื่อซอนย่าอย่างเดียว แต่ไม่สามารถทำได้เพราะต่างประเทศมีแบรนด์ซอนย่าอยู่แล้ว ก็เลยกลายเป็นซอนย่าฮานาโกะ”
“ผลิตภัณฑ์ในนามซอนย่าจะออกมาอีกเยอะมาก พิมอยากทำหลายๆ อย่างทั้งอาหารเครื่องสำอาง น้ำหอมซอนย่าก็มีจะเปิดตัวในปีหน้าที่สิงคโปร์ ส่วนประเทศอื่นๆ ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนจดลิขสิทธิ์ ต้องดูก่อนว่าประเทศไหนเราสามารถจดชื่ออะไรได้ ซึ่งพิมมั่นใจว่าน้ำหอมสามารถแข่งกับตลาดต่างประเทศได้แน่เพราะของเราผลิตจากฝรั่งเศสเลย นอกจากนั้นพิมก็จะผลิตรายการเกี่ยวกับสุขภาพออกมารองรับด้วย”
เบนซ์ก็ฮานาโกะ ซอนย่าก็ฮานาโกะ งานนี้คงไม่แคล้วตีตลาดกันกระจุย
“ตรงนี้ได้มีการพูดคุยกันแล้วว่าจะไปตีเบนเซ่หรือเปล่า ซึ่งปรากฏว่าเราอยู่กันคนละตลาด ของเบนเซ่จะเป็นเมกอัพที่อยู่ในตลาดค่อนข้างแมส แต่ของพิมจะเป็นตลาดตั้งแต่มีเดียมถึงไฮเพราะตัวพิมเองก็ต้องการให้ผลิตภัณฑ์มันออกมาในรูปแบบที่เราคุนเคย”
จับธุรกิจหลายอย่างแบบนี้ ชัดเจนว่าต่อไปนี้ เจ้าตัวคงจะเบนเข็มไปทำงานด้านอื่นมากขึ้น….
“ก็อาจจะใช่…แต่ก็ไม่ใช่ว่างานแสดงจะไม่รับเลย แต่พิมเป็นคนที่เลือกมาก กว่าจะเล่นละครกว่าจะเป็นพิธีกรแต่ละรายการต้องเลือกแล้วเลือกอีก ต้องดูสคริปต์ไม่รู้กี่รอบ ฉะนั้นพิมก็จะเลือกในสิ่งที่พิมอยากทำ แต่คงไม่หยุดงานด้านวงการบันเทิง ก็จะทำไปเรื่อยๆ เพราะพิมรักวงการนี้ ปีหน้าก็เข้าสู่ปีที่ 18 แล้วที่พิมอยู่วงการนี้”
“แต่พิมมีสิ่งหนึ่งที่พิมค่อนข้างได้เปรียบนักธุรกิจคนอื่นก็คือ เราเป็นคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว มีคนรู้จักอยู่แล้ว พิมก็อยากจะใช้ชื่อของตัวเองให้เป็นประโยชน์และผลิตงานออกมาอย่างมีคุณภาพ ก็อยากจะให้ทุกคนคอยเทสต์กันว่างานของพิมจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง”
เรื่องงานกำลังไปได้สวย ส่วนเรื่องความรักกับฝรั่งตาน้ำข้าว “โทนนี่ ไวท์” ครูสอนกังฟูซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของฮอรัสก็กำลังแฮปปี้สุด ๆ
“ความรักตอนนี้ก็ดีค่ะ พิมคบกับเค้ามาได้ 2 ปีแล้ว แต่ไม่อยากจะพูดอะไรมากเพราะเมื่อก่อนเคยพูดเยอะแล้วก็ไม่สมหวัง กับคนนี้เค้าเป็นผู้ใหญ่กว่าพิมค่อนข้างลงตัว พิมค่อนข้างมั่นใจเค้า"
"ส่วนเรื่องแต่งงานตอนนี้ยังไม่คิด แต่ไม่ใช่ว่าหยุดคิดถ้า 35 แล้วไม่ได้แต่งก็ไม่รู้จะได้แต่งหรือเปล่า ตอนนี้เหลือเวลาอีก 5 ปีก็ค่อยเป็นค่อยไปเพราะเมื่อก่อนพิมเคยมีคนที่อยากแต่งงานด้วยแล้วแต่ก็หายไป ฉะนั้นพิมยังไม่อยากหวัง พิมไม่อยากไปตื๊อฝ่ายชายถ้าเค้ายังไม่ขอเราแต่งงาน เค้าก็คงจะยังไม่พร้อม พิมเองก็ยังไม่พร้อม"
"แต่ถ้าแต่งงานแล้วก็อยากมีลูกเลย ไม่ใช่แต่งแล้วแบบมาแช่ไว้ ณ วันนี้แต่งแล้วอยากมีลูก ไม่ใช่ต้องมาห่วงเรื่องโปรดักชั่น ต้องมาห่วงเรื่องงานอีก สมองพิมตอนนี้มันมีแต่เรื่องงานค่ะ”
ส่วนหัวใจต้องยกให้เป็นเรื่อง "โทนนี่" ว่างั้นเถอะ