xs
xsm
sm
md
lg

ค้นวัยรุ่นไทย ไร้สาระจริงหรือ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วัยรุ่นไทยส่วนใหญ่ไร้สาระ วัยรุ่นไทยทำแต่เรื่องที่ไม่มีประโยชน์ ปัญหามากมายของสังคมล้วนเกิดขึ้นมาเพราะวัยรุ่น ทำวิจัยเกี่ยวกับวัยรุ่นไทยทีไรเป็นต้องมีเรื่องฉาวๆ ให้ได้เป็นข่าวตลอด ฯลฯ และอีกมากมายในทัศนะของผู้ใหญ่หลายคนที่มีต่อวัยรุ่นไทยในบ้านเรา

วัยรุ่นไทย(ส่วนใหญ่)เป็นอย่างนั้นจริงหรือ?...ที่บอกกันว่าวัยรุ่นคือวัยที่อยู่ในช่วงค้นหา วัยที่อยู่ในช่วงเรียนรู้ถ้ากับสิ่งที่พวกเขาทำออกมาแล้วผู้ใหญ่สรุปได้ว่ามันไร้สาระ มันไม่เข้าท่า ผู้ใหญ่เองเคยถามกันบ้างหรือไม่ว่าแล้วใครกันเล่าที่มอบความไม่มีแก่น ความไม่มีสาระให้กับพวกเขา?

วันนี้ "นัดคุย" มีมุมมองต่อเรื่องดังกล่าวจากคนที่ดูจะอยู่แต่กับความมีสาระมาโดยตลอด "เช็ก สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ" จากรายการสารคดีชีวิต(คน) ชื่อดัง อย่าง "คนค้นฅน"

"ผมเพิ่งไปทำเรื่องคนที่ติดคุกมา เขาทำความผิดเมื่อตอนที่เป็นเด็กชายอยู่ ติดคุกตอนที่ยังไม่ได้ใช้คำว่านายนำหน้า ออกจากคุกมาตอนที่อายุ 30 ถามเขาว่าในวันที่ไปทำผิดอุกฉกรรจ์คือลงแขกข่มขืนผู้หญิงว่าเอ็งทำๆ ไมทำวะ เขาก็บอกว่าก็คือเมา กินเหล้าแล้วเพื่อนก็อยู่กันหลายคนก็ลากตามกันไป...คือวัยนี้มันเป็นวัยที่ถูกชัก ถูกลาก ถูกจูงได้ง่าย และเมื่อไอ้ตัวสติสัมปชัญญะมันมีไม่ครบเต็มร้อยอย่างเนี้ย มันพร้อมที่จะทำอะไรก็ได้ ถามว่าไอ้คนๆ นี้เลวโดยกมลสันดานอะไรมั้ย เท่าที่ผมไปอยู่กับเขาไม่ใช่เลย จริงๆ มันก็คือเด็ก ที่พี่อยากจะบอกก็คือพี่เชื่อว่าวัยรุ่นส่วนใหญ่มันถูกอะไรเข้ามาสั่งสอนมาชักจูงซะเยอะ"

"วัยรุ่นที่มันเลวโดยกมลสันดานเนี่ย พี่ว่าน้อย ไม่ใช่ไม่มีนะ มันมีนะ และก็ไอ้ความหนึบอย่างนี้เราต้องแยกแยะ สิ่งที่มันสร้างบาดแผล สร้างผลกระทบให้กับสังคมเนี่ยมันเป็นคนละอันกัน สมมติว่าเด็กผู้หญิงสักคนหนึ่งวันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากไปเตล็ดเตร่อยู่แถวอาร์ซีเอแล้วก็หาใครไปนอนกันซักคนได้ซักคืนละคนเราบอกว่าเขาเลวได้หรือเปล่าไม่ได้ มันไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่ว่ามันไม่มีคุณค่าในตัวมันเอง มันเหลวแหลกโดยตัวมันเอง แต่ไอ้บางพวกไปจี้ ไปปล้น ไปยิง ไปสร้างความเดือดร้อนไปละเมิดผู้อื่นนี่อีกอันนึง"

"ทีนี้กลับเข้ามาที่บอกว่าวัยรุ่นบ้านเราไม่มีสาระจริงหรือ คือพี่เชื่อว่าที่วัยรุ่นเราเป็นแบบนี้เพราะรากฐานมันไม่ค่อยดี การเข้าใจชีวิตหรือไอ้ระบบวิธีคิดเนี่ยมันยังไม่แข็ง ยิ่งเมื่อมันถูกคลื่นลมของ..อะไรล่ะกระแสสังคมพัดกระหน่ำเข้าใส่ แน่นอนในวัยที่ ชักจูงได้ง่าย แถมมันมีการแข่งขันกันมีการเปรียบเทียบกันในกลุ่มใครไม่มีโทรศัพท์มือถือเลยรู้สึกด้อย เฮ้ย...รุ่นนี้เท่ห์ ซึ่งไอ้วิธีคิดแบบเนี้ยเยอะมาก"

"แต่แทนที่เราจะมานั่งบอกว่าวัยรุ่นบ้านเรามันเหลวแหลก มันไม่ดีอย่างโน้นอย่างนั้นเนี่ย ร้อยวันพันปีมันก็เป็นแบบนี้ถ้ามันมีแต่การเรียกร้องแต่ว่าไม่มีการเข้าไปสร้างเพื่อให้วัยรุ่นมันมีภูมิต้านทาน สังเกตดูเถอะไม่ว่ารัฐหรือว่าเจ้าหน้าที่หรือไม่ว่าใครก็ตาม จะเรียกร้อง ต่อว่า ด่า เฮ้ย...มันต้องอย่างนั้นมันต้องอย่างนี้ แต่ตัวเองไม่ได้เข้าไปสร้างเลย เด็กกับเยาวชนเบ้าหลอมมันสำคัญ การเข้าไปเอาใจใส่ในชีวิตน่ะสำคัญ ผมว่าปัญหาของเด็กครึ่งนึงมันก็คือปัญหาของผู้ใหญ่นะ ต้องพูดอย่างนี้"

เท่าที่ดูๆ คิดว่าวัยรุ่นไทยสมัยนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมีสาระจริงหรือเปล่า?
"แค่ส่วนนึงเท่านั้นไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ที่ไม่มีสาระจริงแต่ว่าไม่ใช่หมายความว่าเมื่อก่อนสมัยที่ผู้ใหญ่ตอนที่เป็นวัยรุ่นจะไม่มีเด็กที่ไม่มีสาระเลย ถ้าเราย้อนมองแบบนี้นะเด็กจิ๊กโก๋หลังวังในยุคนั้นนะ ใครก็มองว่าเป็นอันธพาลครองเมือง เป็นเด็กมีปัญหาบริโภคจีไอมาเต็มที่ แต่ว่าตอนนี้ไอ้เด็กบางคนในนั้นอาจจะกลายเป็นมือกีต้าร์อันดับหนึ่งของเมืองไทยที่ถูกเชิดชูไปแล้ว ผมว่ามันเป็นเรื่องของยุคสมัยของการเปลี่ยนผ่านเพียงแต่ว่าอะไรล่ะ..สื่อนะ ผมว่าการสื่อสารมันเร็วขึ้นมากๆ มันเลยเรียนรู้กันเร็วขึ้น มันได้เห็นของอื่นๆ ที่ไม่เคยเห็นแล้วคนเนี่ยแนวโน้มมันใฝ่ต่ำอยู่แล้ว..."

หมายความว่าพร้อมที่จะเป็นคนเลวได้ตลอดเวลา?
"คือการใฝ่ดีหรือว่าไอ้การที่พยายามจะสร้างมาตรฐานอะไรขึ้นมาเนี่ย มันก็เพื่อที่จะเอาชนะอำนาจมืดเอาชนะในอำนาจใฝ่ต่ำใช่มั้ย ซึ่งถ้าวัยรุ่นที่อยู่ท่ามกลางภาวะที่เป็นแบบนี้และก็หาไม่มีหลักยึดและก็ไม่แข็งแรงพอเนี่ยมันมีความเป็นไปได้เยอะมากที่จะถูกพัดเข้าไปในวังวนของไอ้เรื่องราวที่มันมองว่ามันเป็นปัญหา เป็นเรื่องของความไม่ดีไม่งาม แต่ผมเชื่อว่าเมื่อวันหนึ่งเขาผ่านไป เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้น จำนวนหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงไป และอีกจำนวนหนึ่งแน่นอนมันก็คงจะแบบงอกงามไปทางสายนั้น คือสายเลวอ่ะนะ จริง ๆ มันเป็นเชิงปัจเจกนะพี่เชื่อเรื่องเหล่านี้ว่ามันเป็นเรื่องของปัจเจก"

เห็นวัยรุ่นแต่งตัว ใช้สิ่งของ หรือทำอะไรแปลกๆ เยอะแยะไปหมด พี่คิดว่าถ้ามองในแง่ของความเป็นศิลปะ การมีความคิดสร้างสรรค์ มันดูเข้าท่าเข้าทางมั้ย?
"ผมมองอย่างนี้นะว่าหยาบๆ สำหรับผมมองแยกเป็นสองส่วนคือความให้ค่าที่เรียกมันว่าความศิวิไลซ์หรือว่าอารยะนะ...ศิลปะ ความงามสุนทรียภาพหรืออะไรก็ตามในเชิงหนึ่งเนี่ยมันงอกมาจากน้ำเนื้อของชีวิต มันงอกมาจากรากของคนซึ่งอยู่ร่วมกันกับกาลเวลากับวิถี อะไรรอบๆ ตัว ซึ่งในกรณีแบบนี้ไม่ว่าคนรวยคนจน คนมีหรือไม่มีสามารถมีความศิวิไลซ์ในตัวเองได้เหมือนกัน"

"แต่ขณะเดียวกันเนี่ยเราลองยกตัวอย่างง่ายๆ คุณมีพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวสะสมรถโบราณเป็นร้อยคัน หรือว่าสะสมภาพของสุดยอดศิลปินในโลกในประเทศนี้ แต่ว่าเฮ้ย...ไอ้เงินที่คุณเอามาสร้างเนี่ยแม่งมาจากการที่ไปฉ้อฉลเค้ามา ไปปั่นหุ้นมา ถามว่าแบบนี้เรียกได้ว่ามันมีความศิวิไลซ์อยู่ในหัวจิตหัวใจจริงหรือ คือมันน่าตั้งคำถามมากๆ ทีนี้พอคุณตายไปสิ่งที่คุณทำมามันได้กลายเป็นที่ๆ คนได้เดินเข้ามาดูความงาม ได้เข้าไปศึกษาหาความรู้มั้ย มันก็มี...เห็นมั้ยว่ามันขัดแย้งกันอย่างไม่น่าเชื่อ"

"คือขณะที่ศิลปะมันกล่อมเกลาให้เห็นในเรื่องของความดีความงาม สัจจะหรืออะไรอย่างเนี๊ยนะ ที่มาของมันๆ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะฉะนั้นก็คือว่าไม่ว่าจะเด็กรุ่นนี้หรือรุ่นไหนนะครับ มันก็จะมีอย่างนี้อยู่ มันจะมีมุมไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างนี้อยู่เสมอแหละครับ..."
กำลังโหลดความคิดเห็น