xs
xsm
sm
md
lg

“โหน่ง” คุย ขายความสามารถ ไม่ได้ขายหน้าตา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เล่นเป็นพระเอกเต็มตัวครั้งแรกใน “สายล่อฟ้า” หนังแนวกั๊กคอมเมดี้ โรแมนติก แอ็กชั่นลำดับที่ 4 ของผู้กำกับอารมณ์ดี “ต้อม-ยุทธเลิศ สิปปภาค” มีเสียงเมาท์แตกว่าหน้าตาไม่ถึงขั้นแล้วตลกอย่าง “โหน่ง ชะชะช่า” ก้าวขึ้นมาเป็นพระเอกได้อย่างไร


โดนคำถามทิ่มแทงหัวใจซะขนาดนี้ เจ้าตัวเลยต้องออกมาชี้แจงถึงข้อสงสัยว่าสิ่งที่ตัดสินได้น่าจะดูผลงานและความสามารถกันมากกว่า

“มีหลายคนทักเหมือนกันนะว่าหน้าตาอย่างนี้มาเป็นพระเอกได้ไง ผมว่าอันนี้มันแล้วแต่โอกาสมากกว่า แล้วเดี๋ยวนี้ตลกก็มาเล่นหนังเป็นพระเอกกันเยอะขึ้น มันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าตลกเดี๋ยวนี้มีความสามารถเราทำอะไรได้หลายอย่าง”

“แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับเนื้อเรื่องด้วยว่ามันตรงกับบุคลิกที่ผู้กำกับเขาต้องการหรือเปล่า ตัวผมเองอยากทำงานในรูปแบบที่มันหลากหลายอยู่แล้วเพราะเหมือนเราได้พัฒนาฝีมือตัวเองไปด้วย อย่างมาเล่นหนังผมก็ทำเต็มที่ หน้าตาอาจไม่ใช่พระเอกระดับแถวหน้าแต่ฝีมือพอจะคู่คี่สูสีกันไปได้”

หากภาพยนตร์เรื่อง “สายล่อฟ้า” ประสบความสำเร็จ ความเป็นไปได้ที่จะได้เห็นหน้าค่าตาของตลกเงินล้าน “โหน่ง ชะชะช่า” ในหนังเรื่องต่อไปก็มีเปอร์เซ็นต์ที่สูงอยู่
“เรื่องผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน คงแล้วแต่ทางผู้กำกับเขาจะให้โอกาส แต่ส่วนตัวผมชอบเล่นหนังและก็ดูหนังมาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นพระเอกบทอื่นผมก็เล่นได้ เพราะนอกจากเราได้แสดงแล้วยังเป็นการสั่งสมประสบการณ์ได้รู้เทคนิควิธีการทำหนังอีกเยอะแยะ”

แอบเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อนำไปพัฒนาบทที่เขียนไว้กับตลกรุ่นพี่ “เท่ง เถิดเทิง” ที่วางแพลนจับมือกันทำหนังออกมาสักเรื่องอย่างที่เคยฝันไว้ แต่คงรอสักระยะเพื่อเคลียร์งานที่ยังคั่งค้างให้เสร็จไปก่อน
“เรื่องทำหนังผมคุยกับพี่เท่งมาตั้งนานแล้วว่าจะทำ ตอนนี้ผมก็เขียนบทไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นประสบการณ์ของตัวเองที่เคยพบเจอกว่าจะมาถึงทุกวันนี้ เอามารวมกับของพี่เท่งในแนวที่ถนัดคือคอมเมดี้ ความจริงผมเป็นคนใจร้อนและอยากทำออกมาเร็วแต่พี่เท่งบอกเรายังมีประสบการณ์น้อยค่อยๆ คิดค่อยว่ากันไปเดี๋ยวออกมาไม่ดีจะโดนด่า”

“ตัวผมเองตอนนี้ก็มีงานเยอะด้วยที่ทำประจำก็มีพิธีกร ชัยบดินทร์ ชิงร้อยชิงล้าน หนังแล้วก็ละครที่ติดต่อเข้ามาทำให้ไม่มีเวลา เพราะถ้าเกิดคิดที่จะทำขึ้นมาจริงๆ เราต้องทุ่มเวลาให้กับมันเต็มที่ ซึ่งก็หมายถึงว่าเราอาจต้องทิ้งงานบางอย่างสักระยะเพื่อที่จะลงไปดูตรงจุดนั้น”

เหตุที่ต้องเลื่อนโปรเจ็กต์นี้ออกไปก่อน เพราะมีบทเรียนจากตลกรุ่นพี่หลายคนที่เคยเจ็บตัวกับการทำหนังแบบไม่มีประสบการณ์มาแล้ว
“ที่บอกว่ายังไม่พร้อมไม่ใช่เพราะกลัวว่าทำไปแล้วจะล้ม หรือเจ็บตัว อย่างรุ่นพี่ที่เขาทำมาก่อน เรียกว่าเป็นการศึกษางานกันมากกว่า อย่างพี่เทพ พี่โน้ต หรือแม้แต่พี่หม่ำก็เคยคุยกันว่าไม่ต้องรีบร้อนค่อยๆ คิด พัฒนาไปเรื่อยๆ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยออกมาลุยอย่างเต็มตัวดีกว่า”
กำลังโหลดความคิดเห็น