xs
xsm
sm
md
lg

ชัตเตอร์ กด ติด วิญญาณ : เรียบร้อยโรงเรียนผี

เผยแพร่:   โดย: ธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี


ดูเหมือนจะมีใครบางคนได้พูดไปแล้ว แต่ผมก็ต้องขอยืมประโยคนั้นมาอธิบายถึงหนัง "ชัตเตอร์ กด ติด วิญญาณ" อีกครั้งว่า "ถ้าออกฉายเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว หนังเรื่องนี้จะเป็นหนังที่น่าสนใจมาก"

ขยายความให้เข้าใจมากขึ้น การมาถึงทีหลังหนังอย่าง Ring, Dark Water (งานเขย่าขวัญของฮิเดโอะ นากาตะ) หรือ Ju-On (ทาคาชิ ชิมิซุ) ทำให้ ชัตเตอร์ แทบไม่หลงเหลือความน่าตื่นเต้นใดๆ อีกแล้ว องค์ประกอบทุกอย่างในหนัง - สำหรับคนที่ผ่านหนังผีเอเชียช่วง 4-5 ปีให้หลังมาอย่างโชกโชน - กลายเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ทั้งหมด

ผมเชื่อว่ามีไม่น้อยที่อาจรู้สึกรำคาญอยู่ลึกๆ กับรูปลักษณ์ของ "ผี" ที่ดูกี่ครั้ง (ผมดูแค่สองรอบ) ก็มั่นใจได้ว่า เธอต้องเรียนจบมาจากโรงเรียนเดียวกันกับซาดาโกะใน Ring แน่ๆ

ย่อหน้าข้างต้น อาจฟังคล้ายกับว่า ชัตเตอร์เป็นหนังชั้นเลว เปล่าเลยครับ งานสร้างทั้งหมดได้มาตรฐาน และถ้าหากพิจารณาตามหลักของหนังตระกูลนี้ ชัตเตอร์ก็มีให้คนดูอย่างครบถ้วน ตั้งแต่ ช่วงเวลาตื่นเต้นระทึกขวัญ, สถานการณ์ติดกับ, ตัวละครที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และเหตุผลทางจิตวิทยา

หนังได้คะแนนเกือบเต็มในการต้อนคนดูเข้าสู่มุมอับ และจู่โจมด้วยความตกใจสุดขีด แม้จะด้วยวิธีการที่เฝือ (ให้ตัวละครเอื้อมไปเปิดประตูช้าๆ เงียบๆ แล้วกระหน่ำดนตรีขึ้นมาทันที) แต่ก็ได้ผล หนังใช้ลูกไม้นี้หลายครั้ง ซึ่งแน่นอน ถ้าเป็นคนดูที่พอจะมีความรู้สึกอยู่บ้างก็ต้องสะดุ้งหรือกรีดร้องออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ฉะนั้นถ้าใครต้องการจะซื้อตั๋วเข้าไปเพื่อร้องตะโกนและพอใจที่จะยกมือปิดหูปิดตาทุกๆ 15 นาที หนังเรื่องนี้คุ้มค่าทีเดียวครับ แต่ถ้าต้องการอะไรมากกว่านั้น ก็อาจจะต้องผิดหวัง

ชัตเตอร์ชวนให้ผมนึกไปถึงงานของผู้กำกับชาวเกาหลีที่ชื่อ อา บยอง-กี หนังเรื่อง Nightmare และ Phone ของเขา (เรื่องแรกเข้าฉายบ้านเรา ส่วนเรื่องหลังลงเป็นแผ่นให้เช่าเลย) ก็ถนัด "จ๊ะเอ๋" กับคนดูบ่อยจนแทนที่จะเกิดความรู้สึกกลัว กลับกลายเป็นความเหนื่อยหน่าย และโล่งอกเมื่อในที่สุดหนังก็จบลงได้เสียที

เช่นกัน ทั้ง NIghtmare, Phone ก็ไม่ใช่งานที่เลวร้าย บทถูกวางมาอย่างรัดกุม มีเหตุผล มีที่มาที่ไป สำหรับชัตเตอร์เอง ผมรู้สึกว่า หนังได้ให้ปูมหลังของมหกรรมหลอกหลอนอย่างเกินพอ จนกลายเป็นว่าบางเสี้ยวนาที คนดูกลับเห็นใจ อยากไปยืนในฝั่งผีมากกว่าตัวละครเอก โดยลืมไปว่าตัวเองต้องกลัว "เธอคนนั้น"

ความชัดเจนของเหตุผลรองรับมันเป็นเรื่องจำเป็นก็จริงอยู่ แต่สำหรับหนังผีหรือหนังที่พูดถึงบางอย่างเหนือธรรมชาติ การให้คนดูเห็นทุกอย่างใสๆ จนเกินไปมันก็ทำลายอรรถรสและมิติ อย่างที่มันควรจะ "เกิดขึ้นเองหลังเปลือกตาของผู้ชม"

ผมจะไม่วิจารณ์เรื่องการดีไซน์ "ผี" ว่า มันไปซ้ำกับหนังเรื่องอะไรบ้าง เพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรง มันสามารถเหมือนกันได้ - ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ - สิ่งสำคัญอยู่ตรงที่วิธีการเอามาใช้มากกว่า

ข้อผิดพลาดของชัตเตอร์คือ การสร้างบรรยากาศที่ล้มเหลว มันเป็นหนังที่ดูแล้วจะต้องยกมือขึ้นปิดตาก็จริงอยู่ แต่พอดูจบแล้วผมกลับสามารถเดินลงบันไดหนีไฟในห้างคนเดียวได้ โดยไม่รู้สึกหวาดหวั่น หนังมันชัดเจนเสียจนจินตนาการของผมไม่ได้ทำงาน พูดง่ายๆ คือ ผีในเรื่องไม่ได้ตามผมออกมาด้วย

วิธีการสร้างบรรยากาศเป็นเรื่องที่ยาก และผมก็คงไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นรูปธรรมได้ชัดเจน มันเป็นเรื่องของจังหวะ และมวลอากาศที่ปรากฏในภาพ เป็นผลลัพธ์ของการก่อตัวกันของการถ่ายภาพ การเคลื่อนไหวของตัวละคร ดนตรีประกอบ ฉาก และอะไรอีกหลายอย่าง

คงต้องไปถาม เดวิด ลินช์ ว่า ทำไมเขาถึงทำ Lost Highway ได้น่ากลัวขนาดนั้น ทั้งๆ ที่มันไม่มีฉากที่น่าตกใจเลย, และเหตุใด มายา เดอเรน ทำหนัง Meshes of the Afternoon จากความฝันของเธอเองได้น่ากลัวถึงเพียงนั้น (เป็นหนึ่งในหนังที่น่ากลัวที่สุดสำหรับผม) หรืองานหลายชิ้นของ โคล้ด ชาโบรล ที่ไม่มีเรื่องผีเข้ามาเกี่ยวข้องเลย แต่มันทำให้ใครหลายคนที่ดูแล้วนอนไม่หลับ - ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องของบรรยากาศ มิติ และการกระตุ้นให้คนดูสร้างความกลัวขึ้นหลังเปลือกตาของตนเอง

ก็คงต้องถามต่อไปว่า จะทำให้คนดูสร้างความกลัวขึ้นมาได้อย่างไร คำตอบง่ายมากๆ ครับแต่ทำได้ลำบาก นั่นก็คือ เขียนเครื่องหมายคำถามให้คนดู เว้นช่องว่างให้เขาอย่างพอเหมาะ คนเรากลัวผีเพราะไม่รู้ที่มาที่ไปของมัน กลัวเพราะมันหาตรรกะอะไรมารองรับไม่ได้ กลัวเพราะเราเตรียมรับมืออะไรกับมันไม่ได้เลย

ไม่ทราบมีใครเป็นเหมือนผมบ้างหรือเปล่า ทีเซอร์ของชัตเตอร์ (ที่เอารูปถ่ายวิญญาณหลายๆ ภาพมาฉายให้ดู) เป็นงานที่ดีมากครับ ความยาวไม่น่าจะถึงนาทีของมันทำให้จินตนาการของผมล่องลอยไปไกล วลีที่ว่า "วิญญาณอยู่รอบๆ ตัวเรา" มันขับให้เราเหลียวซ้ายแลขวาขณะนั่งอยู่ในโรงหนัง

ทีเซอร์ชิ้นนั้น ทำให้เกิดความคาดหวังว่า ตัวหนังน่าจะให้อารมณ์แบบเดียวกัน คือต่อยอดความกลัวแบบใหม่ๆ ที่คาดไม่ถึง หรือขยายขอบเขตของเรื่องผีให้ไกลกว่าเดิม

ผมดูตัวอย่างหนังฉบับเต็มในเวลาต่อมาด้วยความผิดหวัง ในเวลาไม่กี่นาทีนั้นผมเดาเนื้อเรื่องได้หมด และที่น่าเสียใจก็คือ พอถึงวันที่หนังเข้าฉายจริงๆ ผมดันเดาถูกเสียด้วย

โดยรวมแล้วผมชอบชัตเตอร์เกือบทุกอย่าง แต่ไม่ชอบไอ้ตรงที่ทำให้ผมกลายร่างเป็นหมอดูแม่นๆ นี่แหละ




กำลังโหลดความคิดเห็น