xs
xsm
sm
md
lg

หนังแผ่น(ไม่)โป๊ ตายแล้วจริงหรือ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไม่มีเรื่องเป็นข่าวให้หวือหวาเหมือนในช่วงปีสองปีที่ผ่านมาสักเท่าไหร่สำหรับความเคลื่อนไหวของธุรกิจหนัง "วีซีดี" หลังการออกมาทำท่าเอาจริงเอาจังของกระทรวงวัฒนธรรมรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงปลายปีที่ผ่านมาต่อบรรดาบริษัทผู้สร้างหนังที่มีเนื้อหารวมทั้งภาพโฆษณาเชิญชวนไปในลักษณะ โป๊ - เปลือยโดยประกาศเอาจริงไล่จับทั้งผู้ผลิตเรื่อยไปจนถึงนักแสดง

ผลพวงจากท่าทางที่เอาจริงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง(ประกอบกับหนังแผ่นส่วนใหญ่ยังเป็นงานที่มีลักษณะประเภทตีหัวเข้าบ้าน - หลอกคนดู)ส่งผลให้ตลาดหนังแผ่นในบ้านเราถึงกับเกิดภาวะซบเซาขึ้นมาทันทีเนื่องจากกว่าร้อยละเกือบจะ 80 ของหนังแผ่นที่มีการผลิตออกมาล้วนเข้าข่ายลักษณะดังกล่าวกระทั่งบรรดาผู้สร้างหนังแผ่นต้องพากันรวมตัวกันในนามของ "ผู้ประกอบธุรกิจหนังแผ่นไทย"(VMAT) เพื่อหาทางออก - ทางรอดให้กับธุรกิจตนเอง

เงียบหายไปจนใครๆ ก็คิดว่าหนังแผ่นวาบหวิวเหล่านี้จะไม่กลับมาอีกแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงจากการสำรวจ - สังเกตไปยังตามแผงขายวีซีดีในย่านใหญ่ๆ อย่างที่คลองถม พบว่าบรรดาร้านค้าต่างๆ ก็ยังมีหนังในลักษณะดังกล่าววางขายกันให้หราอยู่เช่นเดิม

"คึกคักเท่าเดิมมั้ย คงจะไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็ยังถือว่าพอขายได้อยู่เพราะก็ยังมีคนมาซื้อตลอด..." สาวเจ้าของร้านวีซีดีร้านหนึ่งในย่านคลองถมเผย

"ปริมาณอาจจะน้อยลงไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่ามากกว่าหนังแนวผี หนังตลกอะไรอยู่นะ ส่วนหนังที่แบบว่าจะทำกันดีๆ ทำเป็นบู๊ๆ แอกชั่น เนื้อเรื่องธรรมดาๆ โดยที่ไม่มีโป๊นี่ อันนี้ลดลงไปเยอะเลย เพราะอย่างแกรมมี่หรือว่าอาร์เอสก็รู้สึกว่าเขาจะไม่ได้ทำแล้ว"

จากการสังเกตหนังแผ่นที่วางขายกันอยู่นั้นมีหนังแผ่นในลักษณะอย่างว่าที่โฆษณาอย่างโจ๋งแจ้ง อาทิเรื่อง "เวอร์เจิ้น Virgin" ที่มีคำโฆษณาว่า "เธอ...สาวน้อยทาร์ซาน, เธอ...ไม่รู้จักเสื้อผ้า, เธอ...ไม่รู้จักผู้ชาย, เธอ...บริสุทธิ์" รวมทั้งหนังที่ดูภายนอกอาจจะไม่มีอะไร แต่เมื่อลองเปิดดูแล้วภาพที่ออกมานั้นมีฉากเลิฟซีนไม่ต่างจากหนังแผ่นที่ถูกทำออกมาก่อนที่จะมีการออกมาโวยวายจากทางกระทรวงวัฒนธรรมเสียเท่าไหร่ อาทิ "ระเริงไฟ" "ฉันรักผัวเขา" "ตุ๊กแก" "ทะเลอารมณ์" "แรงสวาทข้ามมิติ" "คุ้งตะเคียน" รวมทั้ง "ขังหญิง" (ทุกเรื่องล้วนมีลายเซ็นอนุญาตจากกองเซ็นเซอร์ชัดเจน)

"ผมมองว่ายังเหมือนเดิมไม่ค่อยจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอะไรเลยนะ..." ผู้บริหารของบริษัทผลิตหนังแผ่นบริษัทหนึ่งแสดงความคิดเห็น

"ยังเหมือนเดิมที่ว่าก็คือทั้งในเรื่องของคุณภาพความน่าดูที่หาได้น้อยอยู่แล้ว รวมทั้งเรื่องของเลิฟซีนหวือหวาอะไร ซึ่งช่วงที่มันบูมช่วงก่อนที่จะมีเรื่องออกมาแบนอะไรกัน ตอนนั้นจริงๆ มันก็ไม่ได้แรงอะไรมากนะ แต่ที่มันดูหวือหวาเพราะว่ามันมีเรื่องของกระแส เรื่องของข่าวเข้ามาเกี่ยวข้อง"

"บางส่วนของหนังที่ออกมาตอนนี้ผมว่ามันก็เป็นหนังที่ทำกันมาตั้งแต่ช่วงที่บูมๆ นั่นแหละ แต่ตอนนี้ที่มันไม่ค่อยจะเป็นข่าวเพราะว่าไม่ค่อยจะมีคนมาสนใจสักเท่าไหร่แล้ว อีกอย่างตอนนี้ผู้สร้างเองเขาก็ไม่โฆษณาหนังของเขามาก เหตุผลหนึ่งก็คงจะเป็นเพราะรู้ว่าผู้บริโภคเขาเริ่มที่จะจับทางได้ การโฆษณาหรือสร้างข่าวหวือหวาออกไปบางทีกลายเป็นผลเสียซะอีก กลายเป็นว่าโฆษณาเวอร์กว่าของจริง แล้วอีกอย่างก็เป็นเพราะดาราที่มาเล่นนั้นไม่ใช่คนที่จะที่มีชื่อเสียงอะไรมากมายพอจะดึงดูดได้ส่วนมากก็จะเป็นพวกหน้าใหม่ใจกล้ามากกว่าก็เลยไม่รู้ว่าจะเอามาเป็นจุดขายได้อย่างไร"

"แต่หนังพวกนี้ที่ออกมาคุณลองไปอ่านเรื่องย่อหรือว่าดูรายชื่อนักแสดงดูสิจะรู้ว่าเรื่องเซ็กซ์ เรื่องเลิฟซีนก็ยังเป็นจุดขายเหมือนเดิม อย่างมีเรื่องหนึ่งอีปังตอมั้ง ฟังชื่อก็งั้นๆ ตลกด้วยซ้ำนะ แต่เนื้อเรื่องนี่ชัดเจนเลย เป็นเรื่องของผู้หญิงที่ถูกข่มขืน แล้วเธอก็ตามไปแก้แค้นพวกที่ข่มขืนเธอ แล้วนักแสดงผู้หญิงเรื่องนี้รู้สึกว่าจะเป็นคนที่เขาแบบว่าถ่ายแบบหรือว่าเข้าประกวดอะไรที่มันค่อนข้างจะใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นอยู่แล้ว"

"คือมันสื่อกันเห็นๆ เลยว่าหนังพวกนี้ก็ยังคงอาศัยเรื่องโป๊เปลือยหรือว่าเลิฟซีนมาเป็นจุดขายเหมือนเดิม"

อย่างไรก็ตามจากการสอบถามไปยังกลุ่มเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมของกระทรวงวัฒนธรรมว่าทำไมหนังแผ่นที่เน้นขายเรือนร่างเหล่านี้ถึงได้กลับมาอีกครั้ง? เป็นเพราะความหย่อนยานจากทางกระทรวงฯ หรือเปล่า? ก็ได้รับทราบคำตอบจากหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มเฝ้าระวังฯ ที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อว่า ทางหน่วยงานนี้ยังคงทำงานหนักเหมือนเดิม แต่อาจจะเป็นเพราะความไม่ชัดเจนในการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็เป็นไปได้ที่ยังทำให้ยังคงมีหนังแผ่นในลักษณะนี้ออกมาเรื่อยๆ

"เรายังทำงานหนักอยู่นะคะ ยังยึดมาตราการเดิม ให้ตำรวจปราบปราม ตรวจจับ มีวิธีปฏิบัติเหมือนเดิม แต่ต้องยอมรับว่ามันเป็นเรื่องที่ตำรวจจับผู้ร้าย จับเท่าไรก็ไม่หมด ก็จะต้องมีโผล่ขึ้นมา"

"มันมีการพูดคุยถึงเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ อย่างเมื่อเดือนที่แล้ว (มิถุนายน) ก็เพิ่งจะมีการสัมนากันว่าจะเอาอย่างไร จะมีวิธีการอย่างไรที่จะปราบปรามสื่อนี้ให้หมดสิ้น ถ้ามันปราบไม่หมดเราจะเอาอย่างไรกับไอ้พวกนี้ดี จะต้องทำประชาพิจารณ์ว่าควรจะต้องมีการติดเรทดีมั้ย หรือว่าจะกลับมาควบคุมตรวจสอบอย่างเข้มข้นอีกที"

ในเรื่องของความคืบหน้าในการที่จะโอนหน่วยงานกองเซ็นเซอร์ซึ่งมีหน้าที่หลักในการดูแลเรื่องนี้ให้เข้ามาสังกัดกระทรวงวัฒฯ นั้นสมาชิกของกลุ่มเฝ้าระวังฯ คนเดิมบอกว่าเบื้องต้นเท่าที่รับทราบมาจะมีการโอนกันในช่วงเดือนตุลาคมนี้ทว่าถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความแน่ชัดอะไรทั้งสิ้น

"จริงๆ แล้วในขณะนี้กฎหมายยังไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าจะให้กระทรวงวัฒนธรรมดูแล 100% แต่โดยภารกิจของกระทรวงวัฒนธรรมที่เค้าตั้งกระทรวงวัฒนธรรมขึ้นมาเพื่อจะให้ดูแลวัฒนธรรมที่ดีงามของชาติ ปกป้องในสิ่งที่มันทำให้เกิดปัญหาขัดต่อวัฒนธรรม ซึ่งในการนำเสนอสื่อลามกอนาจารมันก็อยู่ในความดูแลของกระทรวงวัฒนธรรม"

"ทว่าพอมาดูในเรื่องเทคนิคเรื่องสื่อลามกจริงๆ มันยังไม่เห็นภาพว่าข้าวจานนี้นะนาง ก. กินนะ จานนั้นใครกิน ตอนนี้เรารับในภารกิจในส่วนที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมก็ต้องเป็นเรื่องที่เราต้องรับ 100 % แต่ในทางปฏิบัติและมิติที่เกี่ยวกับกฎหมายเนี่ยเนื่องจากว่ากฎหมายที่ร่างไว้ก่อนนี่มันร่างโดยกลุ่มงานเดิม(กองเซ็นเซอร์)ซึ่งยังเห็นชัดเจนว่าเป็นเรื่องของตำรวจ"

"แต่จะว่าไปแล้วทั้งตำรวจ ทั้งกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงพัฒนาสังคมก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมดนั่นแหละ"

กำลังโหลดความคิดเห็น