ยังวุ่นวายไม่เลิกสำหรับหนังเรื่อง "ยอดชายนายโอ๊กอ๊าก" ของผู้กำกับตลก "เด๋อ ดอกสะเดา" ที่มี "นายจรูญ วรรธนะสิน" เป็นที่ปรึกษาและเจ้าของเงินทุนโดยการจับเอา "สายัณห์" ตลกเอ๋อมารับบทเป็น "โอ๊กอ๊าก" เลียนหนุ่ม "โอ๊ค พานทองแท้" บุตรชายนายกรัฐมนตรี หลังบรรดานักแสดงหน้าเหมือนทั้งหลายจากรายการสภาโจ๊กพากันถอนตัวโดยให้เหตุผลว่าเกรงว่าหนังเรื่องนี้จะไปกระทบและทำลายชื่อเสียงครอบครัวนายกรัฐมนตรีรวมทั้งทำให้ผู้ใหญ่หลายท่านในวงแวดวงการเมืองเสียหายเนื่องจากหนังเรื่องนี้มีการรวมเอาคนหน้าเหมือนในแวดวงการเมืองเข้ามาเล่นด้วยมากมาย
ความคืบหน้านั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวานนี้ทางสันติบาลโดย พ.ต.ท.จิระพงษ์ จิตธรรมพงษ์ รองผู้กำกับการ 5 สันติบาล 1 ได้เดินทางไปพูดคุยกับตลกชื่อดังถึงที่สตูดิโอรายการ "ก่อนบ่ายคลายเครียด" โดยมีนายจรูญ วรรธนะสิน เข้าพูดคุยด้วยเป็นเวลา 15 นาทีก่อนที่เด๋อ และนายจรูญจะออกมาเปิดเผยว่าทาง พ.ต.ท.จิระพงษ์นั้นได้เข้ามาขอดูเอกสารต่างๆ เนื่องจากเกรงว่าหนังเรื่องนี้เกิดจากผู้ที่ไม่หวังดีกับทางนายกรัฐมนตรีหรือเปล่า
"ผมเดาว่าท่านคงกังวลว่าจะมีนายทุนต้องการทำลายชื่อเสียงนายกฯ หรือเปล่า ผมเลยชี้แจงว่าผมทำหนังเรื่องนี้ด้วยความบันเทิงไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงเป็นเรื่องของครอบครัว เป็นเรื่องของความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกไม่ได้ต้องการที่จะทำลายชื่อเสียงของใคร ส่วนเรื่องเงินในการสร้างนั้นผมก็กู้มาจากทางธนาคาร ผมคงไม่ได้ต้องการจะทำลายชื่อเสียงท่านนายกฯ แน่นอนแล้วผมก็เป็นคนบ้านเดียวกับท่านด้วย"
นายจรูญยังยืนยันต่อไปด้วยว่าผู้ใหญ่หลายท่านนั้นบอกมาว่าทางนายกรัฐมนตรีฯ ค่อนข้างที่จะกังวลที่มีการนำเอาสายัณห์มาเล่นเป็นบุตรชาย ซึ่งในตรงนี้ตนจะดูว่าจะสามารถแก้ไขอย่างไรได้บ้าง แต่ยังยืนยันว่าจะมีสายัณห์อยู่ในหนังเรื่องนี้แน่นอน
ส่วนทางด้าน "เด๋อ ดอกสะเดา" ได้บอกด้วยความไม่สบายใจว่าตอนแรกกลัวมากแต่พอรู้ว่าทางนั้นมาเพราะกลัวว่าเรื่องนี้จะมีนายทุนแอบแฝงอยู่หรือเปล่าจึงรู้สึกสบายใจขึ้น
"ตอนนี้ทุกคนพูดเหมือนกันหมดโดยอ้างคำว่าผู้ใหญ่ๆ บอกมา แต่ทุกคนยังไม่มีใครได้ดูหนังเลย ผมคิดว่าคงต้องถ่ายให้เสร็จแล้วค่อยมาดูกัน เรื่องของเรื่องอาจจะเป็นที่เราเอาคนปัญญาอ่อนมาเล่นเป็นโอ๊กอ๊ากเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ไม่มีปัญหาแก้ไขได้"
อย่างไรก็ตามหลังกระแสข่าวของหนังเรื่องนี้ออกมาก็ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันในหลายๆ วงการด้วยกัน โดยนักวิชาการรวมทั้งอาจารย์ในหลายๆ สถาบันนั้นบอกว่าหากเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงที่มาจากทางนายกรัฐมนตรีก็น่าเป็นห่วงเพราะเหมือนกับเป็นการย้อนยุคไปในสมัยก่อนที่ผู้ปกครองเป็นผู้ที่ใช้อำนาจอย่างเบ็ดเสร็จโดยไม่ได้ดูถึงเรื่องของสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหลายฝ่ายก็เชื่อกันว่าเรื่องทั้งหมดน่าจะเกิดมาจากผู้หลักผู้ใหญ่รอบๆ ตัวของท่านนายกฯ มากกว่า