คงมีคนไม่น้อยที่มีอาการพิลึกๆ แบบผม คือ รู้สึกหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง โดยที่สาเหตุไม่ได้มาจากตัวของมันเองโดยตรง
ความจริงผมตั้งใจจะเขียนถึงหนัง Harry Potter ตอนใหม่ แต่พอเห็นโรงหนังมัลติเพล็กซ์พร้อมใจกันเทโรงฉายให้กับหนังเรื่องนี้แบบไม่เผื่อให้กับหนังเรื่องอื่น ผมก็เปลี่ยนใจกะทันหัน ทั้งๆ ที่ออกจะชื่นชอบ Harry Potter and the Prisoner of Azkaban ไม่น้อยเลย
เป็นอย่างนี้มาหลายหนแล้ว จนผมหลาบจำไปโดยปริยายว่า อย่าได้เกิดอารมณ์อยากดูหนังเล็กๆ ในช่วงที่หนังใหญ่ๆ กำลังครองโรง เพราะนอกจากจะไม่ได้ดูแน่ๆ แล้ว อยากเดินไปบ่นกับใครเขาก็เดินหนีกันทั้งนั้น
แต่การร้องเรียกหาทางเลือกก็ไม่ได้สิ้นหวังไปเสียทีเดียว เร็วๆ นี้ก็ได้ข่าวว่า Houserama (โดยป๋าเต้ด และพี่เฮนรี จ๋อง) กำลังจะเปิดกิจการแล้ว โรควัยรุ่นเซ็งก็คงจะทุเลาลงได้บ้าง
โรงหนังลิโดก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักดูหนังนอกกระแส ผมไม่แน่ใจว่าเอเพ็กซ์ได้กำไรสักแค่ไหน แต่ก็รู้สึกว่าช่างหาจุดขายให้กับตัวเองแบบชาญฉลาดทีเดียว อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ค่อยได้ไปใช้บริการเท่าไรนักหรอก อยากไปอยู่เหมือนกันแต่ก็มีเหตุผลอีกหลายประการซึ่งถ้าบอกไป ผมจะกลายเป็นคนงี่เง่าแบบไม่ต้องใช้ตัวช่วยไปโดยทันที
หนังเรื่อง Audition จะเข้าฉายที่ลิโดวันพฤหัสบดีนี้ ตอนเห็นโปรแกรมก็เล่นเอาขยี้ตาแทบไม่ทัน ผมเคยดูหนังเรื่องนี้เมื่อสักราวๆ 2 ปีก่อน คิดไม่ถึงว่าหนังแบบนี้คนไทยเราจะได้มีโอกาสดูกันในโรงภาพยนตร์ด้วย
ตัวหนังฮือฮามากในหมู่ลูกค้าร้านวิดีโอของ“พี่คนนั้น” (เล่าว่าตอนไปฉายที่รอตเตอร์ดามมีคนไม่น้อยยินดีจะเดินออกจากโรงขณะเครื่องฉายกำลังทำงาน) ผมดูจบก็จำชื่อของผู้กำกับ ทากาชิ มิอิเกะ ได้ขึ้นใจ จนกระทั่งได้ดูงานชิ้นอื่นๆ ของเขาในเวลาต่อมา ก็รู้เลยว่าผมไม่มีวันลืมมิอิเกะลง
มิอิเกะโด่งดังมากในระดับนานาชาติ เขาทำงานไวและแต่ละปีก็ปั่นออกมาเยอะ ได้ทั้งในแง่ Popular และ Intellectual งานส่วนใหญ่ของมิอิเกะไม่ใช่งานดูยาก แต่แทบทุกชิ้นคนดูต้องงัดเอาความแข็งแรงทางจิตใจออกมาใช้ด้วย กล่าวคือ มันเต็มไปด้วยความรุนแรง บางครั้งก็ถึงขั้นสยดสยอง และไม่ใช่ในปริมาณเล็กน้อย บางเรื่องมิอิเกะปล่อยให้ “ช่วงเวลาอันแสนหฤหรรษ์” นั้นยาวนาน - น่าทรมาน
อารมณ์ขันในหนังของมิอิเกะก็ออกจะเลยเถิด มันเป็นตลกแบบเจ็บตัว (Slapstick) ที่ไม่ใช่แค่คนตกบันไดแล้วก็ขำกัน แต่มิอิเกะจะต้องให้ถึงขั้นตัวละครตัวใดตัวหนึ่งโดนผ่าครึ่งตัวตามแนวยาว แยกออกจากกันอย่างช้าๆ พร้อมกับเลือดฉีดในลักษณะท่อน้ำแตก ถึงตอนนี้ใครอยากจะหัวเราะก็แล้วแต่อัธยาศัย
กฎเหล็กอีกข้อหนึ่งที่ต้องบอกกล่าวกันก็คือ คนดูไม่ควรคาดเดาอะไรล่วงหน้า ทฤษฎีบทเกี่ยวกับหนังที่ตายตัวไม่มีอยู่ในโลกของมิอิเกะ เด็ก สตรีและคนชราไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ เขาสามารถลากให้เรื่องดำเนินไปในทิศทางไหนก็ได้ แล้วก็ไม่สนด้วยว่าจะทำร้ายจิตใจและความเชื่อมั่นของคนดูขนาดไหน
เพราะอย่างนี้หนังของทากาชิ มิอิเกะ จึงปรากฏผลลัพธ์ออกมาเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน คือ ไม่รักก็เกลียดเลย มีการถกกันว่า พอจะมีคุณค่าในงานของมิอิเกะบ้างหรือไม่ และที่สำคัญก็คือ จำเป็นหรือไม่ สำหรับวิธีการที่รุนแรงเช่นนี้ในการบอกเล่าเรื่องบางเรื่อง
ผมไม่ทราบครับ, ผมทราบเพียงแต่ว่า รู้สึกเอ็นดูมากกว่าเกลียดชังในการชมงานของเขา และก็ค่อนข้างมั่นใจว่า ถ้าเราสามารถก้าวผ่านอุปสรรค (อย่างที่บอกไป) ได้ ก็จะเห็นสาระหลงเหลืออยู่ในเนื้องาน และไม่ใช่น้อยๆ ด้วย
ผมลากมาเสียยาวโดยที่ไม่ได้เข้าเรื่อง Audition ก็เพราะเชื่อว่า หากไม่รับรู้อะไรมาก่อนเลย อรรถรสในการชมก็จะมีมากขึ้น ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเล่าบ้างเล็กน้อย หนังมีส่วนที่ชวนให้ตกใจอยู่เหมือนกัน แต่แม้จะรู้มาก่อน…ก็ยังน่าลอง
ตัวละครเอกของเรื่องเป็นชายคนหนึ่งที่สูญเสียภรรยาไป เป็นเหตุให้เขาต้องดูแลลูกชายตัวน้อยเพียงลำพัง เขาคิดจะมีผู้หญิงคนใหม่อยู่เหมือนกัน แต่รู้สึกว่าลูก และที่สำคัญ - ตัวเขาเอง, คงยังไม่พร้อม
เวลาล่วงเลยไปจนลูกโตเป็นหนุ่ม เขาก็รื้อเอาความคิดที่เก็บไว้ในลิ้นชักเสียนานขึ้นมาปัดฝุ่นทบทวนดู
อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าห่วงอีกแล้ว จึงตัดสินใจหาผู้หญิงสักคนมาเคียงข้าง
วิธีการของพระเอกเราออกจะแหวกแนวอยู่สักหน่อย เนื่องจากเขาประสบความสำเร็จอยู่ในวงการทีวี เขาเลยจัดการคัดเลือกตัวแสดงขึ้นมาเป็นฉากบังหน้า โดยจุดประสงค์ที่แท้จริงนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ
ในที่สุดก็ได้สาวน้อยมาคนหนึ่ง เธอเรียบร้อยที่สุดในบรรดาสาวๆ ที่มาออดิชั่น อยู่ในชุดขาวสะอาดตา พูดน้อย ไม่มีลักษณะจุ้นจ้านแบบผู้หญิงส่วนใหญ่ปรากฏให้เห็น…เธอถูกใจเขาที่สุด
แต่ภายใต้ท่าทางที่เหมือนผ้าพับไว้ หนังก็ค่อยๆ เผยให้เห็นว่าสาวน้อยมีอดีตที่ปวดร้าว และบางทีก็หนักหนาเกินกว่าใครจะมาเยียวยาได้
ตามปกติตัวละครผู้หญิงในหนังญี่ปุ่นมักไม่ค่อยมีบทบาทเหนือผู้ชาย (นอกจากหนังบางเรื่องของจูโซ อิตามิ - อย่าง A Taxing Woman ซึ่งก๋ากั่นถูกใจผมมาก) ไม่ใช่แค่ในหนัง แม้ในยามนี้ที่มีการพูดถึงสิทธิสตรีกันครึกโครม ผู้หญิงก็ยังอยู่ข้างล่าง ไม่มีใครเถียงว่า ด้วยข้อจำกัดทางสรีระน่าจะเป็นเหตุให้เธอทำอะไรได้ไม่เท่าผู้ชาย แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลให้พวกเธอโดนกดขี่
Audition มีฉากพ่อกับลูกชายยืนตกปลากันสองคน มันจะเป็นฉากที่สวยงามมากถ้าเราไม่คิดไปถึงว่า ปลาที่ตกเป็นเหยื่อจะทุกข์ทรมานเพียงใด มิอิเกะ (และเรียว มุราคามิ เจ้าของบทประพันธ์) แสดงให้เห็นว่า ปลาบางตัวเคยตกเป็นเหยื่อแล้ว และมันก็จะไม่อยู่ในฐานะนั้นซ้ำสอง
บางทีคำตอบของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขอาจจะอยู่ตรงนี้เอง คือ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ลองสลับกันยืนคนละตำแหน่ง เราก็จะรู้ว่าโลกมันไม่ได้เป็นแบบที่เราเข้าใจเพียงอย่างเดียว
หนังอาจไม่เหมาะสำหรับเด็กนัก แต่ผมก็อยากจะให้วัยรุ่นไปดูกันเยอะๆ ส่วนหนึ่งเพราะหนังสนุก และอีกอย่าง พวกที่ชอบดูหนัง AV อาจจะมองเห็นอะไรที่ต่างกันออกไปบ้าง
ส่วนคนที่ไม่เคยสัมผัสงานของทากาชิ มิอิเกะเลย พอได้ดูแล้วเกิดเอ็นดูเขาเหมือนกับผม ต้องบอกก่อนว่า ในบรรดา 6-7 เรื่องที่ได้มีโอกาสดู (เขาทำหนังมาประมาณ 60 เรื่องในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา) Audition ถือว่าอยู่ในระดับธรรมดาเท่านั้นเอง
ในฐานะผู้กำกับสุดโจ๋แห่งยุคสมัย มิอิเกะยังมีอะไรรอให้ประหลาดใจอีกเยอะครับ.