ปกติถ้านิตยสารหรือว่าภาพยนตร์เรื่องไหนที่มีภาพและเนื้อหาออกไปในทางวาบหวิวสะเทือนอารมณ์ เราก็มักจะเห็น “ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช” สว.คนดังจากขอนแก่น ออกมาให้สัมภาษณ์สับแหลกชนิดถึงลูกถึงคนเลยทีเดียว
แต่ไหงทำไปทำมาเจ้าตัวก็ทำเอาหลายคนเกิดอาการงงงวยจนได้ เพราะทันทีที่ภาพยนตร์อีโรติกอย่าง “ชู้” จะเข้าฉาย คุณระเบียบรัตน์กลับชูจั๊กกะแร้สนับสนุนเต็มที่ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ดูอีกต่างหาก
“ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าดิฉันยังไม่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้เลย แต่เท่าที่ได้ทราบคอนเซ็ปต์จากเจ้าหน้าที่แล้วรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีชื่อที่ค่อนข้างแรง คงต้องมีผู้หญิงผู้ชายมาเมคเลิฟกันแบบพิสดารแน่นอน แต่พอดูเนื้อหามันกลับให้แง่คิดกับสังคมได้”
“ชู้สะท้อนให้เห็นมุมมองของผู้ชายที่ใช้อำนาจ กักขฬะ หยาบคาย เมียคนแรกก็อยู่ด้วยไม่ได้จนต้องหนีออกจากบ้าน ลูกชายก็หนีออกจากบ้าน พอได้เมียใหม่ก็อยู่ภายใต้อิทธิพล ไม่ได้ให้สัมผัสที่อ่อนโยนใช้แต่อำนาจ”
“ถ้าไม่มีส่วนเกินไม่มีมือที่สามเข้ามา ปัญหาเหล่านี้จะถูกปิดเงียบจนผู้ชายผู้หญิงคู่นี้ตายไป เพราะปัญหาครอบครัวเป็นปัญหาที่ไม่มีใครรู้นอกจากคนใน แต่ถ้ามีมือที่สามเข้ามามันก่อให้เกิดข้อเปรียบเทียบ แม้แค่มองด้วยสายตา ตรงนี้มันก็แสดงถึงไมตรี แสดงถึงความอบอุ่น คนเราพร้อมที่จะตายได้ แม้แค่ 1 นาที 1 วัน ขอให้มีรัก สิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีคุณค่า มนุษย์เราเกิดมาแล้วต้องรู้จักความรัก ไม่งั้นเสียชาติเกิด”
ฟังๆ ความเห็นของคุณระเบียบรัตน์แล้ว ดูมันจะผิดคอนเซ็ปต์ “รวมกันเราอยู่ ทิ้งกูมึงตาย” ของคุณระเบียบรัตน์ชอบกลอยู่ หรือว่าการที่อาร์เอสจัดโครงการ "เติมเต็มครอบครัวให้เป็นสุข" ด้วยการมอบรายได้ 1 บาทของการขายบัตรภาพยนตร์ต่อหนึ่งใบให้กับมูลนิธิ "ศูนย์เสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข" ของคุณระเบียบ จะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ออกมาสนับสนุนหนังเรื่องนี้
“หลาย ๆ คนงงว่าทำไมดิฉันออกมาสนับสนุนหนังเรื่องนี้ จริง ๆ แล้วดิฉันพูดถึงหนังเรื่องนี้ก่อนที่อาร์เอสจะมามอบรายได้ให้ศูนย์เสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุขซะอีก แต่ถ้าอะไรมันดีก็บอกว่าดี หนังเรื่องนี้สะท้อนปัญหาครอบครัวได้ดีที่สุด แต่จริงๆ แล้วดิฉันอยากจะให้ผู้สร้างได้ทำหนังสะท้อนปัญหาครอบครัวไฮโซออกมาด้วย”
ด้านเนื้อหาสาระที่อ่านในแผ่นกระดาษอาจจะดี แต่ถ้าทำออกมาเป็นฟิล์มแล้วอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้
“ดิฉันอยากให้มองในมุมของเนื้อหาสาระ ไม่อยากให้หนังเรื่องนี้ออกมาโป๊เปลือย แต่จากการที่ได้ถามจากน้อง ๆ นักข่าวเค้าก็บอกว่า โป๊มากเลยนะพี่ คือถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ดิฉันก็มองว่าไม่น่าจะเอาความโป๊มาทำลายเนื้อหา”
“แต่เค้าอาจจะต้องการเอาใจตลาดเพราะสังคมสมัยนี้มันเสพติดเซ็กส์ หนังสือเล่มใหญ่ๆ ฉบับเสาร์ - อาทิตย์ ก็มีแต่ภาพโป๊ หนังเรื่องนี้ก็อาจจะเอาใจตลาดที่ชอบเสพเรื่องเพศเห็นเรื่องแก้ผ้าเป็นเรื่องธรรมดา แต่โดยเนื้อหาสาระของมันแล้วดิฉันคิดว่าให้แง่คิดดีมาก”
“แต่ที่พูดนี่ดิฉันไม่เตี๊ยมอะไรกับทางอาร์เอสนะ ถ้าเค้ามีเจตนาขายเนื้อหนังมังสา ดิฉันไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน แต่ที่มาร่วมนี่ก็เพราะว่าเนื้อหาสาระของหนังมันตรงกับงานที่ทำ เราเห็นปัญหาครอบครัวมามาก เห็นผู้ชายนอกผู้หญิง แต่หนังเรื่องนี้หักมุมเป็นผู้หญิงนอกใจผู้ชาย มันเกิดขึ้นมาได้ไง ตรงนี้เป็นแง่คิดหนึ่ง”
ถึงเนื้อหาสาระของ “ชู้” จะสะท้อนปัญหาครอบครัวได้ดีซักแค่ไหน แต่การที่คนดังผู้ยึดหลักผัวเดียวเมียเดียวมาตลอดอย่างคุณระเบียบรัตน์ออกมาสนับสนุนแบบนี้ ก็อาจจะทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาได้ว่า เห็นดีเห็นงามกับหนังอีโรติก
“ขอตอบอย่างดีกว่า…ตรงนี้มันเหมือนการที่เราจะจะหาคู่ครอง มันไม่มีอะไรที่เพอร์เฟ็กต์หรอก ถ้าคิดจะหาคนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ หาไปเถอะมันไม่มีหรอก แต่สาระก็คือ อะไรคือทางเลือกสิ่งที่ดีที่สุด”
“แล้วไอ้ที่โป๊เปลือยมากๆ ทำไมไม่มีใครไปด่าหนังสือพิมพ์เล่มต่างๆ บ้างที่เอาแต่ลงรูปโป๊รูปคนแก้ผ้า คนสร้างหนังอย่างคุณองอาจก็เหมือนกัน จะให้เค้าเอานางเอกมานุ่งคอกระเช้าไปว่ายน้ำก็ไม่ได้เพราะคนมันนิยมแบบนี้”
“ที่พูดนี่ไม่ใช่ให้เงินแล้วมาเชียร์นะ ไอ้เงิน 1 บาทมันไม่ได้สำคัญขนาดนั้น แต่ที่ดิฉันชอบก็เพราะว่ามันสะท้อนปัญหาครอบครัว แต่ถ้าไปดูแล้วมันมีฉากโป๊เปลือยก็อยากจะเรียกร้องให้ตัดออกไป”
จะตัดหรือไม่ตัดคงไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องมาถกเถียงกันแล้ว เพราะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉายวันที่ 10 นี้แล้ว แต่ที่น่าคิดไปกว่านั้นก็คือ ถ้าเกิดคุณระเบียบรัตน์ไปดูหนังมาแล้วและเห็นว่าโป๊จริง จะยังคงรับเงินบริจาคจากอาร์เอสหรือเปล่า ?!?