xs
xsm
sm
md
lg

Review ซีรีส์ : “Squid Game 3” บทสรุปสุดคลั่ง ส่งท้ายด้วย 3 เกมโหดที่โลกต้องจดจำ!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์





บทสรุปของซีรีส์แนว Survival Games ที่คนทั่วโลกเฝ้ารอ Squid Game ซีซั่น 3 (เล่นลุ้นตาย - 2025) ปิดตำนานด้วย 3 เกมโหดที่รุนแรงยิ่งกว่าเกมไหนๆ พร้อมด้วยนักแสดงชื่อดังของวงการ K-Drama ที่มาร่วมกันสร้างบทสรุปให้โลกจำ! บททดสอบสุดท้ายที่เล่นกับคุณธรรมและมนุษยธรรมได้อย่างลึกซึ้ง

สุดท้ายแล้ว “ซองกีฮุน” จะกลายเป็นผู้ชนะถึงสองปีซ้อนหรือไม่ แล้ว Squid Game จะปิดฉากลงจริงๆ หรือแค่ทิ้งฐานทัพจากเกาะเวิ้งว้างกลางมหาสมุทรไปสร้างอาณาจักรแห่งใหม่ในฮอลลีวูด (บทความนี้มีสปอยล์นะ)

3 เกมสุดท้ายปิดตำนาน สะท้อนมุมองใหม่การแข่งขันและมนุษยธรรม

ใครที่ติดตาม Squid Game มาตั้งแต่ซีซั่นแรกในปี 2021 จนถึงซีซั่นสุดท้าย (2025) จะรู้ว่า ซีซั่นแรกทำแต้มบุญไว้สูงลิ่ว เมื่อผู้ชมลุ้นไปกับเกมโหดในแต่ละตอน ก่อนจะจบลงด้วยชัยชนะของ “ซองกีฮุน” (รับบทโดย อีจองแจ) ผู้เล่นหมายเลข 456 ที่ทิ้งปมให้ผู้ชมลุ้นกันต่อว่า Squid Game จะได้ไปต่อในซีซั่น 2 หรือไม่? กระทั่งผู้กำกับ “ฮวังดงฮยอก” ประกาศสร้างภาคต่อ แฟนคลับทั่วโลกจึงเฝ้ารอการกลับมาของซีซั่น 2 อย่างใจจดใจจ่อ

ทันทีที่ Squid Game 2 ออนแอร์จึงมียอดสตรีมมิงสูงลิ่วในชั่วข้ามคืน การกลับมาของกีฮุนที่ตัดสินใจหันหลังให้การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในอเมริกา เพื่อโค่นล้มอาณาจักร Squid Game ให้สิ้นซาก พร้อมสวมยูนิฟอร์มหมายเลข 456 อีกครั้ง นับจากนั้นกีฮุนก็ปั่นไม่หยุดจุดประเด็นให้ผู้เล่นคนอื่นๆ ตื่นกลัวและลุกลามจนถึงขั้นก่อกบฎ แต่ก็จบลงด้วยชัยชนะของฟรอนต์แมน (รับบทโดย อีบยองฮอน) และการตายของเพื่อนสนิทของกีฮุน

พอถึงซีซั่น 3 กีฮุนจึงอยู่ในโหมดซึมเศร้าหลังจากสูญเสียเพื่อนรักและคณะปฏิวัติ แต่ก็ต้องฝืนเล่นเกมให้จบๆ โดยเริ่มจากการฝ่าด่านแรกในซีซั่น 3 ที่กำหนดให้ผู้เล่นแบ่งเป็น 2 ทีม กติกามีอยู่ว่า ทีมสีแดงต้องไล่ฆ่าทีมสีน้ำเงิน 1 คนเพื่อเข้ารอบ ถ้าฆ่าไม่ได้ก็เตรียมตุยเย่ได้เลย ด่านนี้จะได้เห็นกีฮุนปางโหดในโหมดผู้ล่า สะท้อนให้เห็นว่า บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ รวมถึงความรักของแม่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะยอมให้ลูกมีตราบาปติดตัวไปชั่วชีวิต

ด่านที่ 2 เป็นเกมโหด “โดดเชือกมรณะ” ที่ผู้เล่นต้องกระโดดเชือกบนสะพานเสี่ยงตายที่รับหน้าที่แกว่งโดย “ยองฮี” และ “ชอลชู” (คู่หูจากตำราเรียนเกาหลี) งานนี้ใครกระโดดพลาดก็ตกไปตุยเบื้องล่างในสภาพแขนขาผิดรูปชวนสยดสยอง สะท้อนความเห็นแก่ตัวและความไร้ศีลธรรมของมนุษย์ ส่วนกีฮุนก็ยังคงเป็น “ฮีโร่” ของคนอ่อนแอเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือด่านนี้เขาต้องอุ้มทารกแรกเกิดพร้อมกับกระโดดเชือกไปด้วย สุดท้ายเกมนี้สอนให้รู้ว่า ไม่มีใครรักเราเท่าตัวเราเอง แม้แต่คนรักก็อาจผลักเราตกเหวนรกได้ถ้าจำเป็น!

ปิดท้ายด้วยเกมสุดโหดที่ทดสอบศีลธรรมและความเป็นมนุษย์ในระดับลึกซึ้ง เมื่อผู้เล่นต้องเดินข้าม 3 แทงก์สูงรูปทรงสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม และวงกลม โดยแต่ละเสาจะต้องมีผู้เล่น 1 คนตกลงไปเพื่อให้ผู้เล่นที่เหลือรอดตาย ท่ามกลางแรงกดดันที่เดิมพันด้วยชีวิตทำให้เราได้เห็นการทรยศหักหลังและเอาตัวรอดในรูปแบบต่างๆ

สุดท้ายแล้วซองกีฮุนจะสร้างตำนานเป็นผู้เล่นหนึ่งเดียวที่ชนะ Squid Game ถึง 2 ซีซั่นหรือไม่? แต่ที่แน่ๆ เกมนี้สอนให้รู้ว่า ในสถานการณ์เดียวกัน คนเราย่อมเลือก “ทางเดิน” ที่แตกต่างกัน ที่สำคัญอย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน แม้คนนั้นจะเป็นพ่อแท้ๆ ของเราเอง

มองตัวละครสะท้อนตัวเรา: เมื่อชีวิตกลายเป็นเดิมพันในสังคมที่ไร้ทางออก

Squid Game ซีซั่น 3 เลือกนำเสนอประเด็นที่หนักแน่นมากขึ้น เช่น ความเหลื่อมล้ำทางสังคม อำนาจของเงินตรา และความสามารถในการให้อภัยตนเองของมนุษย์ แต่ละเกมไม่เพียงแต่ทดสอบสติปัญญา แต่ยังขุดลึกไปถึงบาดแผลทางใจและความเป็นมนุษย์ของผู้เล่น ผู้เข้าแข่งขันบางคนต้องเผชิญหน้ากับความผิดหรือความสูญเสียในอดีต จุดนี้เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าตัวละครไม่ได้เป็นเพียงเบี้ยในเกม แต่เป็นตัวแทนของผู้คนที่ต้องดิ้นรนในโลกความจริง

ขณะที่นักแสดงรุ่นเก๋าอย่าง “อีจองแจ” ยังคงถ่ายทอดบทบาทของซองกีฮุนที่หนักแน่นและเปราะบางได้อย่างมีชั้นเชิง รวมถึงนักแสดงรุ่นใหม่อย่าง “มยองกี” (รับบทโดย อิมชีวาน) ผู้เล่นหมายเลข 333 ยูทูบเบอร์หนุ่มผู้เป็นหนี้มหาศาลจากการถูกฉ้อโกงเหรียญคริปโต เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีบทบาทอย่างมากในซีซั่น 3 เขาสะท้อนถึงความอ่อนแอของลูกผู้ชาย ที่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความรักตัวกลัวตายถึงขีดสุด

ส่วนมนุษย์ลุงอดีตนักธุรกิจตกอับและมนุษย์ป้าร่างทรงสุดเบียว สองตัวประกอบที่สร้างสีสันและความหลากหลายให้เรื่องราวดูมีมิติมากขึ้น ทั้งคู่มีไหวพริบในการเอาตัวรอดและจิตวิทยาในการสื่อสารเพื่อโน้มน้าวใจให้หลงเชื่อและเล่นพรรคเล่นพวก มนุษย์ลุงพยายามเกลี้ยกล่อมให้คนส่วนใหญ่คล้อยตามด้วยการยัดเยียดความเชื่อผิดๆ แบบแนบเนียน ส่วนมนุษย์ป้าก็ใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอและความเปราะบางในจิตใจ ด้วยการเป็นสื่อกลางระหว่าง “มนุษย์” กับ “เทพเจ้า” เพื่อหากินกับความเชื่อของผู้คน ซึ่งทั้งสองเป็นตัวละครที่อาจพบเจอได้ในชีวิตจริง ไม่ว่าจะอยู่ในสังคมและชนชั้นใดก็ตาม

นอกจากนี้ ยังมีตัวละครที่เกี่ยวข้องกันทางครอบครัวอย่าง คู่แม่-ลูก หรืออดีตคู่รักที่ต้องมาเจอกันใน Squid Game ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนทางอารมณ์และความผูกพันอย่างลึกซึ้ง จนไม่อาจละสายตาไปจากการตัดสินใจที่สำคัญของพวกเขา ทั้งยังสะท้อนมุมมองเกี่ยวกับ “ความเป็นพ่อ” และ “หัวใจของคนเป็นแม่” ซึ่งเป็นประสบการณ์ร่วมของคนทั่วโลก ที่อาจพบเจอแม้จะแตกต่างทางเชื้อชาติและสังคม

จุดเด่นอีกอย่าง คือกลุ่มลับ “VIP” ที่มีบทบาทลุ่มลึกขึ้น พวกเขาไม่ใช่แค่ผู้ชมที่คอยเสพความโหดร้ายอีกต่อไป แต่ซีซั่นนี้พวกเขายังมีได้นรับบท “ผู้ล่า” สะท้อนให้เห็นความโหดร้าย ความเลือดเย็น หรือแม้แต่ความอึดอัดในฐานะมนุษย์ที่ต้องตั้งคำถามกับคุณค่าของชีวิตคนอื่นๆ เช่นเดียวกับฝั่งผู้คุมเกมทั้งฟรอนต์แมนที่ลึกๆ แล้วเขาก็รู้สึกเห็นใจและทึ่งในความกล้าหาญของซองกีฮุน หรือผู้อพยพชาวเกาหลีเหนือ ที่ลักลอบช่วยเหลือผู้เล่นเกมให้หนีตาย เพราะมีปมฝังใจเกี่ยวกับครอบครัว และรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

Squid Game 3: ซีรีส์ที่กล้าหาญและสะท้อนสังคมร่วมสมัย

Squid Game 6 ตอนสุดท้าย มีทั้งการเดินเรื่องแบบเร่งจังหวะอย่างไม่ปล่อยให้ผู้ชมได้พักหายใจ สลับกับบทเนิบช้าขยี้ดราม่า ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด หักมุม และช่วงเวลาสะเทือนใจหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเสียสละ การทรยศหักหลัง หรือบทสรุปหักมุมและทิ้งคำถามให้ขบคิดต่อ โดยเฉพาะฉากจบที่มีนักแสดงชื่อดังจากฮอลลีวูดปรากฎตัวในไม่กี่วินาทีสุดท้าย!

แม้บางคนอาจมองว่าสูตรสำเร็จของ Squid Game ดูจะเริ่มซ้ำซากและน่าเบื่อไปสักนิด แต่ท้ายสุด Squid Game 3 ยังคงเป็นซีรีส์ที่ท้าทายความคิดและเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของผู้ชมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะตอนจบที่ทิ้งคำถามและเปิดช่องให้ผู้ชมขบคิดถึงสังคมและตัวตนที่แท้จริงของเรา ปรากฏการณ์ Squid Game แสดงให้เห็นว่าคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ มีความคิดสร้างสรรค์ และสะท้อนประเด็นสังคมร่วมสมัย สามารถก้าวข้ามกำแพงภาษาและวัฒนธรรมเพื่อเข้าถึงผู้ชมทั่วโลกได้ดี

ซีรีส์เรื่องนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงความบันเทิง แต่ยังเป็นกระจกสะท้อนสังคมที่กระตุ้นให้ผู้คนได้ขบคิดถึงคุณค่าและทางเลือกในชีวิต Squid Game ได้ทิ้งร่องรอยไว้ในประวัติศาสตร์วัฒนธรรมป๊อป และเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของวงการบันเทิงเกาหลีใต้บนเวทีโลก

สามารถรับชม Squid Game ซีซั่น 3 ทั้ง 6 ตอนได้ทาง Netflix

ร้อยเรียงเรื่องราว : รัสรินทร์ สุนทรกมลรัศมิ์
อ้างอิงเรื่องและภาพ : https://www.hancinema.net/

ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/

#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์
















































กำลังโหลดความคิดเห็น