วงการบันเทิงมีอะไรให้เมาท์ฉ่ำไม่มีแผ่ว ไม่เว้นแม้แต่ K-Drama ที่ชีวิตจริงของเหล่าซุป’ตาร์ก็ดราม่าไม่แพ้กัน ล่าสุดประเด็นร้อนแรงที่หลายคนนำมาเปรียบเทียบกันหนักหน่วง คือจุดเปลี่ยนในชีวิตของ 2 พระเอกซีรีส์เกาหลีสุดฮอตอย่าง “จูจีฮุน” และ “ซงจุงกิ” นักแสดงหนุ่มหล่อมากความสามารถ แต่เส้นทางชีวิตและอาชีพของพวกเขากลับต่างกันราวฟ้ากับดิน อะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนหนึ่งกลายเป็นดาวเด่น อีกคนกลับเป็นดาวดับอย่างไม่น่าเชื่อ บทเรียนชีวิตของพวกเขาให้อะไรกับเราบ้าง
เอาล่ะ! ชาวโคนันทั้งหลาย เรามาร่วมไขปริศนากันดีกว่า
จากเงาอดีตสู่แสงสปอตไลท์ : จุดเปลี่ยนของชีวิต “จูจีฮุน” คืออะไร?
เส้นทางชีวิตของ “จูจีฮุน” ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หลังโด่งดังเป็นพลุแตกจากบทเจ้าชายเย็นชาในซีรีส์สุดฮิต เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา (Princess Hours - 2006) ในปี 2008 เขาก็ร่วมงานกับนักแสดงดาวเด่นอีก 3 คนในภาพยนตร์เรื่อง Antique - 2008 ที่เขารับบทเป็นเชฟทำขนมสุดหล่อและเจ้าชู้ตัวพ่อ ทั้งสองเรื่องนั้นเขาเล่นดีตีบทกระจุยจนคว้ารางวัล “Most Popular” จาก BaekSang Arts Awards ครั้งที่ 45 ในปี 2009
ภายใต้แสงสปอร์ตไลท์ที่เจิดจรัส ชื่อเสียงของจูจีฮุนก็กลายเป็น “ดาวดับ” ในชั่วพริบตาด้วยคดียาเสพติด เรื่องมีอยู่ว่า คืนหนึ่งเขาไปร่วมงานปาร์ตี้และเพื่อนสนิทดันตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย แต่ไม่พบสารเสพติดใดๆ ในตัวของจูจีฮุน ถึงอย่างนั้นด้วยความเป็นคนจิตใจดีงาม เขาจึงสารภาพบาปกับคุณตำรวจว่า เคยลองเสพยามาแล้ว ทำให้จูจีฮุนได้รับโทษรอลงอาญา 1 ปี จ่ายค่าปรับ และบำเพ็ญประโยชน์ 120 ชั่วโมง ตอนนั้นติ่งหลายคนก็ช็อกหนักมาก คิดว่าอนาคตของเขาในวงการบันเทิงคงจบสิ้นแล้ว ใครจะคิดว่าจูจีฮุนจะกลับมาได้อีก หลังคดีสิ้นสุดเขาก็เข้ากรมทหารและกลับมารับงานในวงการบันเทิงอีกครั้ง
ห่างหายจากวงการบันเทิงไป 3 ปี จูจีฮุนก็หวนคืนวงการบันเทิงอย่างสง่างามในบทนักเปียโนอัจฉริยะจากซีรีส์ “Five Fingers” (2012) และซีรีส์แนวเมดิคัลอย่าง “Medical Top Team” (2013) ที่เขารับบทเป็นหมอสุดเท่ จากนั้นเขาก็ปล่อยของแบบรัว ๆ ไม่มัวห่วงหล่อในซีรีส์และภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น “Love Suspects” (2013) “Marriage Blue” (2013) “Confession” (2014) และ “Asura: The City of Madness” (2016) ที่ทำให้เขาคว้ารางวัล Popular Film Star Award จากเวที 2016 The Korea Film Actor’s Association
จนดังเปรี้ยงปร้างสุด ๆ ไปทั่วโลกต้องยกให้ภาพยนตร์เรื่อง “Along with The Gods: The Two Worlds” (2017) ในบทยมฑูตมาดกวนที่ทำให้เขากวาดรางวัลด้านการแสดงจากหลายเวที
ในวงการเกาหลีนี่ใครได้รางวัลจากภาพยนตร์จะได้รับการยอมรับอย่างมากในฐานะนักแสดง หลังจากนั้นเจ้าชายเย็นชาก็กลายเป็นราชาสุดเท่ใน “Kingdom” (2019) ซีรีส์แนวซอมบี้ย้อนยุคที่ทำให้โลกต้องตะลึง! ผลงานการแสดงของเขามีพัฒนาการขึ้นอย่างชัดเจน เพราะ Kingdom ไม่ใช่แค่ซีรีส์ซอมบี้ แต่ยังมีเนื้อหาเข้มข้น สะท้อนการเมืองและความเหลื่อมล้ำในสังคม เป็นอีกหนึ่งผลงานมาสเตอร์พีซของจูจีฮูนเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ เขายังฝากฝีมือการแสดงที่ดีวันดีคืนในซีรีส์และภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง รวมถึงซีรีส์ดังช่วงปลายปี 2024 อย่าง “Light Shop” ทาง Disney+ Hotstar ที่แม้จะบทน้อย แต่ก็เด่นทุกครั้งที่ปรากฎตัว และล่าสุดต้อนรับต้นปี 2025 จูจีฮุนก็เจิดจรัสอีกครั้งในซีรีส์ “The Trauma Code : Heroes on Call” ทาง Netflix ในบทบาทของ “แบคคังฮยอก” ศัลยแพทย์มือหนึ่งที่เคยปฏิบัติงานในพื้นที่สงคราม คุณหมอที่ขับเฮลิคอปเตอร์พอได้ ใช้อาวุธสงครามได้กรุบกริบ และจิตใจดียืนหนึ่ง ซีรีส์กระแสดีจนขึ้นชาร์ต Top10 ใน 77 ประเทศทั่วโลก!
บทเรียนชีวิตของจูจีฮุนพิสูจน์ให้เราเห็นว่า “การสำนึกผิด” และ “ความพยายาม” สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้ เขาใช้เวลาว่างในช่วงที่หายไปจากวงการฝึกฝนทักษะการแสดงอย่างหนัก เมื่อได้รับโอกาสอีกครั้ง เขาก็คว้ามันไว้และทุ่มเทอย่างเต็มที่ เขาแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางการแสดงแบบก้าวกระโดด จนหลายคนกลับมาเป็น FC นี่แหละจุดเปลี่ยนของชีวิต ที่ทำให้จูจีฮุนกลายเป็นดาวเด่นที่กลับมาเฉิดฉายได้อีกครั้ง!
จากซุป’ตาร์สู่ข่าวฉาว : ชีวิตของ “ซงจุงกิ” เดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?
ขณะที่จูจีฮุนกำลังเจิดจรัสหลังมรสุมใหญ่ ชีวิตของ “ซงจุงกิ” อีกหนึ่งสามีแห่งชาติที่เคยเป็นที่รักของแฟนๆ ทั่วเอเชียจาก “Descendants of the Sun” (2016) กลับต้องเผชิญกับจุดเปลี่ยนของชีวิต พลิกผันไปในทางตรงกันข้าม ข่าวการหย่าร้างกับ “ซงฮเยคโย” หรือ “คู่รักซง-ซง” สร้างความตกตะลึงให้กับแฟนคลับทั่วโลก แม้ว่าเรื่องส่วนตัวไม่ควรเอามาตัดสินผลงาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพลักษณ์ของเขาได้รับผลกระทบอย่างหนักจากข่าวฉาวนี้
แน่นอนว่าหลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาซงจุงกิจากซีรีส์ดังหลายเรื่อง โดยเฉพาะผลงานแจ้งเกิดในซีรีส์ “Sungkyunkwan Scandal - บัณฑิตหน้าใส หัวใจว้าวุ่น” (2010) หนุ่มหล่อเจ้าสำราญ ขี้เล่น แต่แอบซ่อนความฉลาดและจริงใจไว้ข้างใน ทำเอาสาวๆ ใจละลายกันทั่วเอเชีย จากนั้นชื่อเสียงของซงจุงกิก็เริ่มเป็นที่พูดถึงมากขึ้น ทำให้เขาได้รับโอกาสในการแสดงที่หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบทบาทในละครพีเรียด ภาพยนตร์ หรือแม้แต่ซีรีส์แนวโรแมนติกคอเมดี้ ซึ่งแต่ละบทบาทเขาก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าประทับใจสุดๆ เลยล่ะ
ช่วงเวลาที่ FC ฟินหนักมาก อย่างการเปลี่ยนจาก “คู่จิ้น” เป็น “คู่จริง” จากซีรีส์ “Descendants of the Sun - ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ” ที่ทำให้ซงจุงกิโด่งดังไปทั่วเอเชียในบทของกัปตันยูชีจิน ทหารหนุ่มสุดเท่ อบอุ่น และโรแมนติกที่สุด ซีรีส์ไม่ได้มีดีแค่ความโรแมนติก แต่เนื้อเรื่องที่เข้มข้น ฉากแอ็กชั่นสุดอลังการ และข้อคิดดีๆ ที่สอดแทรกอยู่ในเรื่องก็ทำให้ Descendants of the Sun เป็นซีรีส์ครบรสสมบูรณ์แบบ ด้วยเคมีที่เข้ากันสุดๆ และตกหลุมรักกันจากกองถ่าย ทำให้ทั้งสองแต่งงานกันในปี 2017 ทว่าหลังจากนั้น 2 ปีก็มีข่าวหย่าร้างแบบสายฟ้าแลบ ด้วยเหตุผลที่แฟนคลับหลายคนทำใจไม่ได้ และกลายเป็น Anti-fan ของซงจุงกิไปนับแต่นั้น
อย่างไรก็ดี ซงจุงกิกลับมาเจิดจรัสอีกครั้งในซีรีส์ “Vincenzo” (2021) ทนายความมาเฟียชาวอิตาลีเชื้อสายเกาหลี กับการพลิกบทบาทจากกัปตันยูชีจินสุดอบอุ่นเป็นวินเชนโซ่สุดเท่ เจ้าเล่ห์ และแฝงไปด้วยความโหดร้าย คือคาริสม่ากระจายมากเวอร์ และซีรีส์ Reborn Rich (2022) ความปังที่ยืนยันความเป็นซุป’ตาร์ด้วยการกวาดเรตติ้งถล่มทลาย เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานมาสเตอร์พีซของซงจุงกิเลยก็ว่าได้ เลขาผู้ภักดีที่ถูกหักหลังและกลับมาเกิดใหม่ในฐานะหลานชายคนเล็กของตระกูลแชบอล ซงจุงกิถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง Reborn Rich ไม่ใช่แค่ซีรีส์ที่สนุกและน่าติดตามเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคม การแย่งชิงอำนาจ และความสำคัญของครอบครัว ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจและชวนให้ขบคิดมากๆ
แต่แล้วหลังจากนั้น เราก็ได้ยินข่าวคราวในวงการภาพยนตร์ของซงจุงกิที่เสียงดังแป๊ก! แตกต่างจากที่เคยตั้งแต่ “Hopeless” (2023) และ “My Name Is Loh Kiwan” (2024) แม้เรื่องนี้จะได้รับคำวิจารณ์ในทาง+ จากเหล่าผู้ชมใน Netflix แต่ยอดผู้เข้าชมก็ตกต่ำจากผลงานอื่นๆ ของเขา ล่าสุดกับการเปิดตัว “Bogota: City of the Lost” ในวันส่งท้ายปี 2024 ที่รายได้ดูท่าจะไม่เป็นไปตามเป้า และคนมาร่วมงานบางตาจนหนุ่มซงจุงกิถึงกับแอบปาดน้ำตาเบาๆ และหลายคนมองว่า นี่อาจเป็นขาลงของเขาก็เป็นได้
แม้ว่าซงจุงกิจะเป็นนักแสดงมากฝีมือคนหนึ่งของวงการ แต่ข่าวฉาวต่างๆ ที่ตามมาหลังการหย่าร้าง ทำให้ชื่อเสียงของเขาค่อยๆ เลือนหายไป แม้จะมีผลงานออกมา แต่ก็ไม่เปรี้ยงปร้างเท่าเดิม ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หากไม่มีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง เส้นทางบันเทิงของเขาจะเป็นอย่างไรกันแน่นะ
บทเรียนจาก 2 พระเอก : จุดเปลี่ยนของชีวิต สอนอะไรเราบ้าง?
ต่อให้เราจะไม่ใช่แม่หมอ แต่ก็พอจะตีความได้ว่า หนุ่มราศีกันย์อย่าง ซงจุงกิ (เกิดวันที่ 19 กันยายน 2528) ดวงงานไม่อาจร้อนแรงแซงเรื่องส่วนตัว แม้ฝีไม้ลายมือจะไม่มีแผ่วและบทบาทก็ท้าทายความสามารถมากขึ้น แต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผลงานของเขายังไม่อาจเปรี้ยงปร้างได้เท่าที่ควร ตรงกันข้ามกับพ่อหนุ่มราศีพฤษภอย่าง จูจีฮุน (เกิดวันที่ 16 พฤษภาคม 2525) ที่หยิบจับบทไหนก็ได้รับเสียงปรบมือรัว ๆ ไปทั่วโลก
เรื่องราวของ “จูจีฮุน” และ “ซงจุงกิ” ทำให้เราได้เห็นว่า ชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนเลยจริงๆ จุดเปลี่ยนของชีวิตสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี แต่สิ่งสำคัญคือเราจะรับมือกับมันอย่างไรในวันที่ชีวิตตกต่ำถึงขีดสุด
จูจีฮุนสอนให้เรารู้ว่าความผิดพลาดในอดีตไม่ได้หมายความว่าอนาคตจะต้องมืดมนเสมอไป หากเรากล้าที่จะยอมรับ แก้ไข และพัฒนาตัวเอง เราก็สามารถกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง
ขณะเดียวกัน เรื่องราวของซงจุงกิก็เป็นเครื่องเตือนใจว่า ชื่อเสียงและความนิยมนั้นแสนจะเปราะบาง การรักษาภาพลักษณ์ให้ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก บางครั้งเรื่องส่วนตัวก็อาจส่งผลกระทบต่องานได้เช่นกัน ดังนั้น การวางตัวอย่างเหมาะสมและการจัดการกับเรื่องส่วนตัวอย่างรอบคอบจึงเป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม แม้คุณจะอยากให้ผู้คนโฟกัสที่ผลงานมากกว่าเรื่องส่วนตัวก็ตาม
แต่เชื่อเถอะว่าตราบเท่าที่เรายังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสังคม เราต่างก็โดนพิพากษาจากผู้คนรอบตัวเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอ
แล้วคุณล่ะ...คิดอย่างไรกับจุดเปลี่ยนของชีวิตของ 2 พระเอกชื่อดังระดับเอเชีย อะไรคือปัจจัยที่ทำให้เส้นทางชีวิตของพวกเขาแตกต่างกันอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ร้อยเรียงเรื่องราว : รัสรินทร์ สุนทรกมลรัศมิ์
อ้างอิงภาพ : https://mydramalist.com/
ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/
#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์