เมื่อคุณพ่อจอมเหวี่ยงต้องออกตามหาลูกชายที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ร่วมกับมอนสเตอร์สีฟ้าที่ลูกชายของเขาจินตนาการขึ้นมาอย่าง “เอริค” เรื่องราวชีวิตพัง ๆ ของผู้ชายที่ต้องเผชิญกับวิกฤตวัยกลางคนและความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต ทั้งปมรักร้าวในครอบครัว โดนขโมยไอเดีย โดนปลดฟ้าผ่า ตกงาน จนถึงแอลกอฮอล์ลิซึม ทว่าการตามหาลูกชายได้บานปลายกลายเป็นการขุดรากถอนโคนขบวนการค้ามนุษย์ ค้าประเวณีเด็ก ค้ายาเสพติด การทุจริตคอรัปชัน และการเหยียดผิว-เหยียดเพศ ที่กลายมาเป็น “Eric” (เอริค - 2024) ลิมิเต็ดซีรีส์ของ Netflix ที่จะพาคุณเดินทางสู่โลกแฟนตาซีและเปิดโปงคดีสุดอื้อฉาวของอเมริกาในยุค 1980
จากเด็กชายที่หายตัวไปในเช้าวันหนึ่ง สู่จุดเริ่มต้นของมอนสเตอร์ “เอริค”
แค่เห็นชื่อของ “เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์” เจ้าของรางวัลบาฟต้า (BAFTA-British Academy Film Awards 2022 จาก “The Power of The Dog”) และซูเปอร์ฮีโร่อย่าง “ดร. สเตรนจ์” มารับนำในลิมิเต็ดซีรีส์ 6 ตอนของ Netflix ที่มาพร้อมมอนสเตอร์สีฟ้าตัวใหญ่ในชื่อ “เอริค” ก็เรียกความสนใจจากผู้ชมได้ไม่น้อย
แม้ตัวอย่างซีรีส์อาจจะทำให้เราเดาทางไปในเชิงแฟนตาซีที่มีมนุษย์และมอนสเตอร์ร่วมกันตามหาลูกชายที่หายตัวไป แต่จริง ๆ แล้ว Eric นำเสนอแง่มุมที่ลึกและดาร์กมากกว่านั้น เพราะมันเชื่อมโยงปมปัญหาระดับครอบครัวไปจนถึงปมใหญ่ทางสังคมอย่างการเหยียดผิว-เหยียดเพศ การคอรัปชั่น ยาเสพติด และการค้ามนุษย์ในยุค 80s
เอริคเริ่มต้นด้วยฉากชีวิตของ วินเซนต์ แอนเดอร์สัน (รับบทโดย เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์) ครีเอทีฟและนักแสดงหุ่นมือขวัญใจเด็ก ๆ จากรายการ “Good Morning Sunshine” ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตยอดผู้ชมลดลงเรื่อบ ๆ ทำให้เขาและเพื่อนสนิทอย่างเลนนี่ (รับบทโดย ดาน ฟอกเกลอร์ จาก Fantastic Beasts) ต้องค้นหาไอเดียใหม่ ๆ มาขายให้กับนายทุน แต่ด้วยวินเซนต์เป็นคนขี้เหวี่ยง ปากแจ๋ว และอีโก้แรง จนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทีมงานอยู่ในจุดเปราะบางมากขึ้นทุกวัน
นอกจากงานวิกฤต ชีวิตครอบครัวของวินเซนต์ก็แย่พอ ๆ กัน ในฐานะคุณพ่อของหนูเอ็ดการ์ แอนเดอร์สัน (รับบทโดย อิวาน มอร์ริส โฮว์) วัย 9 ขวบ เขาก็ทำหน้าที่พ่อได้ไม่ดีเท่าที่ควร วินเซนต์หมกมุ่นกับเรื่องงานจนละเลยความต้องการของลูก แถมความสัมพันธ์ระหว่างเขาและภรรยาอย่าง “แคสซี” (รับบทโดย แกบี ฮอฟฟ์แมนน์) ก็ใช่ว่าจะราบรื่น ตรงกันข้ามทั้งสองทะเลาะกันลั่นบ้านแทบจะทุกคืน ทำให้เช้าวันหนึ่งเอ็ดการ์น้อยใจในตัวพ่อและเดินไปโรงเรียนคนเดียวก่อนจะหายตัวไปอย่างลึกลับ
นับจากวันนั้น ชีวิตของวินเซนต์ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ระหว่างที่ภรรยาของเขาและนักสืบร่วมกันออกตามหาเอ็ดการ์ แต่วินเซนต์กลับค้นพบแสงสว่างในการตามหาลูกด้วยวิธีที่แตกต่างออกไป ภายหลังจากที่เขาเข้าไปในห้องนอนของเอ็ดการ์และได้พบกับ “เอริค” มอนสเตอร์สีฟ้าตัวใหญ่ที่เอ็ดการ์วาดขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเอ็ดการ์ได้แรงบันดาลใจมาจากอาชีพของพ่อ วินเซนต์จึงนำเอริคไปเป็นต้นแบบของตัวละครใหม่ในรายการโชว์ ด้วยเชื่อมั่นว่า เอริคจะเป็นหนทางเดียวที่ทำให้เขาได้พบกับเอ็ดการ์อีกครั้ง
แต่อยู่ดี ๆ วินเซนต์ก็เผชิญกับเหตุการณ์แปลกประหลาด เมื่อเอริคปรากฎตัวขึ้นจริง ๆ สร้างความสับสนให้ผู้ชมคาดเดาไปว่า เอริคมีตัวตนจริง ๆ หรือเป็นภาพหลอนของคนติดเหล้ากันแน่ แถมยังช่วยเขาออกตามหาเอ็ดการ์อีกด้วย ในเวลาเดียวกันวินเซนต์ก็ได้สร้างหุ่นของเอริคสูง 7 ฟุตขึ้นมาเพื่อนำไอเดียไปเสนอให้กับนายทุน แน่นอนว่า ไอเดียของเขาเข้าตากรรมการแบบเต็ม ๆ
แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวและอีโก้ของวินเซนต์ทำให้เขาต้องสูญเสียเอริคไปอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้เขาต้องออกตามหาลูกชายตามแนวทางที่เขาเชื่อมั่นเพียงลำพัง โดยไม่มีแม้สักคนเข้าใจเหตุผลของวินเซนต์ กระทั่งภรรยาของเขาก็ทอดทิ้งวินเซนต์เช่นกัน
ในบางช่วงเวลาวินเซนต์และภรรยาก็ต้องเผชิญกับกระแสสังคม ที่เชื่อกันว่าเอ็ดการ์อาจจะตายไปแล้วก็ได้ เพราะระหว่างการสืบสวนได้พบเสื้อเปื้อนเลือดของเอ็ดการ์ อุปกรณ์วาดเขียนและรองเท้าของเอ็ดการ์ที่ตกอยู่ในห้องใต้ดินของคนดูแลอาคาร และภาพจากกล้องวงจรปิดที่ทำให้วินเซนต์ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี ชวนให้ผู้ชมต่างคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนลักพาตัวเอ็ดการ์และเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
Side Story ขยี้ปมปัญหาใหญ่และเปิดโปงดาร์กไซต์ของเมือง
ในเวลาเดียวกับที่เอ็ดการ์หายตัวไป วัยรุ่นผิวสีอีกคนหนึ่งก็หายตัวไปอย่างไร่ร่องรอยเช่นกัน ถึงอย่างนั้น ซีรีส์ก็เผยให้เห็นความแตกต่างราวฟ้ากับเหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจและกระแสสังคม เมื่อเป็นการหายตัวไปของเด็กผิวขาว (ในที่นี่คือเอ็ดการ์) ก็ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างล้นหลามและตำรวจก็เร่งทำงานหามรุ่งหามค่ำ ตรงกันข้ามกับคดีวัยรุ่นผิวสีที่ไม่มีสื่อใดให้ความสนใจเลยสักนิด แม้แต่ตำรวจเองก็มองว่าวัยรุ่นคนนั้นคงติดยาและใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง จะมีก็แต่แม่ของเขาเท่านั้นที่ไม่ยอมถอดใจและไปนั่งเฝ้ารอที่สถานีตำรวจทุกวัน
ตัดภาพมาที่เรื่องราวของเลอดรอยด์ (รับบทโดย แมคคินลีย์ เบลเชอร์ เดอะเธิร์ด) นักสืบผิวสีชาวรักร่วมเพศที่ต้องปิดบังตัวตนไว้ ในยุคสมัยที่การรักร่วมเพศยังเป็นเรื่องผิดบาปและน่ารังเกียจไม่ต่างอะไรกับการก่ออาชญากรรม เลอดรอยด์หมกมุ่นอยู่กับการตามสืบคดีไนท์คลับชื่อดังจนเผลอไปเหยียบตาปลาผู้มีอิทธิพล ทำให้เขาโดนเด้งให้มาตามสืบคดีของเอ็ดการ์ แต่เขาก็ยังแอบเข้าไปสืบราชการลับในไนท์คลับเพียงลำพัง เพราะเชื่อว่าคลับแห่งนี้มีความลับดำมืดซ่อนอยู่เบื้องหลังและน่าจะเกี่ยวพันกับการหายตัวไปของเด็ก ๆ ในเมือง
แต่ระหว่างที่เลอดรอยด์กำลังไขคดีการหายตัวไปของเอ็ดการ์ เขาก็เริ่มขุดคุ้ยจนค้นพบกับคดีใหญ่ที่เปรียบเสมือนเนื้อร้ายในนิวยอร์ก ตั้งแต่คดีฆาตกรรม การค้ามนุษย์ การค้าประเวณีเด็ก ปัญหาคนเร่ร่อน และขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่เชื่อมโยงจากหน่วยงานเล็ก ๆ ในเมืองไปจนถึงนักการเมืองชื่อดัง ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงอคติทางสังคมที่กล่าวโทษคนผิวสีว่าอยู่เบื้องหลังคดีอาชญากรรมต่าง ๆ อย่างไม่เป็นธรรม แม้แต่การเป็นตำรวจผิวสีใน NYPD ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน เลอดรอยด์จึงเป็นตัวแทนของคนผิวสีที่สะท้อนความเหลื่อมล้ำและการกดขี่ข่มเหงที่ทำให้เขาเป็นเหมือนแกะดำใน NYPD
เมื่อใช้ “หัวใจ” นำทาง คุณจะค้นพบสิ่งที่รักและคนสำคัญในชีวิต
อีกมุมที่น่าสนใจในซีรีส์เรื่องนี้ คือความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูกถึง 2 เจเนอเรชัน นอกจากจะพูดถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยสวยงามระหว่างวินเซนต์และเอ็ดการ์ เพราะเด็กชายต้องทนเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันแทบจะทุกวัน ทำให้เขาไม่มีความสุขและหลบไปอยู่ในโลกส่วนตัวกับเพื่อนในจินตนาการ
ขณะเดียวกันวินเซนต์เองก็มีปมฝังใจที่เกิดจากครอบครัวเช่นกัน เขาเกิดมาในครอบครัวของมหาเศรษฐีผู้มีอิทธิพลตัวจริง ถึงอย่างนั้น เขากลับหันหลังให้ครอบครัวและไม่เคยกลับไปหาพ่อแม่ของเขาเลย วินเซนต์ต่อต้านความช่วยเหลือของครอบครัวและพยายามพิสูจน์ว่า เขาสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งบารมีของพ่อ แม้พ่อจะพยายามช่วยเหลือเขาอยู่ห่าง ๆ กระทั่งการตามหาเอ็ดการ์ด้วยวิธีแบบคนรวย แต่สุดท้ายวินเซนต์ก็ก้าวข้ามร่มเงาของตระกูลไปสู่ชีวิตที่เขาเลือกเอง
นอกจากเรื่องความสัมพันธ์ของพ่อและลูกชาย ซีรีส์ยังสอดแทรกเรื่องราวการตามหาแรงบันดาลใจและการทำความฝันให้เป็นจริง ในแง่มุมที่สวยงามระหว่างความรักลูกอย่างสุดหัวใจของวินเซนต์ก็เรียกน้ำตาจากเราได้อยู่หลายซีนเช่นกัน อย่างตอนที่ทุกคนสิ้นหวังในการตามหาเอ็ดการ์ แต่วินเซนต์ไม่เคยถอดใจและยังเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ได้พิสูจน์ให้สังคมเห็นว่า จินตนาการ ความฝัน และความมุ่งมั่นอดทนด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้ จะนำพาความสำเร็จและความสุขมาสู่ชีวิตของเราในสักวัน
ส่วนจะตามหาเอ็ดการ์พบหรือไม่? สุดท้ายคดีหายตัวไปของเด็กชายเอ็ดการ์วัย 9 ขวบ จะเปิดโปงคดีสุดอื้อฉาวและเปลี่ยนแปลงสังคมได้อย่างไร? ตามไปลุ้นกับซีรีส์ Eric ได้แล้ววันนี้ทาง Netflix
ร้อยเรียงเรื่องราว : Rassarin
อ้างอิงภาพ :
https://www.netflix.com/tudum/articles/benedict-cumberbatch-eric-limited-series
https://variety.com/2024/tv/reviews/eric-tv-series-review-netflix-1236006361/
https://www.imdb.com/title/tt16283824/
https://www.radiotimes.com/tv/drama/eric-netflix-cast/
https://people.com/benedict-cumberbatch-stars-worried-father-search-missing-son-netflix-eric-trailer-8642833
https://news.sky.com/story/benedict-cumberbatch-and-gaby-hoffmann-on-netflix-series-eric-13146176
https://www.heavenofhorror.com/reviews/eric-2024-series-netflix/
ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/
#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์