ต้องบอกว่าเป็นโปรเจกต์เรียกเสียงฮือฮาในวงการซีรีส์จีนได้ฝุดๆ สำหรับซีรีส์จีนแนวเทพเซียนฟอร์มจัด สำหรับ The Legend of ShenLi หรือชื่อไทยอย่างไม่เป็นทางการว่า ‘ปฐพีไร้พ่าย’ ที่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วทางแพลตฟอร์ม WeTV ว่าจะมาออนแอร์ภายใน 2023 นี้
ความน่าดึงดูดของซีรีส์เรื่องนี้ อันดับต้นๆ น่าจะอยู่ที่รายชื่อนักแสดงนำ เพราะเป็นการโคจรมาเจอกันอีกครั้งระหว่าง ‘จ้าวลี่อิง’ และ ‘หลินเกิงซิน’ โดยทั้งคู่ไม่เพียงเป็นตัวท็อปของวงการซีรีส์จีนเท่านั้น หากแต่ยังเป็นคู่จิ้นระดับตำนานที่เหล่าแฟนคลับรอคอยกันมากที่สุด หลังจากเรื่องสุดท้ายที่เคยคู่กันเมื่อ 6 ปีก่อนจาก ‘ฉู่เฉียว จอมใจจารชน’ (Princess Agents - 2017) ซีรีส์เรตติ้งถล่มทลายในยุคนั้น
แต่นอกจากได้คู่จิ้นระดับหมื่นล้านวิวแล้ว ซีรีส์จีนเรื่องนี้ยังแง่มุมความน่าดูอื่นๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ ‘ปฐพีไร้พ่าย’ ฉะนั้นจึงเปิดพื้นที่อุ่นเครื่องก่อนโดน ‘ลี่อิง’ และ ‘เกิงซิน’ ป้ายยาอีกครั้ง
1.ทำไมการโคจรมาพบกันอีกครั้งของ ‘จ้าวลี่อิง’ และ ‘หลินเกิงซิน’ จึงเป็นที่จับตามอง : สำหรับแฟนซีรีส์จีนเรื่อง ‘ฉู่เฉียว จอมใจจารชน’ จะรู้ซึ้งดีว่า พวกเขาถูกคุณชายเยว่ (รับบทโดย หลินเกิงซิน) และนักฆ่าซิงเอ๋อร์ (รับบทโดย จ้าวลี่อิง) ทิ้งไว้กลางทะเลสาบของตอนจบซีรีส์ฉู่เฉียว เป็นการจบครึ่งๆ กลางๆ แบบให้คนดูยืนงงอยู่กลางบึง โดยมีความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะมีการโครงการสร้างฉู่เฉียว ภาค 2 ต่อ แต่ท้ายสุดแล้วก็ได้บทสรุปว่าจะไม่มีการสร้างฉู่เฉียวภาค 2 แต่ประการใด ได้แต่เฝ้ารอว่าจะมีผู้สร้างเรื่องอื่นใดพาคู่จิ้นคู่นี้โคจรกลับมาพบกันอีก ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก เนื่องจากมาจนถึงวันนี้ทั้งคู่ต่างยกระดับเป็นนักแสดงเบอร์ใหญ่ของวงการไปแล้ว ถ้าไม่ใช่โปรเจกต์ที่ ‘ใช่’ จริงๆ คงเป็นเรื่องยากที่ทั้งคู่จะกลับมาพบกันอีก นั่นทำให้ปฐพีไร้พ่าย (The Legend of ShenLi) กลายเป็นซีรีส์ที่เหล่าแฟนๆ ต่างเฝ้าคอย
2.ปฐพีไร้พ่าย (The Legend of ShenLi) ดัดแปลงจากนิยายจีนชื่อดัง ซึ่งนำมาแปลในชื่อไทยว่า ‘ปฐพีไร้พ่าย’ ผลงานจากปลายปากกาของ ‘จิ่วลู่เฟยเซียง’ นักเขียนมือหนึ่งด้านโลกเวทมนตร์-แฟนตาซี งานเขียนของเธอนอกจากได้รับความนิยมในรูปแบบนิยายแล้ว แต่ถูกจองคิวนำมาดัดแปลงเป็นซีรีส์จนโด่งดังเป็นพลุแตกมาแล้วหลายเรื่อง
แต่ละเรื่องไม่เพียงแจ้งเกิดให้นักแสดงดาวรุ่งและนำแสดงโดยนักแสดงชื่อดังเท่านั้น แต่ยังทำให้ซีรีส์ประสบความสำเร็จอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น จอมมารโลกต้องจำ (The Legends - 2019) นำแสดงโดยไป๋ลู่ & สวีข่าย, ทาสปีศาจ (The Blue Whisper - 2022) นำแสดงโดย เหรินเจียหลุน & ตี๋ลี่เร่อปา, ของรักของข้า (Love Between Fairy and Devil -2022) นำแสดงโดย ดีแลนหวัง & อวี๋ซูซิน, ล่าหัวใจมังกร (Back From the Brink - 2023) นำแสดงโดย โหวหมิงห้าว & โจวเย่ และ เจ็ดชาติภพ หนึ่งปรารถนา (Love You Seven Times – 2023) นำแสดงโดย ติงอวี่ซี & หยางเชาเยว่ เป็นต้น
3.ซีรีส์เรื่องนี้ ‘จ้าวลี่อิง’ ไม่เพียงรับหน้าที่นางเอกเท่านั้น แต่ยังรั้งตำแหน่ง Executive Producer ของเรื่องอีกด้วย นี่ถือเป็นซีรีส์เรื่องแรกของลี่อิงที่มานั่งแท่น Executive Producer จึงเป็นอีกขั้นบนเส้นทางในวงการบันเทิงของเธอที่เป็นมากกว่านักแสดง เรียกว่าแฟนๆ ของลี่อิงสามารถส่งกำลังใจ ด้วยการสนับสนุนผลงานเรื่องนี้ของเธอกันได้
ภาพเบื้องหลังการถ่ายทำ
4.ปฐพีไร้พ่าย (The Legend of ShenLi) เป็นซีรีส์เทพเซียนแนวใหม่เรื่องแรกๆ ที่มีการผสมผสานความเป็นคอเมดี้เป็นแกนหลักของเรื่อง : ตามสูตรของซีรีส์แนวเทพเซียนส่วนใหญ่มักมีปมอยู่ที่การฝ่าด่านเคราะห์ มีพาร์ทให้ดราม่า บริหารตับ และจบลงด้วยการปราบตัวละครฝ่ายอธรรมของเรื่อง แต่เรื่องนี้พล็อตจะไม่ได้มาแนวนั้น แต่จะเน้นอารมณ์ขันเบาๆ ที่ซ่อนอยู่ในคาแร็คเตอร์ของตัวละคร รวมถึงความสัมพันธ์ตะมุตะมิของนักแสดงรุ่นใหญ่ทั้งสอง ส่วนจะผสมผสานออกมาเรียกรอยยิ้มผู้ชมได้แค่ไหน ต้องไปติดตามตอนออกอากาศจริง ซึ่งด้วยเคมีความจิ้นของคู่พระนางเชื่อว่าไม่ทำให้ผิดหวัง
ตัวอย่างซีรีส์ที่รู้สึกได้ถึงความฮา
5.เป็นการกลับมารับซีรีส์แนวแฟนตาซีอีกครั้งในรอบ 8 ปีของจ้าวลี่อิง : แม้ว่าจ้าวลี่อิงจะมีผลงานซีรีส์ออกมาอย่างต่อเนื่องทุกปี แต่ถ้านับกันดีๆ เธอห่างหายจากการรับเล่นซีรีส์แนวเทพเซียนแฟนตาซีมานานถึง 8 ปี ครั้งสุดท้ายที่เล่นแนวนี้ คือ ศึกเทพยุทธภูผาซู (The Legend of Zu – 2015) และ ฮวาเชียนกู่ ตำนานรักเหนือภพ (The Journey of Flower – 2015) ซึ่งประสบความสำเร็จมากทั้ง 2 เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องฮวาเชียนกู่ เป็นผลงานซีรีส์ที่ทำให้เธอก้าวกระโดดมาสู่นางเอกแถวหน้า
สำหรับเรื่องปฐพีไร้พ่าย (The Legend of ShenLi) จ้าวลี่อิงจะมาสวมบทเป็น ‘เสิ่นหลี’ อ๋องอันดับหนึ่งแห่งแดนอสูร ผู้มีทวนเป็นอาวุธประจำกาย ไม่เพียงต้องเล่นกับ CG สุดอลังการ จ้าวลี่อิงต้องเข้าคอร์สฝึกการใช้อาวุธทวนให้คล่องแคล่วเพื่อให้สมกับบทบาทอีกด้วย
6.เช่นเดียวกับหลินเกิงซินในการมารับบทในปฐพีไร้พ่าย (The Legend of ShenLi) จะเป็นการกลับมารับเล่นแนวแฟนตาซีในรอบ 11 ปีของเขา จากเรื่องสุดท้ายที่รับแนวนี้ คือ ฤทธิ์กระบี่เซียนหยวน (Xuan-Yuan Sword : Scar of Sky - 2012) อีกทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรกในชีวิตการแสดงของเขาในการมารับซีรีส์แนวเทพเซียน
7.เลือกใช้ผู้กำกับรุ่นใหม่มากฝีมือที่ถนัดแนวคอเมดี้ : ปกติซีรีส์ย้อนยุคแนวเทพเซียนที่มีคู่พระนางระดับท็อปสตาร์เบอร์นี้ มักเลือกใช้ผู้กำกับที่ผ่านมาแนวเทพเซียนมาก่อนไม่มากก็น้อย แต่เรื่องนี้กลับผิดคาด เพราะทีมผู้ผลิตเลือก เติ้งเค่อ (Deng ke) ผู้กำกับรุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยกำกับแนวเทพเซียนมาก่อน แต่กลับมีดีกรีกำกับผลงานฟอร์มกลางๆ ที่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะแนวคอเมดี้ แนวสากล แนวยุทธภพ และแนวพีเรียดดราม่าชิงไหวชิงพริบ อย่างเช่น สามีข้าคือฮีโร่ (My Heroic Husband - 2021), แม่สาวพราวเสน่ห์ (Dear Missy - 2020), ปรปักษ์จำนน (The Prisoner of Beauty - รอออนแอร์) และ มังกรหยก (New Jin Yong Wuxia Universe - รอออนแอร์) ซึ่งจากการเลือกตัวผู้กำกับ ทำให้พอเดาได้ว่าผู้ชมจะได้เห็นการเล่าเรื่องที่แตกต่างไปจากแนวเทพเซียนเดิมๆ มีความครบรสมากกว่าเดิม รวมถึงเส้นเรื่องที่เสพง่ายขึ้น
สปอยล์โปรดักชั่นมาซะขนาดนี้ เตรียมรอออนแอร์เร็วๆ นี้ได้เลยไม่น่าเกินรอ ทาง WeTV Thailand จำนวน 40 ตอนจบ
ร้อยเรียงเรื่องราว : Softlens
อ้างอิงเรื่องและภาพ : https://mydramalist.com/
ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/
#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์