หลังจากซีรีส์สัญชาติอังกฤษของ Netflix ได้สร้างการตื่นรู้เรื่องเพศศึกษา และเปิดตำราสอนวิชาเซ็กซ์หลังเลิกเรียนให้กับวัยว้าวุ่นมาถึง 4 ฤดูกาล ก็ถึงเวลาแล้วที่ Sex Education จะปิดตำราไว้ที่ซีซั่น 4 ซีรีส์ที่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องเซ็กซ์เท่านั้น หากแต่ยังหยิบยกประเด็นความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อน และการยอมรับในความหลากหลายทางเพศ ผ่านตัวละครที่เข้าสู่การเปลี่ยนผ่านช่วงวัย (Coming of Age) โดยซีซั่นนี้ทุกตัวละครต่างก็เผชิญกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ ความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง และปล่อยให้ความสัมพันธ์เปิดกว้างสำหรับการตีความ พร้อมกับชวนผู้ชมให้นึกถึงประสบการณ์ของตัวเองและความเชื่อมโยงกับเรื่องราวใน Sex Education
Lesson 1 : นักบำบัดเรื่องเพศเกรด A ที่ต้องมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในโรงเรียนใหม่
แม้นักวิจารณ์จะออกมาขบเบา ๆ ว่า Sex Education ซีซั่น 3 ก็เหมือนภาคจบอย่างสวยงามไปเรียบร้อย ไม่ต้องมีซีซั่นส่งท้ายก็ได้ เช่นเดียวกับมุมมองของผู้ชมบางส่วนที่มองว่า ซีซั่นสุดท้ายดูจะขายความ woke จนคล้ายจะยัดเยียด แต่หลายคนมองว่า Sex Education ซีซั่น 4 มีแง่มุมเด็ด ๆ ให้ขยายต่อได้จนครบทั้ง 8 ตอน และถึงจะ woke ก็ไม่ได้ดูน่าอึดอัดจนเกินไป อย่างน้อยทีมงานก็ใช้ซีรีส์เป็นการสื่อสารให้ผู้คนเปิดใจยอมรับความแตกต่าง ซึ่งบางครั้งวัยรุ่นก็ใช้ ‘เซ็กซ์’ เป็นการระบายความเก็บกด และเบี่ยงเบนความสนใจจากปมปัญหาใหญ่ในชีวิต
ซีซั่นนี้ ‘โอทิส มิลเบิร์น’ (รับบทโดย เอชา บัตเตอร์ฟิลด์) นักบำบัดเรื่องเพศตัวพ่อต้องรับมือกับคู่แข่งในโรงเรียนใหม่ดีกรีไม่ธรรมดา เพราะเธอเป็นตัวแม่เรื่องบำบัดทางเพศที่ดังในโรงเรียนนี้มาก่อนแล้วอย่าง ‘โอ’ (รับบทโดย ทัดเดีย เกรแฮม) เธอมีแนวทางในการบำบัดเรื่องเพศเป็นของตัวเองซึ่งเป็นสิ่งที่โอทิสรับไม่ได้ เพราะเขามองว่า ตัวเองเป็น original ด้านเพศศึกษา ส่วนโอเป็นคนเลียนแบบ ซึ่งสะท้อนความใจแคบและอีโก้ของโอทิส
แน่นอนว่า...การปรากฎตัวของโอทำให้ต่อมอีโก้ของโอทิสถูกเขย่าอย่างรุนแรง ซีซั่นนี้เราจึงได้เห็นโอทิสพยายามประกาศจุดยืนในฐานะนักบำบัดเรื่องเพศตัวตึงจากโรงเรียนมัวร์เดล (Moordale Secondary School) ทำเรื่องหน้าอายบนเวที grand opening สุดปัง แต่กลับพังไม่เป็นท่าเพราะโอทิสดันโชว์ภาพน้องชายเหี่ยว ๆ ขึ้นจอขนาดใหญ่ ซึ่งภาพนั้นเขาตั้งใจจะส่งให้เมฟ ไวลีย์ (รับบทโดย เอ็มม่า แม็คกี้) ที่ได้เข้า Ivy League ในอเมริกา และไม่ต้องบอกก็รู้ว่า การเริ่มต้นใหม่ในฐานะนักบำบัดเรื่องเพศของโอทิสจะไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป
Lesson 2 : ผู้เชี่ยวชาญก็ว้าวุ่นได้เหมือนกันนะ!
ไม่เพียงแค่โอทิสเท่านั้นที่ต้องรับมือกับความท้าทายครั้งใหม่ แม่ของโอทิส ‘จีน มิลเบิร์น’ (รับบทโดย จิลเลียน แอนเดอร์สัน) ก็ว้าวุ่นสุดติ่งเช่นกัน เธอเพิ่งจะคลอดเบบี๋คนใหม่ (โดยไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ) และมีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ทำให้เธอถึงกับเสียทรงอย่างหนัก ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับงานใหม่ในฐานะนักบำบัดเรื่องเพศทางคลื่นวิทยุ ซีซั่นนี้เราจึงได้เห็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพศต่างก็ปวดหัวทั้งเรื่องส่วนตัวและการปรับตัวกับชีวิตใหม่
ซีซั่นนี้เรายังได้เห็นความไม่สมบูรณ์แบบของโอทิส และพยายามพิสูจน์ตัวเองในฐานะนักบำบัดเรื่องเพศกับเพื่อนใหม่ รวมถึงบทพิสูจน์รักทางไกลระหว่างโอทิสและเมฟที่มีเรื่องหึงหวงเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ โอทิสกับเอริค (รับบทโดย เอ็นคูติ กัตวา) เพื่อนสนิทชาว LGBTQ+ ก็ห่างเหินไปมีเพื่อนสาวกลุ่มใหม่ แถมเอริคยังโดนแม่บังคับให้เข้าโบสถ์ ทั้งเอริคและโอทิสจึงต้องรับมือกับความว้าวุ่นและทำความเข้าใจอีกด้านหนึ่งของตัวตนที่เราทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อสมหวัง หรือประสบความสำเร็จเสมอไป
ส่วนเมฟที่เคยเป็นตัวตึงในวงการวรรณกรรมของโรงเรียนมัวร์เดล แต่เมื่อเธอบินไปฝึกฝนการเป็นนักเขียนในอเมริกา เธอต้องรับมือกับอาจารย์ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยปลื้มงานเขียนของเธอเท่าไหร่ เมฟจึงต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองในฐานะนักเขียน รวมถึงปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมใหม่ในอเมริกา แล้วเธอยังต้องพบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อแม่ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาจากไป แต่นั่นก็ทำให้เธอเข้าใจว่า แม่ที่ไม่ดีอย่างน้อยก็ยังเตรียมข้าวให้เธอกินแบบไม่มีอด
อีกหนึ่ง side story ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือเรื่องราวของอดัม กรอฟฟ์ (รับบทโดย คอนเนอร์ สวินเดลล์ส) ซึ่งตัดสินใจไม่เรียนต่อ แต่ขอไปเรียนรู้จากการฝึกงานในฟาร์ม ส่วนพ่อที่เคยเป็นครูจอมเฮี้ยบก็ย้ายมาเป็นครูใหม่ในโรงเรียนเดียวกับโอทิสและเอริค พ่อของอดัมต้องปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีการเรียนสุดล้ำและทำให้เขากับลูกที่เคยไม่ลงรอยกัน ต่างก็หันหน้าเข้าหากัน เปิดใจคุยกัน และเข้าใจกันมากขึ้น
นอกจากนี้ ซีรีส์ยังพยายามสื่อถึงการหาทางออกจากความหมกมุ่นเรื่องเซ็กซ์ อย่างการใช้ศิลปะบำบัด การออกกำลังกาย การทำความเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และการยอมรับในรสนิยมทางเพศ ทำให้เนื้อเรื่องมีความจริงจังมากขึ้น และทำให้ผู้ชมค่อย ๆ เห็นการเติบโตของวัยรุ่นผ่านความเจ็บปวดและความผิดหวัง
ซีซั่นนี้เราจะได้เห็นตัวละครหลักที่ต่างก็เรียนรู้จากความผิดพลาด ล้มเหลว หลงทาง อ่อนแอ และพ่ายแพ้เพื่อสอนให้เราเติบโตและปลดปล่อยอีโก้ที่ทำให้เรายึดติดกับความสำเร็จในอดีต แม้ที่สุดแล้วโอทิสกับเมฟอาจจะไม่ลงเอยถึงขั้นแต่งงานเหมือนความรักของวัยรุ่นทั่วไป อย่างน้อยพวกเขาก็ได้รักกันและความรักที่ผิดหวังก็ทำให้พวกเขาเติบโต เช่นเดียวกับวัยรุ่นคนอื่น ๆ ที่ต่างก็เรียนรู้ผ่านรักและเซ็กซ์ไปพร้อมกัน
Lesson 3 : ตำรากามสูตรเมืองผู้ดี ที่เต็มไปด้วยสีสันและความว้าวุ่น
ความน่าสนใจของ Sex Education ซีซั่น 4 อยู่ที่การใช้ mood & tone ในการเล่าเรื่องเพื่อสื่อถึงความต่างระหว่างโรงเรียนในอังกฤษและอเมริกา จะเห็นได้ว่าโรงเรียนใหม่ในอังกฤษของโอทิสกับเอริคเต็มไปด้วยสีสันสดใส ความหลากหลายทางเพศ การยอมรับในความแตกต่าง และไม่มีการตัดสินกัน จนเหมือนสังคมอุดมคติของหลายคน ถึงแม้นักวิจารณ์บางคนจะบ่นว่า “โลกสวยเกินไป” แต่นั่นเป็นความตั้งใจของทีมงานที่ต้องการจะสื่อสารให้ผู้ชมได้รับรู้ว่า โลกแบบนี้มันน่าอยู่แค่ไหน
ส่วนโรงเรียนในฝั่งอเมริกาจะเล่นกับโทนสีอบอุ่น สบายตา ไม่เน้นสีสันจัดจ้านของเสื้อผ้าหน้าผม เมื่อเทียบกับฝั่งอังกฤษแล้วโรงเรียนของเมฟดูเรียลไปเลย รวมถึงเพื่อนนักเรียนของเมฟที่ดูเหมือนสังคมอุดมปัญญามากกว่าจะหมกมุ่นเรื่องเพศ ถึงอย่างนั้น Sex Education ก็ไม่ได้มีแค่เรื่องเซ็กซ์ เพราะตัวละครต่างก็พยายามพิสูจน์ตัวเองอย่างหนัก ทำให้เราเข้าใจว่าถึงจะสตรองตัวพ่อตัวแม่ แต่เมื่อเราอ่อนแอก็แค่ยอมรับมันและก้าวต่อไป
Sex Education ซีซั่น 4 เพศศึกษา (หลักสูตรเร่งรัก) จึงเป็นซีรีส์ที่ยังคง woke ตั้งแต่ซีซั่นแรกในปี 2019 จนถึงซีซั่นสุดท้าย แม้จะมีบางตอนที่ดูยืดจนน่าเบื่อเกินไป หรือบางตอนก็หลุดวงโคจรไปเลยอย่างอีริคกับพระเจ้าที่อาจทำให้หลายคนถึงกับอึ้ง แต่เราก็ไม่อยากให้คุณพลาดอยู่ดี สตรีมมิ่งกันได้ที่ Netflix
ร้อยเรียงเรื่องราว : Rassarin
อ้างอิงภาพ : https://www.netflix.com/tudum/articles/sex-education-season-4-cast-guide
https://www.teenvogue.com/story/sex-education-moments-that-made-it-the-best-show-on-tv
https://www.esquire.com/entertainment/tv/a45246226/sex-education-season-4-ending-explained/
https://www.thehindu.com/entertainment/movies/sex-education-season-4-review/article67337512.ece
ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/
#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์