แม้กระแสในบ้านเราจะมาแรงติดอันดับท็อป 10 ของ Netflix และทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยดูดีในสายตาชาวโลก เพราะทีมนักแสดงนำเดินทางมาถ่ายทำกันที่กรุงเทพฯ กันพร้อมหน้า ทั้ง ‘อีจุนโฮแห่งวง 2PM’ และ ‘อิมยุนอาแห่งวง SNSD’ ทว่าความปังของ ‘King the Land’ กลับไม่ได้แลนด์สไลด์ไปทั่วโลกเหมือนซีรีส์รอมคอมของเกาหลีหลายเรื่อง ด้วยพล็อตช้ำที่ทำให้คาดเดาได้ไม่ยาก แต่ King the Land ก็เป็นซีรีส์ที่ย่อยง่าย ดูสบาย และชวนให้ยิ้มตามไปกับเคมีของคู่พระ-นางที่เข้ากันได้ดี จนเราเผลอใจเชียร์ให้คู่จิ้นกลายเป็นคู่จริงไปเลย
‘อีจุนโฮ’ คลั่งรักไม่ไหว แพ้ใจให้สาวยิ้มหวานอย่าง ‘อิมยุนอา’
King the Land (2023) ถ่ายทอดเรื่องราวความรักของ ‘กูวอน’ (รับบทโดย อีจุนโฮ หรือจุนโฮวง 2PM) ทายาทเครือ King’s Group หนึ่งในตระกูลแชโบลของเกาหลี หนุ่มหล่อผู้ไม่เคยมีความรักและไม่ไว้ใจใคร เขามีปมวัยเด็กเกี่ยวกับแม่ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ แต่กลับไม่มีใครคิดจะบอกความจริงกับเขาเลยสักคน เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้กูวอนเกลียดรอยยิ้มเข้าไส้ เพราะเขามองว่าเป็นเพียงการเสแสร้งแกล้งยิ้ม แถมยังมีปมกับพี่สาวต่างมารดาที่เป็นผู้บริหารระดับสูงคอยจิกกัดและสกัดดาวรุ่งกูวอนอยู่บ่อย ๆ
ช่วงครึ่งแรกเนื้อเรื่องแทบจะไม่ค่อยได้เห็นบทบาทของกูวอน ในฐานะผู้บริหารหนุ่มไฟแรงและปราดเปรื่องสักเท่าไหร่ ทั้งที่ตอนต้นเรื่องปูทางมาอย่างเทพ ทั้งหล่อ สมาร์ท ฉลาด มาดเนี้ยบ แต่แล้วทันทีที่พบกับนางเอก เขาก็กลายเป็นหนุ่มคลั่งรักฮอร์โมนพุ่งพล่านถึงขนาดใจลอยในเวลางาน ขณะที่บทเด่นตกเป็นของ ‘ชอนซารัง’ (รับบทโดย อิมยุนอา หรือยุนอาวง SNSD) สาวผู้ทุ่มเทอย่างสุดความสามารถเพื่อจะเป็นพนักงานของโรงแรมในฝัน และรอยยิ้มของเธอก็ทำลายกำแพงน้ำแข็งให้ละลายกลายร่างเป็นเจ้าชายสุดโรแมนติก
ส่วนครึ่งหลังตั้งแต่ Ep.10 ที่ทีมนักแสดงนำเดินทางมาถ่ายทำในประเทศไทย ต้องบอกว่า เนื้อเรื่องสนุกขึ้นและกูวอนก็เริ่มเผยความเป็นผู้นำรุ่นใหม่ไฟแรง ที่พร้อมจะต่อกรกับพี่สาวและลุกขึ้นมาปฏิวัติการบริหารธุรกิจแบบเก่า ๆ ที่เน้นจับมือกับผู้มีอำนาจทางสังคมและชนชั้นปกครอง เพราะกูวอนให้ความสำคัญกับฟันเฟืองเล็ก ๆ ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโรงแรมคิงมากกว่า เขาเป็นผู้อำนวยการที่ก้มหัวขอบคุณพนักงานด้วยความจริงใจ และให้ความสำคัญกับพนักงานทุกระดับอย่างเท่าเทียม รวมถึงสานต่อความฝันที่พ่อและแม่ของเขาอยากสร้างโรงแรมคิงให้เป็นสถานที่แห่งความสุขและความประทับใจ โดยเฉพาะงานฉลองครบรอบ 100 ปีของโรงแรมคิงที่ดูแล้วปลาบปลื้มในความอ่อนโยนของกูวอนสุด ๆ สะดุดรักเข้าอย่างจัง
บอกเลยว่า สาวกซีรีส์แนว Cinderella Story น่าจะถูกอกถูกใจไม่น้อย เพราะในเรื่องคุณจะได้เห็นหนุ่มหล่อสายเปย์ยอมทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อชอนซารังแต่เพียงผู้เดียว ถึงแม้เขาจะไม่ประสีประสาในเรื่องความรัก แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากหัวหน้าแผนกโน-คนสนิทหนึ่งเดียวที่กูวอนไว้วางใจคอยเป็นพรายกระซิบข้างหู ทำให้เขารู้ใจตัวเองว่า ที่จริงเขาปลื้มนางเอกเอามาก ๆ
ส่วนนางเอกก็มีเพื่อนสาวแสนสวยคอยเป็นพลังบวกให้กันและกัน ซีรีส์จึงโดดเด่นไปที่บทบาทของผู้หญิงทั้งในฐานะผู้นำและฟันเฟืองเล็ก ๆ ขององค์กร
ขณะเดียวกันซีรีส์ก็เผยให้เห็นมุมดาร์ก ๆ ของสังคมการทำงานในเกาหลี ที่นอกจากจะมีระบบซีเนียร์ การเอาเปรียบน้องใหม่ในทีม Sexual Harassment หรือการล่วงละเมิศทางวาจา การแบ่งชนชั้นในที่ทำงาน จนถึงการกดขี่ลูกสะใภ้สไตล์แม่ผัวตัวแสบ ซึ่งทำให้เรามองเห็นความกดดัน ความอดทน และการต่อสู้ภายใต้รอยยิ้มของชอนซารังและเพื่อนสาว แม้แต่กูวอนเองก็หนีไม่พ้นการเมืองในที่ทำงานระหว่างเขากับพี่สาวเช่นกัน แต่สุดท้ายธรรมะก็ชนะอธรรม คนชั่วก็แพ้ภัยตัวเองอยู่ดีสมกับเป็นซีรีส์ Feel Good
สูตรสำเร็จของซีรีส์รอมคอมและ Soft Power ของเกาหลี
ซีรีส์สอดแทรกสูตรสำเร็จของซีรีส์รอมคอมหลายเรื่องเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น มิตรภาพระหว่างเพื่อนหญิงพลังหญิงเหมือนในซีรีส์เรื่อง Thirty-Nine I สามสิบเก้า (2022) เพราะตัวละครหลักทั้ง 3 คนเป็นเพื่อนสมัยเรียนที่ต่างคนต่างก็ทำงานบริการเหมือนกัน แถมยังทำงานภายใต้เครือธุรกิจ King’s Group เหมือนกันอีกด้วย โดยชอนซารังเป็นพนักงานต้อนรับของโรงแรมคิง ‘โอพยองฮวา’ (รับบทโดย โกวอนฮี) เป็นพนักงานต้อนรับของสายการบิน King Air และ ‘คังดาอึน’ (รับบทโดย คิมกาอึน) เป็นพนักงานขายสินค้าแบรนด์หรูในเครือ King’s Group
นอกจากนี้ King the Land ยังนำเสนอความซื่อใสจริงใจของผู้คนในชนบท ทำนองเดียวกับที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วจากซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha (2021) โดยเล่าเรื่องราวผ่านความผูกพันระหว่างชอนซารังและคุณย่าที่เปิดร้านอาหารเกาหลีเล็ก ๆ ในชนบท ทั้งยังสอดแทรกความพิถีพิถันของการทำอาหารเกาหลีสูตรดั้งเดิมและความน่ารักของผู้คนในชนบทไว้อย่างอบอุ่น ด้วยความน่ารักของคุณย่าและความจริงใจของชาวเมืองที่ทำให้กูวอนเปิดใจให้กับรอยยิ้มที่มาจากใจ และทำให้เขาค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองไปทีละน้อย
ซีรีส์รอมคอมที่จับ ‘K-pop Idol’ ชื่อดังมารับบทนักแสดงนำ
อีกหนึ่งเหตุผลที่หลายคนชื่นชอบ King the Land มาจากฐานแฟนดอมทั้งของ ‘อีจุนโฮ’ และ ‘อิมยุนอา’ ในฐานะ K-pop Idol ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในหลายประเทศ โดยจุนโฮวัย 33 ปี (เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 1990) เป็นทั้งนักร้อง นักแต่งเพลง นักเต้น และนักแสดง เขาเดบิวต์ในฐานะไอดอลแห่งวง 2PM เมื่อปี 2008 ก่อนจะก้าวสู่วงการแสดงในฐานะนักแสดงสมทบในปี 2011
หลังจากนั้น จุนโฮก็รับบทนักแสดงนำเต็มตัวในซีรีส์เรื่อง ‘Chef Kim’ (2017) ‘Rain or Shine’ (2017) และ ‘Work of Love’ (2018) ก่อนจะรายงานตัวเข้ากรมฯ ในปี 2019 และหวนคืนสู่วงการ K-pop อีกครั้ง และหวนคืนวงการซีรีส์ใน ‘The Red Sleeve’ (2021) ที่ทำให้ชื่อเสียงในฐานะพระเอกของเขาปั๊วะปังขั้นสุด ส่งผลให้จุนโฮคว้ารางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมจากเวที Korea PD Awards 2022 ครั้งที่ 34 และเป็นไอดอลเกาหลีคนแรกที่คว้ารางวัลนี้มาได้
ส่วนอิมยุนอาก็เป็นไอดอลสาวมากความสามารถ ที่โด่งดังจากการเป็นสมาชิกวง Girls’ Generation (SNSD) ในตำแหน่งนักร้อง นักเต้น และมาสคอตของวง ยุนอาเริ่มเข้าสู่วงการในฐานะนักแสดงจากซีรีส์ Two Outs in the Ninth Inning (2007) โดยในปีเดียวกันเธอก็เปิดตัวในฐานะไอดอลวง SNSD
หลังจากนั้นยุนอาก็หวนคืนสู่วงการแสดงอีกครั้งในซีรีส์เรื่องดัง You Are My Destiny (2008) ที่ประสบความสำเร็จถล่มทลาย และซีรีส์เรื่อง Prime Minister and I (2013) ที่บทเด่นเล่นดีจนได้รับรางวัล Excellence Awards จาก KBS Drama Awards 2013 ด้วยวัย 33 ปี (เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 1990) บอกเลยว่า อนาคตในฐานะนักแสดงยังอีกยาวไกล แล้วยุนอายังเป็นนักร้องมากความสามารถ เคยมีอัลบั้มทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาจีนมาแล้ว รวมถึงเธอกำลังจะมีบทนำในหนังเรื่อง 2 O’Clock Date ประกบคู่กับอันโบฮยอน (นายแบบและนักแสดงสุดฮอตของเกาหลี) อีกด้วย
“สบาย ๆ สไตล์คนไทย” มองประเทศไทยผ่านสายตาชาวเกาหลี
นอกจากนี้อีกหนึ่งความประทับใจที่ทำให้แฟนคลับชาวไทยฟินไปตาม ๆ กันคือ King the Land ยกทีมนักแสดงนำบินมาถ่ายทำที่ประเทศไทยในหลายโลเกชั่นทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง อาทิ วัดอรุณราชวรารามฯ โลหะปราสาท คลองโอ่งอ่าง ไอคอนสยาม เกาะพีพี ฯลฯ ซีรีส์ยังถ่ายทอดความเป็นไทยได้อย่างน่ารักและน่าจะทำให้คนไทยภูมิใจไม่น้อย ถึงขนาดเกิดกระแสตามรอยซีรีส์ King the Land ในไทยกันเลยทีเดียว
ซีรีส์ยังสะท้อนความเป็นไทยในสายตาชาวเกาหลี ที่พวกเขามองว่า คนไทยเป็นคนสบาย ๆ ผ่อนคลาย ซึ่งตรงกันข้ามกับชีวิตที่เร่งรีบและเต็มไปด้วยความกดดัน นอกจากนี้ชาวเกาหลียังมองประเทศไทยเป็น Food Hub สวรรค์ของคนรักอาหารที่นางเอกมักจะเอ่ยปากชมอยู่หลายตอน แล้วยังผสมผสานความหลากหลายของวัฒนธรรมอาหารในหลายชาติเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ตรงข้ามกับอาหารเกาหลีที่ยังคงมีความอนุรักษ์นิยม รวมถึงประเทศไทยยังมีสตรีทฟู้ดให้เลือกของกินได้หลากหลาย จนนางเอกถึงกับตกหลุมรัก
อยากรู้ว่า ประเทศไทยสวยงามและมีเสน่ห์แค่ไหนในสายตาชาวต่างชาติ และไม่อยากพลาดซีรีส์รอมคอมระดับท็อป 10 ของ Netflix ตามไปฟินกับ King the Land ทั้ง 16 ตอน
ร้อยเรียงเรื่องราว : Rassarin
อ้างอิงเรื่องและภาพ : https://mydramalist.com/
https://www.hancinema.net/
ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/
#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์