ไม่รู้จะใช้คำบรรยายใดๆ มาเปรียบเทียบความรู้สึกของเหล่าติ่งทั้งหลายว่าคอมพลีทสมการรอคอยจริงๆ สำหรับการมาถึงของสุดยอดซีรีส์จีนฟอร์มยักษ์ S+ ‘จันทราอัสดง’ (Till The End of The Moon - 2023) กับการรอคอยมานานเกือบ 2 ปี กว่าจะลงจอ ซึ่งไม่ได้ทำให้ผู้ชมผิดหวังแม้แต่น้อย เพราะเพียงปล่อยออกมา 8 ตอนแรกก็สร้างกระแสฮือฮาและเสียงชื่นชม ทั้งเนื้อเรื่องสนุกสนานชวนติดตาม คอสตูมอลังการ โปรดักชั่นสุดตระการตา โดยเฉพาะ CG จัดหนักจัดเต็มตั้งแต่ Ep.1 (จนนึกว่าดูมาร์เวลเวอร์ชั่นจีน)
‘จันทราอัสดง’ (Till The End of The Moon - 2023) บอกเล่าเรื่องราวเส้นทางความรักหลายภพหลายชาติของพระนาง โดยมีจุดเริ่มต้นของเรื่องราวว่าด้วยโลกที่ถูกมารครอบครอง มนุษย์ดูแคลนเทพเซียน โดยมี ‘จอมมารถานไถจิ้น’ (หลัวอวิ๋นซี) เป็นเจ้าแห่งมารทั้งปวง ทุกสำนักเซียนล้วนถูกถานไถจิ้นทยอยทำลายย่อยยับ เหล่าทวยเทพดับสูญ ผู้คนล้มตายราวใบไม้ร่วง เหลือเพียงสำนักเซียวเหยากับสำนักเหิงหยาง ที่อยู่ต่อต้านจอมมารผู้มีพลังแกร่งกล้า
เพื่อช่วยกอบกู้โลกจากการปกครองโดยจอมมารถานไถจิ้น ‘หลีซูซู’ (ไป๋ลู่) ลูกสาวเซียนเจ้าสํานักเหิงหยางยอมเดิมพันครั้งสุดท้ายใช้ของวิเศษย้อนเวลากลับไปเมื่อ 500 ปีก่อน มาอยู่ในร่างของมนุษย์ ‘เย่ซีอู้’ ลูกสาวคนเล็กของแม่ทัพตระกูลเย่ เพื่อมาถอดกระดูกมารของ ‘ถานไถจิ้น’ ขณะที่เขายังเป็นเพียงมนุษย์ผู้อ่อนแอ และเป็นเพียงองค์ชายเชลยของแคว้นจิ่ง
แต่นึกไม่ถึงว่าการย้อนเวลากลับมา ถานไถจิ้นจะเป็นสามีของเย่ซีอู้ ทั้งสองค่อยๆ มีใจให้กัน สุดท้ายหลีซูซูจึงเสียสละตนเอง เพื่อเปลี่ยนชะตากรรมของถานไถจิ้นและโลกใบนี้ หลังจากสูญเสียคนรัก ถานไถจิ้นตามหาวิญญาณของหลีซูซูในธารน้ำแห่งโลกวิญญาณเป็นเวลา 500 ปี ขณะกําลังจะสิ้นใจก็ได้สํานักเซียนมาช่วยไว้ ตั้งแต่นั้นมาจึงกลายเป็นศิษย์ของสํานักเซียน เขาทําความดีเพื่อชดเชยความผิดและได้พบหลีซูซูที่เฝ้าคะนึงหาอีกครั้ง ทั้งสองกลับมาใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ร่างมารของถานไถจิ้นยังตามมาปลุกปั่นให้เกิดความโลภ ทั้งสามโลกจึงตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง
เมื่อเผชิญหน้ากับชะตากรรมอันโหดร้าย ภายใต้ความเข้าใจผิดมากมาย ทั้งสองต่างต้องฟันฝ่าอุปสรรคความรักจนในที่สุดเข้าใจกัน หนึ่งคนกลายเป็นเทพ หนึ่งคนกลายเป็นมาร ร่วมมือกันเปลี่ยนชะตากรรมและหยุดยั้งวิกฤตที่จะทําลายล้างโลก
ฟังแค่เรื่องย่อถ้าไม่ใช่สายเทพเซียนอาจรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย แต่เราสรุปกระแสความน่าดูและเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ของซีรีส์เรื่องนี้ให้อ่านกันเพลินๆ แล้วที่นี่
•เป็นซีรีส์ที่แฟนๆ จับตามองมากที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะเป็นการโคจรมาพบกันอีกครั้งของคู่พระนางเคมีจิ้นกระจายระหว่างหลัวอวิ๋นซีและไป๋ลู่ หลังจากเคยสร้างกระแสถล่มทลาย จูงมือประสบความสำเร็จด้วยกันมาแล้วจากซีรีส์แนวสากลเรื่อง ‘ครึ่งทางรัก’ (Sweet is Love – 2020) ซึ่งเรื่อง‘จันทราอัสดง’ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เลเวลความฟินให้ 10 เต็ม 10
•ถือเป็นซีรีส์ที่มีการรีไซเคิลพล็อตเดิมๆ มาผสมผสานจนได้พล็อตแหวกแนว ด้วยการประยุกต์แนวย้อนเวลาเข้ากับจักรวาลเทพเซียน เพราะปกติแนวย้อนเวลามักเป็นการย้อนแค่อดีตมาปัจจุบัน หรือปัจจุบันไปอดีตของมนุษย์ทั่วไป มาเรื่องนี้เป็นเหล่าเทพเซียนย้อนเวลาแก้ไขอดีตของตัวเองซะเลย!
•กว่าจะลงจอใช้เวลานานเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่เปิดกล้อง สาเหตุหนึ่งที่ใช้เวลานานขนาดนี้ เพราะโดนร่างแหการจัดระเบียบซีรีส์จีนของภาครัฐที่ห้ามเกิน 40 ตอนต่อเรื่อง แถมห้ามแบ่งพาร์ทอีกต่างหาก ทำให้ตอนแรกมีแผนว่าจะฉาย 58-60 ตอน ทำให้ต้องตัดต่อใหม่ให้เหลือ 40 ตอน เรียกว่ากว่าแฟนๆ จะได้ดูปูเสื่อรอรากงอกกันเลยทีเดียว แม้ว่าจะทำให้ขาดอรรถรสบางช่วงบางตอน แต่ก็ทำให้เนื้อหาดูกระชับขึ้น และไม่ได้ทำให้แฟนซีรีส์รู้สึกเสียอารมณ์ในการรับชมแต่อย่างใด
•‘จันทราอัสดง’ (Till The End of The Moon - 2023) สร้างมานิยายแปลจีนชื่อดังจากปากกาของ เถิงหลัวเหวยจือ ที่ได้รับคะแนนความนิยมในเว็บไซต์จิ้นเจียงสูงกว่า 7 พันล้านคะแนน ก่อนจะถูกนำมาดัดแปลงมาเป็นซีรีส์ ด้วยกระแสความโด่งดังตั้งแต่ยังเป็นนิยายจีน ในไทยจึงมีการนำเข้ามาตีพิมพ์อย่างถูกลิขสิทธิ์โดยสำนักพิมพ์แจ่มใส จำนวน 4 เล่ม งานนี้ใครเสี้ยนอดใจรอซีรีส์ปล่อยไม่ไหวไปหาอ่านกันได้ แต่เตือนไว้ก่อนว่า ตัวซีรีส์มีการดัดแปลงต่างจากบทประพันธ์พอสมควร
•นอกจากดัดแปลงมาจากนิยายดังแล้ว ตัวซีรีส์ยังได้ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง ‘จวีเจวี๋ยเลี่ยง’ ที่เคยมีผลงานกำกับสร้างชื่อระดับเอเชียมาแล้วอย่าง ‘จอมนางคู่บัลลังก์’ (General and I) และ ‘ศึกอาณาจักรน้ำแข็งมายา ภาค 2’ (Ice Fantasy -2016)
•เนื่องจากเส้นเรื่องกล่าวถึงหลายชาติหลายภพ เดินตามรอยความสำเร็จเดียวกับซีรีส์ยอดวิวระดับตำนานอย่าง ‘สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่’ (Eternal love 2017) ทำให้ตัวละครหลักของเรื่องต้องรับบทซ้อนบทถึง 3 ตัวละคร เรียกว่าคุ้มคนดูแต่ท้าทายฝีมือนักแสดงอย่างมาก
•ตัวซีรีส์มีการดัดแปลงบทโทรทัศน์ต่างไปจากนิยายไปบ้าง ทั้งคาแร็กเตอร์ของถานไถจิ้นเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ให้ดูอ่อนโยนขึ้น หรือหลีซูซูให้ดูใสซื่อมากขึ้น และเนื้อเรื่องอีกหลายส่วนๆ ปรับให้ดูเบาสมองขึ้น ดูเสพง่ายขึ้นจากต้นฉบับนิยาย แต่ถึงกระนั้นจันทราอัสดงในเวอร์ชั่นซีรีส์ก็ยังได้รับความชื่นชมและการยอมรับจากทั้งคอซีรีส์และคอนิยาย ด้วยการเปิดตัวที่ยอดเยี่ยมขึ้นอันดับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของชาร์ตแทบทุกสำนักในจีน นอกจากนี้ชาวเน็ตส่วนใหญ่ยังแซ่ซ้องสรรเสริญในบทบาทการแสดงของเหล่านักแสดง โดยเฉพาะการแสดงของไป๋ลู่ที่สามารถสื่ออารมณ์เศร้า โกรธ รัก เกลียดชัง ออกมาได้กินใจ
•สเปเชียลเอฟเฟกต์ทุ่มทุนมหาศาล ถือเป็นจุดเด่นสำคัญที่ทุกคนต่างตบมือในการออกแบบที่สุดแสนแปลกตาตระการตาและมีการสอดแทรกอยู่ในฉากแอ็คชั่นที่ออกแบบมาได้สวยงามลื่นไหล โดยชาวเน็ตหลายคนชื่นชมฉากที่หลัวอวิ๋นซีใช้พลังดวงตาปีศาจที่ทำออกมาได้ตื่นตาตื่นใจ ฉากนี้อยู่ใน Ep แรกของเรื่อง ลองไปติดตามดูกันได้
•นอกจากสเปเชียลเอฟเฟกต์แล้ว อีกส่วนสำคัญที่มีความโดดเด่นไม่แพ้กันและเสริมให้ตัวซีรีส์มีความอลังการมากยิ่งขึ้น คือ คอสตูมเสื้อผ้าที่มีการผสมผสานหลากหลายสไตล์ออกมาได้ลงตัว ไม่ดูลิเกจนเกินบทไป อีกทั้งสอดคล้องกับคาแร็กเตอร์ตัวละครที่มีการปรับเปลี่ยน เพราะมีการข้ามชาติข้ามภพกัน อาทิ หลัวอวิ๋นซี ในชุดองค์ชายเชื้อสายชนเผ่า, ชุดเกราะดำตอนสวมบทเป็นจอมมารที่มีความน่าเกรงขาม หรือชุดเกราะขาวในมาดเทพสงครามที่เต็มไปด้วยความสง่างาม
นี่ยังไม่นับรวมตัวละครอื่นๆ ที่ต้องออกแบบให้สอดคล้องกัน งานนี้ยกเครดิตให้ หวง เวย (Huang Wei) หัวหน้าทีมคอสตูมฝีมือฉกาจ ที่เคยฝากผลงานซีรีส์ตัวท็อปจากเรื่อง ‘สามบุปผาลิขิตฝัน’ (A Dream of Splendor - 2022), จอมนางพิชิตบัลลังก์ (The Legend of Xiao Chuo- 2020) และ ‘ฉู่เฉียว จอมใจจารชน’ (Princess Agents - 2017) เห็นดีกรีผลงานแล้ว อาจทำเอาบางคนร้องอ๋อ…ถึงว่าดูคอสตูมนักแสดงแล้วคุ้นตา แต่คุ้มค่าคนดู
•เมื่อมีชมก็ต้องติ นอกจากกระแสชื่นชมแล้ว ก็มีชาวเน็ตจีนบางส่วนอดไม่ได้ที่จะบ่นเกี่ยวกับการพากย์ไม่สอดคล้องกับการขยับปากของนักแสดง และบางส่วนวิจารณ์ไปจนถึงภาพลักษณ์ของหลัวอวิ๋นซีที่ดูผอมบาง หน้าตาเป็นโครงกระดูกเกินไป ไม่มีออร่าของจอมมารเอาเสียเลย จับผิดไปจนถึงขนาดว่าบางฉากดูผอมบางกว่านางเอกไป๋ลู่ไปซะอีก ซึ่งจุดนี้มีชาวเน็ตบางส่วนออกมาโต้ว่าภาพลักษณ์นี้ถือว่าตรงตามคาแร็กเตอร์ของถานไถจิ้นตามนิยาย เพราะถานไถจิ้นเป็นองค์ชายที่ถูกทอดทิ้ง ไร้การเหลียวแล ใช้ชีวิตมาอย่างลำบาก ฉะนั้นภายนอกต้องดูผอมบางราวกับหนังหุ้มกระดูก ผิวขาวซีด และมีตาสองสี
•กระแสวิพากษ์วิจารณ์นี้ไม่ได้โดนแค่พระเอกเท่านั้น แม้แต่นางเอกไป๋ลู่ก็ไม่วายโดนเหน็บว่าหน้าตาดูแก่กว่าพระเอก หน้าตาดูเหนื่อย แววตาดูอ่อนล้า การแต่งหน้าไม่เนียน เห็นขอบตาแตกดูเป็น 3-4 ชั้น โดยเรื่องวิจารณ์การแต่งหน้ายังลามไปจนถึงนางรองอีก 2 คนอย่าง เฉินตูหลิง (รับบท เย่ปิงฉาง) และ ซุนเจินหนี่ SNH48 (รับบท เพียนหราน) ซึ่งโดนแซวว่าแต่งหน้าสวยเกินนางเอกของเรื่อง (อ้าว...เป็นงั้นไป) จุดนี้ก็แล้วแต่ผู้ชมจะมอง แต่ถ้าพิจารณาโดยรวมแล้วในเชิงโปรดักชั่นการแต่งหน้าก็ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานซีรีส์จีน
ทั้งหมดนี้เป็นแค่น้ำจิ้มส่วนหนึ่งที่เก็บมาฝากจากซีรีส์จีนเรื่องนี้ที่กำลังมาแรงสุดๆ ในขณะนี้ สามารถรับชมได้ 40 ตอนจบ ทาง Youku Thailand และทาง TrueID+
ร้อยเรียงเรื่องราว : Softlens
อ้างอิงเรื่องและภาพ :
mydramalist.com/
https://www.jamsai.com/insight-makkwarak-00016/
https://www.jaynestars.com/news/til-the-end-of-the-moon-mocked-for-its-production-blunders/
https://dramapanda.com/2023/04/till-the-end-of-the-moon-has-been-breaking-records-since-its-premiere-and-currently-ranks-first-online.html
ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/
#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์