มาเกือบโค้งสุดท้ายก่อนข้ามปีไปนิดเดียว สำหรับซีรีส์ย้อนยุคแฟนตาซีดราม่า ‘บทเพลงแห่งจันทรา’ (Song of the Moon - 2022) กับการโคจรมาพบกันของ ‘จางปินปิน’ นักแสดงหนุ่มหน้าสวยที่แจ้งเกิดจากบทราชาปีศาจในซีรีส์ระดับตำนานอย่าง ‘สามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่’ (Eternal Love - 2017) ก่อนรับบทพระเอกรัวๆ ที่คอซีรีส์ชาวไทยรู้จักดีอย่าง ‘เล่ห์รัก บัลลังก์เลือด’ (The King's Woman - 2017) ‘ครึ่งปีศาจซือเถิง’ (Rattan -2021) กับประกบคู่กันครั้งแรกกับ ‘สวีลู่’ นางเอกหน้าละอ่อนจาก ‘ฉากรักวัยฝัน’ (Love Scenery - 2021) และ ‘รักกันเมื่อวันฟ้าใส’ (Sunshine of My Life - 2021)
ที่ผ่านมาเคยเอ่ยชื่อซีรีส์เรื่องนี้ในสกู๊ปมาหลายครั้ง เพราะมีการโปรโมทนักแสดงกันตั้งแต่ต้นปี แต่กว่าจะได้ดูจริงทำเอาแฟนๆ ปูเสื่อรอแห้ง แต่ถ้าใครเป็นติ่ง 2 นักแสดงคู่นี้ น่าจะโดนตกเพราะเป็นการกลับมารับซีรีส์ย้อนยุคอีกครั้งของทั้งสองในรอบ 3 ปี (ทั้งคู่รับงานซีรีส์แนวย้อนยุคเรื่องสุดท้ายเมื่อปี 2019) แถมยังเป็นแนวแฟนตาซีที่มาพร้อมคอสตูมสุดละมุน
นอกจากนี้ เป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของทั้งสอง เพราะไหนจะต้องรับหลายบทบาทในคนๆ เดียวแล้ว ยังเป็นการทิ้งช่วงจากซีรีส์แนวนี้ไปนาน เพราะขณะที่จางปินปินเพิ่งรับบทศาสตราจารย์จวงสุดหล่อขรึมใน ‘พฤกษาเพียงรัก’ (A Romance of the Little Forest - 2022) ที่ออนแอร์ไปเมื่อไม่กี่เดือน มาเรื่องนี้คนดูปรับอารมณ์แทบไม่ทัน เพราะเรื่องล่าสุดต้องมารับบทเป็นนักปราบปีศาจสุดกะล่อนและเป็นเทพจันทราผู้สุขุมอีกต่างหาก ส่วนสวีลู่เพิ่งรับบทสาวผู้จบชีวิตแต่งงานด้วยการหย่าร้างและกำลังเริ่มอาชีพการงานใหม่ในซีรีส์แนวมิตรภาพ ‘สวยสตรองพิชิตฝัน’ (Women Walk The Line - 2022) ซึ่งเรื่องนี้ยังฉายไม่ทันจบ ผลงาน ‘บทเพลงแห่งจันทรา’ ก็ออนแอร์เสียแล้ว
‘บทเพลงแห่งจันทรา’ (Song of the Moon - 2022) ว่าด้วยเรื่องราวของ ‘หลิ่วเซา’ (สวีลู่) สาวน้อยที่เปลี่ยนชะตาชีวิตของเธอเพื่อความสุข เพื่อได้อยู่กับชายลึกลับเป็นเวลา 3 วัน โดยไม่รู้ว่าแท้จริง เขาคือ เทพแห่งจันทรา (จางปินปิน) นับตั้งแต่นั้นเธอก็ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขไปพร้อมกับเขา เพื่อปกป้องประชาชน หรือเพื่อปกป้องคนรัก ทั้งคู่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย และได้ให้คำมั่นสัญญากันไว้ เพื่อจูงมือกันต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงโชคชะตา
เปิดฉากมาของเรื่องจะพบเด็กสาว ‘หลิ่วเซา’ คุณหนูจวนตระกูลหลิ่วในวัยเด็ก เธอได้พบกับเทพลึกลับใต้ต้นไม้ในจวน เขาเสนอให้เธอเปลี่ยนชะตาชีวิตของเธอเพื่อแลกความสุขที่ได้อยู่กับเทพลึกลับเป็นเวลา3 วันเธอตอบตกลง พร้อมกับคำมั่นจากเทพคนนั้นว่าจะกลับมาพบกันอีกครั้งเมื่อเธอโตขึ้น จากนั้นเธอเฝ้ารอที่จะได้พบเทพเซียนคนนั้นอีกครั้งจน 10 ปีต่อมาในวันเธอเกิดครบรอบ 18 ปี เธอกลับพบว่า ในกายของเธอมีพลังบางอย่างที่เธอก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่กลับดึงดูดเหล่าปีศาจเพื่อจู่โจมเธออยู่ตลอดเวลา ไปพร้อมกับการปรากฏตัวของนักปราบปีศาจหนุ่ม ‘ลู่หลี’ (จางปินปิน) ช่วยเธอไว้ และทำให้เธอเข้าใจว่าลู่หลีอาจเป็นเทพคนนั้นที่เธอเฝ้ารอเพราะมีหน้าตาบางส่วนละม้ายคล้ายกัน แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียวเนื่องจากบุคลิกต่างกันมา
อาจารย์ของลู่หลี ผู้เสมือนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหลิ่วเซา สั่งให้ลู่หลีมอบไข่มุกวิเศษให้กับหลิ่วเซา เพื่อใช้ป้องกันตัวจากปีศาจที่พยายามจะทำลายเธอเพื่อเอาพลังพิเศษบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวหลิ่วเซา พร้อมกับให้ติดตามปกป้องหลิ่วเซา หลังจากทั้งสองรู้จักกันและเพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากปีศาจเธอและเขาจึงเข้าสมัครเป็นลูกศิษย์ของสำนักปราบปีศาจอู่หยางโหว ซึ่งเป็นสำนักผู้ฝึกพลังเวทย์ มีหน้าที่พิทักษ์เผ่ามนุษย์ ปกป้องโลกจากเหล่าอำนาจปีศาจ
ต่างจากลู่หลีที่เข้ามาอยู่สำนักอู่หยางโหวพร้อมกับหลิ่วเซา เขาไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อฝึกวิชา แต่ต้องการค้นหากระบี่วิเศษเพื่อสืบหาปริศนาเรื่องชาติกำเนิดที่แท้จริงของเขา ตามคำแนะนำของอาจารย์ ระหว่างฝึกฝนในสำนักแห่งนี้หลิ่วเซาถูกศิษย์พี่และเพื่อนร่วมสำนักกลั่นแกล้ง ทั้งสองจึงต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันจนเกิดเป็นความรู้สึกดีๆต่อกัน ก่อนจะพาไปค้นพบตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาทั้งสอง
เนื้อเรื่องค่อนข้างเดินเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป และค่อยๆ เผยให้เห็นตัวตนของตัวละครปมของเรื่อง และปริศนาที่ไม่ได้บอกให้ผู้ชมรู้ตั้งแต่ต้น แต่ก็พอเดาได้ไม่ยากนัก ช่วงแรกโทนเรื่องไม่ออกแนวเทพเซียนที่นำเรื่องราวชีวิตเทพมาเป็นแกนหลักเหมือนกับซีรีส์แนวเทพเซียนจ๋า
แต่หนักไปทางเรื่องราวโลกมนุษย์ที่พยายามหาทางต่อกรกับปีศาจซะมากกว่า โดยมีสำนักปราบปีศาจเป็นฉากหลัก เพื่อเป็นแหล่งรวมเหล่าตัวละครสมทบที่ค่อยๆ ออกมาวาดลวดลายใส่นางเอกพระเอกให้ได้ค่อยๆ รู้จักนิสัยตัวละครมากขึ้น มีสอดแทรกมุกตลกและความตะมุตะมิของพระนางเอาไว้ให้ได้พออมยิ้ม ไปพร้อมกับทิ้งปมปริศนาตัวตนของพระเอกนางเอกเอาไว้ ให้คนดูเดากันไปว่าแท้จริง? พลังพิเศษที่ซ่อนอยู่ในตัวนางเอกคืออะไร และแท้จริง? พระเอกคือเทพเซียนที่เคยมาหานางเอกในวัยเด็กหรือเปล่า? และเหตุใดจึงมาอยู่ในร่างของมนุษย์
ความโดดเด่นที่เอ่ยปากชมแทบทุกคนหลังจากคลิกดูซีรีส์เรื่องนี้ คือ ฉากงาน CG ที่ออกแบบมาได้สวยงามตระการตามากๆ ไม่ได้มาแนวสมจริงแต่มาแนวละมุนเหมือนภาพวาดโบราณสไตล์เกมมากกว่า แต่ถือว่าสวยงามงานละเอียดละลานตาจนโปรดักชั่นระดับภาพยนตร์บางเรื่องต้องอายกันเลยทีเดียว
ที่สำคัญยังมีการออกแบบ CG ผสมผสานไปในฉากต่อสู้ สื่อถึงเวทมนตร์อิทธิฤทธิ์ที่ออกแบบมาได้เสริมกับท่วงท่าการออกคิวบู๊ได้พลิ้วไหวมากๆ รับรองว่าไม่ใช่แค่คิวบู๊แค่ปล่อยแสงจนน่าเบื่อแน่นอน เพราะดูจากการสอดแทรก CG ผสมการออกลีลาออกอาวุธท่าทางสุดโลดโผนแล้ว เรียกว่าทีมออกแบบคิวบู๊เขาคิดมาเนียนแล้ว
ขณะนี้ตัวซีรีส์ยังไม่ได้เผยแกนสำคัญของเนื้อเรื่อง แต่จากทีเซอร์และตัวอย่างต่างๆเชื่อว่าคอซีรีส์คงเดากันได้ว่าพระเอกของเราน่าจะเป็นเทพจันทรา และนางเอกของเราน่าจะเชื่อมโยงกับตะวัน ที่ดูแล้วไม่น่าจะโคจรมารักกันได้ (ลางตับพังลอยมาละ) แต่ด้วยคำสาปหรืออุปสรรคอะไรสักอย่างทำให้ทั้งสองจำกันไม่ได้
นอกจากนี้ในเรื่องสองพระนางต่างต้องสวมบทหลายคนในคนๆ เดียวกัน ไม่เพียงจะสร้างความกดดันให้กับนักแสดงทั้งสองแล้ว ยังท้าทายทีมคอสตูมในการออกแบบเสื้อผ้าและลุคของสองพระนางให้ออกมาหลากหลายและแตกต่าง เพื่อสื่อถึงบทบาทและสถานภาพ ณ เวลานั้น
นักแสดงต้องทำการบ้านกันหนักแค่ไหน มีเบื้องหลังของจางปินปินมาให้ชมกัน
แต่งานนี้คนดูคุ้ม ดูเรื่องเดียวแต่ได้ชมหลายลุค แถมแต่ละลุคดีไซน์ออกมาได้สวยงามละลานตา ไม่ดูเยอะหรือน้อยจนเกินไป
ยิ่งใครเป็นติ่ง 2 นักแสดงหลักน่าจะใจเหลวไปตามๆ กัน เพราะเรื่องนี้จางปินปินมาในลุคหล่อละไมออร่าเนียนทะลุจอ เรียกว่าเป็นลุคหล่อเป๊ะกว่าหลายๆ เรื่องที่ผ่านมา ส่วนสวีลู่ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะนี่เป็นครั้งแรกกับการกระโดดมารับซีรีส์แนวนี้ แม้อายุของเธอจะย่างเข้า 28 แล้ว แต่การมารับบทเด็กสาวอายุ 18 บอกเลยว่าสมูทไม่มีสะดุด แถมมาในลุคชุดโบราณหลากหลายสไตล์สวยแปลกตาอย่างที่แฟนๆ ไม่เคยเห็นในซีรีส์เรื่องอื่นอย่างแน่นอน
แน่นอนตามสไตล์ซีรีส์เทพเซียนแถมมีแนวสำนักยุทธภพเข้ามาผสมโรงด้วยแล้ว ผู้ชมอาจต้องค่อยๆ จำตัวละครที่ทยอยเข้ามาเยอะซะหน่อย แต่ถ้าใครเป็นคอซีรีส์จีนอยู่แล้วก็เป็นแต้มต่อ เพราะทีมงานเลือกนักแสดงสมบทที่มีผลงานคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้าง อาทิ หวังโย่วซั่ว, เจิ้งเหอฮุ่ยจื่อ, หวังอี่หลุน, หม่าเยว่ แถมได้ ‘เฉินอวี้ฉี’ นางเอกจากดาบมังกรหยก 2019 (Heavenly Sword and Dragon Slaying Sabre - 2019)มาเป็นแขกรับเชิญในชุดแดงสุดเท่อีกด้วย เท่แค่ไหนต้องไปรับชมกันเอง
แต่ที่น่าหนักสุดน่าจะเป็นเรื่องการโปรยซับคำบรรยายที่โผล่มาผลุบไปเร็วซะเหลือเกิน งานนี้สกิลอ่านซับต้องงัดออกมาสุดๆ ไม่รักจริงบางคนอาจมีเท ก็ได้แต่หวังลุ้นพากย์ไทยกันไป
‘บทเพลงแห่งจันทรา’ กำกับโดย หลินเจี้ยนหลง จากซีรีส์ฮิต ‘ตำนานอวิ๋นซี มเหสียอดอัจฉริยะแห่งพิษ’ (Legend of Yun Xi – 2018) ดัดแปลงมาจากนวนิยายของ ‘ฉู่เค่อ’ นักเขียนเจ้าของผลงานที่นำมาดัดแปลงเป็นซีรีส์มาแล้วอย่าง ‘บุปผาวสันต์ จันทราสารทฤดู’(Love Better Than Immortality - 2019) และอีกเรื่องที่ได้รับการจับตาอยู่ระหว่างรอออนแอร์อย่าง ‘พานพบอีกครายามบุปผาโปรยปราย’(Love Never Fails)
รับชม ‘บทเพลงแห่งจันทรา’ ได้ทาง WeTV Thailand และ IQIYI Thailand
ร้อยเรียงเรื่องราว : Softlens
อ้างอิงเรื่องและภาพ :
mydramalist.com
https://wetv.vip/th
https://www.iq.com/?lang=th_th
ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/
#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์