xs
xsm
sm
md
lg

Review ซีรีส์ : “Resident Evil” [2022] ซีรีส์ผีชีวะเรตติ้งแย่ แต่ซ่อน Easter Eggs ที่ติ่งซอมบี้ไม่ควรพลาด!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชื่อว่า...คนรักซอมบี้แค่เห็นชื่อชั้นของ “A Netflix Series: Resident Evil” หรือ “ผีชีวะ” เป็นต้องตื่นเต้นและเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ แต่พอซีรีส์ออนแอร์กระแสกลับไม่ปังแถมยังพังอีกต่างหาก ได้คะแนนรีวิวจากผู้ชมใน Rotten Tomatoes เพียง 52% และเป็นซีรีส์ของ Netflix ที่มียอดวิวต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ตำนานเกมหลอนกว่า 26 ปีไม่มีมนต์ขลังแล้วจริงหรือ?

ก่อนอื่นลดความคาดหวังฉากซอมบี้คลั่งและการต่อสู้ดุเดือดลงสักหน่อย เพราะนี่มันเป็นซีรีส์ซอมบี้-ดราม่าและเต็มไปด้วยบทสนทนายืดย้วยจนอาจทำให้คุณแอบเบื่อได้เลย ถึงอย่างนั้นการจะกด Skip ไปก็อาจจะทำให้คุณพลาด Easter Eggs มากมายเกี่ยวกับเรื่องราวต่อไปใน Resident Evil

ซอมบี้คลั่ง สัตว์ประหลาด วิทยาศาสตร์และการต่อสู้แบบพลังหญิง

ซีรีส์ยังคงเอกลักษณ์ของการให้ตัวละครนำเป็นผู้หญิงแบบ Girl Power เหมือนในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่มี อลิส จิล วาเลนไทน์ และ แคลร์ รวมพลังสตรองเลดี้สายบู๊ และการต่อสู้อย่างดุเดือดเลือดสาด
แน่นอนว่า...ซีรีส์ยังคงความดุเดือดเลือดสาดแฝงพลังหญิงไว้เต็มขั้นพ่วงด้วยซอมบี้ไล่กินคน และสัตว์ประหลาดไซส์บิ๊กบึ้มบางตอน ย้ำว่า บางตอนเท่านั้น! เพราะส่วนใหญ่มันว่าด้วย 2 เส้นเรื่องหลักเกี่ยวกับฝาแฝดคู่หนึ่ง ซึ่งแตกต่างกันทั้งสีผิวและหน้าตาเพราะพวกเธอเกิดจากไข่คนละฝานั่นเอง

เส้นเรื่องแรกว่าด้วยชีวิตวัยรุ่นของเจดและบิลลี เวสเกอร์ วัย 14 ปีที่ต้องย้ายบ้านไปอยู่ในนิวแรคคูนซิตี้ (ปี 2022) พร้อมกับพ่อและน้องหมาชิวาว่าให้อารมณ์เหมือน Perfect Town แห่งอนาคตในหนังไซไฟ เจดเป็นสาวแสบและมั่นใจในตัวเองสูงมาก ส่วนบิลลีเป็นเด็กดีของป๊ะป๋า “ดร.อัลเบิร์ต เวสเกอร์” (รับบทโดย แลนซ์ เรดดิค) เธอออกแนวหัวอ่อนจึงมักตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งจากตัวแสบประจำโรงเรียน

เส้นเรื่องนี้เราจะเห็นความพยายามตามล่าหาความจริงของฝาแฝดที่ดูแล้วหงุดหงิดใจ ภายใต้ความช่วยเหลือของ “ไซม่อน” แฮคเกอร์อัจฉริยะประจำโรงเรียน การค้นหาความลับของอัลเบิร์ต เวสเกอร์ และการทดลองที่อัมเบลล่าเก็บซ่อนไว้ภายใต้ฉากหน้าของโรงงานผลิตยาสุดล้ำ โดยเส้นเรื่องนี้เกิดหลังจากเหตุการณ์นิวเคลียร์ถล่มแรคคูณซิตี้ และยังไม่มีซอมบี้เพ่นพ่านเหมือนในเวอร์ชั่นภาพยนตร์

ตัดสลับมาเส้นเรื่องสองในปี 2036 ยุคที่มีประชากรโลกเหลือน้อยกว่า 15 ล้านคน ทั้งยังเต็มไปด้วยฝูงซอมบี้หรือซีโร่ (Zeroes) สัตว์ประหลาดกว่า 6 พันล้านตัว คนและสัตว์ต่างก็ติดเชื้อทีไวรัส เราจึงได้เห็นหนอนซอมบี้ยักษ์หนักหลายสิบตัน แมงมุมยักษ์ และสัตว์น้ำขนาดยักษ์ในตอนท้ายเรื่อง เจดในวัย 30 ปี เป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง (รับบทโดยเอลลา บาลินสกา) ผู้พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดในโลกใหม่ โดยมีภาพอดีตของพ่อและพี่สาวตามหลอกหลอนตลอดเวลา

เจดวิ่งหนีการไล่ล่าของอัมเบลล่าตลอดเรื่อง และเธอก็ทำเสียเรื่องในหลายครั้งจนผู้ชมหงุดหงิดกับการตัดสินใจทำอะไรตามใจตัวเองของนาง ชนิดเข้าแก๊งไหนเป็นตายยกก๊วน (แต่นางรอด) ส่วนบิลลี (รับบทโดย อาเดไลน์ รูดอล์ฟ) เป็นนักวิจัยภาคสนามที่ศึกษาวิวัฒนาการของทีไวรัสพร้อมกับตามล่าน้องสาวฝาแฝดอีกที (เราจะเห็นเธอมีบทบาทตอน Ep. หลังๆ ของเรื่อง) ซึ่งโตแล้วฉลาดแสบ และสวยขึ้นมาก เนื้อเรื่องจึงเป็นการตัดสลับไป-มาระหว่างอดีตและปัจจุบัน เพื่อเชื่อมโยงเรื่องราวทั้งสองช่วงเวลาเข้าด้วยกัน

การเล่าเรื่องแบบสองไทม์ไลน์ก็เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจเบื้องหลังเหตุการณ์ต่าง ๆ เหมือนการทำเควสแบบในเกมสยองขวัญ แต่ออกแนวน่าเบื่อในบางตอนที่พยายามนำเสนอปมดราม่าในครอบครัวและบทสนทนายืดย้วย โดยเฉพาะฉากที่ฝาแฝดตัดสินใจผิดพลาดจนเราอยากหยุมหัวให้หายหงุดหงิด (แต่ก็นั่นล่ะ ทั้งคู่ยังเป็นแค่วัยรุ่นนี่นา) นำไปสู่หายนะรอบใหม่ที่กลายเป็นไวรัสล้างโลกในที่สุด ซีรีส์สะท้อนโลกยุคปี 2036 ที่เต็มไปด้วยการหนีเอาชีวีตรอดของคนในเมืองต่างๆ และกลุ่มผู้รอดชีวิตที่อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า “มหาวิทยาลัย” ที่รวบรวมคลังตำรา หนังสือ ศิลปะ ฯลฯ เพื่อเป็นแหล่งความรู้ในการค้นหาอดีตอันรุ่งเรืองของมนุษย์ชาตินั่นเอง

Resident Evil ซ่อนไข่อีสเตอร์ไว้ตรงไหนบ้าง?

ไข่ใบแรกเชื่อมโยงกับ ‘Resident Evil Zero’ (2002) คือเอเวอลิน มาร์คัส (รับบทโดย Paola Núñez) เธอเป็นลูกสาวของเจมส์ มาร์คัส หนึ่งในผู้ก่อตั้งอัมเบรลลาคอร์ปอเรชัน ร่วมกับออสเวล อี. สเปนเซอร์ และเอ็ดเวิร์ด แอชฟอร์ด ในเดือนมีนาคมปี 1967 เพื่อเป็นทุนวิจัยเกี่ยวกับดอกไม้ในแอฟริกา ที่พวกเขาเชื่อว่าสารสกัดจากดอกไม้ชนิดหนึ่งมีพลังในการเพิ่มขีดความสามารถเหนือมนุษย์ได้

ไข่ใบที่สองเชื่อมโยงกับ ‘Resident Evil’ (ปี 1996) เป็นฉากหมาซอมบี้กระโดดใส่ในตำนานของเกมที่มีอายุกว่า 26 ปี แมงมุมยักษ์ และ Tyrant บอสตัวสุดท้ายในเกม (ปี 2002) ก็ปรากฏให้เห็นใน Ep. ตอนท้ายของซีรีส์พร้อมกับฉากจบที่อาจนำไปสู่ซีซั่นสอง (ถ้ายังคงมีแผนการจะสร้างต่อนะ)

ไข่ใบที่สามอ้างอิงถึงเบอร์กิน (Birkin) หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับอัลเบิร์ต เวสเกอร์ ระหว่างที่ฝาแฝดกำลังค้นไฟล์ลับของพ่อ โดยเบอร์กินเป็นหัวหน้าใน Resident Evil 2 (1998) ผู้อยู่เบื้องหลังการคิดค้น T และ G Viruses ซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์ลอบสังหารเจมส์ มาร์คัส (พ่อของเอเวอลิน) รวมถึงการปรากฎตัวของเหล่า Lickers ซอมบี้ไร้หน้าที่มีให้เห็นในซีรีส์เช่นกัน

ไข่ใบที่สี่เชื่อมโยงกับ Resident Evil 3: Nemesis (1999) การถล่มเมืองแรคคูณซิตี้ด้วยนิวเคลียร์ และพยายามปกปิดชาวโลกว่าเป็นเหตุการณ์ก๊าซรั่วถล่มเมืองครั้งประวัติศาสตร์ของอเมริกา รวมถึงการสอดแทรกกลุ่มลัทธิชั่วร้ายอย่าง Los Illuminados หรือกลุ่มภราดรภาพ (The Brotherhood) ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Resident Evil 4 (2005) รวมถึงปริศนาการตายของอัลเบิร์ตเวสเกอร์ เชื่อมโยงกับ Resident Evil 5 (2009)

ไข่ใบสุดท้ายมาจาก Resident Evil 6 (2012) เป็นฉากที่เจดโดนกลุ่มภราดรภาพจับตัวไปในรังลับ ที่ที่พบกับ “Mother Zero” หรือตัวแม่ของเหล่าซอมบี้ ที่ควบคุมฝูงซีโรด้วยเสียงโซปราโนอันทรงพลังของนาง (ในเกมเรียกตัวนี้ว่า “Shrieker”) ซอมบี้ตัวนี้จะแตกต่างจากในเกมตรงที่ไม่มีก้อนมหึมาบริเวณช่วงอก นอกจากนี้ ซีรีส์ยังสอดแทรกไอเท็มในเกมไว้ด้วย อาทิปืนลูกซองสามกระบอกที่รู้จักกันในชื่อ “Hydra” จาก Resident Evil 5 และ 6 รวมถึง “Red 9” ปืนที่ทรงพลังที่สุดใน Resident Evil 4 นั่นเอง

ใครที่เป็นสาวกเกม Resident Evil ตามไปเก็บไข่อีสเตอร์กันได้แล้วในซีรีส์ ส่วนจะติ่งหรือไม่ติ่งซอมบี้ก็สามารถเข้าไปดู Resident Evil ได้แล้วที่ Netflix มีให้ชมครบทั้ง 8 ตอน



ร้อยเรียงเรื่องราว : Rassarin
อ้างอิงเรื่องและภาพ :
www.rottentomatoes.com/tv/resident_evil/s01
www.netflix.com/
www.imdb.com/
www.theverge.com/

ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/

#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์
































กำลังโหลดความคิดเห็น