xs
xsm
sm
md
lg

Review ซีรีส์ : “สามบุปผาลิขิตฝัน” การกลับมาของ “หลิวอี้เฟย” รอบ 16 ปี บนซีรีส์จีนเฟมินีนย้อนยุคครบมิติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์







สำหรับคอซีรีส์จีน น้อยคนนักจะไม่รู้จัก ‘หลิวอี้เฟย’ หรือ ‘ซีซี’ คริสตัล หลิว หลังประสบความสำเร็จบนจอแก้วเมื่อ 16 ปีก่อน จนกลายเป็นตำนานจากบทเซียวเหล่งนึ่งเวอร์ชั่น 2006 (Return of the Condor Heroes 2006) และบทหวังอวี่เยียนเวอร์ชั่น 2003 (Demi Gods & Semi Devils 2003) ที่ได้ชื่อว่าเป็นนางเอกซีรีส์จากนิยายกิมย้งที่เหมาะสมสุด ๆ ทั้งในสายตาของผู้ประพันธ์ แฟนนิยาย และคอซีรีส์
แต่น่าเสียดายที่เธอฝากผลงานซีรีส์ไว้เพียงไม่กี่เรื่อง เพราะไปเอาดีบนจอเงิน รวมถึงงานฮอลลีวู้ดหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือ Mulan ปี 2020 เวอร์ชั่นดิสนีย์จนพูดได้ว่าเป็นหลิวอี้เฟยเป็นนางเอกชาวจีนสายอินเตอร์แถวหน้าแห่งยุคนี้
แม้ชื่อเสียงของหลิวอี้เฟยจะโด่งดังระดับโลก ไม่มีใครกังขาในสปิริตนักแสดง และความสวยน่ารักที่กาลเวลาทำอะไรเธอไม่ได้ แต่ผลงานหนังหลายเรื่องของเธอกลับไม่ค่อยสร้างรายได้เป็นที่น่าพอใจนัก จนสื่อจีนเคยตั้งฉายาว่าเป็น‘ดาราหนังแป๊ก’

นั่นทำให้ ‘สามบุปผาลิขิตฝัน’ (A Dream of Splendor 2022) เป็นซีรีส์ดราม่าโรแมนติกย้อนยุคที่ได้รับการจับตามองและเป็นเครื่องพิสูจน์อะไรบางอย่าง เพราะเป็นการกลับมาครั้งแรกบนซีรีส์จีนในรอบ 16 ปีของเธอ (ถ้าไม่นับซีรีส์เรื่อง The Love of Hypnosis แสดงคู่กับจิ่งปั๋วหราน ซึ่งถ่ายทำเสร็จไป 3-4 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้ออกอากาศ) และดูเหมือนว่าสามบุปผาลิขิตฝันจะส่งสัญญาณแรง ปังสุดฉุดไม่อยู่ ตั้งแต่เริ่มออนแอร์เลยทีเดียว ทั้งจากคะแนนโต้วป้านสูงที่สุดในปี 2022 อีกทั้งตัวเลขฉายเพียง 15 ชั่วโมงก็กวาดยอดวิวทะลุกว่า 200 ล้านวิวแล้ว
ด้วยพล็อตเรื่องสะท้อนชีวิตการต่อสู้ของผู้หญิงยุคซ่ง เมื่อมาผสมผสานกับองค์ประกอบอีกหลาย ๆ ประการ จึงทำให้สามบุปผาลิขิตฝันเป็นซีรีส์สร้างแรงฮึด ปลุกพลังหญิงออกมาอย่างแรงกล้า นับเป็นซีรีส์เฟมินีนน้ำดีที่ดูสนุก แต่ได้อรรถรสแปลกใหม่อีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

การต่อสู้ของลูกผู้หญิง 3 สาว 3 สไตล์
‘สามบุปผาลิขิตฝัน’จะมีแกนหลักอยู่ที่ ‘จ้าวพ่านเอ๋อร์’ (หลิวอี้เฟย) อดีตลูกขุนนางต้องโทษที่ครอบครัวถูกจับกุมโดยหน่วยมหาดเล็กพิเศษทำให้วัยเด็กกลายเป็นนางรับใช้ในคณะดนตรี ซึ่งถือเป็นชนชั้นต่ำของสังคม ก่อนจะเป็นไทกลายชาวบ้านสามัญชน มาเปิดร้านน้ำชาเล็กๆ เป็นของตัวเองในเฉียนถัง (ประมาณต่างจังหวัดในยุคนั้น) ร่วมกับ ‘ซุนซานเหนียง’(หลิวเหยียน) เพื่อนบ้านที่เสมือนเพื่อนรัก สาวใจนักเลงที่มีฝีมือทำขนมเป็นเลิศ

มาวันหนึ่ง ‘กู้เชียนฟาน’(เฉินเสี่ยว) หัวหน้าหน่วยมหาดเล็กพิเศษ ผู้มีฉายาว่ามัจจุราชจำแลง เดินทางมาสืบคดีลับที่เมืองเฉียนถัง ทำให้ได้พบกับจ้าวพ่านเอ๋อร์ที่ร้านน้ำชา และได้ช่วยชีวิตนางไว้จากโจรที่มาบุกร้าน แต่เมื่อจ้าวพ่านเอ๋อร์รู้ว่าเขาเป็นมหาดเล็กพิเศษ ทำให้นางตั้งข้อรังเกียจ เช่นเดียวกับกู้เชียนฟานที่ไม่ถูกชะตากับกิริยายโสของจ้าวพ่านเอ๋อร์ และดูถูกความเป็นชนชั้นต่ำของนาง

แต่เมื่อ ‘ซ่งอิ่นจาง’ (หลินอวิ๋น) นักดนตรีสาวที่นางรักเอ็นดูเสมือนน้องสาวโดนผู้ชายต่ำช้าหลอกให้หนีตามไป บวกกับต้องการทวงความเป็นธรรมจากโอวหยางซวี่คู่หมั้นที่จู่ๆ ตัดเยื่อใยจากนางหลังสอบติดจอหงวนทำให้จ้าวพ่านเอ๋อร์ตัดสินใจเดินทางพันลี้ไปเมืองหลวง โดยไปขอความช่วยเหลือจากใต้เท้าท่านหนึ่ง แต่กลับไปเจอเหล่านักฆ่าปะทะกับกู้เชียนฟานจนบาดเจ็บ ทำให้จ้าวพ่านเอ๋อร์และกู้เชียนฟานจำใจต้องลงเรือลำเดียวกันเพื่อหนีเอาชีวิตรอดไปให้ถึงเมืองหลวง

ระหว่างทางพ่านเอ๋อร์และเชียนฟานต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไปพร้อมกับช่วยซ่งอิ่นจางและซุนซานเหนียง จนมาถึงเมืองหลวงก็เจอคู่หมั้นเทอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งสามสาวไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาตัดสินใจอยู่เมืองหลวงช่วยกันเปิดโรงน้ำชา ค่อย ๆ เรียนรู้เพื่อที่จะแข็งแกร่งบนเส้นทางแห่งขวากหนามที่มีกำแพงชนชั้นเป็นอุปสรรค การต่อสู้ของทั้งสามจึงเป็นการปูทางสู่ตำนานการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม

ถ่ายทอดเกร็ดวัฒนธรรม สะท้อนความไม่เท่าเทียมทางสังคม-ชนชั้นยุคโบราณ
ความจริงเกือบทุกซีรีส์จีนโบราณจะสอดแทรกถึงความไม่เท่าเทียมของคนยุคสมัยนั้น ๆ อยู่แล้วไม่มากก็น้อย ส่วนใหญ่จะเน้นที่ชาติตระกูลที่ต่างกันของพระ-นางทำให้ไม่อาจรักกันได้ แต่สามบุปผาลิขิตฝันถือว่าใช้ประเด็นนี้เป็นแกนหลักในการนำเสนอ อีกทั้งยังขยี้ประเด็นนี้ให้ชัดเจนไปอีก ตั้งแต่ประเด็นการแสวงหาความก้าวหน้าของคนจากเมืองเล็กที่มาเมืองใหญ่, ประเด็นโครงสร้างชนชั้นต่ำที่สุดของยุคซ่งในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า นางรำ นักร้อง นักดนตรี ผ่านตัวละครหญิงทั้ง 3 ที่พยายามสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยลำแข้งของตัวเองก้าวข้ามกำแพงทางวัฒนธรรมเพื่อลบการดูแคลน แนวคิดนี้อาจจะไม่ได้ประหลาดมากนักหากเป็นคนยุคนี้ แต่หากมองในบริบททางสังคมของตัวละครสาวทั้งสาม ถือว่าใจกล้าและห้าวหาญทางความคิดมากสำหรับผู้หญิงยุคนั้น

นอกจากนี้เนื้อเรื่องยังสอดแทรกเกร็ดความรู้ไอเท็มอินเทรนด์ของคนโบราณไว้ได้อย่างน่าสนใจ ผ่านอาชีพของตัวละคร อาทิ ศิลปะการดื่มชา การชงชาแบบร้อยละครชา (คล้าย ๆ ลาเต้อาร์ตยุคนี้) ขนมและอาหารท้องถิ่นของยุคนั้น ลำดับขั้นของขุนนาง การเริ่มต้นเปิดร้านทำการค้า เรียกว่าประเด็นทั้งหมดนี้ ถูกร้อยเรียงได้ครบรสบนซีรีส์ที่ยังดูสนุก ดูเพลิน และไม่เครียดจนเกินไป

การรวมตัวมิติตัวละครหญิง-ทีมงานหญิงเก่ง
สามบุปผาลิขิตฝัน ถือเป็นการรวมตัวของมิติของหญิงสายสตรองไว้ได้หลากหลาย ไหนจะพล็อตเรื่องที่เล่าถึงเส้นทางการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมของกลุ่มหญิงสาวชนชั้นต่ำ รวมไปถึงการดีไซน์คาแร็กเตอร์ตัวละครที่มีปมสมเหตุสมผล และทีมงานหญิงเก่งมืออาชีพไม่ว่าจะเป็น

ผู้กำกับที่ได้รับการยกย่องในการนำเสนอประเด็นทางสังคม : หยางหยาง ผู้กำกับหญิง นักเขียนบท และโปรดิวเซอร์ซีรีส์ เคยคว้ารางวัลใหญ่ในวงการซีรีส์ ได้รับเกียรติยศมากมายมานานหลายทศวรรษ ในฐานะหนึ่งในผู้กำกับหญิงที่มีความสามารถอันดับต้นๆ ในจีน โดยเฉพาะการได้รับการยกย่องในมุมมองด้านมนุษยนิยมในระดับสากล ผลงานหลาย ๆ เรื่องของเธอ สะท้อนเห็นแง่มุมทั้งอารมณ์ สงคราม ประวัติศาสตร์ และประเด็นทางสังคม ไปพร้อม ๆ กันได้อย่างกลมกลืน คอซีรีส์ชาวไทยน่าจะเคยผ่านตาผลงานของเธอกันมาแล้ว อย่าง เพราะเรามีกัน (With You -2020), สยบฟ้าพิชิตปฐพี ทั้ง 2 ภาค (Ever Night - 2018, 2020)

มือเขียนแนวเฟมินีนขั้นเทพ : จางเวยคือ ผู้รับหน้าที่ดัดแปลงบทโทรทัศน์ของซีรีส์เรื่องนี้ เธอเป็นนักเขียนหญิงที่มีประสบการณ์ดัดแปลงซีรีส์มามากมาย อาทิ ตำนานสกุลตู๋กู (The Legend of Dugu - 2018), หยุนเสียน หมอหญิงวังจักรพรรดิ (The Imperial Doctress - 2016), ยอดรักนักแปล (Les Interprètes - 2016), ยอดหญิงปันซู (Ban Shu Legend - 2015),ตำนานลู่เจิน (Legend of Lu Zhen - 2013)แค่เห็นลิสต์ก็การันตีได้เลยว่ากลิ่นอายพลังหญิงแรงขนาดไหน แต่ละเรื่องเนื้อเรื่องสนุกสนาน เข้มข้น ชวนติดตาม ที่ไม่ได้มีดีแค่ประเด็นการฟันฝ่าของลูกผู้หญิงอย่างเดียวแน่นอน

ตัวละครมีมิติ สมเหตุสมผล เป็นธรรมชาติ ฉีกกฏนางเอกในอุดมคติ เนื่องจากสามสาวตัวเดินเรื่องหลัก เป็นสามัญชนชนชั้นต่ำ ชีวิตของพวกนางจึงต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดและอิสรภาพ บนพื้นฐานความเป็นจริง ออกแนวแม่ค้าปากกัดตีนถีบที่มีไหวพริบและความอดทนเป็นอาวุธ ทีมเขียนบทเลือกดีไซน์ตัวละครให้ต่างที่มา ต่างคาแร็กเตอร์มีปมของตัวเอง แต่มาเติมเต็มซึ่งกันและกัน เพื่อมุ่งไปสู่จุดหมายเดียวกัน

ไม่ว่าจะเป็น ‘จ้าวพ่านเอ๋อร์’ เจ้าของโรงน้ำชา มีปมเรื่องถูกคนดูถูกเพราะเคยเป็นนางรับใช้ในคณะดนตรีมาก่อน นั่นทำให้นางอยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้จากลำแข้งของตัวเอง ประสบการณ์หล่อหลอมให้นางเป็นสาวแกร่ง มีความเป็นนักสู้ฉลาดทันคน เด็ดขาด ไม่ยอมใคร เอาตัวรอดมีหัวด้านการค้า ไม่ได้เป็นแม่พระเว่อร์ ๆ เหมือนนางเอกละครบางเรื่อง แต่ก็เห็นอกเห็นใจผู้อื่นเพราะตัวเองเคยลำบากมาก่อน

ซุนซานเหนียงสาวชาวบ้านวัย 30 ปีกว่าๆ ปากร้าย ใจนักเลง แรงเยอะ มีฝีมือทำอาหารและขนม แต่ยอมเป็นคนเชือดหมูมาก่อนเพื่อช่วยหาทุนให้สามีทำการค้า แต่สามีกลับนอกใจ แถมหอบลูกชายไปซบเมียใหม่อีกต่างหาก ด้วยความสะเทือนใจอย่างแรงนางจึงกระโดดน้ำฆ่าตัวตายแต่โชคดีพ่านเอ๋อร์เพื่อนสนิทมาช่วยเอาไว้ โดยบทนี้ได้ ‘หลิ่วเหยียน’ นักแสดงที่คอซีรีส์อาจไม่คุ้นเท่าไร เพราะลุยงานจอเงินเป็นหลัก มารับบทนี้

ซ่งอิ่นจาง นักดนตรีผีผาอันดับหนึ่งในเจียงหนาน นับถือพ่านเอ๋อร์ดุจพี่สาวแท้ๆ เป็นคนใสซื่อ อ่อนต่อโลก ความที่อยากเป็นไทจากการเป็นนักดนตรีผีผา จึงถูกคนปลิ้นปล้อนหลอกให้แต่งงานและถูกทุบตีเกือบตาย แต่สุดท้ายได้พ่านเอ๋อร์ใช้ไหวพริบย้อนรอยคนต่ำช้าช่วยไว้ได้โดยได้ ‘หลินอวิ๋น’ นางเอกหน้าสวยจากซีรีส์‘หยุดรักไว้กลางใจ’ (Beautiful Reborn Flower – 2020) มารับบทนี้
ด้วยความสามารถของ 3 ตัวละคร เรียกว่าครบองค์ เปิดร้านน้ำชาสร้างชื่อได้ในเวลาต่อมา แต่จะผ่านอุปสรรคร้อยเอ็ดเจ็ดย่านแปดเบอร์ไหน ต้องไปชมต่อในซีรีส์ บอกเลยว่าดูแล้วฮึดมาก!

มีซีนปัง ๆ มาฝากกัน



เคมีลงตัว งานสายตามาเต็ม เอี้ยก้วย 2014 VS เซียวเหล่งนึ่ง 2006



อีกเรื่องที่ไม่พูดไม่ได้ คือ คู่พระ-นางกับความบังเอิญที่ลงตัว แม้เป็นการพบกันครั้งแรกของเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งต่างเวอร์ชั่นจากซีรีส์ในตำนาน แต่เคมีการแสดงตกคนดูระนาว ชนิดไลน์คอมเมนต์แน่น ‘ไม่จบเราไม่นอน’ โดยหลิวอี้เฟยเคยรับบทเป็นเซียวเหล่งนึ่ง ซีรีส์มังกรหยก ภาค 2 เวอร์ชั่นปี 2006 (The Return of the Condor Heroes -2006) ส่วนเฉินเสี่ยวเคยรับบทเป็นเอี้ยก้วย ซีรีส์มังกรหยก ศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีย์ เวอร์ชั่นปี 2014 (The Romance of the Condor Heroes - 2014)

หลิวอี้เฟยไม่ทำคนดูผิดหวัง แม้ว่าเธอจะห่างเหินจากจอซีรีส์มานาน แต่ฝีมือการแสดงที่จะให้ได้อรรถรสความฟินแบบซีรีส์ยุคนี้คือไม่มีแผ่ว...โดยเธอโชว์สกิลความเป็นจ้าวพ่านเอ๋อร์ที่มีความเด็ดขาด ฉลาดมั่นใจ หยิ่งทะนง แต่ไม่ก้าวร้าว ได้หลากหลายมิติมาก ๆ บทจะเศร้าท้อเสียใจคิดถึงก็สื่ออารมณ์ออกมาได้นุ่มนวล ส่งให้บทชาวบ้านแสนธรรมดา ดูมีสีสันจัดจ้านขึ้นมาทันตา
โดยเฉพาะฉากจำใจยั่วยวนหลอกผู้จอมละโมบเพื่อช่วยอิ่นจาง เชื่อว่าเป็นจริตที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนแน่นอน นางปั่นหัวผู้ได้น่าหมั่นไส้อยู่หมัด แถมดูแพงชนิดไม่มีใครเหมือนจนผู้ชมโดนตัวละครนี้ป้ายยาไปแบบไม่รู้ตัวหรือหลาย ๆ ซีนที่นางงัดกลเม็ดมาเรียกลูกค้าเข้าร้าน หรือต่อกรเหล่ามนุษย์กากที่มาหาเรื่องนาง ก็ทำเอาผู้ชมลุ้นหวังให้นางเอาคืนคนเหล่านี้ให้สาสม

งานการแสดงก็มาพ่านเอ๋อร์แกงผู้เบอร์แรงเป็นใครก็อ่อนระทวย



ด้านเฉินเสี่ยวพระเอกที่ผ่านงานซีรีส์มาเป็นโหล จัดจ้านมาแล้วเกือบทุกบทบาท การแสดงเป็น ‘กู้เชียนฟาน’ผู้เงียบขรึม เข้มแข็ง เก่งกาจ แต่ซ่อนปมความเจ็บปวดอยู่ในใจ ออกแนวดาร์กโหด ๆ อยู่นิด ๆ เพราะงานเกี่ยวข้องกับการฉ้อราษฎร์บังหลวงและพวกใจคด บางครั้งเขาต้องเลือกหนทางที่เย็นชา แต่ลึก ๆ เป็นคนจิตใจดี และเพราะทึ่งในความสู้คนของพ่านเอ๋อร์กู้เชียนฟานจึงคอยสนับสนุนนางเอกในทุกเรื่อง โดยเฉินเสี่ยวสามารถถ่ายทอดอินเนอร์ตรงนี้มาได้สิบเต็ม สอดรับกับลีลาของหลิวอี้เฟยได้แบบสูสี

แค่ฟิตติ้งยังขนาดนี้ ตอนเล่นจริงจะขนาดไหน



แต่บอกจะเข้าบทพระนาง คือ งานสายตามาแรงมาก เพราะตามท้องเรื่องนางเอกมาตามคู่หมั้นที่เมืองหลวง นั่นหมายถึงพระเอกแทบไม่ได้แตะต้องตัวนางเอกเลย ฉากหวานเลี่ยน ๆ แบบที่เห็นในซีรีส์จีนบ่อย ๆ จึงไม่ค่อยมีให้เห็นในช่วง EP แรก ๆ แต่เป็นการแสดงเคมีความฟินผ่านงานสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย การให้กำลังใจ ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ สมจริง แต่ว่าสวยงามชวนเคลิ้ม สะท้านจิตเลยละ

งานสายตาแห่งความห่วงใยไม่หวั่นไหวได้ไง



ยิ่งช่วงต่อปากต่อคำกันก่อนจะเข้าใจก่อน คือ ทั้งสนุก ทั้งมันส์ ทั้งขำ และเขิลลลลลไปในคราวเดียว แต่บอกบทจะพัฒนาความสัมพันธ์ถึงฉากเลิฟซีนหนัก ๆ ทั้งคู่ก็จัดใหญ่ใส่เต็มสมรุ่นใหญ่จูบกระชากใจทั้งละมุนและดุดัน ได้ดั่งใจคนดูมากชนิดว่าดูฉากนี้แล้วคิดดีไม่ได้เลย

ความเป็นเฟมินีน แต่ครบรส ดราม่า ขำ ซึ้ง ฮึด สู้
ถึงตั้งธงเป็นซีรีส์ปลุกแรงบันดาลใจลูกผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้นำเสนอความรันทดจนดราม่าไปซะหมด จุดนี้ถือเป็นส่วนผสมระหว่างผู้กำกับและผู้ดัดแปลงบท ที่มีการผสมผสานจุดเด่นของตัวเองออกมาได้ลงตัว ตัวละครทุกตัวฉลาดทันเกมหมด เส้นเรื่องจะดำเนินไปพร้อม ๆ กัน ระหว่างเส้นเรื่องการสืบคดีฝั่งพระเอกที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจ มีปนให้ชวนติดตาม ให้อารมณ์แมน ๆ เหมือนซีรีส์สยบฟ้าพิชิตปฐพี สลับกับการเล่าเส้นเรื่องการดิ้นรนสู้ชีวิตของฝั่งนางเอก ที่มีชั้นเชิงพลิกเกมเอาคืนได้แซ่บมากในความสามารถของทีมสามสาว แถมมีแก๊งตลกมาขายขำเป็นระยะเพื่อไม่ให้โทนเรื่องเครียดจนเกินไป

มาขายขำเอาฮาเบาๆ



แม้มีบางช่วงเอื่อย ๆ ไปบ้าง แต่ไม่น่าเบื่อ โดยรวมยังคงมาตรฐานความสวยงาม ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม มุมกล้องที่มีความคมในการเล่าเรื่อง และสถานที่สะท้อนความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวง ตระการตาสมกับที่ปูประเด็นนี้ไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง
สำหรับใครที่ชื่นชอบซีรีส์แนวผู้หญิงสายสตรอง สรุปเลยว่าไม่ควรพลาดเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวง มีทั้งหมด 40 ตอนจบ ติดตามได้ทาง WeTV Thailand

ร้อยเรียงเรื่องราว : Softlens
อ้างอิงเรื่องและภาพ :
mydramalist.com
wetv.vip/th/

ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/

#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์

เฉินเสี่ยว รับบท กู้เชียนฟาน

หลิวอี้เฟย รับบท จ้าวพ่านเอ๋อร์

หลิ่วเหยียน รับบท ซุนซานเหนียง

หลินอวิ๋น รับบท ซ่งอิ่นจาง

นักแสดงสมบทที่ช่วยปรุงซีรีส์เรื่องนี้ให้ครบรส

ฉากเมืองหลวงที่มีความอลังการ

ฉากล่องแม่น้ำก็มา เก็บให้ครบทุกบรรยากาศแต่ละเมือง

งานสายตามองแรงงงงส์





















โปสเตอร์โปรโมท สามบุปผาลิขิตฝัน - A Dream of Splendor




กำลังโหลดความคิดเห็น