อีกหนึ่งซูเปอร์ฮีโร่สายดาร์คสุดแนวที่เหล่าสาวกมาร์เวลเฝ้ารอ “Moon Knight” มินิซีรีส์จำนวน 6 ตอน ออนแอร์ทาง Disney+ ปลุกเร้านิยามใหม่ของซีรีส์ฮีโร่ผสมกลิ่นอายความเป็นหนัง “The Mummy” ไว้อย่างลงตัว ทั้งยังสอดแทรกตำนานเทพเจ้าอียิปต์โบราณและสัตว์ประหลาด (คล้ายหนังเดอะ มัมมี่) ให้ชมกันแบบตื่นเต้นเร้าใจ รวมถึงวิธีเล่าเรื่องที่มีเสน่ห์ลึกลับน่าติดตามว่าแต่ฮีโร่พลังเทพคนนี้เป็นใคร? เจ๋งแค่ไหนในจักรวาลมาร์เวล?
ต่อให้คุณไม่ได้ติดตามซีรีส์ฮีโร่ภาคต่อในจักรวาล MCU ก็ดูรู้เรื่องแน่นอน โดยเฉพาะคนที่หลงใหลตำนานเทพเจ้าอียิปต์ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!
3 ผู้กำกับฯ 2 นักแสดงดัง และ 1 นักเขียนบทจากซีรีส์ฮีโร่สุดแนว
แค่เห็นรายชื่อนักแสดง ผู้กำกับฯ และนักเขียนบท ก็ทำเอาเหล่าสาวกตื่นเต้นและลุ้นว่าซีรีส์จะนำเสนอในรูปแบบไหน โดยบทนำอย่าง “Moon Knight” ตกเป็นของออสการ์ ไอแซ็ก (Oscar Isaac) ผู้รับบท Apocalypse ในหนัง X-Men: Apocalypse ประชันบทบาทกับอีธาน ฮอว์ก (Ethan Hawke) ในบทอาร์เธอร์ แฮร์โรว์ เจ้าลัทธิผู้บูชาเทพอัมมิต (Ammit) หรือ “เทพีแห่งความตาย” ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ
แม้จะเป็นมินิซีรีส์ 6 ตอนของดิสนีย์ แต่ก็ใช้ทีมผู้กำกับฯ ถึง 3 คน ไม่ว่าจะเป็นคู่หูผู้กำกับฯ ชื่อดังจากหนังเรื่อง “Synchronic” (2019) อย่าง จัสติน เบนสัน (Justin Benson) และ อาร์รอน มัวร์เฮด (Aaron Moorhead) ร่วมทีมกับโมฮัมเหม็ด ดิอับ (Mohamed Diab) ผู้กำกับชาวอียิปต์ที่ประสบความสำเร็จจากหนัง “Clash” (2016)
เสริมทัพความแนวด้วยสไตล์การเล่าเรื่องของเจเรมี สเลเตอร์ (Jeremy Slater) ผู้เขียนบทจาก “The Umbrella Academy” (2019) และ “Fantastic Four” (2015) ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีกลิ่นอายความเป็นซูเปอร์ฮีโร่พันธุ์ผสมเดอะมัมมี่ สอดแทรกมุขตลกแนวคนธรรมดาที่ไม่เชื่อเรื่อง “พลังเหนือธรรมชาติ” ในบทพูดของออสการ์ ไอแซ็ก จึงทำให้ Moon Knight ทั้งโหด มัน ฮา หม่น ดาร์ค ปนระทึกขวัญเบา ๆ เอาให้เราลุ้นพอหายใจไม่ทั่วท้อง
“Moon Knight” ฮีโร่ต้องคำสาปอาถรรพ์พันปีแห่งเทพเจ้าไอยคุปต์
ตัวละคร Moon Knight ปรากฎตัวครั้งแรกในปี 1975 บนคอมมิกส์ Werewolf by Night ฉบับ 32 จากเสียงตอบรับที่ดีของสาวกมาร์เวล Moon Knight จึงมีคอมมิกส์ของตัวเองในปี 1980 ว่าด้วยเรื่องราวของ “มาร์ก สเปคเตอร์” (Marc Spector) ลูกชายคนโตของเอเลียส สเปคเตอร์ หรือแรบไบ (Rabbi) ผู้สอนศาสนาชาวยิวจากเช็คโกสโลวาเกีย ที่เก็บกระเป๋าหนีตายจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของนาซีมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในชิคาโก สหรัฐอเมริกา
ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้พบกับ “ยิสต์ เพิร์ลแมน” ลุงใจดีข้างบ้าน ที่มาร์กเกิดล่วงรู้ร่างจริงของลุงยิสต์ ผู้เป็นอดีตทหารนาซีที่ยังหลงใหลการฆ่าล้างชาวยิว แม้มาร์กจะหนีตายมาได้หวุดหวิดแต่เขาก็กลายเป็นคนเก็บตัวและพูดคนเดียวจนพ่อต้องส่งไปรักษาตัวในโรงพยาบาลจิตเวช จนกระทั่งตอนโตมาร์กสมัครเป็นนาวิกโยธินร่วมรบในสงครามอิรัก
ก่อนความจิตหลุดจะทำให้เขาออกจากราชการเพื่อเป็นทหารรับจ้าง และจับพลัดจับผลูรับงานให้ “ราอูล บุชมัน” (Raul Bushman) ตามล่าสมบัติฟาโรห์ แต่มาร์กเกิดแตกคอกับราอูลและถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสจนต้องกระเสือกกระสนหนีตายกลางทะเลทราย
ท่ามกลางความมืดมิดของทะเลทราย เขาได้พบกับเทพคห์อนชู (Khonshu) และทำสัญญาเป็นร่างอวตารเพื่อทำภารกิจปราบคนชั่วให้สิ้นซาก ด้วยพลังมหาเทพที่คห์อนชูมอบให้เขาจึงมีชีวิตอมตะและความสามารถอีกล้นหลาม (ตามคอมมิกส์) เช่น สร้างภาพหลอน ชุบชีวิตคนตายให้กลายเป็นมัมมี่ ควบคุมพลังจันทราในทุกจักรวาล
แต่นั่นก็เป็นคำสาปอาถรรพ์ที่มาร์กพยายามหลีกหนี และสร้างตัวตนอีกหลายบุคลิกขึ้นมาเพื่อปกปิดด้านมืดของตัวเอง
หลายคนในร่างเดียว! ปมดราม่าของฮีโร่ผู้ (ไม่) เพอร์เฟ็กต์
แม้จะขึ้นแท่นเป็น “ฮีโร่” คนใหม่ต่อจาก “Hawkeye” ในตระกูลมาร์เวลออริจินัลซีรีส์ที่ออนแอร์ทาง Disney+ (ตามไทม์ไลน์ของมาร์เวลเรื่องราว Moon Knight เกิดขึ้นในปี 2025 ขณะที่ Hawkeye เกิดขึ้นในช่วงคริสต์มาสปี 2024 ซึ่งเป็นเหตุการณ์หลัง Avenger: End Game) แต่ใช่ว่าชีวิตของฮีโร่จะมีแต่ด้านดีงามเสมอไป
แรกทีเดียว Moon Knight เป็นฮีโร่สายคลั่งที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เหล่า Werewolf ก่อนจะกลับใจเข้าร่วมภารกิจสำคัญกับ “The Defenders” และ “Spiderman” ตามเวอร์ชั่นคอมมิกส์
อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่า มาร์กสร้างตัวตนใหม่ ๆ ขึ้นมาภายในจิตใจ เพื่อเยียวยาตัวเองจากความกลัวและปกปิดความลับดำมืด ทำให้เขาป่วยด้วยโรคหลายบุคลิก (Dissociative Identity Disorder) ซึ่งในซีรีส์เปิดตัวด้วยเรื่องราวของ “สตีเวน แกรนท์” (ในเวอร์ชั่นคอมมิกส์เป็นเศรษฐี) พนักงานธรรมดา ๆ ประจำกิฟท์ช็อปใน British Museum ทว่าชีวิตอันแสนราบเรียบของสตีเวนกลับเต็มไปด้วยปริศนา เขาต้องล่ามโซ่ที่ข้อเท้าขวาทุกคืนก่อนนอนและโรยทรายไว้รอบเตียง ทั้งที่เจ้าตัวก็ไม่แน่ใจว่าทำสิ่งนั้นไปทำไม? ซึ่งเดาได้ว่าอาจเป็นเพราะอีกหนึ่งบุคลิกตั้งใจทำเช่นนั้น เพื่อไม่ให้สตีเวนรู้สึกตัวว่า ถูกยืมร่างไปแอบทำภารกิจลับ ๆ ในฐานะมาร์ก สเปคเตอร์
นอกจากนี้เขายังมี 4 บุคลิกที่ซ่อนอยู่ในร่างเดียว แต่ละบุคลิกต่างก็สะท้อนความเป็นเทพเจ้าคอห์นชูในหลายมิติอย่าง ผู้พิทักษ์ (มาร์ก สเปคเตอร์) ผู้เบิกทาง (สตีเวน แกรนท์) นักเดินทาง (เจค ล็อคลีย์) และการล้างแค้น (Moon Knight) ด้วยสัญญาที่เขาได้รับจากเทพเจ้าคห์อนชูทำให้เขาเป็นฮีโร่อมตะ เขาจึงสู้รบแบบดิบเถื่อนไม่กลัวตายในทุกสถานการณ์นั่นเอง
ขุมพลังแห่งจันทรา จะพิพากษาคนชั่ว!
ด้วยเพราะได้รับพลังจากคห์อนชูหรือ “เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์” ของอียิปต์โบราณ ทำให้ Moon Knight มีขุมพลังมหาศาลในคืนพระจันทร์เต็มดวง และพลังจะลดลงเรื่อย ๆ ตามความเข้มข้นของแสงจันทร์ ถึงขนาดที่คืนเดือนดับเขาจะไม่มีพลังพิเศษใด ๆ มาเป็นออปชั่นในการต่อสู้ แต่ความที่เขาเป็นทั้งอดีตนาวิกโยธิน สายลับ ทหารรับจ้าง และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้หลายศาสตร์ ทำให้มาร์กมีทักษะสู้รบและใช้อาวุธไม่เป็นสองรองใคร
อาวุธโปรดของ Moon Knight คือ “ใบมีดจันทร์เสี้ยว” สามารถปรับขนาดได้ตามต้องการ “กระบองคู่” ที่สามารถรวมร่างและแยกเป็นสองท่อนได้อย่างสะดวกสบาย “สนับมือหนามสุดโหด” ใช้เพื่อความสะใจในการกระหน่ำชกต่อยศัตรู “ปืน” บรรจุกระสุนพิเศษรูปใบมีดจันทร์เสี้ยว “อังค์” (Ankh) หรือสัญลักษณ์แห่งความเป็นอมตะและทรงอำนาจมากที่สุดของอียิปต์ แถมยังได้รับการเสริมพลังเวทมนต์จากเทพเจ้าคห์อนชูให้อังค์เป็นอาวุธพิเศษที่ Moon Knight เคยใช้ขโมยพลังของเหล่าฮีโร่คนอื่น ๆ มาแล้ว อย่าง Dr. Strange และ Ghost Rider
ศึกอวตาร 2 มหาเทพไอยคุปต์! ใครจะพิพากษาคนชั่วได้ดีกว่ากัน
สำหรับในซีรีส์เรื่องนี้ นอกจากเราจะได้เห็นการต่อสู้ของร่างอวตารเทพเจ้าไอยคุปต์อย่าง “Moon Knight” แล้วยังเป็นการสู้รบผ่านความเชื่อเรื่อง “ความยุติธรรม” และ “การพิพากษา” ตามความศรัทธาและความเชื่อของตัวละคร จะเห็นได้จากการที่อาร์เธอร์ แฮร์โรว์ บูชาเทพีอัมมิตและได้รับพลังจากอัมมิตในการพิพากษาผู้คน เพียงจับมือแล้วปล่อยให้ลายสักรูปตาชั่งบนแขนขวาของเขาวัดระดับความดี-ความชั่ว
หากคนผู้นั้นโดนพิพากษาว่าเป็นคนบาป หรือมีแนวโน้มที่จะทำบาปในอนาคตก็จะถูกสูบพลังงานจนแห้งตายในทันที ขณะที่คนดีจะอยู่รอดปลอดภัยและกลายเป็นสาวกของอาร์เธอร์
ภายใต้แนวคิดนี้ทำให้อาร์เธอร์เชื่อว่า เราสามารถหยุดยั้งคนชั่วหรือทรราชย์ก่อนที่จะเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การสังหารหมู่ การฆาตกรรม หรือความผิดบาปทั้งปวงได้ตั้งแต่มันยังไม่เกิด (คล้ายกับหนัง Minority Report) เพื่อสร้างโลกใบใหม่ที่มีแต่ความดีงาม และผู้คนไม่กล้าแม้แต่จะนึกถึงความชั่วร้ายในทุกรูปแบบ แม้ในอดีตเขาเคยเป็นร่างอวตารของคห์อนชูมาก่อน แต่อาร์เธอร์กลับมองว่า การพิพากษาของคห์อนชูไม่ได้ช่วยกอบกู้โลกใบนี้ให้น่าอยู่และสุขสงบขึ้น
ตรงกันข้ามกับ Moon Knight ร่างอวตารผู้รับใช้เทพคห์อนชู เขามีความเชื่อว่า คนบาปควรได้รับการพิพากษาหลังจากได้ลงมือกระทำความผิดบาปนั้นแล้ว หากความผิดบาปเป็นเพียงแค่ความคิดก็ไม่สมควรจะลงโทษมนุษย์คนนั้น และถือว่าเขายังเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงทำให้เกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือดระหว่างอาร์เธอร์และมาร์ก ถึงขนาดเรียกมัมมี่สัตว์ประหลาดมาสู้กันอย่างดุเดือด เพื่อแย่งชิง “สกาลับ” (Scarab) เครื่องรางปลุกพลังเทพีอัมมิตที่อาร์เธอร์ปรารถนา ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญของสงครามแห่งศรัทธา ความเชื่อ และการพิพากษาในครั้งนี้
ตามไปชมกันได้ทาง Disney+ Hotstar ออนแอร์ทุกวันพุธเวลา 15.00 น. ตั้งแต่ 30 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป
ร้อยเรียงเรื่องราว : รัสรินทร์
อ้างอิงเรื่องและภาพ :
https://www.techradar.com/reviews/moon-knight-review-a-god-tier-show-that-sets-a-stunning-new-bar-for-the-mcu
https://www.pastemagazine.com/tv/disney-plus/moon-knight-review/
https://worldnationnews.com/moon-knight-episode-2-review-world-nation-news/
https://www.theverge.com/22999812/moon-knight-review
https://www.koimoi.com/reviews/web-reviews/moon-knight-episode-2-review-oscar-isaac-summons-the-suit-shows-you-what-he-is-capable-of/
https://cosmicbook.news/moon-knight-episode-2-review
ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/
#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์