xs
xsm
sm
md
lg

• #XYแซ่บEP20 : “Life ~ Love On The Line” เส้นสีขาวที่คนมองข้าม!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สวัสดีค่ะ กลับมาเม้าท์มอยเรื่องวายๆ กันอีกครั้ง วีคนี้ พี่เคท จะพูดถึงซีรีส์วายญี่ปุ่น ทาง WeTV เรื่อง Life: Love on the Line ใครที่อยากตับพังต้องลองชม เพื่อให้รู้ว่า “คุณกล้าพอไหม ที่จะลองข้ามเส้นที่สังคมขีดไว้ดูสักครั้ง?”

เดิมทีพี่เคทเห็นตัวอย่างภาพโปรโมทซีรีส์เรื่องนี้แวบๆ ก็แอบคิดว่าคงเป็นซีรีส์วายแนวหวานๆ ฟีลกู้ด อารมณ์มุ้งมิ้ง เลยบอกกับตัวเองว่าเก็บไว้ก่อนดีกว่า ที่ไหนได้มีแอบตับพังจ้า! แต่เชื่อเถอะค่ะว่าคุ้มที่ได้ดู ถ้าจะมีเสียก็เสียน้ำตานี่แหละคะ (ซับน้ำตาแพล็บ!)

Life : Love on the Line เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากมังงะชื่อดังเรื่อง ‘Life Senjou no Bokura’ ผลงานของ โทโคคุระ มิยะ (Tokokura Miya) ออกอากาศเมื่อปี 2020 นำแสดงโดย ชิราสุ จิน (Shirasu JIn) ไรกุ (Raiku) โยเฮ โอคุยะมะ (Yoshie Okuyama) โคจิมะ ฟูจิโกะ (Kojima Fujiko) และโดอิ ชิโอริ (Doi Shiori) มีแค่ 4 ตอนเท่านั้น สั้นแต่ถึงอารมณ์สุดๆ แต่สุดแค่ไหนมาดูกันค่ะ



บทเข้มข้น พล็อตกระแทกสังคมแตกละเอียด

เรื่องราวของเส้นทางความรักเริ่มต้นขึ้น เมื่อวันหนึ่งสองเด็กหนุ่มนักเรียนมัธยมปลายต่างโรงเรียน คือ อิโตะ อากิระ (พระเอก)กับ นิชิ ยูกิ (นายเอก) ที่ชอบเดินบนไลน์เส้นสีขาวซึ่งทอดยาวไปตามถนน มาเจอกันเข้าโดยบังเอิญทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่เพราะมีความชอบและจินตนาการในการเดินบนเส้นที่ยาวบนถนนเหมือนกัน มิตรภาพจึงเกิดขึ้นและจากวันนั้น ทั้งสองก็เจอกันบนเส้นสีขาวเช่นนี้ทุกวัน จนความสัมพันธ์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในที่สุด อากิระพระเอกของเรื่องก็ตกหลุมรักในความสดใสของยูกิอย่างถอนตัวไม่ขึ้น และเผลอเปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง ด้วยการดึงยูกิมาจูบเพราะห้ามใจไม่อยู่ ทำให้ยูกิตกใจมาก แต่วันรุ่งขึ้น ยูกิกลับยังมานั่งรออากิระ ผู้ที่กำลังรู้สึกผิด ที่เผลอไปจูบยูกิเข้า จึงพยายามจะหลบหน้า และไม่กล้าเดินตามเส้นสีขาวเช่นเดิม แต่เป็นยูกิที่มาดักรอและยืนยันว่า ความสัมพันธ์ที่พระเอกต้องการนั้นไม่ใช่ปัญหา หากทั้งคู่มีความสุขอยู่เช่นเดิม ก็จะขอคบกันเช่นนี้ต่อไป จุดนี้ พระเอกเรามีความสุขม๊ากก..

เรื่องราวดำเนินต่อไปจนถึงขั้นที่ทั้งคู่ได้เสียคบหากันแบบจริงจังและพักอยู่ด้วยกันแบบคู่รัก วันเวลาผ่านไปจนวันหนึ่งมีเหตุให้พระเอกของเรื่องเริ่มคิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่ระหว่างเขาสองคนเป็นเรื่องที่ผิด และต้องการทำในสิ่งที่สังคมยอมรับเพื่อไม่ให้ถูกตราหน้าว่า “เป็นพวกผิดปกติ” ดังนั้นพระเอกจึงบอกเลิกกับนายเอกและไปแต่งงานกับหญิงสาวเพื่อนร่วมงาน โดยไม่ได้สนใจความรู้สึกของนายเอกว่าจะเป็นเช่นไร แน่นอนว่า ความปวดตับจึงเริ่มบังเกิดขึ้น

หรือเส้นขาวที่ขีดไว้ คือนัยยะที่คนมองข้าม?

โทนของเรื่องที่เปิดมาคล้ายกับซีรีส์วายปกติทั่วไปนั่น คือการได้มาพบกันของพระเอก นายเอก แม้ว่าเรื่องนี้จะใช้การเดินตามเส้นสีขาวบนถนนของคนสองคนที่ทำให้มาเจอกัน เพราะเป็นสิ่งที่ทั้งคู่ทำอยู่ทุกวันในสมัยเรียน แต่น่าแปลกที่การเดินตามเส้นบนถนนทุกวันเช่นนี้ เหมือนถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ทั้งพระเอกและนายเอกมาเจอกัน ใช้เวลาร่วมกันไปจนจบตอนที่ 1 เท่านั้น หรือเส้นสีขาวที่กำหนดไว้ในเรื่องก็เพียงเพื่อจะสื่อว่า ชีวิตคนเราล้วนมีเส้นซึ่งเป็นสิ่งกำหนดชีวิตของตนเอง?
ความน่าประทับใจในเรื่องนี้คือ การเดินเรื่องที่สมจริง และใกล้เคียงความเป็นชาวรักร่วมเพศมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ไม่ได้เน้นเรื่องราวการจีบกันเพื่อสร้างโมเม้นท์ความฟินให้กับผู้ชมสายวายเหมือนกับเรื่องอื่นๆ แม้จะทำให้เรื่องดูหนักไปนิด แต่ความเข้มข้นสมจริงนี่เอง ทำให้ดูเพลิดเพลินจนร่วมลุ้นไปกับเส้นทางเดินที่คนทั้งคู่ตัดสินใจร่วมเดินไปด้วยกัน

เส้นแรก..เส้นลองรัก..

ในช่วงเริ่มต้นของเรื่อง นายเอกไม่เคยมีความรู้สึกแบบชายรักชายมาก่อน ดังนั้น เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงตอนที่พระเอกแสดงท่าทีชัดเจนว่า มีความสนใจนายเอกในแบบชู้สาว โดยการคว้านายเอกไปจูบ ทำให้คนดูลุ้นว่า การที่มีผู้ชายมาจูบและบอกรักผู้ชายด้วยกันก่อนจะเป็นยังไง และนายเอกจะผ่านสถานการณ์เช่นนี้ไปได้อย่างไร แน่นอนว่า การใช้ชีวิตแบบรักร่วมเพศนั้น ไม่ว่าสังคมประเทศไหนในโลก ย่อมถูกมองเป็นเรื่องแปลกประหลาดและในบางสังคมก็ยังถูกตราหน้าว่าวิปริตด้วยซ้ำ

แต่ที่สุดแล้ว คืนวันหนึ่ง พระเอกเผลอไปปล้ำจูบและสารภาพความในใจกับนายเอก และนายเอกเองก็ยอมเปิดใจที่จะคบหากับพระเอก และยอมตกอยู่ในสถานะสุ่มเสี่ยงสำหรับการถูกสังคมรังเกียจ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อพระเอกของเรื่องนั่นเอง นับเป็นการข้ามเส้น ครั้งที่หนึ่งของเรื่อง..



เส้น...สังคมครอบครัวที่ต้องรับรู้ว่าลูกชายเป็นเกย์!

ฉากที่พีคอีกฉากที่อยากพูดถึงก็คือ ฉากสารภาพเรื่องของเพศสภาพของพระนายของเรื่องค่ะ

ถ่ายทอดบรรยากาศในขณะที่ครอบครัวต้องมารับรู้เรื่องที่ลูกชายของตนเองเป็นเกย์

ทำออกมาได้ดีมาก เพราะสองบ้านนี้มีบรรยากาศในการเปิดเผยตัวตนของสองตัวละครพระเอก-นายเอก ได้แตกต่างกันมาก ฝั่งนายเอกค่อนข้างอยู่ในโทนเบาสบาย แม้ว่าตัวนายเอกจะรู้สึกอึดอัด และลำบากใจ ที่จะต้องพูดความจริงเกี่ยวกับความผิดปกติในชีวิตของตนเองให้แม่รับรู้ ที่สำคัญเขากลัวว่าแม่จะเสียใจและไม่ยอมรับ แต่การตอบรับของแม่ ทำให้เรื่องราวสมูธและโปร่งสบาย เสริมด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นขึ้นที่มุมปากโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มนี้ ไม่ใช่ของแม่หรือของนายเอกนะ แต่เป็นของคนดูนี่แหละ นับเป็นฉากที่แสนละมุนและน่าประทับใจมากจริง ๆ เพราะแค่นายเอกอ้าปากจะพูดเรื่องแฟน แม่ก็แย่งพูดออกมาเองทั้งหมด ว่าลูกมีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวนี้มีหลายประเทศที่ยอมให้ไปจัดงานแต่งแบบชายกับชายได้แล้วนะ แล้วก็ชวนคุยให้ลูกรู้สึกดี จนลูกถึงกับเหวอไปเลย และยังตบท้ายด้วยการบอกให้ลูกพาแฟนมาแนะนำให้รู้จักอีกด้วย

ในขณะที่ครอบครัวของพระเอก ผู้เป็นแม่กับแสดงอาการตกใจและรับไม่ได้อย่างชัดเจนในสิ่งที่พระเอกเป็น จนพระเอกระเบิดอารมณ์ความอัดอั้นทั้งหมดออกมา ความพีคของครอบครัวนี้อยู่ที่คำพูดของผู้เป็นพ่อ ที่กล่าวออกมาก่อนพระเอกจะเดินออกจากบ้าน “อากิระ ยืดอก แล้วอยู่ต่อไปนะ” ซึ่งนั่นสื่อถึงการยอมรับในตัวของพระเอกจากผู้เป็นพ่อ

เส้น...ของชีวิตจริง

เมื่อการสืบเผ่าพันธุ์ คือธรรมชาติของมนุษย์ หลังจากที่ทั้งคู่ผ่านช่วงชีวิตที่สุขสมหวังและเต็มไปด้วยความสุข ที่หลายๆ คนมองว่าคือฉากฝัน (และมีคนนำมาแดกดันกลุ่มสาววายว่าฉากมุ้งมิ้งเหล่านั้น เป็นแค่เพียงความหวานชื่นของการจีบหรือคบหากันในตอนต้นของชีวิตชาวรักร่วมเพศเท่านั้น) ทั้งสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามลำพังสองคน ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่ค่อยมีเรื่องอื่นมากดดันทั้งคู่สักเท่าไหร่ จนวันเวลาผ่านไป สังคมของพระเอก-นายเอกก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย การถูกคนที่ทำงานถามเรื่องชีวิตคู่บ่อย ๆ หรือถูกคนเอาเรื่องครอบครัวมาเล่าให้ฟังเหมือนเป็นการตอกย้ำให้ตัวละครรวมถึงพระเอก ให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบของการเป็นมนุษย์ ทำให้พระเอกเริ่มลังเลและคิดว่า สิ่งที่ตนเองทำอยู่กับนายเอกนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เขาจึงเริ่มต้องการให้ตัวเองดูเป็นคนปกติและเป็นที่ยอมรับในสังคมเหมือนเช่นคนอื่น ดังนั้น จึงตัดสินใจข้ามเส้นอีกครั้ง โดยการบอกเลิกนายเอก และขอเพื่อนสาวที่ทำงานแต่งงานเพื่อสร้างครอบครัวตามที่พ่อ แม่และคนรอบข้างมองว่าเป็นสิ่งปกติ

แม้เป็นเส้นที่ไม่มีใครยอมรับ แต่ขอเป็นคนขีดขึ้นใหม่เอง

เมื่อชีวิตนายเอกพังพินาศ ความฝันที่เคยมีร่วมกันในอดีตไม่อาจถูกสานให้สำเร็จ เมื่อคนร่วมฝันมาทรยศหนีไปแต่งงานกับผู้หญิง และถูกประกาศต่อหน้าว่าไม่ต้องการทำเรื่องผิดปกติอีกต่อไป เส้นทางชีวิตต่อจากนี้ของนายเอกจึงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและจำยอมที่จะอยู่กับมันให้ได้ พร้อมกันนั้น นายเอกก็เริ่มออกเดินทางไปทำความฝันเพียงลำพังเพียง เพื่อจะตัดใจจากพระเอกนั่นก็คือการไปเที่ยวดูแสงเหนือที่อลาสก้า

ในขณะเดียวกัน ชีวิตที่พระเอกพยายามหลอกตัวเองว่าคือ สิ่งที่ใช่ คือ ความสมบูรณ์แบบ และคือความสุขที่แท้จริง กลับเริ่มล้มเหลวและพังพินาศลง เพราะเมื่อชีวิตคู่ไม่ได้มีความรักเป็นตัวก่อกำเนิด การเดินตามเส้นที่สังคมยอมรับจึงเป็นความทุกข์ทรมานของทั้งพระเอก ที่ส่งผลต่อตัวภรรยาของเขาด้วยเช่นกัน ผลที่ตามมาจึงคาดเดาได้ไม่ยาก นั่นคือพระเอกได้ตัดสินใจข้ามเส้นที่เคยมองว่าเป็นสิ่งที่สังคมยอมรับ ด้วยการขอการหย่ากับภรรยา และออกตามหานายเอกซึ่งเป็นความรักแท้ที่อยู่ในหัวใจมาตลอดอีกครั้ง

เส้นทางที่เลือกใหม่ ซัดสังคมญี่ปุ่นสะเทือน

และเมื่อถึงตอนที่เรื่องราวทั้งหมดใกล้ลงตัว เรื่องราวก็ยิ่งสนุกและสาแก่ใจอีช้อยยิ่งนัก เพราะพล็อตที่วางไว้ได้ตีแสกหน้าสังคมซึ่งรังเกียจชาวรักร่วมเพศได้อย่างงดงาม เมื่อสังคมต้องการยอมรับเรื่องของความรัก เพียงแค่ระหว่างชายกับหญิง และฝืนบังคับให้คนผู้เป็นเพศที่สามต้องเลือกเดินตามเส้นที่สังคมหรือวัฒนธรรมเป็นตัวกำหนด สุดท้าย ปัญหาหย่าร้างจึงกลายเส้นทางที่เลี่ยงไม่พ้น

อีกหนึ่งจุดที่เป็นเสน่ห์ในการดำเนินเรื่อง คือ การเล่าเรื่องผ่านช่วงอายุของตัวละครพระเอก นายเอก ที่ดำเนินมาตามช่วงวัยที่สื่อถึงระยะเวลายาวนานในการใช้ชีวิตร่วมกัน ในความผูกผันที่มีต่อกัน ในขณะที่ช่วงเวลาของพระเอกกับเรื่องราวที่สังคมยอมรับกลับเป็นช่วงเวลาแสนสั้น

แม้ว่าในที่สุด คนดูพอจะเดาได้ว่าพระเอกนั้นตัดสินใจเลือกเดินทางใด ระหว่างเส้นที่สังคมขีดไว้ หรือเส้นที่ตนเองเป็นผู้กำหนด แต่การทอดทิ้งคนที่ตัวเองรักที่สุดและได้ทำร้ายจิตใจไว้สาหัสที่สุดนั่น เป็นจุดที่เป็นไฮไลท์ของเรื่องในตอนจบ และยังพาชาวเราเสียน้ำตากันเป็นโอ่ง เพราะคนดูอินกับการที่นายเอกถูกพระเอกบอกเลิกและทอดทิ้งไป ดังนั้นการกลับมาง้อขอคืนดีจึงเป็นจุดพีคที่คนดูทุกคนรอชมด้วยความลุ้นระทึก เพราะอยากให้นายเอกเอาคืนพระเอกให้สาสมก่อนจะยอมคืนดี (แต่เพราะเวลามีจำกัด ทำให้การเอาคืนดูเหมือนจะยังไม่สาสมใจคนดูเลย พับผ่าเถอะ!)

ส่วนการเข้าไปขอโทษและการขอให้นายเอกให้อภัยนั้น พระเอกจะทำให้ดราม่าน้ำตาแตกแค่ไหน และนายเอกตัดสินใจขออะไรจากพระเอกเป็นคำขอสุดท้ายนั่น ไปติดตามชมได้ทาง WeTv นะค่ะ เรื่องอะไรพี่เคทจะยอมเสียน้ำตาอยู่ผู้เดียวล่ะคะ ไปค่ะ รีบไปชมกัน อ้อ อย่างลืมเอาผ้าเช็ดหน้าผืนโต ๆ ไปด้วยนะคะ คนใจเด็ดสายหื่นแบบพี่เคทยังไม่รอด แล้วคุณผู้อ่านล่ะ จะรอดหรือ?

เรียบเรียงเรื่องราว : เคทอี้ฟาง
ภาพ : WeTV

ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/

#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์
























กำลังโหลดความคิดเห็น