ตัวอย่างภาค 2 เผยให้เห็นท่าเดินเดิมกับภาคแรก แต่เธอดูมั่นใจขึ้น
ภาพยนตร์รอมคอมวัยรุ่นฟอร์มเล็กที่ไม่คิดว่าจะมีต่อภาค 2 แต่ก็สตรีมมิ่งขึ้น Netflix ช่วงก่อนวาเลนไทน์ที่ผ่านมา สำหรับ Tall Girl 2 รักยุ่งของสาวโย่ง ภาคต่อจากภาคแรกที่ได้ทีมนักแสดงชุดเดิมกลับมาครบเซ็ต
หลังจากเปิดตัวภาคแรก เมื่อปี 2019 ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ด้วยพล็อตหลักเกี่ยวกับโจดี้ สาววัยทีนขาดความมั่นใจในตัวเอง เพราะเกิดมาพร้อมความสูงเกินตัว 6 ฟุต 1นิ้วครึ่ง (หรือ 187 เซนติเมตร) จนถูกบูลลี่ในโรงเรียนมัธยม
แม้เป็นหนังที่เล่นกับประเด็นอ่อนไหวกับภาพลักษณ์ความคาดหวังสังคมไฮสคูลและการบูลลี่ แต่ Tall Girl ก็ไม่ได้ดราม่าหนักหนาเหมือน ‘13 บันทึกลับหัวใจสลาย’ (13 Reasons Why) หรือมาแนวแสบแซ่บแบบ ‘ชิงรักหักมงกุฎ’ (Insatiable) แต่มาแนวมิตรภาพใสๆ ทรงเดียวกับ ‘เดอะ คิสซิ่ง บูธ’ (The Kissing Booth) จนออกแนวฟีลกู้ดโลกสวยเหมือนหนังแนวช่องดิสนีย์ก็ตาม
มาถึงTall Girl 2 ภาคสองจะพาผู้ชมไปสำรวจอุปสรรคครั้งใหม่ของโจดี้ที่ยังคงมาพร้อมสูตรสำเร็จของหนังแนว Coming of Age
ความเดิมจาก Tall Girl ภาค 1
ตัวอย่างภาคแรก
ใครดูภาคแรกมาแล้วข้ามเนื้อหานี้ไปได้เลย เพราะในซีนเปิดเรื่องภาคสองมีสรุปย่อของภาคแรกไว้ให้แล้ว แต่สำหรับใครที่ไม่เคยดูภาคแรก แนะนำให้ลองไปดูหนังดีกว่า จะเพิ่มความอินมากยิ่งขึ้นในภาคสอง
ย้อนกลับไปภาคแรก Tall Girl เป็นเรื่องราวของโจดี้ สาวไฮสคูลธรรมดาจิตใจดี แต่โดดเด่นเรื่องความสูงที่ออกจะมากเกินไปหน่อย จนเพื่อนๆ นำมาล้อเป็นประจำ ทำให้เธอขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง โดยมี ‘ดังเคิลแมน’ เพื่อนสนิทโตมาด้วยกันแต่มองเธอเป็นมากกว่าแค่เพื่อน และ ‘ฟารีดา’ เพื่อนสาวผิวสีสุดเฟี้ยวที่ฝันอยากเป็นดีไซเนอร์ คอยอยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจให้โจดี้มาโดยตลอด
แม้โจดี้แวดล้อมด้วยคนห่วงใยเธอ ทั้งเพื่อนสนิทแสนดี(ที่มีจำนวนน้อยนิด), พ่อแม่เข้าใจและใส่ใจความรู้สึกของเธออย่างมาก (จนดูว่ามากเว่อร์ไปหน่อย) และมีพี่สาวคนสนิท ‘ฮาเปอร์’ ผู้เป็นนางงามไซส์มินิ นักล่ารางวัลประกวดนางงาม แต่ทั้งหมดไม่ได้ทำให้โจดี้ได้รับการเติมเต็มทางจิตใจเท่าไรนัก โจดี้รู้สึกต้องการการยอมรับจากสังคมแบบที่ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นดาวเด่นเหมือนพี่สาว เพราะไปโรงเรียนทีไรก็มีตัวแสบล้อเธออยู่ทุกวัน โดยมีหัวโจ๊กเป็นเจ้าฮอตประจำโรงเรียนอย่าง ‘คิมมี่’
จนวันหนึ่ง ‘สติ๊ก’ นักเรียนแลกเปลี่ยนสวีเดนหล่อขั้นเทพ ตรงสเปคโจดี้สุดตรงที่ความสูงมากกว่าเธอ ปรากฏตัวขึ้น และทำให้เธอหวั่นไหว ประสบการณ์รักแรกของสาวโย่งก็เกิดขึ้นแบบจบไม่สวยนัก แต่ทำให้เธอเรียนรู้ที่จะมองตัวเองใหม่และกล้าพอจะเปิดใจกล่าวสุนทรพจน์สุดต๊าช จนเพื่อนทั้งโรงเรียนยกนิ้ว และมองข้ามสเปคในใจเพื่อตระหนักคุณค่าของความรักจากชายที่แคร์และทุ่มเทเพื่อเธอมากที่สุด
ส่งต่อความฟีลกู้ดสู่ Tall Girl 2
ขณะที่ภาคแรกโฟกัสไปที่การรับมือความไม่มั่นใจในความสูงของโจดี้ ภาคสองพล็อตกลับมุ่งเป้าไปที่ความวิตกกังวลในการก้าวต่อไป การรับมือกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เข้ามาในชีวิต ซึ่งเป็นปมของวัยรุ่นโดยทั่วไป
จากภาคแรกต่อภาคสอง ตัวหนังพาไปติดตามชีวิตโจดี้ หลังจากกล่าวสุนทรพจน์ในงานวันคืนสู่เหย้าทำเอาคนทั้งโรงเรียนทึ่งในตัวเธอ เธอกลายเป็นสาวฮอตขึ้นมาทันที อีกทั้งเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอและดังเคิลแมนในฐานะแฟน แม้ว่าเขาจะเตี้ยกว่าเธอมากจนบางทีมีคนแซวและมองข้ามเขาอยู่บ้าง
เมื่อโจดี้ก้าวข้ามการยอมรับความสูงในตัวเธอเองได้แล้ว เธอต้องการก้าวไปอีกขั้นของการเติบโตด้วยการสมัครออดิชั่นนักแสดงละครเพลงของโรงเรียน อีกความฝันที่ก่อนนี้ไม่เคยกล้าจะทำ ผลคือเธอสอบผ่านคว้าบทนางเอกมาแบบเหนือความคาดหมาย
นั่นทำให้โจดี้ต้องรับมือเรื่องรอบด้านพร้อมๆ กันตามแบบฉบับชีวิตวัยรุ่น ไม่ว่าจะเป็นสถานะความป๊อปที่กระโจนมาไม่ทันตั้งตัว, การออกเดทกับผู้ชายเตี้ยกว่าเธอครึ่งฟุต และเขาเริ่มเรียกร้องให้เธอใส่ใจเขามากขึ้น ที่สำคัญการจัดการกับเสียงในหัวที่เกิดจากความวิตกกังวล และค่อยๆ กัดกินความมั่นใจของเธอ เมื่อเริ่มต้นเปิดรับอะไรใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต โดยเฉพาะการเป็นสปอร์ตไลท์บนเวทีต่อหน้าคนจำนวนมาก
ภาคนี้มีตัวละครเพิ่มเข้ามาอย่าง ‘สเตลล่า’ พี่สาวแสนสวยของสติ๊ก (ที่สูงไม่แพ้โจดี้) และ ‘ทอมมี่’ หนุ่มหล่อที่มาเป็นพระเอกละครเพลง เข้ามาสั่นคลอนหัวใจโจดี้
ส่วนตัวละครเดิมมีพัฒนาการอยู่เล็กน้อย ส่วนใหญ่จะใช้มุก Coming of Age สูตรสำเร็จสไตล์หนังวัยรุ่นอเมริกันกับการค้นพบทางของตัวเอง ไม่ว่าระหว่างห่างๆ กับโจดี้ ดังเคิลแมนค้นพบว่าตัวเองมีพรสวรรค์ด้านการถ่ายภาพ, ฟารีดามีความชัดเจนบทเส้นทางอาชีพดีไซเนอร์, ฮาเปอร์ พี่สาวสวยเริ่ดของโจดี้ที่ได้ทดลองงานสุดคูลแต่ต้องย้ายไปต่างเมือง เธอเป็นตัวละครสะท้อนให้เห็นว่าพยายามดิ้นให้หลุดจากกับดักความสวย และสติ๊กพยายามเปลี่ยนเป็นคนใหม่ใช้ความจริงใจสร้างมิตรภาพเพื่อแก้ไขความผิดพลาดในอดีต
สาวโย่งชีวิตจริงน่าสนใจไม่แพ้ในหนัง
จากภาพยนตร์ภาคแรก แม้ไม่ได้ดังเปรี้ยงแต่ก็ถือว่าสร้างชื่อ และแจ้งเกิดนางเอกของเรื่องอย่าง ‘เอวา มิเชลล์’ (Ava Michelle) ในฐานะนักแสดงวัยรุ่น ในชีวิตจริงเธอก็สูงเท่ากับตัวละครในภาพยนตร์ Tall Girl นั่นละ แถมเคยผ่านประสบการณ์ถูกกีดกันเพราะความสูงเป็นเหตุมาแล้ว ช่วยให้เธอเข้าใจอินเนอร์ของตัวละครโจดี้เป็นอย่างดี
เอวาในวัย 19 (เกิด 10 เมษายน 2002) เป็นมากกว่าดาราโทรทัศน์ หากเป็นทั้งนักเต้นบัลเลต์ แจ๊ส แท็ปร่วมสมัย และนางแบบ เริ่มมีชื่อเสียงบนแคทวอล์คนับแต่เข้าร่วมนิวยอร์ก แฟชั่น วีค ปี 2017 โดยเธอหลงใหลการเต้นรำเรียนเต้นรำที่ Broadway Dance Academy ซึ่งเจนเน็ตต์โคตา (Jeanette Cota) แม่ของเธอเป็นเจ้าของ ผู้เป็นทั้งนักออกแบบท่าเต้น นักแสดง โปรดิวเซอร์ และอดีตนางแบบ
ลีลาแคทวอล์คของเอวา
นี่แค่สกิลการเต้นเบาๆ
เอวาเคยปรากฏตัวในรายการ Lifetime's Dance Moms และถูกตัดสิทธิ์ให้ตกรอบอย่างไร้ความปราณีกลางรายการ ด้วยเหตุผลว่าเธอสูงเกินไป ตลอดจนปรากฏตัวในรายการ Fox's So You Think You Can Dance
เหตุการณ์ทำลายจิตใจเด็กไม่น้อย ในรายการ Lifetime's Dance Moms
นอกจากนี้เธอยังได้รับการชื่นชมจาก TikTokในฐานะเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้นักเต้น ในปี 2017 เอวาเริ่มต้นแคมเปญเล็กๆ #13Reasons4Me เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนตระหนักถึงความจำเป็นในการรักตัวเอง การเคลื่อนไหวของเอวาช่วยให้วัยรุ่นทั่วโลกค้นพบตัวเองในแง่ที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน ความกระตือรือร้นของเธอในการเผยแพร่ความรักช่วยคนนับล้านยุติความเกลียดชังและยอมรับที่จะรักตนเองปัจจุบันเอวากำลังจดจ่ออยู่กับการสร้างแบรนด์ของเธอในโลกโซเชียลมีเดีย
กระแสวิจารณ์หลากหลายไม่พ้นคำสาปหนังภาคต่อ
กลับมาที่ Tall Girl 2 ต้องยอมรับโดนคำสาปภาคต่อไปเต็มๆ ไม่ได้ความนิยมเท่ากับภาคแรก ยิ่งเมื่อเทียบกับภาพยนตร์แฟรนไชส์แนวเดียวกันบน Netflix อย่าง The Kissing Booth ทำให้ Tall Girl 2 บทดูอ่อนเบาหวิวไปเลย
อย่างไรก็ตามกระแสมีทั้งชมและติ โดยชื่นชมในการหยิบประเด็นท้าทายบรรทัดฐานทางสังคม เมื่อผู้หญิงตัวสูงคบกับผู้ชายเตี้ยกว่า หรือการสอดแทรกเนื้อหาให้โจดี้มีส่วนร่วมในละครเพลง ทำให้เอวามีโอกาสโชว์สกิลการเต้นขั้นเทพของเธอ ตลอดจนการออกแบบฉากและการถ่ายทำบรรยากาศของเมืองที่มีสีสันสดใส
อีกทั้งไม่น้อยที่ติว่า Tall Girl 2 ลืมเสน่ห์สำคัญของภาคแรกที่ว่าด้วยเด็กสาวไม่มั่นใจในส่วนสูงของเธอ แต่พอมาภาคต่อที่เพิ่งผ่านพ้นเหตุการณ์แรกไม่กี่เดือนกลับชูประเด็นความไม่มั่นใจในการก้าวต่อไป ทำให้ขาดความต่อเนื่องอีกทั้งเป็นประเด็นซ้ำซากที่วัยรุ่นเจอกันเป็นประจำอยู่แล้ว จึงทำให้ตัวหนังขาดความสดใหม่
แต่ไม่ว่าจะถูกติหรือชม Tall Girl 2 ก็ยังเหมาะเป็นภาพยนตร์ที่จะช่วยให้วัยรุ่นได้ค้นหาความมั่นใจในตัวเองและเอาชนะความวิตกกังวล ซึ่งเป็นบทเรียนที่มีค่า
อย่างที่ประโยคหนึ่งจากภาพยนตร์ที่นำมาเป็นคติเตือนใจได้ว่า การบูลลี่เลวร้ายที่สุดคือการบูลลี่ตัวเอง หากเราควบคุมมันไม่ได้มันจะควบคุมเราแทน ในชีวิตแห่งความจริงมนุษย์ทุกคนไม่สามารถควบคุมสิ่งนี้ได้ตลอดหรอก เพียงแต่ต้องหาวิธีอยู่กับมัน ยอมรับมัน หรือหาวิธีสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองเพื่อก้าวข้ามมันไปให้ได้ต่างหาก...
ร้อยเรียงเรื่องราว : Softlens
อ้างอิงเรื่องภาพ :
Netflix
www.imdb.com/title/tt16085592/
www.thepostathens.com/article/2022/02/tall-girl-2-review-netflix
dailytrojan.com/2022/02/14/review-surprising-no-one-tall-girl-2-is-still-awful/
businessblurb.net/13reasons4me-campaign/
culturedvultures.com/netflix-tall-girl-2-2022-review/
www.popbuzz.com/tv-film/features/ava-michelle-cota/height/
www.buzzfeed.com/ehisosifo1/ava-michelle-tall-girl-kicked-off-dance-moms-too-tall
ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/
#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์