xs
xsm
sm
md
lg

ส่งร่าง “เศรษฐา ศิระฉายา” คืนสวรรค์! (มีคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สกู๊ปพิเศษ : ส่งร่าง “เศรษฐา ศิระฉายา” คืนสวรรค์!



เมื่อวันที่ 20 ก.พ.เพจทนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดังได้โพสต์ข้อความ แสดงความอาลัยต่อการจากไป ของต้อย เศรษฐา ศิระฉายา นักแสดงอาวุโสมากฝีมือ ที่ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย 77 ปี หลังจากกลับเข้าไปรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งปอดระยะที่ 4 เพื่อทำคีโม... วันนี้ เศรษฐา ศิระฉายา จากไปเมื่อเวลา 04.42 น. การเดินทางในชีวิตของเศรษฐา ศิระฉายา สิ้นสุดลงแล้ว ละครออนไลน์ ขอแสดงความเสียใจ และนำเสี้ยวประวัติการทำงานดนตรีและภาพยนตร์ของ “อาต้อย” มาบอกเล่าสู่กันฟัง

ปี 2554 "ต้อย" เศรษฐา ศิระฉายา ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง)

ย้อนเส้นทางชีวิตนักดนตรีวัยหนุ่ม ...
สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ สังกัดวงดุริยางค์กองทัพเรือ ทั้งยังเป็นพระเอกละครเวที และภาพยนตร์ไทยในอดีตหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้เป็น "น้าชาย" ได้ชักนำ "ต้อย เศรษฐา" มาช่วยขนเครื่องดนตรีตั้งแต่อายุ 16 ปี นั่นคือ จุดเริ่มต้นของการเข้ามาสู่วงการบันเทิง...“ต้อย เศรษฐา” เช่นเดียวกับนักร้อง และนักดนตรีในยุคนั้นอีกหลายคน ที่ตระเวนหาเลี้ยงชีพด้วยการเล่นดนตรีตามแคมป์ทหารอเมริกันที่เข้ามาตั้งฐานทัพ เขาเล่นดนตรีประจำวง “หลุยส์ กีตาร์ เกิร์ล” อยู่ที่อุบลราชธานี ได้ค่าตัวคืนละ 100 บาท หัวหน้าวงเป็นผู้หญิง ความรุ่งเรือง เฟื่องฟูถือกำเนิดขึ้นที่นั่นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จนเมื่อมีการถอนฐานทัพ เขาและนักดนตรีทั้งหลายกลายเป็นคนตกงาน ต้องหอบสัมภาระทั้งหลายกลับกรุงเทพฯ ....

คืนหนึ่ง เขาพาตัวเองที่นั่งกินข้าวมันไก่คนเดียวที่ประตูน้ำ ที่นั่น เขาได้พบกับนักดนตรี 2 คน คือ พิชัย ทองเนียม และ วินัย พันธุรักษ์ ทั้ง 3 คนนั่งปรับทุกข์ คิดว่าจะรวมคนตกงานตั้งวงดนตรีสักวง ต่อมาได้สิทธิพร อมรพันธ์ มาร่วมด้วยอีกคน นั่นเป็นที่มาของการเริ่มต้นชีวิตนักดนตรีในกรุงเทพฯ เมื่อต้องไปเล่นที่บาร์ Holiday Garden ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ใช้ชื่อวงว่า “Holiday J-3” –Holiday เป็นชื่อบาร์ , J อักษรย่อของชื่อ “จุ่น” เจ้าของบาร์ และ 3 คือ สาขา 3 เพลงในยุคนี้ทั้งหมดเป็นเพลงสากล เศรษฐา ศิระฉายา เป็น “นักร้องนำและหัวหน้าวง” เพราะมีประสบการณ์จาการเล่นดนตรีจากอุบล – หาดใหญ่ ทั้งยังเคยร่วมงานกับวงดนตรีลูกทุ่ง และร่วมงานกับวงคิงส์สตาร์ของจิระศักดิ์ อิศรางกูร ณ อยุธยาอีกด้วย

ในยุคนั้น ไม่เพียงแต่เล่นดนตรีหารายได้ไปวันๆหนึ่งเท่านั้น แต่ทุกคนยังพร้อมใจกันพัฒนาฝีมือการเล่นดนตรีให้มีความก้าวหน้าขึ้น เพื่อให้ดนตรีรุ่นใหม่ในสไตล์ตะวันตกมีที่ยืนในวงการเพลงไทย เพราะกลุ่มเพลงไทย ไม่ว่าจะเป็นเพลงลูกกกรุง , เพลงจากวงดนตรีบิ๊กแบนด์อย่างสุนทราภรณ์ และเพลงลูกทุ่ง ล้วนลงหลักในหมู่ผู้ฟังคนไทยแล้ว บ่อยครั้งเมื่องานประจำวันเสร็จสิ้น พวกนักดนตรีกลุ่มนี้ยังซุ่มซ้อมดนตรีกันต่อจนถึงตี 5

ในช่วง 4 ปี ระหว่างปี 2509-2512 ชีวิตเริ่มต้นกันที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงชื่อวง และสถานที่เล่นดนตรีต่อเนื่องก็ตาม จาก Holiday Garden เปลี่ยนชื่อวงเป็น Joint Reaction เล่นที่Washington Bar และเป็น The Impossibles เมื่อมาอยู่ที่ Progress Bar

ชื่อวงThe Impossibles เรียกสั้นๆว่า “ดิอิม” นำมาจากชื่อ The Impossibles ซีรีส์การ์ตูนแอนิเมชั่น สัญชาติอเมริกันที่ผลิตโดย Hanna-Barbera ในปี 1966 ออกอากาศโดย CBS

ปี 2512 นริศ ทรัพย์ประภา ได้ชักชวน ดิอิม เข้าประกวดจนคว้าถ้วยพระราชทานรางวัลชนะเลิศการประกวดวงสตริงคอมโบ ที่จัดโดยสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
กติกาการประกวดคือ เพลงสากล 1 เพลง, ไทยสากล 1 เพลง และเพลงพระราชนิพนธ์ 1 เพลง

ทำเพลงประกอบภาพยนตร์
เมื่อ “ดิอิม” ชนะการประกวด ประจวบเหมาะกับ “เปี๊ยก โปสเตอร์” หรือ “สมบูรณ์สุข นิยมศิริ” นักวาดภาพโฆษณาด้วยสีโปสเตอร์ในสมัยนั้น เริ่มหันมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ และทำหนังชื่อ “โทน” เป็นเรื่องแรกในชีวิต แสดงโดย ไชยา สุริยัน และ อรัญญา นามวงศ์ เป็นหนังเรื่องแรกที่กล้าเขียนบทสร้างฉากให้ “นางเอก” ถูกข่มขืนจากตัวร้าย ! คือ สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์ “เปี๊ยก อรัญญา” ได้รับการพูดถึงในฐานะที่กล้าสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการหนังไทย แตกต่างจากนางเอกในสมัยนั้น
ในวงการหนังไทย ถือ “เปี๊ยก โปสเตอร์” เป็นคลื่นลูกใหม่ลูกแรกของวงการ เพลงของ “ดิอิม” ปรากฏในหนังเรื่องนี้ครั้งแรกมี 3 เพลงคือ ปิดเทอม, เริงรถไฟ, ชื่นรัก และยังมีเพลงของศิลปินอื่นๆอีกหลายเพลง อาทิ โทน, อย่าบอน ร้องโดย สังข์ทอง สีใส และคนอื่นๆอีก โทน สร้างรายได้สูงสุด 6 ล้านบาท รองจาก “มนต์รักลูกทุ่ง” ในยุคนั้น เป็นครั้งแรกที่ดิอิมเริ่มทำเพลงไทยป้อนให้กับหนังไทย เปิดโฉมหน้า “เพลงสตริงคอมโบ” กลายเป็นเพลงยุคใหม่ที่ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างมากในหมู่ผู้ชมและผู้ฟัง!

“ดิอิม” ยังชนะการประกวดติดต่อกันอีก 2 ครั้ง เป็น 3 ปีซ้อน ! ทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์ในยุคนั้น ต่างนิยมเอาเพลงสตริงบรรจุในหนัง เพลงส่วนใหญ่ของดิอิมเป็นเพลงประกอบหนังเรื่องต่างๆ ด้านความสามารถเป็นที่นิยมทั้งในเมืองไทย และยังมีโอกาสไปเล่นประจำที่เมืองนอกหลายครั้ง มีนักดนตรีเรื่องเข้า-ออกหลายครั้ง หลายคน และหลายยุค บันทึกว่า ผู้ที่เคยร่วมงานกับดิอิม ประกอบด้วย เศรษฐา ศิระฉายา, วินัย พันธุรักษ์, พิชัย ทองเนียม, สุเมธ อินทรสูต, อนุสรณ์ พัฒนกุล, สิทธิพร อมรพันธุ์, ปราจีน ทรงเผ่า , ยงยุทธ มีแสง, เรวัต พุทธินันท์, สมชาย กฤษณเศรณี, ปรีดิ์เทพ มาลากุล ณ อยุธยา, ไพฑูรย์ วาทยะกร และ จรัล นันทสุนานนท์ เป็นผู้จัดการวง

สถานที่ ซึ่งดิอิม เคยเล่นดนตรีในเมืองไทย ได้แก่ Holiday Garden, Washington Bar, Progress Bar, ไฟร์แคร็คเกอร์ คลับ (โรงแรมเฟิร์สต์) , อิมพอสสิเบิ้ล คาเฟ่ (บริเวณเพลินจิตอาเขต), คลับ เดอะ เดน (โรงแรมอินทรา) , คลับ แอน-แอน โรงแรมมณเฑียร ที่เมืองนอกดิอิม เล่นดนตรีที่ ฮาวายเอี้ยนฮัทใน “อะลาโมน่าโฮเต็ล รัฐฮาวาย” ทั้งยังเป็นวงดนตรีที่ได้รับค่าจ้างแพงสุดในฮาวายในตอนนั้น , มาเจสติค ไนต์คลับ โรงแรมมาเจสติคในไต้หวัน
ระหว่างปี 2517-18 ดิอิมออนทัวร์ในละแวกสแกนดิเนเวีย เช่น สวีเดน นอร์เวย์ และ ฟินแลนด์ ถือได้ว่า วงดนตรีดิอิมพอสเบิ้ลมีประสบการณ์ทางดนตรีที่ไม่ธรรมดา

ผลงานเพลงไทยส่วนใหญ่ของวงนี้ เป็นเพลงที่ทำเพื่อประกอบภาพยนตร์ไทยในช่วงระหว่างปี 2513 เป็นต้นมา ยกตัวอย่างเพียงบางส่วน เช่น

รักกันหนอ (2514) พระ-นางคือ สมบัติ เมทะนีและอรัญญา นามวงศ์ สร้างในนาม “ศิวะลักษณ์ภาพยนตร์” จากบทประพันธ์ของ นิเวศน์ นิยมวัง กำกับการแสดงโดย ประทีป โกมลภิส เพลงของดิอิมที่ใช้ในหนังเรื่องนี้คือ “รักกันหนอ” ชื่อเดียวกับหนัง มาจากทำนองเพลงญี่ปุ่นชื่อ Good Night Baby ของ King Tones ปี 1969 นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้ยังมีงานเพลงลูกทุ่ง เช่น “เบื่อผู้หญิง” ของ สังข์ทอง สีใส และ “เหล้าจ๋า” ของสุชาติ เทียนทอง อีกด้วย

หนึ่งนุช (2514) ของศรีสยามภาพยนตร์ สร้างจากบทประพันธ์ของบุษยมาส นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี, พิศมัย วิไลศักดิ์, ภาวนา ชนะจิต กำกับโดย ส. เนาวราชเพลงทั้งหมด 10 เพลง ดิอิมพอสสิเบิ้ลบรรเลง 4 เพลง "เริงสายชล, เจ้าพระยา, ลำนำรัก, ล่องวารี" ที่เหลือเป็นเพลงของคณะสามศักดิ์ (สักรินทร์ ปุญญฤทธิ์, มีศักดิ์ นาครัตน์ และทนงศักดิ์ ภักดีเทวา) และ อรสา อิศรางกูร ณ อยุธยา , ชุมพร เทพพิทักษ์ ซึ่งร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ ชอบชื่อ “ศรราม” ซึ่งเป็นชื่อพระเอกของเรื่องนี้มาก ดังนั้น ในปี 2516 เมื่อลูกชายลืมตาดูโลก จึงให้ชื่อว่า “ศรราม เทพพิทักษ์” เช่นเดียวกับพระเอกหนังเรื่องนี้

ไม่มีวันที่เราจะพรากจากกัน (2514) ผลงานการกำกับของ ไพรัช กสิวัฒน์ นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี และอรัญญา นามวงศ์ เพลงประกอบชื่อเดียวกับหนัง

ดวง (2514) ผลงานลำดับที่ 2 ของเปี๊ยก โปสเตอร์ ที่เคยสร้าง “โทน” จนประสบความสำเร็จมาแล้ว เป็นหนังเรื่องแรกของ ไพโรจน์ ใจสิงห์ และวนิดา อมาตยกุล เป็นนางเอกหนังเรื่องเดียว เพลงประกอบหนังเรื่องนี้ คือ "ไปตามดวง, หนาวเนื้อ, ผม ผม ผม"

ค่าของคน (2514) กำกับการแสดงโดย ครูเนรมิต จากบทประพันธ์ของ โรสลาเรน สร้างในนาม เทพกรภาพยนตร์ นำแสดงโดย ไชยา สุริยัน, พิศมัย วิไลศักดิ์ เพลงของดิอิมพอสสิเบิ้ลในหนังเรื่องนี้ คือ ค่าของคน, ค่าของรัก และค่าของเงิน
น้ำผึ้งพระจันทร์ (2515) สร้างและกำกับโดย ชรินทร์นันทนาคร จากบทประพันธ์ของ อิงอร นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี , เพชรา เชาวราษฎร์ มีเพลงทั้งหมด 9 เพลง เป็นหนังไทยที่ถ่ายทำในต่างประเทศ ทั้งอิตาลี กรีซ และอียิปต์ เพลงที่รู้จักกันดีของดิอิม คือ "ใจหนุ่มใจสาว"

ระเริงชล (2515) ของบางกอกการภาพยนตร์ โดย ฉลอง ภักดีวิจิตร สร้างจากบทประพันธ์ของ มธุรส นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี, เพชรา เชาวราษฎร์ มีเพลงทั้งหมด 8 เพลง เป็นของ ดิอิมพอสสิเบิ้ล 4 เพลงคือ ระเริงชล, จูบฟ้าลาดิน, มิสเตอร์สโลลี่ , ข้าวเปลือก

เจ้าลอย (2515) กำกับโดย แท้ ประกาศวุฒิสาร พระ-นางคือ สมบัติ เมทะนี และอรัญญา นามวงศ์ มีเพลงทั้งสิ้น 12 เพลง จาก ชินกร ไกรลาศ, ขวัญจิต ศรีประจันต์ , สังข์ทอง สีใส และเพลงของดิอิมในหนังเรื่องนี้คือ รอรัก และ หนึ่งในดวงใจ ที่ใช้ทำนองจากเพลง One Toke Over The Line Brewer and Shipley ปี 1971

สวนสน (2515) สร้างจากบทประพันธ์ของสุภาว์ เทวกุล กำกับการแสดงโดยครูเนรมิต และ ชาลี อินทรวิจิตร แสดงโดย ยอดชาย เมฆสุวรรณ และ พิศมัย วิไลศักดิ์ ในจำนวน 11 เพลง มีเพลงของดิอิมพอสสิเบิ้ล เช่น เดอะทีนเอจ, ทะเลไม่เคยหลับ, ครองจักรวาล

ข้าวนอกนา (2518) ผลงานการกำกับของเปี๊ยก โปสเตอร์ จากบทประพันธ์ของสีฟ้า ลดาวัลย์ นำแสดงโดย ช่อเพชร ชัยเนตร และ อุเทน บุญยงค์หนังรื่องนี้ ได้รับรางวัลถึง 3 รางวัล ปราจีน ทรงเผ่าได้รับรางวัลเพลงและดนตรีประกอบยอดเยี่ยม เพลงเอกเช่น ข้าวนอกนา, เกลียดคนสวย, ชีวิตคนดำร้องโดย ฉันทนา กิติยพันธ์ บรรเลงโดยวงดิอิมพอสสิเบิ้ล

ปี 2518 จุรี โอศิริ ชักชวน เศรษฐา ศิระฉายา เล่นหนัง “ฝ้ายแกมแพร” เป็นเรื่องแรก ในบท “ธงฉาน” ส่วนพระ-นางคือ นาท ภูวนัย และ อรัญญา นามวงศ์ เศรษฐาประสบความสำเร็จในการแสดงหนัง จนได้รับรางวัล พระราชทานสุรัสวดี สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม
ปี 2520 วงดิอิมพอสสิเบิ้ล เริ่มอิ่มตัว และแยกย้ายไปตามไปวิถีชีวิตของแต่ละคน

เศรษฐา ศิระฉายาต่อยอดให้กับวิถีชีวิตด้วยการร้องเพลง , เล่นภาพยนตร์ , เป็นพิธีกร , ผู้จัดละคร ฯลฯ ในด้านพิธีกร เขาประสบความสำเร็จอย่างมาก กับรายการ "มาตามนัด" ทางช่อง 5 คู่กับ ญาณี จงวิสุทธิ์

อรัญญา นางงาม นางเอก และศรีภรรยา

เมื่อพูดถึงเศรษฐา ศิระฉายา ย่อมต้องกล่าวถึงคู่ชีวิต “อรัญญา นามวงศ์”

ในปี 2507 อรัญญา นามวงศ์ หรือชื่อเดิมคือ อัญชลี ชอบประดิษฐ์ เริ่มชีวิตการเป็นนักร้องกับวงสุนทราภรณ์ เธอร้องเพลง "เธอเท่านั้น" เป็นคนแรก จนเมื่อปี 2507 ได้ออกจากวงไปประกวดนางสาวไทย “ศรวณี โพธิเทศ” จึงต้องนำเพลงนี้มาอัดแผ่นเสียงแทน ... บนเวทีการประกวดนางสาวไทยปีนั้น อาภัสรา หงสกุล คว้ารางวัลชนะเลิศ ตำแหน่งรอง 4 คนในครั้งนั้น เสาวณีย์ วรปัญญาสกุล ภายหลังสมรสกับวิเชียร เตชะไพบูลย์ ส่วน รองอีก 3 คนได้เข้าสู่วงการภาพยนตร์ ได้แก่ ละอองดาว กิริยา ซึ่งเล่นหนังเรื่อง "เอื้องฟ้า" ของเสน่ห์ โกมารชุน เมื่อปี 2506 ก่อนเข้าประกวด ,เนาวรัตน์ วัชรา นางเอกหนังไทยที่มีผลงานกว่า 30 เรื่อง และอรัญญา นามวงษ์ มีบันทึกสัดส่วนของเธอในครั้งนั้นว่า อก 35 นิ้ว – เอว 22 นิ้ว – ตะโพก 37 นิ้ว สูง 161 ซ.ม. ห้างคลังสังฆภัณฑ์ ศรีย่าน ผู้ส่งเข้าประกวด

"เปี๊ยก อรัญญา นามวงศ์" เคยเล่นละครโทรทัศน์ให้กับช่อง 4 บางขุนพรหม อาทิ "ค่าของคน (2511) และบ้านทรายทอง (2512)" คู่กับฉลอง สิมะเสถียรทั้ง 2 เรื่อง จากนั้นถึงจะมาเล่นหนังใหญ่ ชีวิตนักแสดงเริ่มต้นเมื่อได้เล่นหนังเรื่อง "อีแตน" คู่กับ มิตร ชัยบัญชา เป็นนางเอกที่มีผลงานการแสดงจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ได้ชื่อว่า ไม่ติดยึดกับภาพลักษณ์นางเอกแบบเดิม ที่ต้อง "ไร้เดียงสาและแสนดี" ตลอดเวลา เป็นการบุกเบิกหนังไทยอีกรสชาติหนึ่งที่สัมผัสได้ ! เช่น โทน รวมถึงเรื่องอื่นๆ เช่น ตลาดอารมณ์, คืนนี้ไม่มีพระจันทร์, ไฟรักสุมทรวง, มีนัดไว้กับหัวใจ, จันดารา เป็นต้น

หนังเรื่อง "ชื่นรัก" (ปี 2522) เป็นตำนานรักของ "เศรษฐา-อรัญญา" ! และในปีต่อมา ทั้งคู่ได้มีโอกาสมาเล่นละครโทรทัศน์เรื่อง "คุณผู้หญิง" ทางช่อง 5

"ชื่นรัก" (2522) กำกับการแสดงโดย มจ. ทิพยฉัตร ฉัตรชัย โดย นันทา ตันสัจจา ในนามของเอเพ็กซ์ โปรดักชั่น ด้วยเรื่องราวของ ความโกลาหลอลหม่านของนักเรียนจอมกวนกับครูจอมเก็ก ซึ่งกลับตาลปัตรเป็นความหวานซึ้ง ขายเพลงเป็นหลัก ในหนังบรรจุเพลงดังของวงดิอิมพอสซิเบิ้ลไว้ถึง 12 เพลงคือชื่นรัก, เป็นไปไม่ได้, สกุณา, หนาวเนื้อ, โลกแสนเซ็ง, ผมไม่วุ่น, หนึ่งไมล์แค่ใจเอื้อม, ขาดเธอขาดใจ, คู่รัก, ทาสี, ทะเลไม่เคยหลับ และเมดเล่ย์เพลงอิมพอสซิเบิ้ล หนังฉายเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ.2522 ที่เฉลิมไทย-สยาม-พาราเมาท์และวอชิงตัน

ความรักในชีวิตจริงของพระ-นาง กลายเป็นตำนานรักของวงการบันเทิงอีกคู่หนึ่ง ... หนังเรื่องนี้ นอกจาก เศรษฐา ศิระฉายา, อรัญญา นามวงศ์แล้ว ยังร่วมด้วยนักแสดงคนอื่น เช่น มธุรส รัตนา, กัณฑรีย์ นาคประภา, สมจินต์ ธรรมฑัต, ชูศรี มีสมมนต์, อดุลย์ ดุลยรัตน์, รอง เค้ามูลคดี เป็นต้น

บางเรื่องราวที่กล่าวไว้ใน “บ้านและหัวใจไม่ว่างของ อรัญญา นามวงศ์” เขียนโดย ไพลิน สีน้ำเงิน พวา พันธุ์เมฆา ถ่ายภาพ ที่ปรากฏในหนังสือบันเทิงเล่มหนึ่งในยุคนั้น ตอนสุดท้ายของข้อเขียน กล่าวว่า “ข่าวคราวคู่ตุนาหงันคู่นี้สัมพันธ์กัน ในตอนแรก ผู้สันทัดกรณีคิดว่าเป็นเพียงผลเพื่อโปรโมทหนังเรื่องนี้ แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ภูเก็ต ดินแดนสวรรค์ของนักท่องเที่ยวภาคใต้ กลายเป็นจุดชนวนให้คนทั้งสองเห็นพ้องต้องใจกันในเรื่องของหัวใจ ระหว่างถ่ายทำหนังเรื่อง “ชื่นรัก” ที่ภูเก็ต คุณเป๊ยกกับคุณต้อยเกี่ยวก้อยร้อยหัวใจปรารถนา แบบภาษาใจ ภาษาสัมพันธ์ มาลือลั่นสะท้านปากกาคนบันเทิงก็ตอนที่ผู้อำนวยการสร้างจัดประกวดหนังชิงรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำเมื่อปลายปีที่แล้ว คุณเปี๊ยกทำหน้าที่รำร่าย คุณต้อยทำหน้าที่ร้องเพลง ตอนซ้อม หากคุณเปี๊ยกมา คุณต้อยก็ไม่เคยขาดพลาดการซ้อมซักนัด พอซ้อมเสร็จก็ไปต่อที่ร้านข้าวต้มหรือสถานเริงรมย์อื่นๆ
ใช่แล้ว หลังจากนั้นก็ ส.บ.ม.
ชีวิตคุณเปี๊ยกผ่านเหตุการณ์ต่างๆมามาก ทั้งคนรักและคนชัง แต่เธอก็คือ เธอที่เริงรื่นกับชีวิตและสวยไม่สร่างกับความงามที่ธรรมชาติประทานให้
จุดเริ่มต้นอีกครั้งของเธอที่ยอมรับในความสัมพันธ์กับนักร้อง นักแสดงหนุ่ม “เศรษฐา ศิระฉายา” อาจจะมีใครหลายคนมองด้วยสายตาหยามเหยียด แต่เชื่อไหม... ความรักมักสร้างความสดใสแก่ชีวิตเป็น “คู่สร้าง-คู่สม” อีกคู่ที่น่าจับตาดูความสุข ความปรารถนาในชีวิต มิใช่หรือ ??”

ชีวิตรักของทั้งคู่ยาวนานจากปี 2522 จนถึงปัจจุบัน มีลูกสาว 1 คน คือ “พุทธิดา ศิระฉายา” ซึ่งแต่งงานกับนักธุรกิจ “เติมศักดิ์ ศักดาพร” และมีพยานรัก 1 คนคือ น้องมีบุญ หรือ ด.ช. ศักดาพร ศิระฉายา

คุณอาจจะรู้จัก “ต้อย เศรษฐา” ไม่ว่าจะเป็น นักร้อง, นักแสดงภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ , พิธีกรในรายการที่หลากหลาย หรือแม้แต่ในฐานะ “ผู้กำกับละครโทรทัศน์” หลังสุด .... ได้ร่วมกับลูกสาว เป็น "ผู้จัด" ค่าย ทรัพย์เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ของช่อง 7 HD ประเดิมละครน้ำดี เรื่อง "ร้อยป่า" และ เรื่องต่อไปคือ "สายเลือดสองหัวใจ" นำแสดงโดย มิกซ์ ทองระย้า และวริฎฐิสา

นี่เป็นบางเสี้ยวของการเดินทางของ “อาต้อย” เศรษฐา ศิระฉายา เท่านั้น

ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/

#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์




























































กำลังโหลดความคิดเห็น