หนุ่มฮอต “อีจุนโฮ” วง 2PM ได้ร่วมให้สัมภาษณ์ออนไลน์กับสื่อ พูดคุยเกี่ยวกับผลงานซีรีส์เรื่องล่าสุดของเขา The Red Sleeve ทางช่อง MBC รวมถึงการได้ทำงานร่วมกับ “อีเซยอง” ตลอดจนความรู้สึกหลังจากคว้า 2 รางวัลเยี่ยม เมื่อไม่นานมานี้ และอีกมากมาย
The Red Sleeve เป็นซีรีส์แนว โรแมนติก ย้อนยุค เล่าเรื่องความรักในวังหลวงระหว่างองค์รัชทายาท “อีซาน” (รับบทโดย อีจุนโฮ) ซึ่งภายหลังได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าจองโจ และ นางกำนัล “ซองด็อกอิม” (รับบทโดย อีเซยอง) ซีรีส์ออกอากาศตอนจบไปเมื่อวันที่ 1 มกราคม และทำเรตติ้งเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 17.4% (ตอนที่ 17 - ตอนจบ)
อีจุนโฮพูดถึงเรื่องนี้ว่า “ผมไม่คิดเลยว่า (ซีรีส์) จะได้รับความรักมากมายขนาดนี้ ผมแค่แสดงให้ดีที่สุด ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องได้รับความรักมากมาย และนักแสดงทุกคนก็ทุ่มเททำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อให้ซีรีส์ออกมาดี เราทุกคนคิดว่ามันคงจะดีหากผลงานของเราออกมาสนุก เราเลยร่วมกันคิด ร่วมกันสร้างซีรีส์ของเรา เพราะเป็นแบบนี้เราเลยคุยกันง่าย และผมคิดว่าผู้ชมซีรีส์คงสัมผัสได้ถึงสิ่งนั้น ผมคิดว่านี่คือเหตุผลที่ทำให้เราได้รับความรักมากมายขนาดนั้นครับ”
อีจุนโฮ ยังได้กล่าวชื่นชม “อีเซยอง” นักแสดงที่เขาได้ร่วมงานด้วยในเรื่องนี้ “ผมรู้สึกสบายๆ มากเลยครับเวลาไปกองถ่าย เธอน่ารักและเป็นคนสบายๆ เช่นกัน เวลาเราแสดง เราสามารถบอกกันตรงๆ ได้เลยว่าอยากได้แบบไหน และเธอเป็นคนที่ผมสามารถบอกความคิดเห็นของตัวเองออกไปได้อย่างสบายใจ ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่ทำให้เวลาเราแสดงในเรื่องนี้ ไอเดียของเราเข้ากันได้อย่างดี แม้ว่าเราจะไม่ได้คุยกันมาก แค่บอกว่า ‘มาลองแบบนี้ดูไหม’ เราทั้ง 2 คนก็ทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมีหลายอย่างที่เราสามารถจัดการได้ เพียงแค่มองตากันเท่านั้นครับ”
เนื่องจากเคมีที่เข้ากันอย่างเหลือเชื่อของนักแสดงทั้ง 2 คน ทำให้ผู้ชมหลายคนอยากเห็น อีจุนโฮ และ อีเซยอง กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในซีรีส์โรแมนติกร่วมสมัย อีจุนโฮบอกว่า “ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถเอาเรื่องการเกิดใหม่มาทำเป็นซีรีส์ได้ แต่หากแค่จินตนาการผมคิดว่าถ้าเราทิ้งช่วงจาก The Red Sleeve ไปซักพักใหญ่ ผมเชื่อว่าเดี๋ยวโอกาสก็คงมาถึงครับ”
อีจุนโฮยังบอกอีกว่า เขาเข้ากับอีเซยองได้เป็นอย่างดีเยี่ยม “ก่อนแสดงซีรีส์เรื่องนี้ ผมเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบมากครับ จะผิดพลาดในการถ่ายทำนิดหน่อยไม่ได้เลย จะไม่ปล่อยผ่านอะไรไปง่ายๆ แต่ว่าในกองถ่ายเรื่องนี้ บรรยากาศมันสบายๆ มากเลยครับ แม้ว่าผมจะทำผิดพลาดก็ไม่เป็นไร เราสามารถปลอบกันและกันได้ ผมค่อยๆ เข้ากับ อีเซยองได้เป็นอย่างดี เรากลายเป็นจุดแข็งของกันและกัน (เคมีของเรา) เข้ากันได้ดีมาก”
จากการแสดงในซีรีส์เรื่องนี้ ทำให้อีจุนโฮ คว้ารางวัลจากงาน 2021 MBC Drama Awards เขาบอกว่า “เพราะว่าซีรีส์ออกมาดี ผมเลยมีความสุขที่คนรอบตัวผม พูด และ เขียน ว่าผมเป็นตัวเก็งในรางวัลแดซัง...สิ่งที่ผมรู้สึกตอนถ่ายทำเรื่อง The Red Sleeve ก็คือ เราทุกคนคู่ควรที่จะได้รับรางวัลแดซัง”
อีจุนโฮพูดเสริมต่อ “ทีมงาน ผู้กำกับ และนักแสดง ต่างสนุกสนานและช่วยเหลือกันและกัน เราพูดกันตลกๆ ว่า ‘ไปเอาแดซังกันเถอะ!’ และผมมีความสุขมากที่ The Red Sleeve ได้รับรางวัลซีรีส์แห่งปี แค่นี้ก็รู้สึกว่าตัวเองได้แดซังแล้วครับ ผมไม่เสียดายเลยที่ไม่ได้แดซังในปีนี้ ผมอาจจะชนะในครั้งหน้าก็ได้ เพราะว่าผมเป็นมนุษย์ ผมก็ยังมีความอยากได้รางวัลนั้นไม่วันใดก็วันหนึ่งครับ”
ถึงแม้จะไม่ได้รับรางวัลแดซัง แต่อีจุนโฮ ก็สามารถคว้ารางวัลกลับบ้านถึง 2 รางวัลจากงาน 2021 MBC Drama Awards นั่นคือ Top Excellence Award ในหมวดมินิซีรีส์ และ Best Couple ร่วมกับ อีเซยอง นอกจากรางวัลของอีจุนโฮแล้ว ซีรีส์เรื่อง The Red Sleeve ยังคว้ารางวัลไปได้รวม 8 รางวัล อีจุนโฮกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ตอนที่ประกาศรางวัล ( วันที่ 30 ธันวาคม) ซีรีส์ยังไม่จบเลยครับ ผมเลยไม่คิดว่าจะได้รางวัล ไม่ได้คาดหวังไว้เลย ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกดีใจที่ได้รับรางวัลก็ตาม”
อีจุนโฮยังได้ขอกล่าวสุนทรพจน์ตอนขึ้นรับรางวัลของเขาเพิ่มเติมว่า “ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผมคิดว่ามันทำให้วิดีโอเบื้องหลังของพวกเราก็สนุก นอกเหนือจากนั้นแล้ว กองถ่ายยังสนุกมาก ผมได้เรียนรู้ว่าการจะทำโปรเจ็กต์ที่ดี คุณต้องทำงานร่วมกันกับนักแสดงและทีมงานที่ดีด้วยบรรยากาศในกองถ่ายที่สนุกสนาน ผมรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้พูดทุกอย่างนี้ (ตอนขึ้นรับรางวัล)”
สำหรับปีนี้ รางวัลแดซังตกเป็นของ “นัมกุงมิน” จากซีรีส์เรื่อง The Veil และอีจุนโฮ ได้พูดถึงมิตรภาพระหว่างเขาและนัมกุงมินว่า “เราส่งรถกาแฟไปให้ที่กองถ่ายของกันและกันเพื่อส่งกำลังใจให้กันครับ”
เขาอธิบายเสริมว่า “เพราะว่าเราติดต่อกันบ่อยอยู่แล้ว เราเลยแสดงความยินดีต่อกันไปแล้วครับ นัมกุงมินบอกกับผมว่า ‘ทำไมนายทำได้ดีจัง?’ ผมเลยมีความสุขมาก ยิ่งคนพูดว่าผมเป็นตัวเก็งในรางวัลแดซังร่วมกับนักแสดงรุ่นพี่ที่มีฝีมือยอดเยี่ยม ผมก็ยิ่งมีความสุข เหมือนกับได้รับรางวัลเองเลยครับ”
ถึงแม้จะเป็นเวลาถึง 13 ปีแล้ว นับตั้งแต่ อีจุนโฮ เดบิวต์ในฐานะสมาชิกวง 2PM และ เป็น 9 ปี บนเส้นทางนักแสดง เขายังคงพัฒนาฝีมือของตัวเองมากขึ้นไม่หยุดหย่อน อีจุนโฮบอกว่า “ผมว่าผมอยู่ที่นี่ (วงการแสดง) ด้วยความสงบเสงี่ยมครับ เพราะว่าผมฝันอยู่แล้วว่าอยากเข้าวงการ ผมก็ฝันเลยว่าตัวเองได้รับรางวัลในงานประกาศรางวัล และได้ขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์รับรางวัล จากนั้นก็ฝันว่าได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตด้วย”
อีจุนโฮกล่าวต่อ “ผมเป็นคนที่ฝันใหญ่ตั้งแต่เด็กแล้วครับ นี่เป็นเหตุผลที่ผมมาเดบิวต์ แฟนคลับของผมและคนทั่วไปถึงมองผมว่าเป็น ‘จุนโฮผู้ทะเยอทะยาน’ ผมขอบคุณกับสิ่งนั้นนะครับ นี่ไม่ใช่ความทะเยอทะยานในวัยเด็กทั่วไป เพราะมันยังคงเป็นฝันที่ผมยังมีอยู่ ผมใช้ชีวิตโดยมีความฝันที่คิดว่า ‘ในไม่กี่ปีข้างหน้า ผมอยากเป็นนักแสดงแบบนั้น’ และ ‘ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผมอยากจะไปถึงจุดนั้น’ และผมคิดว่านั่นคือแรงผลักดันของตัวเอง ที่ที่ผมทำงานนั้นดูยิ่งใหญ่ หรูหรา แต่คนแบบผมนั้นแสนธรรมดา ผมพยายามอย่างมากในการแสดงความมุ่งมั่นของตัวเอง และผมรู้สึกขอบคุณที่พวกเขาเห็นในจุดนั้นของผม”
จุนโฮยังได้พูดถึงผลงานในอดีตของตัวเอง “เมื่อไม่นานมานี้ วิดีโอสมัยก่อนได้กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้ง พอได้เห็นผมก็คิดถึงช่วงเวลานั้น ผมสงสัยว่าเพราะว่าตอนนี้ผมอายุ 30 กว่าแล้วหรือเปล่า แต่สิ่งที่ผมพูดได้อย่างมั่นใจเลยก็คือ ผมไม่คิดว่ามีอะไรเปลี่ยนไประหว่างเวลานั้นและตอนนี้ จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังมีความฝัน และโชคดีที่ซีรีส์เรื่องนี้ออกมาดี และเพลง My House ก็กลายเป็นไวรัลและได้รับความรักจากหลายคน ผมเลยได้รับคำชมจากความสำเร็จนี้มากมาย ตั้งแต่ตอนยังวัยรุ่น ผมก็ใช้ชีวิตแบบที่ผมต้องการ และจากนี้ต่อไปผมก็ยังจะใช้ชีวิตแบบนั้นครับ”
The Red Sleeve ออกอากาศจบไปแล้วเมื่อ 1 มกราคม 2022 ตอนนี้อีจุนโฮกำลังเตรียมตัวสำหรับแฟนมีทติ้งเดี่ยวของเขา ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 22 และ 23 มกราคม เพื่อฉลองครบรอบวันเกิดของเขาอีกวาระ อีจุนโฮบอกว่า
“เพราะว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่ผมได้เจอกับแฟนคลับที่รอคอยผมมาอย่างยาวนาน ผมจึงอยากจะคุยกับพวกเขาให้นานๆ ถามว่าพวกเขาเป็นอย่างไร และตอนนี้ทำอะไรกันอยู่ แทนที่จะเติมเต็มด้วยการร้องเพลงและการเต้น ผมอยากใช้ช่วงเวลานั้นถ่ายทอดความเป็นอีจุนโฮอย่างสบายๆ และใช้ความคิดเกี่ยวกับอนาคตด้วยครับ”
ที่มาข้อมูลและภาพ : soompi.com , MBCDrama
