ตัวอย่างซีรีส์
ความท้าทายครั้งใหม่ของวงการซีรีส์เกาหลี ที่จะพาคุณท่องอวกาศไปค้นพบปริศนาดำมืดบนดวงจันทร์ และมิชชั่นสำคัญเพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติ
ซีรีส์แนวไซไฟทริลเลอร์ที่ได้แรงบันดาลใจจากหนังสั้น The Sea of Tranquility (2014) ที่ได้รับเสียงชื่นชมล้นหลามจากเวที Mise-en-scene Short Film Festival ครั้งที่ 13 กำกับโดยชเวฮังยงมารับหน้าที่เดียวกันใน The Silent Sea I ทะเลสงัด (2021) และอำนวยการสร้างโดยท็อปสตาร์ชื่อดังของเกาหลีอย่าง ‘จองอูซอง’ ซึ่งใช้เวลาทำงานกว่าสามปี
The Silent Sea เป็นการพบกันของท็อปสตาร์เกาหลี ที่เคยประสบความสำเร็จจากการเอาตัวรอดจากซอมบี้ ‘กงยู’ (Train to Busan) และ ‘แบดูนา’ (Kingdom) ครั้งนี้พวกเขาจะต้องเอาชีวิตรอดจากอมนุษย์ในสถานีอวกาศร้างบนดวงจันทร์
ชื่อชั้นของท็อปสตาร์อย่าง ‘กงยู’ และ ‘แบดูนา’ ส่งผลให้ “The Silent Sea I ทะเลสงัด (2021) “ เป็นซีรีส์ที่ได้รับการจับตามองตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา พร้อมกำหนดออนแอร์วันคริสต์มาสอีฟที่ชวนให้รู้สึกเหมือนของขวัญจากแซนต้าในค่ำคืนวันที่ 24 ธันวาคม 2021 จึงมีหลายคนเกาะติดจอเฝ้ารอชมซีรีส์ 8 ตอนอย่างใจจดใจจ่อและรอลุ้นว่า “ทะเลสงัด” จะงัดกลยุทธ์อะไรมาสร้างสีสันใหม่ให้ซีรีส์แนวไซไฟทริลเลอร์ ที่จะพาคุณท่องไปในอวกาศแล้วออกค้นหาปริศนาดำมืดที่ซ่อนอยู่ใน Mission to the Moon
นับตั้งแต่ “Squid Game I เล่นลุ้นตาย”(2021) ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้วงการซีรีส์เกาหลีโด่งดังเป็นพลุแตกในชั่วข้ามคืน ตามมาด้วย “Hellbound I ทัณฑ์นรก” ก็ทำให้โลกตะวันตกหันมาสนใจวงการ K-Drama อย่างมาก
ความคาดหวังจึงตกไปอยู่ที่ “The Silent Sea I ทะเลสงัด” ออริจินัลเน็ตฟลิกซ์ที่ได้นักแสดงนำระดับท็อปสตาร์ และอำนวยการสร้างโดยท็อปสตาร์และโปรดิวเซอร์ชื่อดังของเกาหลีอย่าง ‘จองอูซอง’ ชายผู้พาซีรีส์เกาหลีบุกดวงจันทร์ แม้ฮอลลีวูดจะทำหนังและซีรีส์แนวนี้มาจนพรุนแล้วก็ตาม แต่สำหรับเกาหลีนี่อาจถือเป็นความท้าทายครั้งใหม่ต่อจาก “Space Sweepers Iชนชั้นขยะปฏิวัติจักรวาล ” (2021) เลยก็ว่าได้
โปรเจ็กต์ The Silent Sea ถือเป็นความฝันของจองอูซอนมานานหลายปี นับตั้งแต่เขาได้ดูหนังสั้นเรื่องนี้ครั้งแรก และเป็นการร่วมงานกันของเหล่าจอมยุทธ์แห่งวงการบันเทิงเกาหลี ตั้งแต่ทีมนักแสดง ผู้กำกับดาวรุ่ง และนักเขียนบทผู้คว่ำหวอดในวงการอย่าง ‘พัคอึนคโย’ จาก The Great Battle, Mother และ Crush and Blush ควบคู่กับการค้นคว้าหาข้อมูลและภาพถ่ายจาก NASA รวมถึงทีมสร้างฉากที่จำลองสถานีอวกาศบัลแฮ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมบรูทัลลิสต์ (ที่ใช้ปูนเปลือยเผยให้เห็นวัสดุจริง) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุค 1950-1975 และต้องทุ่มทุนสร้างในการเนรมิตพื้นผิวดวงจันทร์นานกว่า 3 เดือน
ส่วนหนึ่งของคลิปบทสัมภาษณ์เบื้องหลัง ‘The Silent Sea’
ซากศพ I ปริศนา I สถานีร้างกลางดวงจันทร์
The Silent Sea ชวนคุณจินตนาการถึงโลกดิสโทเปียในปี 2075 ยุคที่ทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งน้ำกลายเป็นสมบัติล้ำค่าของมวลมนุษยชาติ ด้วยปริมาณจำกัดจึงทำให้เกิดการแบ่งชนชั้นเพื่อเข้าถึง ‘Water Grade’ หรือการจัดสรรปันน้ำที่ทางรัฐบาลเกาหลีเป็นผู้คุ้มครอง สัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งต้องห้าม ปลาและสัตว์น้ำกลายเป็นเรื่องเล่าในตำนาน
เช่นเดียวกับฝนที่ไม่เคยตกต้องถึงพื้นโลกมานานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ รู้เพียงมนุษย์จำเป็นต้องออกเดินทางไปสำรวจดวงจันทร์เพื่อค้นหาทางออก ซึ่งเป็นความหวังสุดท้ายที่จะทำให้เรารอดชีวิตและดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไป
ภารกิจลับสู่ดวงจันทร์จึงเริ่มต้นขึ้นบนสถานีวิจัยอวกาศบัลแฮที่กลายเป็นสถานีร้างมานานถึง 5 ปี รัฐบาลได้ส่งทีมนักวิทยาศาสตร์และนักบินอวกาศขึ้นไปนำตัวอย่างสำคัญกลับมายังโลกมนุษย์ โดยมีกัปตันฮันยุนจา (รับบทโดย กงยู) เป็นหัวหน้าภารกิจลับนำพาลูกทีมขึ้นไปบนดวงจันทร์ หนึ่งในนั้นคือ ดร.ซงจีอัน (รับบทโดย แบดูนา) นักชีวดาราศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมศาสตร์ ที่เข้าร่วมมิชชั่นเพื่อไขการตายปริศนาของพี่สาวและเหล่านักวิจัยบนสถานีบัลแฮ
แต่พวกเขากลับมีข้อมูลน้อยมากๆ เพราะรัฐบาลไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดแก่ทีม แถมคนเดียวที่เคยขึ้นไปใช้ชีวิตบนสถานีบัลแฮกลับมาตายตั้งแต่ตอนเริ่มต้นเรื่องอีกต่างหาก จนดูเหมือนมิชชั่นนี่เต็มไปด้วยอุปสรรคตามสูตรสำเร็จหนังอวกาศ ที่ขึ้นไปถึงดวงจันทร์แล้วยานอวกาศเกิดเสียหายขึ้นมากระทันหัน
ส่วนใน The Silent Sea ไม่ใช่แค่ยานพังแต่ถึงขั้นไม่ต้องเสียเวลากู้ (เพราะมันตกเหวลึกไปเลยจ้า) ความซวยยังไม่สิ้นสุดเมื่อพวกเขาต้องเดินเท้าบนดวงจันทร์กว่า 7 กิโลเมตรเพื่อไปยังสถานีบัลแฮ และเมื่อเข้าไปข้างในก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อตัวอย่างสำคัญมีเหลือรอดเพียง 1 แคปซูล แถมยังต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงกับบางสิ่งที่น่าสะพึงกลัว
ทีมสำรวจจึงต้องไขปริศนาผ่านซากศพของเหล่านักวิจัยที่ตายในสถานีร้าง ร่างที่ไม่ต่างอะไรกับคนจมน้ำตาย และการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสปริศนา ทำให้หนึ่งในทีมสำรวจเสียชีวิตท่ามกลางสีหน้าตื่นตะลึงของทุกคน เพราะลูกเรือคนนั้นอาเจียนออกมาเป็นน้ำและเลือดก็กลายเป็นน้ำอีกด้วย สร้างความประหลาดใจให้คุณหมอฮงกายอง (รับบทโดย คิมซอนยอง) แพทย์หญิงหนึ่งเดียวในทีมสำรวจ
ระหว่างนั้นทีมนักบินอวกาศนำโดย “กัปตันฮัน” ก็ต้องพยายามปกป้องลูกทีม พร้อมกับตามหาผู้เหลือรอดบนสถานีร้าง (ที่ดันเป็นเด็กหญิงปีศาจ ผู้อาศัยในห้องใต้ดินลับ) สายลับที่แฝงตัวมาร่วมทีม และภารกิจเสี่ยงตายมากมาย
เรียกว่าแค่เริ่มต้นเนื้อเรื่องก็อัดแน่นไปด้วยสูตรสำเร็จหนังอวกาศและไวรัสต่างดาวที่แพร่ขายพันธุ์จาก ‘เลือด’ ของมุนษย์
“ทะเลสงัด” ท่ามกลางกระแสวิจารณ์ของคอหนังไซไฟ
แม้ The Silent Sea จะติดท็อป 10 ของ Netflix ตามความคาดหมายทันทีที่ออนแอร์ แต่นักวิจารณ์และคอหนังแนวไซไฟทริลเลอร์หลายคนกลับส่ายหน้า
จะเห็นได้จากบทวิจารณ์ในมะเขือเทศเน่า (Rotten Tomatoes) ที่ออกมาไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ด้วยบทที่คอหนังแนวนี้พอจะคาดเดาได้ตั้งแต่ต้นเรื่องจึงให้อารมณ์เหมือนการหยิบจับหนังแนวนี้มามิกซ์รวมกันในหลายๆ ตอน การใส่ดราม่าของตัวละครลงไปที่หลายคนบอกว่า “ไม่สุดสักทาง” เลยทำให้ทะเลสงัดค่อนข้างเงียบสงัดในใจนักวิจารณ์หลายคน
เช่นเดียวกับกระแสวิจารณ์เชิงลบจากผู้ชมทั้งในมะเขือเทศเน่าและเมืองไทย ที่หลายเสียงเข้ามาดูเพราะทีมนักแสดงนำแต่ก็ต้องผิดหวังเล็กน้อย เมื่อบทดูไม่สมเหตุสมผลหรือ “พล็อตหลุม” (Plot Hole) ที่ไม่สอดคล้องทั้งในแง่มุมเชิงวิทยาศาสตร์และ common sense ของมนุษย์บ้างล่ะ รวมถึงบางฉากที่พล็อตรั่วและแอบง่วงในอีพีแรกๆ ไปบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าการปรากฎตัวของผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายบนสถานีอวกาศบัลแฮ (ช่วงกลางเรื่อง) ก็เพิ่มความเร้าใจมากขึ้น
สำหรับแฟนคลับโอปป้ากงยูและแบดูนา การได้เห็นท็อปสตาร์ทั้งสองแสดงร่วมกัน ก็ชวนให้ติดตามและดูไม่น่าเบื่อจนเกินไป มีหลายฉากให้ลุ้นโดยเฉพาะตอนที่ ‘ลูน่า’ (เด็กหญิงปีศาจและทายาทของบุคคลสำคัญ) มนุษย์กลายพันธุ์ที่เริ่มไลฆ่าลูกทีมทีละคนๆ และก็เป็นลูน่านี่แหละที่กุมความลับของตัวอย่างสำคัญเอาไว้ ที่ทำให้เนื้อเรื่องดูเร้าใจและน่าติดตามมากขึ้น ทำให้ The Silent Sea ยังถือว่าเป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดสำหรับปี 2021-2022
ร้อยเรียงเรื่องราว : Glinda
เครดิตเรื่องและภาพ :
mydramalist.com www.imdb.com www.opentapes.org/2021/12/24/the-silent-sea-serie-netflix-uscita-e-streaming/ www.heavenofhorror.com/reviews/the-silent-sea-season-1-netflix/
