xs
xsm
sm
md
lg

ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด...

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด...

ประเภทภาพยนตร์ :โรแมนติก, คอมเมดี้, ดราม่า
กำหนดฉาย : 18 พฤศจิกายน 2564
บริษัทผู้สร้างและจัดจำหน่าย : เวิร์คพอยท์ พิคเจอร์ส, สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล, อีสานอินดี้
บริษัทดำเนินงานสร้าง : อีสานอินดี้
อำนวยการสร้างบริหาร :ปัญญา นิรันดร์กุล, สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
อำนวยการสร้าง : พาณิชย์ สดสี
ควบคุมงานสร้าง: อรุณี ศรีสุข
กำกับภาพยนตร์: อุเทน ศรีริวิ
บทภาพยนตร์ :อุเทน ศรีริวิ, ศิริประภา ศรีไพร
ผู้จัดการฝ่ายผลิต : ฉัตรชัย พุดซ้อน
กำกับภาพ : นวโรภาส รุ่งพิบูลโสภิษฐ์
ออกแบบเครื่องแต่งกาย : ชาติชาย ไชยยนต์
ออกแบบงานสร้าง : ภาณุมาศ ทาศิลา
ลำดับภาพ :มาเจนตา, สุรศักดิ์ ปานกลิ่น
บันทึกเสียง : สุรพรหม ภิญโญทรัพย์
ดนตรีประกอบ : วานิลลา สกาย สตูดิโอ
ฟิล์มแล็บ : บริษัท ไวท์ ไลท์ สตูดิโอ จำกัด
นักแสดงนำ : โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์, แอน อรดี, จักร์รินท์ ศิลา, พรรณนิภา เขียวเพชร, สุรพงศ์ เกาะชัยภูมิ, บุญศรี ยินดี, สุชาติ พุดจันทึก, นัฐพงษ์ เรืองวิริยะนุกุล, เพ็ญนภา สมสุข

เกริ่นนำ
“ผู้บ่าวไทบ้าน” คือหนุ่มวัยรุ่นชาวอีสานที่ยังอาศัยอยู่ในท้องถิ่น ยังใช้ชีวิตและมีวิถีชีวิตแบบอีสาน ไม่ใช่หนุ่มอีสานที่เข้าไปอยู่ในเมืองหรือทำตัวเป็นคนเมือง ซึ่งในภาพยนตร์ผู้กำกับต้องการจะนำเสนอภาพและวิถีชีวิตของผู้บ่าวไทบ้านที่ยังมีอยู่จริงในภาคอีสาน รวมไปถึงความเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย
“หนังของเรานั้นอยู่ในยุครอยต่อการเปลี่ยนผ่านของฤดูแล้งไปเป็นฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงของการทำนา จากยุคฟิล์มไปเป็นยุคดิจิทัล ยุคผู้บ่าวไทบ้านรุ่นนี้กำลังจะหมดไป คนรุ่นใหม่กำลังจะนำความเปลี่ยนแปลงเข้ามา”

ภาพยนตร์ “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานอินดี้” (2557) ของผู้กำกับอิสระสายเลือดอีสานแท้ “อุเทน ศรีริวิ” ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในภาคอีสาน มีผู้ชมทุกเพศวัยต่อแถวรอชม เกิดเป็นกระแสดังในโลกออนไลน์กระจายมาสู่กรุงเทพฯ จนกลายเป็น “ภาพยนตร์ไทยเรื่องฮิตแห่งปี” อย่างไม่คาดคิด ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์ไทย โดยเฉพาะในถิ่นอีสานเลยก็ว่าได้
จากนั้น เขาต่อยอดด้วยโปรเจ็กต์ “ผู้บ่าวไทบ้าน 2 ตอน แจกข้าวหาแม่ใหญ่แดง” (2559) และ “ผู้บ่าวไทบ้าน 3 หมาน แอนด์ เดอะ คำผาน” (2561) ที่ถ่ายทอดเนื้อหาที่เข้มข้นขึ้น และยังคงเกาะเกี่ยวเรื่องราว-วัฒนธรรมอีสานม่วนหลายอยู่

ล่าสุด ปี 2564 เขากลับอีกครั้งกับ “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด...” ภาพยนตร์รักไนบักขามขั่ว นัวส์ในอารมณ์ โรแมนติก-คอมเมดี้แบบฉบับอีสานขนานแท้ นำแสดงโดยนักแสดงหนุ่มสุดฮอต “โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์” ที่พลิกบทบาทสุดขั้วมาเป็นผู้บ่าวไทบ้านครั้งแรก ประกบคู่กับ “แอน อรดี” ราชินีหมอลำเน็ตไอดอลสาวสุดโด่งดัง ร่วมด้วย “เต้ย จักร์รินท์” นักร้องหนุ่มไมค์ทองคำ, “กระต่าย พรรณนิภา” นักร้องสาวลูกทุ่งอินดี้ 200 ล้านวิว, “เนม สุรพงศ์” นักร้องหนุ่มเจ้าของเพลงฮิต ”ฉันไม่ออนซอน”, “ฝ้าย เมฆะ” นักแสดงตลกจาก “ผู้บ่าวไทบ้าน 2-3” และ “แม่แดง บุญศรี” นักแสดงรุ่นใหญ่จอมขโมยซีนจาก “15 ค่ำ เดือน 11” และ “ผู้บ่าวไทบ้าน 1-2” ฯลฯ
“จ้วด” คืออิหยัง ความหมายของจ้วดคือ “รวดเร็ว” เหมือนบั้งไฟที่พุ่งขึ้นท้องฟ้าอย่างไว “อีสานจ้วด” ในชื่อภาพยนตร์ก็หมายถึง “อีสานสมัยใหม่รวดเร็วทันใจ” ซึ่งคำว่าจ้วดนี้ยังเป็นศัพท์สแลงของคนอีสานที่แทนความหมายว่า “สุดยอด ดีงาม จึ้งมากแม่” หรือเป็นคำกวนๆ แบบ ”จ้วดไปเลย จัดไป” ได้อีกด้วย

เรื่องย่อ
เมื่อความคิดฮอดพาใจกลับคืนถิ่นอีสาน ความรักแบบบ้านๆ จึงบังเกิดโดยไม่คาดฝัน...
เรื่องราวโรแมนติกสุดจ้วดเริ่มต้นขึ้นเมื่อ "เคน" (โอบ โอบนิธิ) ผู้บ่าวไทบ้านตัดสินใจโบกมือลาเมืองกรุงกลับมาตั้งหลักชีวิตใหม่ที่บ้านเกิด ทำให้เขาบังเอิญพบกับ "เฟิร์น" (แอน อรดี) สาวโรงงานมุ่งมั่นในหน้าที่การงานและความรักไม่แพ้กัน แต่เธอกำลังโดนแฟนหนุ่มอย่าง "แมน" (เต้ย จักร์รินท์) นอกใจ เธอจึงวางแผนขอให้เคนแกล้งเป็นแฟนใหม่ เพื่อให้แมนตัดใจและเลิกกับเธอโดยเด็ดขาด แต่ภารกิจรักหลอกๆ นี้กลับปั่นป่วนเมื่อบุพเพเริ่มอาละวาด แผนประชดรักดันทำให้เฟิร์นและเคนตกหลุมรักกันจริงๆ
แต่ขึ้นชื่อว่าความรักมักไม่มีอะไรง่าย โชคชะตาพลิกผันอีกครั้ง เมื่อเฟิร์นต้องเลือกระหว่างความรักครั้งใหม่ในถิ่นเดิมกับความก้าวหน้าทางการงานในแดนไกล ขณะที่เคนก็ต้องสานฝันธุรกิจเล็กๆ ของตัวเองให้ลำเร็จพร้อมทั้งดูแลแม่ที่ป่วยอยู่ด้วย ความรักครั้งนี้คงต้องลุ้นหนักและให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
เตรียมพบกับความจ้วด...สไตล์ไทบ้านที่รายล้อมไปด้วยความรักสุดม่วน ชวนป่วนฮา พาอุ่นใจของครอบครัว, คนรัก, หมู่มิตร, เพื่อนร่วมงาน และยายข้างบ้าน ในภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้อีสานเด้อ “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด...” 18 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

ทีมนักแสดง
โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ (โอบ) รับบท เคน
“เคน” หนุ่มผู้ฝันอยากมีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง เพราะเบื่อทำงานโรงงานในเมืองใหญ่เลยลาออกกลับมาอยู่บ้านกับแม่ที่เป็นโรคความจำเสื่อม มี “ปีเตอร์” เพื่อนรักคอยให้คำแนะนำ เคนหลงรักสาวโรงงานชื่อ “เฟิร์น” ที่เพิ่งรู้จักจนยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ
“โอบนิธิ” เป็นที่รู้จักจากการแสดงซีรีส์สุดฮอต “ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น 1-2” (2556-2557) ก่อนได้แสดงซีรีส์สร้างชื่ออีกมากมาย รวมถึงภาพยนตร์เรื่องเด่น “อนธการ” (2558) หนังดราม่าระทึกที่เขาได้รางวัล “การแสดงแห่งปี” (Bioscope Awards 2015) และหนังโรแมนเติกแฟนตาซี “แสงกระสือ” (2562) ที่ได้รางวัล “นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม” (คมชัดลึก อวอร์ด #16, สุพรรณหงส์ #29” ไปครอง ล่าสุดเขากำลังจะพลิกบทสุดจ้วดเว่าอีสานครั้งแรกกับบทหนุ่มไทบ้านคืนถิ่นใน “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด...” (2564)

ณิชนันทน์ อินทรสอน (แอน อรดี) รับบท เฟิร์น
“เฟิร์น” สาวโรงงานผู้มีความทุ่มเทในหน้าที่การทำงาน เพราะมีภาระหนักต้องดูแลครอบครัว เธอเลิกกับแฟนเพราะเขาแอบนอกใจ แต่เฟิร์นก็ยังตัดใจไม่ได้จนกระทั่งได้พบกับ “เคน” ผู้บ่าวที่ทำให้เฟิร์นรู้สึกดีขึ้น จนบางครั้งเธอเองก็ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตนว่าต้องการอะไร
“แอน อรดี” เข้าสู่วงการจากการประกวดแข่งขันวงดนตรีลูกทุ่งรายการ “ชิงช้าสวรรค์ ปี 5” (2552-2553) ก่อนได้ออกอัลบั้มเพลงและเข้าสู่วงการหมอลำกับวงประถมบันเทิงศิลป์ จากนั้นได้ร่วมงานกับคณะหมอลำศิลปินภูไท และกลับมาสังกัดวงประถมบันเทิงศิลป์อีกครั้งจนโด่งดังและได้รับฉายาว่า “หมอลำสาวเน็ตไอดอล” เธอเคยแสดงหนัง “ผู้บ่าวไทบ้าน 2” (2559) มาก่อน และกำลังจะมีงานแสดงอีกครั้งในปีนี้กับบทผู้สาวผู้ทุ่มเทให้ทั้งงานและความรักใน “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด...” (2564)

จักร์รินท์ ศิลา (เต้ย) รับบท แมน
“แมน” แฟนหนุ่มของ “เฟิร์น” ที่เพิ่งเลิกรากันไปเพราะความเจ้าชู้ของเขา แต่แมนก็ยังตามง้อขอคืนดีกับเฟิร์นอยู่ เพราะแมนเชื่อว่าเฟิร์นยังรักเขาอยู่
“เต้ย จักร์รินท์” หนุ่มขอนแก่นผู้เข้าประกวดร้องเพลงในรายการ “ไมค์ทองคำ ครั้งที่ 3” (2558-2559) ความสามารถของเขาเป็นที่โดนใจคณะกรรมการและแฟนเพลงลูกทุ่ง ทำให้ได้เป็นศิลปินเต็มตัวของค่าย “ยุ้งข้าวเรคคอร์ด” มีเพลงแรกของตัวเองชื่อ “ร้องเพลงเพื่อเธอ” (2559) เพลงที่มีเนื้อหาสุดประทับใจและเป็นกำลังใจให้กับความฝันของทุกคน ล่าสุด เขาได้มาร่วมสร้างสีสันทางการแสดงเป็นครั้งแรกใน “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด...” (2564)

พรรณนิภา เขียวเพชร (กระต่าย) รับบท กระต่าย
“กระต่าย” สาวมัธยมปลายน้องสาวจอมแก่นของเฟิร์น ชอบแต่งหน้าทาปากไปโรงเรียน อาศัยอยู่กับพี่สาวและแม่ ถึงจะทำตัวนอกลู่นอกทางบ้างแต่ในใจก็รักพี่สาว และเชื่อฟังพี่สาวมาก แถมยังมาอกหักจากแฟนหนุ่มเหมือนพี่สาวอีก
“กระต่าย พรรณนิภา” สาวน้อยจาก จ.เลย เป็นที่รู้จักในฐานะศิลปินสาวลูกทุ่งอินดี้รุ่นใหม่จากความสามารถโดดเด่นทางการร้องเพลงที่ปล่อยลงยูทูบซึ่งได้กระแสตอบรับอย่างดีแทบทุกเพลง ทำให้ปัจจุบันมียอดผู้ติดตามยูทูบช่อง “กระต่าย พรรณนิภา” ถึง 6,1 ล้าน และช่อง “จ้วดจ้าด” 8.2 แสน เพลงที่มียอดวิวมากที่สุดคือ “สันดานเก่า” (2561 / 232 ล้านวิว) เพลงล่าสุดคือ “สันดานใหม่” (2564) เธอได้มาร่วมม่วนฮาในหนังเรื่องแรก “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด...” (2564) ด้วย

สุรพงศ์ เกาะชัยภูมิ (เนม) รับบท บิว
“บิว” หนุ่มเทคนิคแฟนสายแว้นของ “กระต่าย” บิวชอบแว้นพากระต่ายไปเที่ยวเล่นหลังเลิกเรียนเป็นประจำ แต่เขาก็แอบมีกิ๊กจนกระต่ายจับได้
“เนม สุรพงศ์” นักร้องหนุ่มอินดี้เสียงดีจากขอนแก่น ปัจจุบันสังกัดค่าย “จ้วดจ้าด สตูดิโอ” จ.เลย เขาแจ้งเกิดจากเพลงแรกที่แต่งและร้องเองอย่าง “ฉันไม่ออนซอน” (2561 / 199 ล้านวิว) จากนั้นเขาก็มีเพลงที่สองออกมาซึ่งยังแต่งเอง-ร้องเองเช่นเดิมกับเพลง “เจ้าฮู้บ่” (2562 / 113 ล้านวิว) ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นเพลงประกอบหนัง “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด...” (2564) ที่เขาร่วมแสดงเป็นครั้งแรกด้วย

บุญศรี ยินดี (แม่แดง) รับบท ยายทอง
“ยายทอง” แม่ของเคน รักเคนมากแต่ปากร้าย ขี้บ่น ชอบทะเลาะมีปากเสียงกับ “ยายมี” เพื่อนข้างบ้านแทบทุกวัน ทั้งๆ ที่ยายทั้งสองต่างก็แอบห่วงใยกันอยู่ตลอด ยายทองเป็นอัลไซเมอร์ ชอบหลงๆ ลืมๆ เป็นประจำ
“แม่แดง” นักแสดงสมทบหญิงรุ่นเก๋าเจ้าของรางวัล “ศิลปินมรดกอีสาน สาขาศิลปการแสดง ประเภทภาพยนตร์ ประจำปี 2561” เริ่มเป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์ “15 ค่ำเดือน 11” (2545) ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม” (สุพรรณหงส์ #12, ชมรมวิจารณ์บันเทิง #11) จากนั้นก็สร้างสีสันความสนุกให้กับภาพยนตร์ไทยอีกหลายเรื่อง จนกระทั่งเป็นนักแสดงขาประจำของหนังไทยอีสานแทบทุกเรื่อง รวมถึงหนังของผู้กำกับ “อุเทน ศรีริวิ” อย่าง “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานอินดี้” (2557), “ผู้บ่าวไทบ้าน 2 ตอน แจกข้าวหาแม่ใหญ่แดง” (2559) ด้วย และล่าสุดกำลังจะมาสร้างความประทับใจจ้วดมากแม่ใน “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด...” (2564)

สุชาติ พุดจันทึก (ฝ้าย เมฆะ) รับบท ปีเตอร์
“ปีเตอร์” หนุ่มช่างตัดผมประจำหมู่บ้านที่เปิดร้านตัดผมเป็นของตัวเอง เขาเป็นเพื่อนรักของ “เคน” ที่สุดแสนจะพอใจในชีวิตที่เป็นอยู่ แต่สไตล์อันโดดเด่นมักไม่เอื้ออำนวยกับฝีมือตัดผมของเขาซักเท่าไหร่ ปีเตอร์มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่เคนชอบยืมไปรับส่ง “เฟิร์น” เป็นประจำ
“ฝ้าย เมฆะ” นักแสดงตลก-ศิลปินเพลงค่ายหม่ำ จ๊กม๊ก เริ่มเข้าสู่วงการด้วยการแสดงหนังเรื่องแรกใน “ผู้บ่าวไทบ้าน 2 ตอน แจกข้าวหาแม่ใหญ่แดง” (2559) ต่อเนื่องด้วยบทนำเต็มตัวใน “ผู้บ่าวไทบ้าน 3 หมาน แอนด์ เดอะ คำผาน” (2561) และตามไปปล่อยมุกตลกในหนังไทยอีกหลายเรื่อง จนถึงเรื่องล่าสุดนี้กับบทเพื่อนพระเอกสไตล์โดดเด้งทะลุจอใน “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด...” (2564) นอกจากนี้เขายังมีซิงเกิลเพลงแรกที่แฟนๆ รู้จักเป็นอย่างดีกับ “อยากกินตีน” (2562)

นัฐพงษ์ เรืองวิริยะนุกุล (โจอี้) รับบท บัวสี
“บัวสี” แก๊งเพื่อนสนิทของ“เฟิร์น” ที่โรงงาน ชอบชวนเฟิร์นกับ “ตะขบ” ไปร้องคาราโอเกะกันประจำ มีความสุขตามอัตภาพ ไม่คิดอะไรมาก เป็นคู่กัดกับตะขบ
“โจอี้ นัฐพงษ์” เป็นคนตลกอารมณ์ดี แสดงหนังเรื่องแรกใน “00Y สายลับซิ่นเหี่ยน" (2561) และมิวสิกวิดีโอค่ายเพลงท้องถิ่นอีกมากมาย โจอี้มีชื่อเสียงทางโซเชียลจากการเป็นผู้ประกาศข่าวของเคเบิลทีวีท้องถิ่นขอนแก่น เจ้าของฉายา “น้องแหมว” อีกทั้งยังเป็นพิธีกรในหลายงานใหญ่ระดับจังหวัด และนักจัดรายการวิทยุชื่อดังของภาคอีสานที่มีน้ำเสียงโดดเด่นเป็นที่จดจำในชื่อ “โจอี้ ศรีเมืองขอน” แน่นอนว่ากับการแสดงล่าสุดใน “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด...” (2564) เขาก็จะมอบเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมได้ไม่น้อย

เพ็ญนภา สมสุข (ดอกเหมย) รับบท ตะขบ
“ตะขบ” สาวโรงงานแก๊งเพื่อนสนิทของ “เฟิร์น” มักตามติดเฟิร์นและ “บัวสี” ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เป็นคู่กัดคู่ฮากับบัวสีทุกลมหายใจ
“ดอกเหมย” สาวหมอลำซิ่งเจ้าของฉายา “สะดิ้งบ่มีไผท่อ” แห่งขอนแก่น มีความสามารถในการร้องหมอลำจนกวาดรางวัลมามากมายตั้งแต่เด็กๆ ถูกกล่าวขวัญถึงด้วยความโดดเด่นของคอสตูมที่ดัดแปลงมาจากเกมออนไลน์ที่สร้างความแปลกตาและได้รับเสียงชื่นชมในฐานะหมอลำซิ่งยุคโซเชียล อีกทั้งรูปลักษณ์สุดเซ็กซี่ก็เป็นที่ถูกใจแฟนเพลงขึ้นไปอีก เพลงฮิตของเธออย่าง “บ่แคร์ก็แค่เมา” (2562) ก็ถูกนำมาเล่นเป็นมุกใน “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด...” (2564) หนังเรื่องล่าสุดของเธอด้วย

“อุเทน ศรีริวิ” ผู้กำกับ-เขียนบทภาพยนตร์ “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด”
“บอย-อุเทน ศรีริวิ” ผู้นำกลุ่มคนทำหนังอินดี้อีสาน “E-San Indy Film Studio” และผู้กำกับภาพยนตร์ไทยอิสระที่มีผลงานเลื่องชื่อและสร้างปรากฏการณ์โรงแตกให้กับหนังอีสานเรื่องแรกของเขาอย่าง “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานอินดี้” (2557) ที่ทำให้ผู้บ่าวผู้สาวตบเท้าตีตั๋วเข้าโรงหนังกันอย่างถล่มทลายเพื่อชมภาพยนตร์ไทยอีสานเรื่องนี้ที่ตั้งใจถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมต่างๆ ของอีสานในมุมมองใหม่ที่สนุกสนานโดนใจผู้ชมถิ่นอีสานยิ่งนัก ซึ่งนอกจากจะโกยรายได้ไปมากโขแล้ว หนังยังคว้ารางวัล “หนังไทยแห่งปี” จาก “Bioscope Awards 2014” และรางวัล “ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม” จากเวที “ตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 30” ด้วย ก่อนตามติดมาด้วย “ผู้บ่าวไทบ้าน 2 ตอน แจกข้าวหาแม่ใหญ่แดง” (2559) และ “ผู้บ่าวไทบ้าน 3 หมาน แอนด์ เดอะ คำผาน” (2561) ที่นอกจากจะม่วนฮาสไตล์ไทบ้านแล้วก็ยังนำเสนอเนื้อหาที่สะท้อนปัญหาทางสังคมไทยได้เป็นอย่างดี
ล่าสุดกับ “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด…” ผลงานกำกับ-เขียนบทเรื่องใหม่ของอุเทนที่ยังคงเล่าถึงวิถีชีวิตของคนในสังคมภาคอีสานที่อยู่นอกตัวเมือง การพัฒนาชีวิตของคนหนุ่มคนสาวผ่านเรื่องราวความรักโรแมนติกของผู้บ่าวคืนถิ่นกับผู้สาวย้ายถิ่น และการตัดสินใจครั้งสำคัญที่ส่งผลต่อตนเองและหลายชีวิตรอบข้าง รวมถึงตัวละครมวลหมู่ชาวอีสานหลากสีสันที่พร้อมจะมอบความม่วนฮาให้ผู้ชมไม่แพ้ภาคที่ผ่านมาแน่นอน
“’ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด...’ มันคือเรื่องราวของผู้บ่าวไทบ้านที่กลับมาตั้งหลักชีวิต สร้างฐานะและธุรกิจของตัวเองหลังจากไปทำงานในเมืองใหญ่ ซึ่งทำให้เขาบังเอิญเจอกับผู้สาวไทบ้านอกหักคนหนึ่ง พอเจอปุ๊บก็รักปั๊บ เรื่องวุ่นๆ มันก็เลยเกิดขึ้นระหว่างทางนั้น
สำหรับภาพยนตร์ถิ่นอีสานตั้งแต่ที่ผมทำ ‘ผู้บ่าวไทบ้าน’ มาตั้งแต่ภาคแรกจนมาถึงภาคที่สี่นี้ ผมรู้สึกภูมิใจนะที่ได้เห็นการต่อยอดออกไปอีกหลายๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นไทบ้านเดอะซีรีส์ หรือหนังอีสานของทางเมืองกรุง ส่วนตัวก็รู้สึกดีใจที่ได้เห็นภาพยนตร์ท้องถิ่นอีสานเกิดเยอะขึ้นทุกวัน และพัฒนาคุณภาพขึ้นเรื่อยๆ ด้วย สำหรับผู้บ่าวไทบ้านภาคนี้จากคอนเซปต์ก็จะเป็นหนังรักเล็กๆ ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นการอัปเดตชีวิตของคนอีสานยุคใหม่ ได้เห็นความเป็นอยู่ของคนหนุ่มคนสาวและคนเฒ่าคนแก่ที่มีชีวิตความเป็นอยู่ในยุคปัจจุบันนี้ จะได้เห็นมุมของนักเรียนม.ปลาย มุมของสาวโรงงาน มุมของคนที่มีธุรกิจเล็กๆ ส่วนตัวในหมู่บ้าน มุมของครอบครัว มุมของคนแก่ที่เป็นเพื่อนข้างบ้าน และก็เพื่อนสนิทไทบ้านที่ต่างเติบโตมาด้วยกัน เรื่องนี้ผมก็ได้บุคลากรเบื้องหน้าเบื้องหลังหลายคนหลายฝ่ายที่มีศักยภาพมาร่วมงานด้วยซึ่งจะทำให้ ‘ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด...’ ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ นี่แหละคือสิ่งที่ผมภูมิใจ และอยากให้ทุกคนพร้อมใจจ้วดไปดูเรื่องนี้กันในโรงภาพยนตร์ครับ”












กำลังโหลดความคิดเห็น