“วัฒนธรรมคว่ำบาตร” หรือ Cancel Culture กลายเป็นประเด็นร้อนในโซเชียลฯ อีกครั้ง หลังกระแสตีกลับจากเหล่าแฟนคลับทั่วโลก ปลุกกระแสทวงคืนความยุติธรรมให้ ‘คิมซอนโฮ’ (นักแสดงนำชายซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha)
ซึ่งจุดนี้ต้องยกเครดิตให้กับการออกมาแฉแบบค่อยเป็นค่อยไป กับการปล่อยหลักฐานเด็ดจาก Dispatch ที่ทำให้โลกรู้ว่า อดีตแฟนสาวของคิมซอนโฮเป็น ‘ยัยตัวแสบ’ ที่จ้องทำลายชื่อเสียงและอนาคตของเขา ขณะเดียวกันมันก็สะท้อนความจริงว่า อย่าด่วนสรุปหรือตัดสินใครในทันที หรือบางทีวัฒนธรรมการคว่ำบาตรอาจจะถึงเวลาต้องสังคายนาครั้งใหญ่!
รู้ไหมว่าใครใหญ่!
ในยุคที่โลกยังไม่รู้จักกับโซเชียลมีเดีย เราอาจพอได้ยินข่าวคราวดาราคนนั้นแอบซุกลูกซ่อนเมีย ศิลปินคนนี้เป็นคนหยาบคายตรงข้ามกับภาพลักษณ์ในทีวี แต่เพราะไม่มีหลักฐานจึงเปรียบเสมือน ‘ข่าวลือ’ หรือเรื่องเล่าต่อๆ กันมาแล้วก็จางไป เมื่อโลกเข้าสู่ยุคโซเชียลฯ ความเป็นส่วนตัวของคนดังก็เปิดกว้างมากขึ้น พวกเขาพร้อมจะอวดไลฟ์สไตล์ เนื้อหนังมังสา จนถึงทัศนคติผ่านแอคเคาน์ส่วนตัว ซึ่งทำให้ผู้คนเริ่มรู้สึกคุ้นเคยและใกล้ชิดกับเหล่าคนดังมากขึ้น
ความน่ากลัวของ ‘อำนาจมืด’ จึงเริ่มคืบคลานเข้ามามีอิทธิพลต่อหน้าที่การงานจนถึงวิถีชีวิตของคนดัง ในเมื่อดาราและศิลปินโด่งดังได้จากแรงสนับสนุนของผู้ชม จะ ‘รุ่ง’ หรือ ‘ร่วง’ ก็มาจากการสนับสนุนของกองเชียร์นั่นล่ะ
แม้ผลงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถ แต่หากข่าวฉาวมันร้อนแรงกว่า เช่น การล่วงละเมิดทางเพศ เหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ ฯลฯ มันก็มีพลานุภาพมากพอที่จะทำให้ผลงานชิ้นเอกนั้นปลิวหายไปในอากาศ พร้อมกับกระแสสังคมที่พร้อมจะแบนผลงานของพวกเขา โดยเฉพาะเกาหลีที่วัฒนธรรมคว่ำบาตรทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ความที่ชาวเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ยึดมั่นในหลักปรัชญาขงจื้อ ที่เชื่อว่าคนดังควรเป็นตัวอย่างที่ดีในสังคม พวกเขาจึงไม่ควรมีราคีด่างพร้อยที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย วัฒนธรรมคว่ำบาตรทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การติดแฮชแท็ครณรงค์ให้เลิกสนับสนุนสินค้าที่ดาราคนนั้นเป็นพรีเซ็นเตอร์ จนถึงกดดันให้ต้นสังกัดยกเลิกการปรากฏตัวต่อสาธารณะฯลฯ
มองในแง่ดีวัฒนธรรมนี้ก็ช่วยให้คนดังระวังตัวมากขึ้นหากคิดจะทำสิ่งไม่ดีงาม แต่ใช่ว่าชาวเกาหลีทุกคนจะเห็นด้วยกับพฤติกรรมนี้ (บางคนถึงขั้นแอนตี้ด้วยซ้ำ) เพราะคนดังก็เป็นมนุษย์ธรรมดา ผิดพลาดกันได้ ว่าแต่กระแสนี้ทำร้ายชื่อเสียงใครกันบ้าง...เราคัดคดีตัวอย่างมาให้อ่านกัน 5 เคสเน้นๆ
เหล่าคนดัง ‘พัง’ เพราะวัฒนธรรมคว่ำบาตรในชั่วข้ามคืน
1. คิมซอนโฮ
นาทีนี้ไม่มีประเด็นไหนจะร้อนแรงไปกว่า ‘คิมซอนโฮ’ พระเอกที่โด่งดังจากซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha ทาง Netflix เมื่อบทบาท ‘หัวหน้าฮง’ ส่งผลให้เขากลายเป็นหนุ่มฮอตในชั่วข้ามคืน แต่แล้วชื่อเสียงของเขาก็ย่อยยับในเสี้ยวพริบตาเช่นกัน เมื่ออดีตแฟนเก่าออกมาแฉว่า ตัวจริงไม่เหมือนหัวหน้าฮงเลยสักนิดค่ะซิส! แถมยังเคยไล่เธอไปทำแท้งแล้วก็ทอดทิ้งเธออีกต่างหาก หลังจากนั้นมหกรรมคว่ำบาตรก็เริ่มต้นขึ้นทันที สินค้าและโปรเจ็คต์ต่างๆ ที่มีชื่อของคิมซอนโฮถูกยกเลิกและโดนฟ้องเรียกค่าเสียหาย
แต่แล้วแต้มบุญก็คุ้มครองซอนโฮ เมื่อเหล่านักสืบแห่งโลกโซเชียลฯ เริ่มเปิดโปงอีกด้านของแฟนสาวชนิดยิ่งขุดยิ่งมัน ก่อนที่ Dispatch สำนักข่าวบันเทิงเกาหลีสื่อจอมแฉออกมาล้วงลับตับแตกแหกอดีตแฟนเก่าด้วยข้อมูลจากอดีตสามี (17 วัน) ภาพหลุด แชทลับ ล้วนแล้วแต่ยืนยันว่า อดีตแฟนเล่ามามันเป็นเรื่องจกตาผู้ชม ทำเอาอดีตแฟนและต้นสังกัดเจอกระแสตีกลับจากผู้ชมทั่วโลก พร้อมการทวงคืนความยุติธรรมให้คิมซอนโฮ และล่าสุดเขาก็ได้กลับมารับบทนำในหนังเรื่อง ‘Sad Tropics’ และงานพรีเซ็นเตอร์ก็เริ่มกลับคืนมา
นี่กระมังที่เขาเรียกว่า “ทองแท้ไม่แพ้ไฟ”
2. ซอเยจี
อีกหนึ่งซูเปอร์สตาร์ที่โด่งดังในชั่วข้ามคืน ก่อนจะเจอข่าวฉาวตามหลอกหลอนในเวลาอันรวดเร็ว ‘ซอเยจี’ ประสบความสำเร็จจากบทบาทในซีรีย์ It’s Okay To Not Be Okay ทาง Netflix ประกบคู่กับ ‘คิมซูฮยอน’ ที่เหล่าแฟนคลับต่างปลื้มปริ่มในเคมีที่เข้ากั๊นเข้ากันของทั้งคู่ แล้วยังชื่นชมการแสดงของซอเยจีจนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ‘Baeksang Arts Award 2020’ ก่อนที่เสียงกอสซิปเกี่ยวกับตัวตนหลังกล้องของเธอจะเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะนิสัยของเธอมันไม่ค่อยโอ.เค. ตามชื่อซีรีส์น่ะสิ!
เพื่อนสมัยเรียนคนหนึ่งออกมาแฉว่า เธอเคยเป็น bad girl ตัวแม่ที่รังแกเพื่อนร่วมชั้น โตขึ้นเธอก็ทำร้ายคนในกองถ่าย เธอพูดจากลับกลอกเรื่องการศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในสเปน และร้ายแรงสุดคือข้อกล่าวหาเกี่ยวกับอดีตแฟนเก่า ‘คิมจงฮยอน’ (จากซีรีส์ Crash Landing On You) กับข่าววงในกระซิบว่า ซอเยจีอยู่เบื้องหลังพฤติกรรมสุดแย่ของแฟนเก่าอย่างการเปลี่ยนบท ห้ามจับมือถือแขนกับนักแสดงนำในเรื่อง Time (2018) จนในที่สุดเขาก็ถอนตัวจากซีรีส์เพื่อรักษาภาวะซึมเศร้า เธอจึงได้รับผลกระทบจากวัฒนธรรมคว่ำบาตรไปอีกหนึ่งราย
3. ลีอา มิเชลล์ (Lea Michelle)
ข้ามมาฝั่งฮอลลีวู้ดบ้าง ซึ่งร้อนแรงไม่แพ้กัน อย่าง ลีอา มิเชลล์ นักแสดงสาวชื่อดังจากบท ‘เรเชล เบอร์รี่’ ในซีรีส์สุดฮอตอย่าง ‘Glee’ ดูเผิน ๆ ในซีรีส์เราอาจจะคิดว่า บรรยากาศเบื้องหลังกองถ่ายคงเป็นอะไรที่อบอุ่นและสนุกสนานเป็นแน่
แต่คุณขา! อยู่ดีๆ ความพังก็บังเกิดเมื่อวันหนึ่งลีอาเกิดเกาะกระแส ‘จอร์จ ฟลอยด์’ ด้วยการสนับสนุนแคมเปญ Black Lives Matter เช่นเดียวกับคนดังอื่นๆ ในโลกหล้า แต่ชั่วพริบตา Samantha Ware เพื่อนนักแสดงในซีรีส์ก็ออกมาแหกกลับว่า “ตลกจัง! นี่คุณจำได้มั้ยว่าคุณทำให้การเล่นซีรีส์เรื่องแรกในชีวิตของฉัน มันเหมือนกับอยู่ในนรกเลย”
ไม่นานนักแสดงหนุ่มอีกคนชื่อ Dabier Snell ก็ออกมาแฉพฤติกรรมเหยียดสีผิวและเชื้อชาติของลีอาเช่นกัน แล้วซาแมนธาก็ขยี้ต่อด้วยการทวีตว่า พฤติกรรมของลีอาก็ไม่ต่างอะไรกับ ‘microaggressions’ หรือการทำร้ายจิตใจคนอื่นด้วยคำพูด การแสดงออก และตัดสินคนจากภายนอก แถมยังมีเสียงเล็ดลอดจากกองถ่ายอีกว่า ลีอาเรียกเอ็กซ์ตร้าว่า ‘แมลงสาป’ ทำให้เธอได้รับผลกระทบจากวัฒนธรรมคว่ำบาตร ด้วยการถูกยกเลิกสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับ HelloFresh พร้อมกับเสียงสนับสนุนของชาวเน็ตที่ว่า หากแบรนด์ยังคงใช้เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็เตรียมปิดกิจการได้เลย!
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “อย่าเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก” บอกเลยมันปิดกันยาก
4. เอเลน ดีเจนเนอเรส (Ellen DeGeneres)
ในเมืองไทย เอเลน ดีเจนเนอเรส อาจไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมานัก แต่ในวงการฮอลลีวู้ด เธอเป็นนักแสดงตลกและพิธีกรรายการโทรทัศน์ที่โด่งดังที่มีผู้ชมทั่วโลก จากรายการทอล์คโชว์ ‘The Ellen DeGeneres Show’
แต่แล้วชื่อเสียงในทางลบของเธอกลับกระพรือเร็วยิ่งกว่าพายุ เมื่อปัญหาต่างๆ ที่ซุกไว้ใต้พรม เริ่มแดงขึ้นมาเรื่อยๆ แม้ฉากหน้าที่ดูอารมณ์ดี ขี้เล่น และเฟรนด์ลี่จะทำให้เธอเป็นที่รักของใครต่อใคร แต่ไม่ใช่กับบอดี้การ์ดประจำตัวที่ออกมาแฉว่า “เธอเป็นคนเย็นชามาก และมีพฤติกรรมยอดแย่กับคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่คนใกล้ตัว” เช่นเดียวกับช่างแต่งหน้าชื่อดังเจ้าของช่อง ‘Nikkie Tutorials’ ใน YouTube ที่ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อบ้านเกิดในเนเธอร์แลนด์
“ตอนที่ฉันไปเป็นแขกรับเชิญในรายการของเอเลน เพื่อพูดคุยถึงประเด็นการเป็นสตรีข้ามเพศ ซึ่งฉันคิดว่าเอเลนก็น่าจะเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะเป็นคนข้ามเพศแบบเดียวกัน”
แต่เปล่าเลย!
นิกกี้ (Nikkie) ไม่ได้รับการเทคแคร์อย่างดีเท่าที่ควร หนำซ้ำเธอยังเป็นแขกรับเชิญเพียงคนเดียวที่ไม่มีห้องน้ำส่วนตัว หลังจากนั้นมหกรรมแฉแหลกยังออกมาแหกเอเลนเกี่ยวกับคดี Ed Glavin โปรดิวเซอร์ของรายการที่พูดจาเหยียดสีผิวและเชื้อชาติ โทษฐานที่เอเลนปล่อยปละละเลยให้สภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นพิษ
เอเลนจึงออกมาประกาศเตรียมปิดฉากรายการในปี 2022 ด้วยเหตุผลว่า รายการที่ทำมา 19 ซีซั่นมันไม่เหลือความท้าทายใหม่ๆ อีกต่อไป แต่กลับมีเสียงร่ำลือกันหนาหูว่าเรตติ้งของรายการลดลงฮวบฮาบอย่างน่าใจหายจากข่าวฉาวต่างๆ และเธอก็โดนวัฒนธรรมคว่ำบาตรไปอีกราย
5. เจ.เค. โรว์ลิ่ง (J.K. Rowling)
ชื่อเสียงของ ‘เจ.เค. โรว์ลิ่ง’ นักเขียนทรงอิทธิพลแห่งยุคกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในชั่วข้ามคืน เมื่อคุณแม่แสดงความคิดเห็นในหัวข้อ “Creating a more Equal Post-Covid 19 World of People who Menstruate” หรือ “การสร้างความเท่าเทียมที่มากขึ้นหลังวิกฤตโควิด 19 ในกลุ่มคนที่มีประจำเดือน” ทำให้กลุ่ม LGBT+ และคนส่วนใหญ่ถึงกับลุกขึ้นมาโต้กลับ และรีทวีตข้อความของคุณแม่อย่างดุเดือดเลือดพล่าน จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ที่ทำให้โลกโซเชียลฯ ลุกเป็นไฟ ซึ่งประโยคที่ว่า “กลุ่มคนที่มีประจำเดือน” นี่แหละที่ทำให้คุณแม่โดนกระแสโจมตีหนักมากว่า
เธอสนับสนุนกลุ่ม TERFism ที่เชื่อว่า ผู้หญิงข้ามเพศไม่ใช่ผู้หญิง และเพศตามหลักชีววิทยาเป็นปัจจัยเดียวที่กำหนดเพศสภาพของคน พร้อมกับคำสร้อยที่ยกให้เธอเป็น ‘TERF’ (Trans-exclusionary Radical Feminist) หรือพวกเฟมินิสต์สุดโต่ง
ไม่พอคุณแม่ยังขยี้ต่อด้วยการยืนยันความคิดเห็นนั้น ด้วยการล้อเลียนพาดหัวข่าวเกี่ยวกับคนข้ามเพศบน Twitter ซึ่งก็เดาไม่ยากเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น คุณแม่ก็โดนแบนไปตามระเบียบสิคะ
นอกจากนี้เจ.เค. โรว์ลิ่งยังโดนเพื่อนนักเขียนร่วมสังกัดประกาศลาออกพร้อมกันถึง 4 คน เหตุเพราะทนหายใจอยู่ในชายคาเดียวกับคนเหยียดเพศไม่ได้ วัฒนธรรมคว่ำบาตรยังรุนแรงถึงขั้นที่เธอไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมเทศกาลวรรณกรรม ‘Wirarapa Book Festival’ ในนิวซีแลนด์ช่วงกลางปี 2021 แถมยังยกเลิกธีมแฮร์รี่ พอตเตอร์ไปเลย
จากนี้คงต้องรอดูต่อไปว่า คุณแม่จะรับมือกับวัฒนธรรมคว่ำบาตรอย่างไร? แล้วเธอจะเป็นนกฟินิกซ์ที่ฟื้นร่างจากกองเพลิงได้หรือไม่?
นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งยังมีคนดังอีกมากที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมคว่ำบาตรหรือ ‘Cancel Culture’ มองในแง่ดีมันก็เป็นสิ่งย้ำเตือนให้คนที่มีชื่อเสียง ดารา นักแสดง หรือคนที่ (คิด) อยากจะดังต้องระมัดระวังคำพูด การกระทำ และการแสดงออกใด ในโลกโซเชียลฯ ให้มากขึ้น
ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะชีวิตพังในชั่วข้ามคืนหรือจะหงายการ์ด เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์บ่อยๆ ก็คงไม่ดีหรอกมั้ง
อ้างอิงเรื่องและภาพ :
fanart.tv
hancinema.net
mydramalist.com
20th Century Fox Television
www.nbcnews.com/feature/nbc-out/j-k-rowling-faces-backlash-after-tweeting-support-transphobic-researcher-n1104971
www.newbeauty.com/ellen-degeneres-skin-care-line/
www.self.com/story/lea-michele-scary-pregnancy
www.scmp.com/magazines/style/celebrity/article/3129818/seo-ye-jis-4-biggest-scandals-explained-accusations-its
www.allkpop.com/article/2021/11/kim-seon-ho-says-he-will-do-his-best-for-the-opportunity-as-he-gets-to-stay-on-the-cast-of-the-film-sad-tropics
variety.com/2021/tv/news/ellen-degeneres-ending-daytime-talk-show-1234971355/
www.usatoday.com/story/opinion/2021/05/26/ellen-degeneres-kindness-mental-health/5191381001/