xs
xsm
sm
md
lg

Scoop พิเศษ : “วัฒนธรรมคว่ำบาตร” ทำชีวิต 5 คนดัง พังชั่วข้ามคืน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คิมซอนโฮ, ซอเยจี, ลีอา มิเชลล์, เอเลน ดีเจนเนอเรส และ เจ.เค. โรว์ลิ่ง เมื่อปะทะกระแส “วัฒนธรรมคว่ำบาตร”
“วัฒนธรรมคว่ำบาตร” หรือ Cancel Culture กลายเป็นประเด็นร้อนในโซเชียลฯ อีกครั้ง หลังกระแสตีกลับจากเหล่าแฟนคลับทั่วโลก ปลุกกระแสทวงคืนความยุติธรรมให้ ‘คิมซอนโฮ’ (นักแสดงนำชายซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha)

ซึ่งจุดนี้ต้องยกเครดิตให้กับการออกมาแฉแบบค่อยเป็นค่อยไป กับการปล่อยหลักฐานเด็ดจาก Dispatch ที่ทำให้โลกรู้ว่า อดีตแฟนสาวของคิมซอนโฮเป็น ‘ยัยตัวแสบ’ ที่จ้องทำลายชื่อเสียงและอนาคตของเขา ขณะเดียวกันมันก็สะท้อนความจริงว่า อย่าด่วนสรุปหรือตัดสินใครในทันที หรือบางทีวัฒนธรรมการคว่ำบาตรอาจจะถึงเวลาต้องสังคายนาครั้งใหญ่!

รู้ไหมว่าใครใหญ่!

ในยุคที่โลกยังไม่รู้จักกับโซเชียลมีเดีย เราอาจพอได้ยินข่าวคราวดาราคนนั้นแอบซุกลูกซ่อนเมีย ศิลปินคนนี้เป็นคนหยาบคายตรงข้ามกับภาพลักษณ์ในทีวี แต่เพราะไม่มีหลักฐานจึงเปรียบเสมือน ‘ข่าวลือ’ หรือเรื่องเล่าต่อๆ กันมาแล้วก็จางไป เมื่อโลกเข้าสู่ยุคโซเชียลฯ ความเป็นส่วนตัวของคนดังก็เปิดกว้างมากขึ้น พวกเขาพร้อมจะอวดไลฟ์สไตล์ เนื้อหนังมังสา จนถึงทัศนคติผ่านแอคเคาน์ส่วนตัว ซึ่งทำให้ผู้คนเริ่มรู้สึกคุ้นเคยและใกล้ชิดกับเหล่าคนดังมากขึ้น

ความน่ากลัวของ ‘อำนาจมืด’ จึงเริ่มคืบคลานเข้ามามีอิทธิพลต่อหน้าที่การงานจนถึงวิถีชีวิตของคนดัง ในเมื่อดาราและศิลปินโด่งดังได้จากแรงสนับสนุนของผู้ชม จะ ‘รุ่ง’ หรือ ‘ร่วง’ ก็มาจากการสนับสนุนของกองเชียร์นั่นล่ะ

แม้ผลงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถ แต่หากข่าวฉาวมันร้อนแรงกว่า เช่น การล่วงละเมิดทางเพศ เหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ ฯลฯ มันก็มีพลานุภาพมากพอที่จะทำให้ผลงานชิ้นเอกนั้นปลิวหายไปในอากาศ พร้อมกับกระแสสังคมที่พร้อมจะแบนผลงานของพวกเขา โดยเฉพาะเกาหลีที่วัฒนธรรมคว่ำบาตรทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

ความที่ชาวเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ยึดมั่นในหลักปรัชญาขงจื้อ ที่เชื่อว่าคนดังควรเป็นตัวอย่างที่ดีในสังคม พวกเขาจึงไม่ควรมีราคีด่างพร้อยที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย วัฒนธรรมคว่ำบาตรทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การติดแฮชแท็ครณรงค์ให้เลิกสนับสนุนสินค้าที่ดาราคนนั้นเป็นพรีเซ็นเตอร์ จนถึงกดดันให้ต้นสังกัดยกเลิกการปรากฏตัวต่อสาธารณะฯลฯ

มองในแง่ดีวัฒนธรรมนี้ก็ช่วยให้คนดังระวังตัวมากขึ้นหากคิดจะทำสิ่งไม่ดีงาม แต่ใช่ว่าชาวเกาหลีทุกคนจะเห็นด้วยกับพฤติกรรมนี้ (บางคนถึงขั้นแอนตี้ด้วยซ้ำ) เพราะคนดังก็เป็นมนุษย์ธรรมดา ผิดพลาดกันได้ ว่าแต่กระแสนี้ทำร้ายชื่อเสียงใครกันบ้าง...เราคัดคดีตัวอย่างมาให้อ่านกัน 5 เคสเน้นๆ
 

เหล่าคนดัง ‘พัง’ เพราะวัฒนธรรมคว่ำบาตรในชั่วข้ามคืน

1. คิมซอนโฮ

นาทีนี้ไม่มีประเด็นไหนจะร้อนแรงไปกว่า ‘คิมซอนโฮ’ พระเอกที่โด่งดังจากซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha ทาง Netflix เมื่อบทบาท ‘หัวหน้าฮง’ ส่งผลให้เขากลายเป็นหนุ่มฮอตในชั่วข้ามคืน แต่แล้วชื่อเสียงของเขาก็ย่อยยับในเสี้ยวพริบตาเช่นกัน เมื่ออดีตแฟนเก่าออกมาแฉว่า ตัวจริงไม่เหมือนหัวหน้าฮงเลยสักนิดค่ะซิส! แถมยังเคยไล่เธอไปทำแท้งแล้วก็ทอดทิ้งเธออีกต่างหาก หลังจากนั้นมหกรรมคว่ำบาตรก็เริ่มต้นขึ้นทันที สินค้าและโปรเจ็คต์ต่างๆ ที่มีชื่อของคิมซอนโฮถูกยกเลิกและโดนฟ้องเรียกค่าเสียหาย

แต่แล้วแต้มบุญก็คุ้มครองซอนโฮ เมื่อเหล่านักสืบแห่งโลกโซเชียลฯ เริ่มเปิดโปงอีกด้านของแฟนสาวชนิดยิ่งขุดยิ่งมัน ก่อนที่ Dispatch สำนักข่าวบันเทิงเกาหลีสื่อจอมแฉออกมาล้วงลับตับแตกแหกอดีตแฟนเก่าด้วยข้อมูลจากอดีตสามี (17 วัน) ภาพหลุด แชทลับ ล้วนแล้วแต่ยืนยันว่า อดีตแฟนเล่ามามันเป็นเรื่องจกตาผู้ชม ทำเอาอดีตแฟนและต้นสังกัดเจอกระแสตีกลับจากผู้ชมทั่วโลก พร้อมการทวงคืนความยุติธรรมให้คิมซอนโฮ และล่าสุดเขาก็ได้กลับมารับบทนำในหนังเรื่อง ‘Sad Tropics’ และงานพรีเซ็นเตอร์ก็เริ่มกลับคืนมา

นี่กระมังที่เขาเรียกว่า “ทองแท้ไม่แพ้ไฟ”

2. ซอเยจี

อีกหนึ่งซูเปอร์สตาร์ที่โด่งดังในชั่วข้ามคืน ก่อนจะเจอข่าวฉาวตามหลอกหลอนในเวลาอันรวดเร็ว ‘ซอเยจี’ ประสบความสำเร็จจากบทบาทในซีรีย์ It’s Okay To Not Be Okay ทาง Netflix ประกบคู่กับ ‘คิมซูฮยอน’ ที่เหล่าแฟนคลับต่างปลื้มปริ่มในเคมีที่เข้ากั๊นเข้ากันของทั้งคู่ แล้วยังชื่นชมการแสดงของซอเยจีจนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ‘Baeksang Arts Award 2020’ ก่อนที่เสียงกอสซิปเกี่ยวกับตัวตนหลังกล้องของเธอจะเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะนิสัยของเธอมันไม่ค่อยโอ.เค. ตามชื่อซีรีส์น่ะสิ!

เพื่อนสมัยเรียนคนหนึ่งออกมาแฉว่า เธอเคยเป็น bad girl ตัวแม่ที่รังแกเพื่อนร่วมชั้น โตขึ้นเธอก็ทำร้ายคนในกองถ่าย เธอพูดจากลับกลอกเรื่องการศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในสเปน และร้ายแรงสุดคือข้อกล่าวหาเกี่ยวกับอดีตแฟนเก่า ‘คิมจงฮยอน’ (จากซีรีส์ Crash Landing On You) กับข่าววงในกระซิบว่า ซอเยจีอยู่เบื้องหลังพฤติกรรมสุดแย่ของแฟนเก่าอย่างการเปลี่ยนบท ห้ามจับมือถือแขนกับนักแสดงนำในเรื่อง Time (2018) จนในที่สุดเขาก็ถอนตัวจากซีรีส์เพื่อรักษาภาวะซึมเศร้า เธอจึงได้รับผลกระทบจากวัฒนธรรมคว่ำบาตรไปอีกหนึ่งราย

3. ลีอา มิเชลล์ (Lea Michelle)

ข้ามมาฝั่งฮอลลีวู้ดบ้าง ซึ่งร้อนแรงไม่แพ้กัน อย่าง ลีอา มิเชลล์ นักแสดงสาวชื่อดังจากบท ‘เรเชล เบอร์รี่’ ในซีรีส์สุดฮอตอย่าง ‘Glee’ ดูเผิน ๆ ในซีรีส์เราอาจจะคิดว่า บรรยากาศเบื้องหลังกองถ่ายคงเป็นอะไรที่อบอุ่นและสนุกสนานเป็นแน่

แต่คุณขา! อยู่ดีๆ ความพังก็บังเกิดเมื่อวันหนึ่งลีอาเกิดเกาะกระแส ‘จอร์จ ฟลอยด์’ ด้วยการสนับสนุนแคมเปญ Black Lives Matter เช่นเดียวกับคนดังอื่นๆ ในโลกหล้า แต่ชั่วพริบตา Samantha Ware เพื่อนนักแสดงในซีรีส์ก็ออกมาแหกกลับว่า “ตลกจัง! นี่คุณจำได้มั้ยว่าคุณทำให้การเล่นซีรีส์เรื่องแรกในชีวิตของฉัน มันเหมือนกับอยู่ในนรกเลย”

ไม่นานนักแสดงหนุ่มอีกคนชื่อ Dabier Snell ก็ออกมาแฉพฤติกรรมเหยียดสีผิวและเชื้อชาติของลีอาเช่นกัน แล้วซาแมนธาก็ขยี้ต่อด้วยการทวีตว่า พฤติกรรมของลีอาก็ไม่ต่างอะไรกับ ‘microaggressions’ หรือการทำร้ายจิตใจคนอื่นด้วยคำพูด การแสดงออก และตัดสินคนจากภายนอก แถมยังมีเสียงเล็ดลอดจากกองถ่ายอีกว่า ลีอาเรียกเอ็กซ์ตร้าว่า ‘แมลงสาป’ ทำให้เธอได้รับผลกระทบจากวัฒนธรรมคว่ำบาตร ด้วยการถูกยกเลิกสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับ HelloFresh พร้อมกับเสียงสนับสนุนของชาวเน็ตที่ว่า หากแบรนด์ยังคงใช้เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็เตรียมปิดกิจการได้เลย!

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “อย่าเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก” บอกเลยมันปิดกันยาก

4. เอเลน ดีเจนเนอเรส (Ellen DeGeneres)

ในเมืองไทย เอเลน ดีเจนเนอเรส อาจไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมานัก แต่ในวงการฮอลลีวู้ด เธอเป็นนักแสดงตลกและพิธีกรรายการโทรทัศน์ที่โด่งดังที่มีผู้ชมทั่วโลก จากรายการทอล์คโชว์ ‘The Ellen DeGeneres Show’

แต่แล้วชื่อเสียงในทางลบของเธอกลับกระพรือเร็วยิ่งกว่าพายุ เมื่อปัญหาต่างๆ ที่ซุกไว้ใต้พรม เริ่มแดงขึ้นมาเรื่อยๆ แม้ฉากหน้าที่ดูอารมณ์ดี ขี้เล่น และเฟรนด์ลี่จะทำให้เธอเป็นที่รักของใครต่อใคร แต่ไม่ใช่กับบอดี้การ์ดประจำตัวที่ออกมาแฉว่า “เธอเป็นคนเย็นชามาก และมีพฤติกรรมยอดแย่กับคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่คนใกล้ตัว” เช่นเดียวกับช่างแต่งหน้าชื่อดังเจ้าของช่อง ‘Nikkie Tutorials’ ใน YouTube ที่ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อบ้านเกิดในเนเธอร์แลนด์

“ตอนที่ฉันไปเป็นแขกรับเชิญในรายการของเอเลน เพื่อพูดคุยถึงประเด็นการเป็นสตรีข้ามเพศ ซึ่งฉันคิดว่าเอเลนก็น่าจะเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะเป็นคนข้ามเพศแบบเดียวกัน”

แต่เปล่าเลย!

นิกกี้ (Nikkie) ไม่ได้รับการเทคแคร์อย่างดีเท่าที่ควร หนำซ้ำเธอยังเป็นแขกรับเชิญเพียงคนเดียวที่ไม่มีห้องน้ำส่วนตัว หลังจากนั้นมหกรรมแฉแหลกยังออกมาแหกเอเลนเกี่ยวกับคดี Ed Glavin โปรดิวเซอร์ของรายการที่พูดจาเหยียดสีผิวและเชื้อชาติ โทษฐานที่เอเลนปล่อยปละละเลยให้สภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นพิษ

เอเลนจึงออกมาประกาศเตรียมปิดฉากรายการในปี 2022 ด้วยเหตุผลว่า รายการที่ทำมา 19 ซีซั่นมันไม่เหลือความท้าทายใหม่ๆ อีกต่อไป แต่กลับมีเสียงร่ำลือกันหนาหูว่าเรตติ้งของรายการลดลงฮวบฮาบอย่างน่าใจหายจากข่าวฉาวต่างๆ และเธอก็โดนวัฒนธรรมคว่ำบาตรไปอีกราย

5. เจ.เค. โรว์ลิ่ง (J.K. Rowling)

ชื่อเสียงของ ‘เจ.เค. โรว์ลิ่ง’ นักเขียนทรงอิทธิพลแห่งยุคกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในชั่วข้ามคืน เมื่อคุณแม่แสดงความคิดเห็นในหัวข้อ “Creating a more Equal Post-Covid 19 World of People who Menstruate” หรือ “การสร้างความเท่าเทียมที่มากขึ้นหลังวิกฤตโควิด 19 ในกลุ่มคนที่มีประจำเดือน” ทำให้กลุ่ม LGBT+ และคนส่วนใหญ่ถึงกับลุกขึ้นมาโต้กลับ และรีทวีตข้อความของคุณแม่อย่างดุเดือดเลือดพล่าน จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ที่ทำให้โลกโซเชียลฯ ลุกเป็นไฟ ซึ่งประโยคที่ว่า “กลุ่มคนที่มีประจำเดือน” นี่แหละที่ทำให้คุณแม่โดนกระแสโจมตีหนักมากว่า

เธอสนับสนุนกลุ่ม TERFism ที่เชื่อว่า ผู้หญิงข้ามเพศไม่ใช่ผู้หญิง และเพศตามหลักชีววิทยาเป็นปัจจัยเดียวที่กำหนดเพศสภาพของคน พร้อมกับคำสร้อยที่ยกให้เธอเป็น ‘TERF’ (Trans-exclusionary Radical Feminist) หรือพวกเฟมินิสต์สุดโต่ง

ไม่พอคุณแม่ยังขยี้ต่อด้วยการยืนยันความคิดเห็นนั้น ด้วยการล้อเลียนพาดหัวข่าวเกี่ยวกับคนข้ามเพศบน Twitter ซึ่งก็เดาไม่ยากเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น คุณแม่ก็โดนแบนไปตามระเบียบสิคะ

นอกจากนี้เจ.เค. โรว์ลิ่งยังโดนเพื่อนนักเขียนร่วมสังกัดประกาศลาออกพร้อมกันถึง 4 คน เหตุเพราะทนหายใจอยู่ในชายคาเดียวกับคนเหยียดเพศไม่ได้ วัฒนธรรมคว่ำบาตรยังรุนแรงถึงขั้นที่เธอไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมเทศกาลวรรณกรรม ‘Wirarapa Book Festival’ ในนิวซีแลนด์ช่วงกลางปี 2021 แถมยังยกเลิกธีมแฮร์รี่ พอตเตอร์ไปเลย

จากนี้คงต้องรอดูต่อไปว่า คุณแม่จะรับมือกับวัฒนธรรมคว่ำบาตรอย่างไร? แล้วเธอจะเป็นนกฟินิกซ์ที่ฟื้นร่างจากกองเพลิงได้หรือไม่?

นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งยังมีคนดังอีกมากที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมคว่ำบาตรหรือ ‘Cancel Culture’ มองในแง่ดีมันก็เป็นสิ่งย้ำเตือนให้คนที่มีชื่อเสียง ดารา นักแสดง หรือคนที่ (คิด) อยากจะดังต้องระมัดระวังคำพูด การกระทำ และการแสดงออกใด ในโลกโซเชียลฯ ให้มากขึ้น

ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะชีวิตพังในชั่วข้ามคืนหรือจะหงายการ์ด เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์บ่อยๆ ก็คงไม่ดีหรอกมั้ง

อ้างอิงเรื่องและภาพ :
fanart.tv
hancinema.net
mydramalist.com
20th Century Fox Television
www.nbcnews.com/feature/nbc-out/j-k-rowling-faces-backlash-after-tweeting-support-transphobic-researcher-n1104971
www.newbeauty.com/ellen-degeneres-skin-care-line/
www.self.com/story/lea-michele-scary-pregnancy
www.scmp.com/magazines/style/celebrity/article/3129818/seo-ye-jis-4-biggest-scandals-explained-accusations-its
www.allkpop.com/article/2021/11/kim-seon-ho-says-he-will-do-his-best-for-the-opportunity-as-he-gets-to-stay-on-the-cast-of-the-film-sad-tropics
variety.com/2021/tv/news/ellen-degeneres-ending-daytime-talk-show-1234971355/
www.usatoday.com/story/opinion/2021/05/26/ellen-degeneres-kindness-mental-health/5191381001/

คิมซอนโฮ

คิมซอนโฮ ในบบทบาท หัวหน้าฮง แสนดี ในซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha

็ซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha

ซอเยจี จากซีรีส์ It’s Okay To Not Be Okay

ซอเยจี จากซีรีส์ It’s Okay To Not Be Okay

ภาพ ซอเยจี จากซีรีส์ It’s Okay To Not Be Okay

ซอเยจี กับ คิมซูฮยอน จากซีรีส์ It’s Okay To Not Be Okay

คิมจงฮยอน อดีตแฟนเก่าของซอเยจี

คิมจงฮยอน ใน ซีรีส์สุดปัง Mr. Queen

ลีอา มิเชลล์

ซีรีส์ Glee

ซีรีส์ Glee

ลีอา มิเชลล์

เอเลน ดีเจนเนอเรส พิธีกรที่แสนตลกและมีชั้นเชิง

เจ.เค. โรว์ลิ่ง

ผลงานเขียน แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ส่งให้ เจ.เค. โรว์ลิ่ง กลายเป็นนักเขียนผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุค




กำลังโหลดความคิดเห็น