โดย Glinda
ถือเป็นซีรีส์ ‘พลังหญิง’ แนวดราม่าผสมจิตวิทยาที่น่าจะถูกใจหลายคนไม่น้อย เมื่อฉากหน้าที่ดูหรูหราฟู่ฟ่าของตระกูลไฮโซเกาหลี แต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยการต่อสู้แย่งชิงอำนาจ ความทะเยอทะยาน รักต่างชนชั้น และการต่อสู้กับอคติที่มีต่อชาว LGBT ในสังคมเกาหลี ถ่ายทอดผ่านชีวิตของสะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองที่ต้องเก็บกระเป๋าเข้าไปอยู่ในตระกูลอภิมหาเศรษฐีที่มีเพียง 1% ในเกาหลีเท่านั้น
และเพราะทุกอย่างมันต้องเป็น ‘ของฉัน’ จึงทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายจนถึงขั้นฆ่ากันตายในคฤหาสน์เลือด
‘Mine’ (2021) มีชื่อเล่นเป็นภาษาไทยว่า ‘ธาตุแท้’ แน่ล่ะ! มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับธาตุแท้ที่อยู่ในจิตใจของมนุษย์ ส่วนชื่อเกาหลีที่แปลว่า ‘ของฉัน’ เราว่ามันก็ตรงตัวสุดๆ เลยล่ะ เพราะเป็นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจและสิ่งที่สมควรต้องเป็นของฉัน! แต่ใช่ว่าจะเป็นการแย่งชิงแบบด่าทอ ตบตี และใส่ร้ายป้ายสีรายวัน แต่ซีรีส์เรียลกว่าตรงที่เป็นการต่อสู้กันด้วยสมองและประลองไหวพริบ ซึ่งในทุกคฤหาสน์ต้องมีคุณแม่บ้านและคนขับรถเป็นผู้เก็บงำความลับที่พร้อมจะเปิดโปงทุกสิ่งเมื่อถึงคราวจำเป็น (คุ้นๆ เหมือนละครบ้านเราเน้อ)
ซีรีส์เรื่องนี้จึงเหมือนเป็นการเปิดโปงฉากชีวิตแสนหรูเริดอลังการดาวล้านดวงและอำนาจล้นฟ้าของตระกูลมหาเศรษฐี ที่แท้จริงแล้วสมาชิกภายในตระกูลต่างก็เก็บซ่อนความลับดำมืดไว้ภายใต้รอยยิ้ม สายตาเย็นชา และคำพูดเชือดเฉือนปานใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง จนหลายคนอดเปรียบเทียบกับ ‘The Penthouse’ ไม่ได้
แต่หลายเสียงก็บอกว่า Mine ดูง่ายกว่าและปวดหัวน้อยกว่า ทั้งยังถูกเปรียบเทียบความแพงของฉากกับ ‘Sky Castle’ อีกด้วย เรียกว่าใครชอบดูความแพง ความปังของเสื้อผ้า-หน้าผม และไลฟ์สไตล์ขั้นสุดของชั้นชั้นอีลิท Mine ถือว่าทำได้ดีจนได้รับเสียงชื่นชมจากคอซีรีส์ทั่วโลก
ปริศนาฆาตกรรมในตระกูลฮโยวอน
แค่เริ่มต้นก็ทำเอาผู้ชมถึงกับ ‘ตั้งคำถาม’ และ ‘จับพิรุธ’ คนในคฤหาสน์แทบจะตลอดเรื่อง เมื่อแม่ชีเอ็มม่าวิ่งฝ่าสายฝนเพื่อไปแจ้งความที่สถานีตำรวจว่า เธอเป็นพยานในคดีฆาตกรรมปริศนาภายในคฤหาสน์ ก่อนที่ซีรีส์จะตัดกลับมาสู่เรื่องราว 60 วันก่อนเกิดเหตุคดีฆาตกรรมปริศนาในคฤหาสน์หรูของตระกูลฮโยวอน อาณาจักรที่สร้างขึ้นโดยท่านประธานฮัน ชายผู้หลงใหลในศิลปะและธรรมชาติที่ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกระดับโลก
ภายในเขตรั้วไพศาลอลังการยิ่งกว่าบ้านทรายทองยังมี 2 คฤหาสน์หรูที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันโดยบ้านใหญ่ได้รับฉายาว่า ‘คาเดนซ่า’ ส่วนบ้านเล็กที่อยู่ห่างกันด้วยระยะเดินเท้าราว 10 นาทีชื่อว่า ‘โรแบร์โต้’ เป็นคฤหาสน์ของผู้หญิง 2 คนเข้ามาอยู่ในฐานะสะใภ้ใหญ่ ‘จองซอฮยอน’ (รับบทโดย คิมซอฮยอง) สาวเท่ผู้รักงานศิลปะเป็นชีวิตจิตใจและเป็นเจ้าของแกลเลอรี่ กว้านซื้องานศิลปะเจ๋งๆ ไว้เพียบ เธอเก่งรอบด้าน ฉลาด มาดผู้ดี และมีความเป็น LGBT ส่วนสะใภ้รอง ‘ซอฮีซู’ (รับบทโดย อีโบยอง) เป็นอดีตนักแสดงสาวสวย ยอมทิ้งวงการบันเทิงมาแต่งงานกับลูกชายคนสุดท้องของตระกูล และดูแลลูกติดของสามีราวกับลูกแท้ๆ ของเธอ
เมื่อประธานฮันล้มป่วยลง ตำแหน่งประธานอันสั่นคลอนจึงเป็นที่หมายปองของลูกชายคนโตอย่าง ‘ฮันจีโฮ’ (รับบทโดย พัคฮยอกวอน) หนุ่มขี้แพ้ ติดเหล้า ขาดความมั่นใจ และหลงใหลการขูดล็อตเตอรี่เสี่ยงดวง ที่ต้องแย่งชิงบัลลังก์กับลูกชายคนเล็กซึ่งเป็นลูกนอกสมรสอย่าง ‘ฮันจียง’ (รับบทโดย อีฮยอนอุค) สุภาพบุรุษที่ดูสุขุมลุ่มลึกและมีภาวะผู้นำสูงกว่าพี่ชายหลายขุมมาก
เรื่องราวเข้มข้นขึ้นเมื่อมีตัวละครลับอย่างติวเตอร์ของลูกชายฮันจียงเข้ามาในบ้าน ที่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้เป็นแค่คนแปลกหน้าสำหรับฮันจียงสักเท่าไหร่ พร้อมแม่บ้านสาวสวยคนใหม่กร้าวใจ ‘ฮันซูฮยอก’ (ลูกชายของฮันจีโฮและจองซอฮยอก) เสียเหลือเกิน ส่วนจะมีปมปริศนาอะไรอยู่เบื้องหลังตัวละครลับต้องตามไปสืบความลับกันในซีรีส์แล้วล่ะ
ซีรีส์ ‘พลังหญิง’ แห่งปี เชิดชูทั้งผู้หญิงเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
อย่าคิดว่า 2 สะใภ้จะสาดสีตีไข่ใส่ผักชีโรยหน้ากันให้วุ่นวาย จริงๆ แล้วทั้งสองออกจะเข้าใจกันดีและดูจะมีปมชีวิตใกล้เคียงกัน เมื่อต้องแต่งงานโดยปราศจากความรัก และการรักตัวเองอาจต้องยอมเสียสละสิ่งสำคัญในชีวิต ไหนจะต้องดูแลลูกเลี้ยงให้ดีเหมือนลูกในไส้ของตัวเองอีกต่างหาก
ส่วนคุณแม่สามีก็ดูไม่ใช่คน (จิต) ปกติสักเท่าไหร่ คนรับใช้และคนขับรถก็ดูมีพฤติกรรมน่าสงสัยตลอดเวลา ทำให้เรื่องราวในตระกูลฮโยวอนเป็นการตีแผ่ด้านมืดของจิตใจ จนผู้ชมคงต้องใช้ความคิด วิเคราะห์ พร้อมทำตัวเป็นโคนันคอยจับตาดูว่าใครกันหนอที่เป็นศพปริศนาตอนต้นเรื่อง แม้จะไม่ได้ดำเนินเรื่องหวือหวาแต่ขอบอกว่า หลายๆ ฉากทำได้ดีไม่ดูโอเวอร์เกินจริง
นอกจากจะได้รับเสียงชื่นชมถึงความเป็น ‘ตัวแม่’ ของสะใภ้ใหญ่และสะใภ้รอง ที่ถ่ายทอดออกมาได้สมจริงไม่ได้ผิดแผกจากความเป็นมนุษย์ที่มีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง หลายคนยังยกความดีให้กับ 2 เบื้องหลังพลังหญิงอย่าง ผู้กำกับฯ ‘อีนาจอง’ (เจ้าของผลงาน Love Alarm) และ ‘แบคมีคยอง’ (เจ้าของผลงาน Melting me Softly) ที่ทำซีรีส์ออกมาได้ดีและชวนติดตามเรื่องหนึ่ง
Mine ออนแอร์แล้วทางช่อง TVN ส่วนในเมืองไทยรับชมได้ทาง Netflix จำนวน 16 ตอน หรือจะชิมลางผ่าน Trailer ก่อนก็ได้นะ
อ้างอิงภาพประกอบ :
https://mydramalist.com
ติดตามทุกข่าวสารเกี่ยวกับละครและวงการบันเทิง ได้ที่
FB : https://www.facebook.com/lakornonlinefan/
ยูทูป : https://www.youtube.com/channel/UCQAR4HLhUFJhx_-rRbaZXGA
IG : https://www.instagram.com/lakorn_online/
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJCY5xQa/
#ยืนหนึ่งข่าวละคร #ละครออนไลน์
