สกู๊ปพิเศษ - ตำนานรัก "รอง-ปทุมวดี" !
#เปิดกรุส่องดารา #ละครออนไลน์ #ยืนหนึ่งข่าวละคร
“ผมจะไม่ทิ้งทุมเด็ดขาด ผมกับทุมจะแยกจากกัน เมื่อคนใดคนหนึ่งขึ้นไปอยู่บนเมรุแหละครับ”! นี่คือ คำพูดของรอง เค้ามูลคดี นักพากย์จอมกะล่อน เมื่อไปขอปทุมวดี โสภาพรรณกับพ่อตา !
นักร้องชื่อ "ปทุมวดี โสภาพรรณ"
รอง เค้ามูลคดี และปทุมวดี โสภาพรรณ - "รักกันจนวันสุดท้าย"
ข้อความในนิตยสารดาราเล่มหนึ่งในอดีต กล่าวถึง “ปทุมวดี โสภาพรรณ” ว่า
"เพราะทรวดทรงของเธอเป็นที่ติดอกติดใจของใครๆ ที่ได้ยลโฉม เพราะใบหน้าอันผุดผ่องละมุนละไม เพราะน้ำเสียงที่แปลกแหวกแนว หล่อนจึงได้ชื่อสมตัว "ปทุมวดี โสภาพรรณ"
"ปทุมวดี" ถือกำเนิดที่หนองจอก มีนบุรี เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 เรียนหนังสือได้ตามข้อบังคับของกระทรวงศึกษาธิการ ป.4 ด้วยความรักทางดนตรี-ขับร้อง ก็โยนหนังสือทิ้ง กระเสือกกระสนเข้าสู่วงการ จนเธอกลายเป็นนักร้องอันดับชั้นนำคนหนึ่ง ปัจจุบันติดต่อเธอได้ที่ โด-เร-มี ไนท์คลับ พระนคร"
ปทุมวดี สกุลเดิมคือ “พุ่มสว่าง” มีโอกาสร่วมอัดแผ่นเสียงกับคณะวงดนตรีของพร ภิรมย์ เจ้าของเพลง "บัวตูมบัวบาน และ ดาวลูกไก่" ที่รู้จักกันดี ภายหลัง อดีตนักร้อง พรภิรมย์ได้บวชเป็นพระและมรณภาพแล้ว ดารารัตน์ เกียรติเกิดสุข นักร้องเจ้าของเพลง จับปู, ผู้ชายรักไม่จริง ฯลฯ เป็นคนตั้งนามสกุลใหม่ในวงการให้เธอว่า "โสภาพรรณ" เธอร้องเพลงตามไนท์คลับและรายการโทรทัศน์
เธอเป็นนักร้องชื่อดังในสมัยนั้น จะมาร้องเพลงให้กับรายการ "เพลงยามเย็น" ของนริศ อารีย์ นักร้องชื่อดัง ทางช่อง 4 บางขุนพรหม นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับ รอง เค้ามูลคดี ! และเหล่าพนักงานทั้งหลายของช่อง ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เห็นตัวเป็นๆของนักร้องสาวเลื่องชื่อในสมัยนั้น ... ปทุมวดี โสภาพรรณ มักจะได้ขึ้นปกหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นไทยรัฐ – เดลินิวส์ หรือ นิตยสารอื่นๆ
นักพากย์ช่อง 4 บางขุนพรหม
รอง เค้ามูลคดี ทำงานที่ช่อง 4 บางขุนพรหม ตั้งแต่อายุ 18 ปี เมื่อราวปี พ.ศ. 2507หรือ 2508 และถ้าจะนับย้อนกลับไป ในปี 2499 ขณะที่อายุเพียง 9 ขวบ เพื่อนของพ่อ ได้มาขอให้ตัวไปเล่นละครสด ทางช่อง 4 เรื่อง "รอยร้าวในดวงใจ" ฉลาด เค้ามูลคดี ผู้เป็นพ่อ หัวหน้าคณะลิเก และละครวิทยุสมัยนั้นอนุญาต ซึ่งพ่อเคยเขียนบทและฝึกให้เขาเล่นละครวิทยุเล็กๆน้อยๆ ตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบมาแล้ว การเล่นละครที่ช่อง 4 ได้รับการสนับสนุนจากครูสัมพันธ์ พันธุ์มณี
วันหนึ่ง นฤพนธ์ ดุริยพันธ์ ถามเขาว่า "อยากทำงานที่ช่อง 4 มั้ย? หัวหน้า จำนง รับสมัครอยู่" เขาตัดสินใจเซ็นชื่อสมัคร โดยไม่ได้ปรึกษาทางบ้าน ความจริงแล้ว พ่อฉลาดวางโครงการว่า หลังจบ ม.6 จาก รร. วัดบวรนิเวศ จะให้ไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร เพราะพ่อเชื่อว่า อาชีพนักแสดงเต้นกินรำกินไม่ยั่งยืน ! เมื่อช่อง 4 โทร.ไปแจ้งนัดหมายวันเริ่มงาน เขากะล่อนเอาตัวรอด จึงบอกพ่อว่า จะทำให้นามสกุล“เค้ามูลคดี” มีชื่อเสียงในด้านคุณความดี รู้จักกันโดยทั่วไป ! เขาจึงเริ่มงานนับแต่นั้น ด้วยอัตราเงินเดือน 650 บาท บวก เบี้ยเลี้ยงอีก 250 บาท เป็นเงิน 900 บาท / เดือน ในปี 2507
หลังเป็นพนักงานทั่วไป ! ก็มาฝึกอ่านสปอตโฆษณาแบบสดๆ หลังอ่านจบ มีเวลาพักราว 1 ชั่วโมง บรรดานักพากย์เข้าห้องให้เสียงภาพยนตร์ที่ฉายออกอากาศ แต่แทนที่เขาจะพัก กลับชะเง้อดูบรรดาคนให้เสียงเหล่านั้น กำธร สุวรรณปิยะศิริ รุ่นพี่ เป็นคนเกิร่นกับหัวหน้า จำนงว่า
"รอง คงอยากพากย์หนัง !"
จำนง รังสิกุล ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียง ททท. และสถานีไทยโทรทัศน์ ช่อง 4 บางขุนพรหมว่า "ก็ลองดูซิ มันกะล่อน อาจจะพากย์ได้"
นักพากย์ทดลอง วันแรกๆ เพียง 2 ประโยค ต่อจากนั้น... ก็พากย์เรื่อยมา จนวันหนึ่ง... วันนั้น ต้องพากย์หนังเรื่อง "ยอดทนายนักสืบ" สมจินต์ ธรรมทัต ให้เสียง "พระเอก" ! บทพูดเร็วและยาว ... และบังเอิญวันนั้น สมจินต์ เกิดปวดท้องหนักขณะพากย์หนัง ไม่ไหวแล้ว ... มือสะกิด จิ้มนิ้วบอก รอง เค้ามูลคดีที่พากย์ในบทตัวประกอบ ว่า บทพระเอกถึงตรงนี้นะ ! แล้วก็เผ่นเข้าห้องน้ำในบัดดล เอาล่ะซิ ! รอง ก็เลยต้องให้เสียงพระเอกแทน และบังเอิญว่า จำนง รังสิกุลเห็นเหตุการณ์นี้พอดี จึงเริ่มเกิดความมั่นใจตัวเขา ให้พากย์เสียงพระเอกในแอนิเมชั่นญี่ปุ่นเรื่อง “สติงเรย์” ในเวลาต่อมา
ส. อาสนาจินดา ชอบหนังเรื่องนี้มากถึงขนาดนำมาดัดแปลงเป็นหนังไทยชื่อ “กระเบนธง” ในปี 2509
"ความเจ้าชู้ กระล่อน คึกคะนอง" ของ รอง เค้ามูลคดี เป็นที่รับรู้กันโดยทั่ว ออกลวดลายตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม มีรักแรกกับสาวนาฏศิลป์สัมพันธ์คนหนึ่ง พ่อเธอมาถึงช่อง 4 บอกขอให้เลิกกับ “ลูกสาวผม”!
เริ่มชอบเพื่อนปทุมวดี
เมื่อปทุมวดี โสภาพรรณ มาช่อง 4 ออกรายการ “เพลงยามเย็น” วันพฤหัสบดี ตอน 5 โมงเย็นก็สนิทสนิมกับพี่ๆ เพื่อนๆ ของช่อง 4 เธอชักชวนให้ไปเที่ยวที่ “มูแลงรูจ ไนท์คลับ” เพราะเธอร้องเพลงอยู่ที่นั่น บรรดาเพื่อนและพี่บอกว่า เงินเดือนน้อย "จะไปเที่ยวที่อย่างนั้นได้ยังไง ?" เพราะที่นั่น ใครๆก็รู้ว่า กลางวัน บรรดานายทหารชั้นผู้ใหญ่นิยมไปทานอาหารและดื่มที่นั่น ตกกลางคืน ก็เป็นแหล่งพบปะของบรรดาไฮโซกรุงเทพฯ และคนมีเงิน
“ทุมเลี้ยงเอง” ! เธอว่า
นี่เอง เป็นเหตุให้ก๊วนกลุ่มที่สนิทกับเธอมีโอกาสไปสัมผัสบรรยากาศ และชมเธอร้องเพลงที่นั่น !
มาช่อง 4 ครั้งแรก รอง เค้ามูลคดี ไม่ได้สนใจปทุมวดีเลย แต่กลับชอบเพื่อนที่ปทุมวดีพามาด้วยจนคบหากันนานถึง 7 เดือน ตลอด 7 เดือน ยิ่งกว่าซีรีส์ “It’s Okay not be Okay เรื่องหัวใจไม่ไหว อย่าฝืน” เมื่อรองปรึกษา ปทุมวดีก็ให้คำแนะนำ ทุกอย่างทำท่าจะดีขึ้นบ้าง จาก ทะเลาะกันทุกวัน เปลี่ยนเป็น 2-3 วันทะเลาะกันที แต่ที่สุดก็ต้องเลิก !
กลุ่มก๊วนเพื่อนๆ มักมีนัดกินข้าวกัน ทั้งรองและปทุมวดี ไม่เคยมีโอกาสนั่งใกล้กันสักครั้ง มักมีคนนั้น คนนี้ คั่นอยู่ตลอด จนวันหนึ่ง บนโต๊ะอาหาร ตำแหน่งแห่งที่ ระหว่างรอง เค้ามูลคดี และ ปทุมวดี โสภาพรรณ ดันมานั่งชิดติดกัน แตกต่างจากวันอื่นๆ !
เมื่อรอง เค้ามูลคดี หันหน้าไปทางปทุมวดี ถ้าเป็นละครก็คงจะเป็นฉาก Flashback เล่าเรื่องย้อนอดีต เห็นปทุมวดีแนะนำการแก้ปัญหาสารพัดเรื่องราวเป็นฉากๆ .... รอง เค้ามูลคดี ระบายยิ้มบางบนใบหน้า พลางคิด “ได้ผู้หญิงคนนี้น่าจะดี แก้ปัญหาเก่ง” ประสาคนเจ้าชู้ มือไวเท่าความคิด คว้าหมับจับมือ บอก “ทุม เรามาแต่งงานกันเถอะ” เพื่อนทั้งโต๊ะได้ยิน อ้าปากค้างเป็นแถว!
ปทุมวดี โสภาพรรณ พูดประชดว่า “แน่จริง ไปขอพ่อซิ”!
มีสินสอดให้ลูกผมเท่าไหร่ ?
ลูกชายจอมกระล่อนจึงไปปรึกษาพ่อฉลาด แต่พ่อไม่กล้าเล่นด้วย !
รอง เค้ามูลคดี จึงรวมเพื่อน เช่น "ตี๋" จิรศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ, "เล็ก" ธานินทร์ อินทรเทพ และไพโรจน์ ใจสิงห์ แต่ทุกคนปฏิเสธหมด สุดท้ายต้องไปคนเดียว !
บ้านพ่อ-แม่ปทุมวดี เป็นค่ายมวย ตั้งอยู่หลังสถานีตำรวจบางซื่อ ต้องเข้าไปตีสนิทกับครอบครัวในฐานะ "เพื่อน" ของปทุมวดี พ่อแม่ถูกอกถูกใจ พูดจากันถูกคอ พอหายหน้าไปก็ไถ่ถาม ให้ลูกสาวโทร. ถามว่า เป็นอะไรหรือเปล่า หายหน้าไปเลย ! รอง เค้ามูลคดี ได้ยินดังนั้นก็ตัวพองคิดว่า ฟ้าเปิดเบิกดิถี ให้กับความรักแล้วโว้ย ! จึงมุ่งหน้าไปขอปทุมวดี ปรากฏว่า คำพูดคำจาที่เคยเรียกอย่างสนิทสนม “เฮ้ย... รอง ! โน่น นี่ นั่น”
ผู้ใหญ่ชักสีหน้านิ่ง เคร่งขรึม เปลียนสรรพนามใช้ “คุณกับผม” แทนทันทีซะงั้น!
“คุณมีสินสอดให้ลูกผมเท่าไหร่ – ไม่มีครับ / เวลานี้ ผมยังเป็นหนี้สโมสรอยู่เลย / ลูกผมจะอยู่อย่างไรในเมื่อคุณยังเป็นหนี้อยู่”
รอง เค้ามูลคดี นักพากย์จอมกะล่อนทรุดลงกับพื้น กราบแทบตักว่าที่พ่อตา พลางทิ้งคารมอันคมคายว่า
“ผมจะไม่ทิ้งทุมเด็ดขาด ผมกับทุมจะแยกจากกัน เมื่อคนใดคนหนึ่งขึ้นไปอยู่บนเมรุแหละครับ”!
โบราณว่าไว้ไม่ผิด “ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี” นั่นคือ วิถี “ปาก” ของนักพากย์จอมกระล่อนตัวพ่ออย่าง "รอง เค้ามูลคดี" จริงๆ !
ปี 2509 ทั้งคู่แต่งงานกัน ในงานแต่ง เพื่อไม่ให้ลูกสาวและลูกเขยเสียหน้า พ่อตากับแม่ยายต้องควักเงิน พร้อมเครื่องทอง เครื่องเพชร ใส่พาน เพื่อประกาศให้ชาวบ้านรับรู้ว่า เจ้าบ่าวมาสู่ขอเจ้าสาว อย่างถูกต้องตามประเพณี !
..........
เบนเส้นชีวิตเล่นละคร
ต่อมา เพื่อนๆ บอกให้ ปทุมวดี โสภาพรรณ เลิกร้องเพลงตามไนท์คลับ หันมาเล่นละครโทรทัศน์ดีกว่า เส้นทางชีวิตของปทุมวดี โสภาพรรณจึงเปลี่ยนไป
บรรยงค์ เสนาลักษณ์ (เทิ่ง สติเฟื่อง) ผู้ช่วยพิธีกร และจัดหาโฆษณาที่ช่อง 4 บางขุนพรหม ได้ก่อตั้ง "ศรีไทยการละคร" เมื่อปี 2511 และได้ชักชวนปทุมวดี มาเล่นละครเรื่อง "รอยมลทิน" ที่สร้างจากบทประพันธ์ของ "ทมยันตี" พร พิรุณ ครูเพลงท่านหนึ่งของวงสุนทราภรณ์เขียนเพลงประกอบ "รอยมลทิน" ให้ รวงทอง ทองลั่นทมขับร้องเป็นคนแรก "รอยมลทิน" เป็นเรื่องราวของโสเภณีที่ถูกหลอก เป็นละครความยาว 2 ชม. / ตอน ออกอากาศ เวลา 22.00-24.00น. เล่นเดือนละครั้ง (ราว 2 -4 ตอนจบ) ทางช่อง 7 (ขาว-ดำ) ซึ่งต่อมา ได้เปลี่ยนการเรียกเป็น "ช่อง5" นางเอกเรื่องนี้คือ วิยะดา อุมารินทร์ ร่วมด้วย ปทุมวดี โสภาพรรณ และ รัชนี จันทรังษี
ชีวิตรักของปทุมวดี โสภาพรรณกับรอง เค้ามูลคดี อุปมาเหมือนนิยายรักหลายเล่มจบ ! เพราะชีวิตของทั้งคู่ไม่ได้หวานราบเรียบ เย็นเจี๊ยบหวานจ๋อย หากแต่เหมือนเส้นกราฟที่สวิงขึ้นลงไม่คงที่ ด้วยหลากหลายรสชาติ หวานชื่น, เผ็ดร้อน, ขมขื่น, โศกตรม , เริงร่า .... ใช่ ! มันคือ วิถีชีวิตคู่ที่แสนจะ "เรียลลิสติก" ขึ้นสุด-ลงสุด จริงๆ
ปี 2514 ส. อาสนจินดา ทำหนัง เพชรพระอุมา ! พูนสวัสดิ์ ธีมากร ถ่ายภาพ และกำชับให้คนมาตามผู้พากย์เสียงพระเอกสติงเรย์มาพบหน่อย ตอนนั้น เมืองไทยเริ่มเปลี่ยนจากพากย์สดเป็นเสียงในฟิล์ม และเนื่องจากเมืองไทยยังไม่มีห้องแลบ จึงต้องบินไปทำงานลงเสียงที่ญี่ปุ่น งานนี้ รอง เค้ามูลคดี ต้องเหงื่อตก เพราะเป็นครั้งแรกที่ต้องทำงานกับนักพากย์รุ่นใหญ่ที่มีชื่อเสียงในเวลานั้น เช่น สมพงษ์ วงศ์รักไทย, จุรี โอศิริ ทำงานให้เสียงที่ญี่ปุ่นร่วมเดือน จนจุรี โอศิริ ทึ่งในความสามารถ บอกเจอ “พระเอกของอาจุ๊” แล้ว !
ชีวิตนักพากย์ ของ รอง เค้ามูลคดี ประสบความสำเร็จมาก มีผลงานมากมาย เขาพากย์เสียงพระเอก "สมบัติ เมทะนี" มากถึง 300 กว่าเรื่อง ในจำนวนหนังกว่า 500 เรื่อง!
ร้อยชู้หรือจะสู่เมียตน !
ชีวิตอู้ฟู่ ค่าตัวทำงานขยับ “เงิน-ชื่อเสียง-หน้าตาดี-โวหารคมคาย” กลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดฝ่ายตรงข้าม พอเริ่มมีเงิน เริ่มมีสังคม ออกรอบตีกอล์ฟ ไปทำงานล่าช้า ปล่อยให้ทีมพากย์คอย จนวันหนึ่ง จุรี โอศิริ เหลือทน ถามตรงๆ บอกว่าต้องตอบเดี๋ยวนั้น ! “จะเอาดีทางนักพากย์หรือตีกอล์ฟ ?”
"นักพากย์ครับ" เขาจึงทิ้งการตีกอล์ฟตั้งแต่วินาทีนั้น ...
หลังแต่งงานแค่ 2 ปี "พ่อไก่แจ้" จอมกระล่อน ก็ออกวาดลวดลาย ผาดโผน ไปตีปีกกับผู้หญิงอื่น
ปทุมวดีถาม “เธอจะเอายังไงกับชั้น ถ้าจะอยู่กับชั้น ต้องเลิกกับผู้หญิงคนนี้”
"ได้" เลิกจริงแต่มีคนใหม่ เป็นอย่างนี้บ่อยครั้ง แต่ปทุมวดี เสียงดังเป็นปกติ แต่ไม่เคยเกรี้ยวกราด วี๊ดใส่
คราวหนึ่ง ต้องอยู่เวรอ่านสปอต แต่ให้นฤพนธ์ ดุริยพันธ์อยู่แทน ! กำชับว่า “อยู่เรือนแพ (เชิงสะพานซังฮี้) แต่ถ้าใครถาม ให้บอกว่า อยู่ศรแดง (ราชดำเนิน)” บังเอิญ ปทุมวดีมาสถานี ก็สงสัยว่า วันนี้เวรรอง เค้ามูลคดี ทำไมเป็นนฤพนธ์ไปได้ จึงถาม ... อีกฝ่ายบอก ทุกคำพูดของรอง เพราะไม่ได้คิดว่า รองจะไปกับผู้หญิง ! ปทุมวดีตามไปเรือนแพ อีกฝ่ายกำลังเข้าฉากโอบผู้หญิงอยู่ ! – ปทุมวดี บอกเสียงเรียบ น้ำเสียงปกติว่า "ไปคุยในรถ !"
รอง เค้ามูลคดี สั่งผู้หญิงนอกเส้นทางทุกคนที่ไปข้องแวะว่า “ห้ามแตะต้องลูกเมียผมเด็ดขาด”!
คราวหนึ่ง ติดผู้หญิงหนัก สาวกว่า สวยกว่า เด็กกว่า ปทุมวดี ! เมื่อเธอเห็นรอง เค้ามูลคดี ซื้อเครื่องสำอางจากเมืองนอกให้ปทุมวดี ก็เผลอแผดเสียงว่า “กลับไปยุ่งกับอีนั่นทำไม”? ต่อให้พริ้มเพรา เก๋ไก๋กว่าแค่ไหน รองก็เลิก เพราะเธอผิดคำสั่งที่เขาลั่นไว้ !
ปกติ อาการเจ้าชู้ก็แค่ "กลับดึกหรือสว่างก็กลับบ้าน" แต่ครั้งนี้ หายจากบ้านเป็นเดือน !
กลับบ้าน ขณะที่ปทุมวดียังไม่กลับจากทำงาน พอกลับมา ....
“อ้าว... เธอมาทำไม – เมา ขอนอนคืนนึง”
ตื่นเช้า... อาบน้ำ เอื้อมมือเปิดตู้จะหยิบเสื้อ เปลี่ยนชุดไปทำงาน เสียงปทุมวดี ดังถาม
“อ้าว !จะทำอะไร นั่นเสื้อผ้าผัวชั้นนะ อย่ามาแตะต้อง”!
วินาทีนั้น ... รอง เค้ามูลคดี รู้ว่า ปทุมวดี เริ่มส่งสัญญาณ และได้กลิ่น “เลิก”! โชยมาแล้ว จึงเริ่มปรับความเข้าใจกัน และอยู่ด้วยกันอีกครั้ง !
วิบากกรรม กราฟชีวิตยังไม่จบ ! เมื่อรอง เค้ามูลคดี ต้องไปเซ็นค้ำประกันให้เพื่อน จำนวนเงินมารู้ภายหลังว่า มากถึง 4 ล้านบาท เพื่อนคนนั้นหนีจากวงการไปอยู่เมืองนอกเสียแล้ว แต่เจ้าหนี้ตามมายึดทรัพย์ พ่อ แม่ ลูก กอดคอกันร้องไห้ ! กับชะตาชีวิต
รอวันผัวให้เกียรติ !
ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้ ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ !
บทเรียนครั้งสาหัสนี้ ทำให้ปทุมวดีต้องเข้ามาคุมการเงินของครอบครัว เงินที่รอง เค้ามูลคดีให้กับปทุมวดี เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านแต่ละเดือน เธอเจียดเก็บไว้ทุกเดือนจนได้เงินเก็บ 3 แสนบาท ซื้อที่ไว้ปลูกบ้าน ! ...
เมื่อปทุมวดี เปลี่ยนเส้นชีวิตมาเล่นละครโทรทัศน์ และภาพยนตร์จำนวนหนึ่ง ทั้งยังเคยเป็นผู้จัดละครโทรทัศน์ให้กับช่อง 3 และช่อง 5 อีกด้วย ผลงานในฐานะผู้จัด เช่น ยอดคุณลูก, คนอยู่วัด, สามมะรุมกับกลุ่มมะไฟ และ พ่อดอกประดู่ เป็นต้น
จนปทุมวดี อายุ 50 ปี รอง เค้ามูลคดีถามว่า ทำไมถึงไม่ทุบตี อาละวาดที่เหลวไหล เธอตอบว่า
“ฉันให้เกียรติผัว และจะอดทนจนผัวจะให้เกียรติฉันบ้าง” !
รอง สารภาพว่า “เราไม่เคยให้เกียรติเค้าเลย เค้าเป็นฝ่ายถูก เรากับหญิงอื่นเป็นฝ่ายผิด ทั้งที่สังคมต่างรับรู้ว่า เค้าคือเมียเรา เค้าเป็นคนที่ประคับประคองชีวิตครอบครัว”
ปี 2548 ขณะที่เธออายุ 59 ปี ได้ตัดสินใจกระชากวัย ทำสาวเพื่อความสวยที่โรงพยาบาลเวชธานี
ในปี 2555 ปทุมวดี เริ่มผ่ายผอมจากโรคไทรอยด์เป็นพิษอีกครั้ง น้ำหนักตัวจาก 60 กิโลกรัม
ลดเหลือ 36 กิโลกรัม และมีภาวะจำอะไรไม่ได้ และเป็นโรค ALS และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2563 หลังจากรักษาตัวมานานกว่า 8 ปี
"ละครออนไลน์" ขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสีย "ปทุมวดี โสภาพรรณ" ณ โอกาสนี้ !
หมายเหตุ เรียบเรียงบางส่วนจาก Club Friday SHOW รอง เค้ามูลคดี [EP.185] วันที่ 27 ตุลาคม 2561