xs
xsm
sm
md
lg

มานี มณีวรรณ จุดเทียน "จอมพล" เต้นจ้ำบ๊ะ ! (มีคลิป)

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ "เปิดกรุส่องดารา"

มานี มณีวรรณ จุดเทียน "จอมพล" เต้นจ้ำบ๊ะ !





มานี มณีวรรณ อดีตดาวโป๊หนังไทย เจ้าของบทเพลง 18+ จุดเทียนเวียนวน เพลงต้องห้ามในยุคหนึ่ง และเธอยังเป็น "อนุภรรยา" หนึ่งใน 81 คนของจอมพลผ้าขาวม้าแดง หรือจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เผด็จการผู้อื้อฉาว ! อีกด้วย เรื่องราวจะสนุกและแซ่บแค่ไหน ...

เพลงในจังหวะรำวง ชุด "จุดเทียน" จัดเป็นเพลงแนว 18+ และเป็น "เพลงต้องห้าม" ในยุคหนึ่ง ! ฝ่ายเคร่งศีลธรรมว่า เป็นเพลงสองแง่สามง่าม สัปดนเหลือเกิน บางคนถึงกับเปิดหูฟังข้างนึง เพราะอยากรู้ว่าเนื้อเพลงว่าอย่างไร ฟังแล้วหัวเราะคิก แต่บอกว่า “ฟังไม่ได้”! เพลงกลุ่มนี้ฟังสนุก ครูเพลงอย่าง “ครูพยงค์ มุกดา” เข้าถึงแก่นแห่งโลกีย์วิสัย ทั้งเป็นคนเขียนคำร้องด้วยชั้นเชิงทางวรรณศิลป์ในเชิงอุปมา อุปมัย คนร้องไม่ว่าจะเป็น “อดุลย์ กรีน” (ฝ่ายชาย) และ มานี มณีวรรณ (ฝ่ายหญิง) ล้วนล่วงลับไปแล้วทั้งสิ้น

มานี มณีวรรณ นอกจากมีชื่อเสียงกับเพลงแนว 18+ แล้วยังเป็นอดีตดารา นักแสดงหนังในแนว "เซ็กซี่" ! ที่เรียกกันในสมัยนั้นว่า “ดาวโป๊” อีกด้วย ในวัยแตกเนื้อสาว เธอยังเป็น "อนุภรรยา" หนึ่งในจำนวน 81 คนของ “จอมพลผ้าขาวม้า (ขะม้า) แดง”! หรือ “จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์” นายกรัฐมนตรี คนที่ 11 ของไทย เผด็จการจอมอื้อฉาว ! อีกด้วย

มานี มณีวรรณ สาวเชียงใหม่ จบชั้น ม.6 จากโรงเรียนการช่างสตรีเชียงใหม่ สมัยมัธยมมีโอกาสเดินทางมาร่วมงานฟ้อนเล็บที่งานวันรัฐธรรมนูญถึง 3 ปีซ้อน แต่นั่น ไม่ได้เป็นเหตุให้เธอเข้าสู่วงการบันเทิงแต่อย่างไร

ชีวิตที่ผกผันของเธอ เริ่มต้นเมื่อเธอมาช่วยพ่อกับแม่เปิดร้านกาแฟชื่อ "จิตรา" และเธอทำหน้าที่แคชเชียร์ของร้าน ความสวยของเธอเป็นที่โจษขานของบรรดานายทหารทั้งหลาย จนมีคนในเครื่องแบบมานั่งที่ร้านเป็นประจำ ด้วยความเกรงใจในเครื่องแบบ ตามประสาผู้น้อยจึงต้อนรับนายทหารทุกคนที่เป็นลูกค้าของร้านเป็นอย่างดี
คนหนึ่งในจำนวนนั้นคือ พันเอกวิกรม ประเสริฐเสนา แห่งค่ายกาวิละ
ต่อมา ... "จิตรา มณีวรรณ" เข้ารับราชการทหารในช่วงสั้นๆ ชื่อและยศในราชการทหารตอนนั้นคือ "สิบโทหญิง รัชจิตรา มณีวรรณ" เป็นทหารในสังกัด "กรมพลาธิการ" ค่ายกาวิละ จ. เชียงใหม่

ชั่วเวลาไม่นาน ก็ตัดสินใจจากเชียงใหม่มุ่งสู่กรุงเทพฯ เธอเข้ากรุงฯ มาตามคำชักชวนของ "พูลสุข ถวิลวิสาร" คนเชียงใหม่ ที่เป็นภรรยาของนายวงดนตรีที่ "อเล็กแซนดร้าไนท์คลับ" ถนนราชดำเนิน ยึดเอาการร้องเพลงของ "รวงทอง ทองลั่นทม" เป็นแม่แบบ นอกจากนี้ "เน่งน้อย" ซึ่งทำงานอยู่ที่ "นาทูริสท์ไนท์คลับ" มาติดต่อเธอให้กับท่านจอมพล !

นาทูริสไนท์คลับ เป็นของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งให้ "คนอื่น" ออกหน้า ! ดังนั้น เธอจึงเห็นช่องทาง "หนีผู้การ !" เพราะในตอนนั้น บารมีของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ใหญ่คับฟ้า ดังประโยคที่ว่า "ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว" และเมื่อเธอเป็น 1 ในผู้หญิงทั้ง 81 คนของท่านจอมพล เธอได้รายงานท่านในเรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ "ผู้การ" ไม่มาตอแยกับเธออีกเลย

เป็นธรรมดาของชีวิตคู่ รัก-เลิก-หย่าร้าง-มีครอบครัวใหม่ มานี มณีวรรณ แม้จะเริ่มต้นด้วยการเป็นอนุภรรยาของจอมพลสฤษดิ์ จนเมื่อท่านถึงแก่อสัญกรรม จึงได้อยู่กินกับ นริศ ทรัพยะประภา นักดนตรี นานถึง 7 ปี จนมีลูกชายด้วยกันคนหนึ่ง ชื่อ “จักรภพ” หลังหย่าร้างสร้างไปอยู่กินกับ แก้ว บัวสุวรรณ แห่งราชาไนท์คลับ อยู่กินได้ 2 ปี ก็เลิก !
ผู้ชายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเธอ ล้วนมีอายุที่มากกว่า ในขณะที่เธอในตอนนั้นยังเป็นสาวรุ่นที่ต้องการอิสระ และเสรีภาพ ไม่ต้องการให้ใครมาเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ หน่วงเหนี่ยว !

เธออยู่ในบ้านที่ท่านจอมพลสฤษดิ์ซื้อให้ เพื่อที่ท่านจะได้ไป-มาในตอนดึกๆ ! บ้านหลังนี้จะมี สห. (สารวัตรทหาร) เฝ้าบ้าน 2 คน ... จะไปไหนก็ต้องมีผู้ติดตาม จับตาทุกฝีก้าว !
มานี มณีวรรณ มีชีวิตไปมาระหว่างบ้านกับนาทูริสท์ไนท์คลับ เพียง 2 แห่งเท่านั้น เป็นเวลา 2 ปี ชีวิตนกน้อยในกรงทองก็ขาดสะบั้น ! "บ้าน" กลายเป็น คุก ที่คุมขังความกระตือรือร้นในวัยสาวของมานี มณีวรรณโดยแท้
นั่นทำให้เธอตัดสินใจปิดยุค มานี มณีวรรณ แห่ง นาทูริสท์ไนท์คลับในยุคแรก หอบเงินทองที่จอมพลมาปรนเปรอ และกระเป๋าเดินทางหนีจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ไปยุโรป เธอตัดสินใจร่วมคณะไปเต้นฟลอร์โชว์ในต่างประเทศ ! ตอนนั้น ชีวิตท่านจอมพลใกล้วาระสุดท้ายแล้ว

ชีวิตนกน้อยในกรงทอง ไม่รู้หรอกว่า ใครเป็นใคร อนุของท่านมีใครบ้าง ! จนท่านถึงแก่อสัญกรรมนั่นแหละ "นักแสดง" หลายคน รวมถึง "นางงาม" จากเวทีต่างๆ จึงมีรายชื่อติดโผอยู่ในฐานะ "อนุภรรยา" ของท่านจอมพลผ้าขาวม้าแดง ! จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อ 8 ธันวาคม 2506 ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ด้วยโรคไตเรื้องรังและโรคอื่นๆอีกหลายโรค จากนั้น มีหนังสือหลายเล่มที่พร้อมกันกระตุกผ้าขาวม้า ยิ่งกว่า "ซ้อเจ็ด" เช่น จอมพลของคุณหนูๆ , วิมานสีชมพู, แม่ม่ายผ้าขะม้าแดง เป็นต้น

การตัดสินใจไปยุโรปในคราวนั้น เริ่มจาก ฝรั่งชาติอังกฤษชื่อ "โทนี่" มาเสนอความจำนงว่า อยากได้สาวไทยไปเต้นฟลอโชว์ที่ยุโรป ... ฟลอโชว์ คือ การเต้นด้วยชุดเสื้อผ้าน้อยชิ้น รุ่งริ่ง ไม่ได้เปลือย โดยจะเต้นทวิสกันเป็นกลุ่มราว 15 คน วัยละอ่อนของเธอตอนนั้น มีสัดส่วน 35-20-30

ตอนที่ไปยุโรป เธอเอาเงินที่ท่านจอมพลให้ไปหมด นับว่ามากโขอยู่ ตั้งใจจะหนีเที่ยวให้หนำใจ ! แต่ปรากฏว่า เงินถูกขโมย เพื่อนในกลุ่มที่ยืมเงินเธอก็ไม่คืนให้ ส่วนงานเต้นฟลอโชว์ ตามที่ตกลงกันไว้ ปรากฏว่า โดนอีตาโทนี่ ฝรั่งตาน้ำข้าวหลอกเสียอีก
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในช่วงปี 2507-2508 หลังท่านจอมพลถึงแก่อสัญกรรมแล้ว !

เธอจึงต้องพาเอาตัวเองให้รอด หาและเก็บเงินกลับเมืองไทย มานี มณีวรรณไม่มีอะไรจะเสียแล้วในตอนนั้น เธอตัดสินใจขึ้นเวที "แก้ผ้าเต้นจ้ำบ๊ะ" มันซะเลย ! อย่างน้อยที่สุด บทเรียนในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอคิดอ่านรอบคอบ แข็งแกร่งและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น !

ปี 2509 มานี มณีวรรณกลับเมืองไทย ! พลากร รัตนสุวรรณ เป็นคนมาขอร้องให้กลับไปร้องเพลงและเดินแฟชั่นโชว์ด้วยชุดอันเดอร์แวร์ที่มันโป๊หน่อยที่ "นาทูริสท์ไนท์คลับ" พอลงข่าว คนมากันมากมาย แต่ตำรวจไม่อนุญาต งานเลยจบเห่ ! แต่ชื่อเสียงของ มานี มณีวรรณ ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในตอนนั้น

ที่นาทูริสไนท์คลับในยุคนี้ มานี มณีวรรณ ได้พบและรู้จักกับ "นริศ ทรัพยะประภา" นักดนตรีชื่อดัง และเป็นผู้ผลักดันให้มานี มณีวรรณได้อัดแผ่นเสียงด้วยเพลงแรกในชีวิต คือ "จุดเทียนเวียนวน" ครั้งแรกนั้น เธอบันทึกเสียงเพียงคนเดียว ต้นฉบับจากแผ่นเสียง 7 นิ้ว ตรากมลสุโกศล บรรเลงโดยวงดนตรีดาราไนท์คลับ บันทึกเสียงในระบบโมโน เป็นเพลงจุดเทียนเวียนวนต้นฉบับเดิมขนานแท้ เพลงแรกและครั้งแรก แต่ฉบับที่โด่งดังที่สุดมาก เป็นเวอร์ชั่นที่ร้องคู่กับคุณอดุลย์ กรีน โดยเปลี่ยนคำร้องให้เป็นแบบ 18+ มีเนื้อร้องแบบสองแง่สามง่าม ได้รับความนิยมมาก จนถูกสั่งห้ามเปิดตามสถานีวิทยุในยุคนั้น เธอได้อยู่กินกับนริศถึง 7 ปี จึงเลิกกัน หลังจากนั้นมาเปิดร้านอาหารชื่อ "มานี มณีวรรณ" ที่พหลโยธินก็ไม่ประสบความสำเร็จ เจ๊งตามระเบียบ ! ช่วงนี้ที่แก้ว บัวสุวรรณ แห่งราชาไนท์คลับเข้ามาในชีวิต

ปัจจุบัน เราสามารถฟังเพลงของเธอได้จาก Youtube ที่มีเป็นจำนวนมาก เช่น จุดเทียนขายหม้อ, จุดเทียนพระอภัย, จุดเทียนแก้รถ ฯลฯ , อัลบั้ม "ลาวคลึง", อัลบั้ม "จุดเทียน-ดับเทียน" , อัลบั้ม "จุดธูปทีเด็ด", อัลบั้ม "จุดเทียนหาคู่ รอบที่ 11-22" เป็นต้น
เพลงจุดเทียนเวียนวน ศิลปินมวลหมู่ของแกรมมี่ โกลด์ เคยนำมาบรรจุไว้ในอัลบั้ม “มัน ม่วน แซบ3”

แต่เพลงที่ทำให้สร้างชื่อเสียงให้มานี มณีวรรณ จนพลิกชีวิตเข้าสู่การแสดงภาพยนตร์คือ “จดหมายจากเมียเช่า” ที่เขียนคำร้องและทำนองโดย อาจินต์ ปัญจพรรค์ จากหนังสือสารคดีชีวประวัติ อาจินต์ ปัญจพรรค์ เรียบเรียงโดย แน่งน้อย ปัญจพรรค์ กล่าวถึงเพลงนี้ว่า

เพลง "จดหมายรักจากเมียเช่า" ขับร้องโดย มานี มณีวรรณ คำร้อง-ทำนอง อาจินต์ ปัญจพรรค์
มีเพลงหนึ่งที่ครูอาจินต์แต่งแล้วโด่งดังมากในยุคหนึ่ง เป็นเพลงที่ครูแต่งด้วยอารมณ์สนุกใช้ภาษาไทยปนภาษาอังกฤษ แบบที่พวกเมียเช่าชอบใช้กัน เพลงนี้ร้องโดยมานี มณีวรรณ นักร้องไนท์คลับแนวเซ็กซี่ ที่มีชื่อเสียงจากเพลงชุดจุดเทียน ครูอาจินต์เขียนเล่าที่มาของเพลงนี้ว่า

ช่วงสงครามคอมมิวนิสต์ ประเทศไทยมีฐานทัพอเมริกันอยู่ในหัวเมืองใหญ่ๆทางอีสานและมีไนท์คลับเต็มกรุงเทพฯ คืนหนึ่งที่ไนท์คลับโดเรมี ครูอาจินต์สนุกอยู่กับเพื่อนๆจนไนท์คลับเลิก กลุ่มนี้ก็ยังนั่งคุยกันต่อไม่ยอมกลับ คุณสุเทพ วงศ์กำแหงเลิกร้องเพลงมานั่งคุยด้วย ครูอาจินต์ก็แต่งเพลงร้องกันเล่น เป็นเพลงจังหวะสโลว์ คิดเนื้อและทำนองในเวลานั้น แต่ตรงท่อนแยกใช้ทำนองเพลง Sad Movies ตั้งชื่อเพลงว่า"จดหมายรักจากเมียเช่า" บรรยายชีวิตเมียเช่าเป็นเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง แต่งเสร็จร้องกันเล่นๆในกลุ่ม คุณสุเทพขอเพลงนี้เอาไปให้มานี มณีวรรณร้องบันทึกเสียงเป็นแผ่นเล็ก ปรากฏว่าเพลงดังเปรี้ยง จนมานีต้องวิ่งรอกร้องเพลงนี้ตามคลับต่างๆ 7-8 แห่งทุกคืน

ภาพยนตร์เรื่องแรกที่แสดงคือ เงิน เงิน เงิน (2508) ของละโว้ภาพยนตร์ โดยเสด็จพระองค์ชายเล็ก (พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรณ์มงคลการ) และอื่นๆอีกจำนวนหนึ่ง อาทิ
2508 เงิน เงิน เงิน (มิตร-เพชรา) , เดือนร้าว (มิตร-เนาวรัตน์ วัชรา) และหนังเรื่องนี้ มานี มณีวรรณถูกเชิญชวนให้เต้นระบำโชว์คู่กับล็อต๊อก และในหนังยังโฆษณา “ดาวโป๊” คนอื่นๆถึง 4 ดวงคือ มณทิชา ณ เชียงดาว, มานี มณีวรรณ, บุษบา นภารักษ์, เปลวใจ หทัยทิพย์ อีกด้วย
2509จอมประจัญบาน (มิตร-เพชรา), พระอภัยมณี (มิตร –เพชรา), เพชรชมพู (สมบัติ – ปริศนา) กระเบนธง (สมบัติ – ชนะ-โสภา), พิมพิลาไลย (มิตร –พิศมัย), อ้ายค่อม (ลือชัย-ภาวนา), 4 สมิง (มิตร-เพชรา), ดรุณีสีเลือด (มิตร-เพชรา)
25105 พยัคฆ์สาว (มิตร-เพชรา), พยัคฆ์ร้ายใต้สมุทร (มิตร-รักชนก)
2511พรายพิศวาส (มิตร-เพชรา), 7 ป่าช้า (สุรสิทธิ์-วิน-ปรียา) , น้ำอ้อย (มิตร-เพชรา)
2514เพชรพระอุมา (รพินทร์-สุทิศา), คนใจเพชร (สมบัติ-อรัญยา)
2516 ผาเวียงทอง (ไชยา-พิศมัย)
2529ครูสมศรี (รณ-ชาลิตา)
2532ตลุยโรงหมอ (ยุรนันท์-สินจัย) : เรื่องสุดท้าย
ฉายาของเธอ บางคนเรียก "มาริลีน มอนโรเมืองไทย" บ้าง บางคนเรียก "อกมะพร้าว 2 ลูก"ตามชื่อเพลงบ้าง

ในยุคหลังๆที่ไม่ได้ร้องเพลงและแสดงภาพยนตร์แล้ว เธอไปเป็น "มาม่าซัง" ให้กับค็อกเทลเล้าจน์ของ "อ้อย บีเอ็ม" (จินตนา บุญนาค) อ้อย บีเอ็มผู้นี้คร่ำหวอดอยู่ในธุรกิจค้ากามยามค่ำคืน บางคนตั้งฉายาให้เธอว่า "แม่เล้า" เป็นเจ้าของตำนาน “ธนาคารอารมณ์” ต้อนรับนักธุรกิจและนักการเมือง ด้วยความสุขในราคาแพง และในวัยสาวของอ้อย บีเอ็ม ตอนที่จอมพลสฤษดิ์ ยังมีชีวิตอยู่นั้น เธอคือคนคุมคิวสาวๆที่จะมา "เจิมกระหม่อม" เข้าพบขอความช่วยเหลือจากจอมพลผ้าขาวม้าแดง !

วาระสุดท้าย มานี มณีวรรณ หรือ "ศศิธร ทรัพยะประภา" ดับเทียนชีวิตลงแล้ว เมื่อ 11 ปีก่อน ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2552 ณ โรงพยาบาล มหาราชนครเชียงใหม่ เนื่องจากป่วยเป็นมะเร็งตับ ในวัย 73 ปี

ขอบคุณพิเศษ


คอลัมน์ "นัดพบนัดคุย" มานี มณีวรรณ จุดเทียนเวียนวนกับชีวิตจริง โดย พินิจ หุตะจินดา นิตยสาร "บานไม่รู้โรย" รายเดือน ปีที่ 6 ฉบับที่ 10 พ.ย. 29

เพจ Thai Movie Posters



มานี มณีวรรณ

มานี มณีวรรณ

มานี มณีวรรณ

มานี มณีวรรณ

มานี มณีวรรณ

มานี มณีวรรณ

โชว์การ์ดเรื่อง พระอภัยมณี

โปสเตอร์หนัง พระอภัยมณี

โปสเตอร์หนัง กระเบนธง

โปสเตอร์หนัง 5 พยัคฆ์สาว

โปสเตอร์ พิมพิลาไลย

ปกหนังสือ ชีวิตเปลือย มานี มณีวรรณ

ปกหนังสือ จอมพลของคุณหนูๆ

จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี -  ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

ตัวอย่างปกแผ่นเสียง ในกลุ่ม จุดเทียนเวียนวน มานี ร้องกับ อดุลย์ กรีน

ครูพยงค์ มุกดา (พันธ์)

อดุลย์ กรีน นักแสดง และนักร้องชายที่ร้องคู่กับมานี มณีวรรณ

ปกแผ่นเสียง จดหมายจากเมียเช่า

อาจินต์ ปัญจพรรค์ ในวัยหนุ่ม ผู้แต่งเพลง จดหมายจากเมียเช่า จนพลิกชีวิตให้  มานี มณีวรรณ  ก้าวสู่วงการหนังในเวลาต่อมา

จินตนา บุญนาค หรือ อ้อย บีเอ็ม ในยุคที่สร้างตำนาน ธนาคารอารมณ์ และเป็นผู้คุมคิวสาวๆที่จะเดินทางมาให้ท่านจอมพลเจิมกระหม่อม ! (จากรายการ ฃอคิดด้วยฅน)


กำลังโหลดความคิดเห็น