อาลัย "ศรัณยู วงษ์กระจ่าง" !
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง (17 ตุลาคม 2503-10 มิถุนายน 2563) นักแสดง พิธีกร และผู้กำกับ มีผลงานละครเวที, ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ มากกว่า 100 เรื่อง มีงานเด่นๆในทุกประเภทเป็นจำนวนมากตั้งแต่วัยหนุ่ม
เขาเริ่มต้นจากละครเวที ก่อนจะมีผลงานด้านละครโทรทัศน์ เริ่มจากละครเรื่องแรกในชีวิตทางช่อง 3 "เก้าอี้ขาวในห้องแดง" เมื่อปี 2527 และเรื่องที่ต้องพูดถึงคือ "มนต์รักลูกทุ่ง" ในปี 2538 เขามีละครจำนวนมากที่แสดงให้กับช่องต่างๆ
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ในวัยหนุ่ม ได้ชื่อว่า เป็นนักแสดงที่มีหน้าตาดี ถูกในสาวๆ จัดเป็นชายหนุ่มใบหน้ารื่นรมย์ เป็นที่หมายปองของใครต่อใครตั้งแต่เรียนถาปัดแล้ว ! ...
เล่าชีวิตของ "ตั้ว" ศรันยู เท่าที่จำความจากบทสัมภาษณ์เก่าๆ ... สมัยมัธยมในรั้วชมพู-ฟ้า สวนกุหลาบวิทยาลัย เขารู้จักเธอ "แหวน ฐิติมา" ดรัมเมเยอร์สตรีวิทย์ กับ "ตั้ว ศรัณยู" ดรัมเมเยอร์สวนกุหลาบ ภาพความทรงจำในสมัยนั้น สมัยมัธยม พ่อของตั้วอยากให้ลูกชายคนนี้เรียนแพทย์ แต่ลูกมักจะเกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน เมื่อเห็น "เลือด" ก็เลยไม่ได้เรียนหมอดั่งที่พ่อปรารถนา ส่วนตัวแล้ว เขาเป็นคนชอบขีดๆเขียนๆ วาดรูปก็เลยเลือกเอ็นทรานซ์ 3 แห่งคือ สถาปัตย์จุฬา, ศิลปากร และลาดกระบัง แถมยังเคยไปด้อมๆมองๆที่คณะ ภาพประทับใจที่เขาชื่นชมมาก ไม่ใช่บรรยากาศคร่ำเคร่งในการเรียนของนิสิต หากแต่ชอบที่เห็นรุ่นพี่ในคณะนั่งอยู่ตามบันไดของคณะ เล่นตะกร้อกันสนุกสนาน สามารถไว้ผมยาวได้ เพราะเขาเก็บกดที่ต้องตัดผมสั้นเกรียนในสมัยมัธยม
ในยุคที่ “ตั้ว” ศรัณยู วงษ์กระจ่าง เริ่มร่วมกิจกรรมกับถาปัดการละคอนนั้น สาวๆต่างคณะนิยมโฉบมาแถวตึกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยบ่อย ลือกันให้แซดว่า คณะนี้มีหนุ่มหล่อ ! สาวๆเลยมาแอบส่องหนุ่มสุดหล่อของคณะนั่นเอง ! ตั้วตอนเรียนสถาปัตย์ช่วงปี 1-2 เป็นคนเขินง่าย และขี้อายเป็นที่สุด ! และการแต่งเนื้อแต่งตัวตอนนั้นน่ะหรือถือปฏิบัติตามหลัก 5 ย. อย่างเคร่งครัด ผมยาว, เสื้อยับ , กางเกงยีนส์ , สะพายย่าม, และรองเท้ายางเขายอมรับเองว่า มาดของเขาในตอนนั้น ดูสกปรก ซกมก เลอะเทอะสุดจะพรรณา เล็บดํา ตีนดํา ตัวเหม็น ผมยาว แต่นั่นเป็นแบบวิถีที่เขาพอใจในตอนนั้น เพราะในช่วงเวลานั้นไม่ได้พบใคร ไม่ต้องออกงานสังคม ไม่ได้ต้องแต่งตัวดีเพื่ออะไรต่อมิอะไร ชีวิตยึดเอาความสบายใจและพอใจเป็นที่ตั้ง จนเมื่อเขาต้องทำงาน เจอผู้คนมากขึ้น จึงเรียนรู้ที่จะปรับตัวขึ้นตามลำดับ ! จนกลมกลืนกับสังคมและครรอบข้าง
ชีวิตนักแสดงเริ่มต้นที่ถาปัดการละคอน หลังเรียนจบ มีคณะละครอื่นๆ อาทิ Dass Entertainment (Dream Box ปัจจุบัน) , คณะละครสองแปด , หรือการว่าจ้างจากผู้กำกับคนโน้น คนนี้เป็นการชั่วคราว เพราะเห็นความสามารถของหนุ่มคนนี้ตั้งแต่สมัยเรียน นอกจากกิจกรรมงานละครของคณะแล้ว เขาชอบเล่นรักบี้ และซ้อมเพลงเชียร์ นี่คือ วิถีชีวิตของศรัณยูในสมัยเป็นนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แม้จะพูดเรื่องเรียน เรื่องวิชาการน้อยไปหน่อย
"เก้าอี้ขาวในห้องแดง"
ละครโทรทัศน์เรื่องแรกที่เขาแสดงทางช่อง 3 มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช เป็นผู้จัด สร้างจากนวนิยายของสุวรรณี สุคนธา มี เริงศิริ ลิมอักษร กำกับการแสดง เพลงประกอบละครชื่อ "เพียงความทรงจำ" แต่งโดย เริงศิริ ลิมอักษร ร้องโดย ตั้ว ศรัณยู ความจริง ละครเรื่องแรกที่เขาแสดงร่วมกับวาสนา สิทธิเวชคือ "เลือดขัตติยา" ด้วยเหตุผลทางการเมือง ทำให้ละครเรื่องนี้ไม่ได้ออกอากาศ แต่กระนั้น "เก้าอี้ขาวในห้องแดง" ก็ทำให้สาวๆตาลุกวาวขึ้นมากรี๊ดกับนักแสดงหนุ่มมาดหล่อเซอร์ ผมยาวประบ่า สูงชลูดถึง 185 ซม. ในบท "บูรพา" และเรื่องราวของความรักสามเส้า !
เมื่อละเวง (มยุรา ธนะบุตร) ต้องสูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกระทันหันหลังจากที่เรียนจบ มหาวิทยาลัย เธอจึงต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากการเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นเป็นหางานทำ โดยได้สมัครงานเป็นมัฑณากรของบริษัทรับตกแต่งบ้านแห่งหนึ่ง ด้วยความที่เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นใจตัวเองสูง อีกทั้งยังมีเพื่อนที่รักมากอีก 2 คน คือ บูรพา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) และ สาวิตรี (อุทุมพร ศิลาพันธ์ ) คอยให้กำลังใจอยู่เสมอ เธอจึงไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
บูรพา เด็กหนุ่มผู้มีความเป็นศิลปินอย่างเต็มเปี่ยม แอบรักละเวงอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่รู้ว่าสาวิตรีเองก็แอบรักเขาเช่นกัน แต่ละเวงกลับมีใจให้กับ ตะวันฉาย (ยุรนันท์ ภมรมนตรี ) หนุ่มรุ่นน้องลูกครึ่งผู้ร่ำรวยและออกจะกะล่อนเจ้าชู้ ด้วยความรักที่ไม่สมประสงค์ของเพื่อนทั้ง 3 นี่เอง ได้ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมแห่งความรักที่เกือบจะทำลายความสัมพันธ์ของเพื่อนที่มีมายาวนาน
บูรพาบอบช้ำจากความรักที่ไม่สมปรารถนา สาวิตรีได้แต่อยู่ข้างๆ คอยปลอบใจและเฝ้าดูแล ทั้งคู่เผลอไผลไปด้วยกันจนสาวิตรีตั้งท้อง บูรพายินดีรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ ถึงแม้สาวิตรีจะสมปรารถนาที่ได้ครองคู่กับชายที่ตนรัก แต่ด้วยความแตกต่างทางด้านความคิด ไม่นานทั้งคู่ก็ต้องแยกทางกัน ละเวงถึงแม้จะรักตะวันฉาย แต่ก็ไม่อาจตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันได้ จนในที่สุดตะวันฉายก็มีอันต้องจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์
ชีวิตของเพื่อนรักทั้งสาม ได้ก้าวผ่านจุดของวัยอ่อนใส เข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ เรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตในสังคม ความหลอกลวง ความสูญเสีย ความเจ็บปวดจากความรัก ในที่สุดละเวงก็ได้พบกับที่พักพิงอันเป็นรักแท้กับอินทร (นพพล โกมารชุน ) แม้ทั้งคู่รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากันแต่แรก
เก้าอี้ขาวในห้องแดง เป็นละครที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงจากเนื้อหา ฝีมือการแสดง และรูปแบบที่นำสมัย เกิดกระแสนิยมเหล่านักแสดง เสื้อผ้า ทรงผมของนักแสดงหลัก เพียงเรื่องแรกก็ทำให้ศรัณยูมีชื่อเสียงในวงกว้าง และคนซึ่งทันละครเรื่องนี้ โพสถึงเพลง "เพียงความทรงจำ" ไว้อาลัยการจากไปของ "ตั้ว" ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
"มนต์รักลูกทุ่ง"
แม้ว่าจะได้รับการรีเมกเป็นละครโทรทัศน์หลายครั้ง หลายเวอร์ชั่น แต่เวอร์ชั่น ปี 2538 (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง, ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์) ที่จัดสร้างโดยดาราวิดีโอ ได้รับการกล่าวขานมาก ทางค่าย RS ได้ทำเพลงประกอบละครชุดนี้เป็น 2 อัลบั้ม โดยการนำเพลงเก่ามา Cover ใหม่ และแต่งเพลงใหม่เสริม รวมทั้งสิ้น 25 เพลง (มากกว่าฉบับออริจินัล ที่มีเพียง 14 เพลง) ทั้งนี้ มนต์รักลูกทุ่ง ได้รีเมกจากงานภาพยนตร์ของรังสี ทัศนพยัคฆ์ โครงเรื่องคือ "คล้าว" กับ "ทองกวาว" รักกัน แต่คล้าวยากจน "ทองก้อน" พ่อของทองกวาวรังเกียจไม่ยอมยกลูกสาวให้ แถมเรียกเงินสินสอดมหาโหด "สืบหมื่น" ! ต่อมาทองก้อน พรากความรักของทั้งคู่ ให้ทองกวาวไปอยู่กับป้าชื่อ "ทองคำ" ที่กรุงเทพฯ ทองคำหมายมั่นให้หลานชายชื่อ "ธรรมรักษ์" ได้แต่งงานกับทองกวาว เพื่อสมบัติจะไม่ตกเป็นของคนอื่น ไอ้คล้าวนาล่ม หมดหวังจะหาเงินไปหมั้นทองกวาว ฝ่ายธรรมรักษ์เสียพนัน มาหลอกเอาเงินจากทองคำ ทำทีเป็นรักชอบทองกวาว ทั้งที่มีเมียชื่อ "ฤทัย" อยู่แล้ว ข่าวการหมั้นของธรรมรักษ์กับทองกวาวที่แสนจะเอิกเกริกรู้ไปถึงหู "เสือทุม" จึงเข้าปล้นบ้านทองก้อน พร้อมจับทองคำและทองกวาวไปเรียกค่าไถ่ คล้าว-พรรคพวก และตำรวจตามมาช่วยทัน เหตุนี้ จึงทำให้ทองก้อนและ "ทับทิม" พ่อแม่ของทองกวาวไม่กล้าปฏิเสธลูกเขยคนนี้ ... ถือเป็นงานละครที่ศรัณยูได้ร้องเพลงมากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
มนต์รักลูกทุ่ง ฉบับนี้ ยังมีนักแสดงคนอื่นๆ อาทิ อนันต์ บุนนาค , รชนีกร พันธุ์มณี เป็นต้น
"พันท้ายนรสิงห์" ละครเวทีอำลา เฉลิมไทย" !
พันท้ายนรสิงห์ เป็นละครเวทีครั้งแรก เมื่อปี 2488 โดยคณะศิวารมณ์ ที่ศาลาเฉลิมกรุง ประสบความสำเร็จมาก ผู้ชมท่วมท้น และถูกพูดถึงมาก และในปี 2532 ละครเรื่องนี้ได้กลับมาเพื่อแสดงปิดท้ายอำลาศาลาเฉลิมไทย ละครเวทีเรื่องนี้ นำแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง และนาถยา แดงบุหงา มีวงดุริยางค์จาก 4 เหล่าทัพบรรเลงสดหน้าโรงละคร วันที่ 15 มีนาคม 2532 มีการถ่ายทอดสดโดยช่อง 3 ยาวนานถึง 6 ชั่วโมง การแสดงทั้งสิ้น 6 ฉาก คั่นแต่ละฉากด้วยการร้องเพลงหน้าม่าน 1. "กดขี่ประชาราษฎร" , 2. "ประพาสประจันต์ กำปั้นมวยวัด" , 3. "เรียกลัดเข้าเฝ้า" , 4. "อยู่เหย้าพันท้าย" , 5. "นัดหมายแนบเนียน"
และ 6."ตะเคียนสามต้น"
แสดงโดย ศรัณยู วงศ์กระจ่าง (พันท้ายนรสิงห์) , พิศาล อัครเศรณี / มานพ อัศวเทพ (พระเจ้าเสือ), นาถยา แดงบุหงา (นวล) ร่วมด้วย สมพงษ์ พงษ์มิตร, สมควร กระจ่างศาสตร์, ศานติ สันติเวชกุล, สมพล กงสวรรณ, ปทุมวดี โสภาพรรณ, ศิริพร วงศ์สวัสดิ์, ระจิต ภิญโญวณิช, เพ็ญศรี พุ่มชูศรี ฯลฯ
เรื่อง "พันท้ายนรสิงห์" บทประพันธ์โดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ ยุคล, บทละครโดย สุวัฒน์ วรดิลก, กำกับบทโดย บุญศักดิ์ ดวงดารา, จิตติน, กำกับเวทีโดย นินารถ ช่ำชองยุทธ และ ประเสริฐ กมลวาทิน, เสียงบรรยายโดย รอง เค้ามูลคดี, เห่เรือโดย นฤพนธ์ ดุริยพันธุ์, ช่วยกำกับฯ โดย ฉลวย ศรีรัตนา, พลเรือโท โรจน์ หงส์ประสิทธิ์, กำกับการแสดงโดย กัณฑรีย์ นาคประภา
ถือว่า เป็นละครเวทีที่ยิ่งใหญ่อีกเรื่องหนึ่งในสมัยนั้นที่ "ตั้ว" ศรัณยูได้มีโอกาสเล่นในปี 2532
"สู่ฝันอันยิ่งใหญ่"
ในบรรดาละครเวทีที่ตั้ว ศรัณยูร่วมแสดงไว้จำนวนมาก บทละครเรื่อง "Man of La Mancha" ของ Dale Wasserman หรือ ในชื่อไทยว่า "สู่ฝันอันยิ่งใหญ่" ซึ่งยุทธนา มุกดาสนิทและคณะละครสองแปดทำไว้ ได้รับการกล่าวถึงมาก อัศวินตัวเอกของเรื่องออกจะเพี้ยน - บวม ทว่ามีความเป็นมนุษย์อย่างเต็มเปี่ยม และอัศวินผู้นี้ คือ ความทรงจำของคนทั้งโลก !
โครงเรื่อง เกิดเมื่อตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 ณ คุกใต้ดิน เมืองเซวิญา ประเทศสเปน ดอน มิเกล เด เซรบานเตส ผู้เป็นทั้งกวี นักเขียนบทละคร ทหารผ่านศึก และเจ้าพนักงานเก็บภาษี พร้อมด้วยคนรับใช้ ถูกนำตัวมาฝากขังรวมกับเดนคุก หัวขโมย ฆาตกร โสเภณี เพื่อรอการไต่สวนจากศาลศาสนาในข้อหากระทำผิดต่อพระศาสนจักรคาทอลิก เนื่องจากการออกหมายยึดโบสถ์ที่ไม่ยอมจ่ายภาษี
ระหว่างนั้นเอง เซรบานเตสกลับต้องขึ้น “ศาลเตี้ย” ที่บรรดานักโทษตั้งขึ้น โดยมีต้นฉบับลายมือของเขาเป็นเดิมพัน เซรบานเตสตัดสินใจสู้คดีด้วยการนำเสนอเป็นละคร ซึ่งก็อาศัยเหล่านักโทษทั้งหลายร่วมแสดง
เซรบานเตสสวมบทบาทเป็นอลองโซ กิฆานา เศรษฐีบ้านนอกสูงอายุ ผู้ติดนิยายอัศวินผจญภัยยุคกลางอย่างงอมแงม จนถึงขนาดเคลิบเคลิ้มไปว่าตัวเขาเองเป็นอัศวินผู้หนึ่งที่มีพันธกิจในการแก้ไขสิ่งผิดทุกอย่างในโลก กิฆานาขนานนามตัวเองใหม่ว่า “ดอนกิโฮเต้แห่งลามันช่า” แล้วสวมชุดเกราะควบม้าออกผจญภัย ส่วนคนรับใช้ของเขา ก็รับบทเป็นซานโช ชาวนาผู้ปวารณาตัวเป็นอัครสาวกและผู้ติดตามดอนกิโฮเต้
กิโฮเต้เข้าฟาดฟันกับกังหันลมเพราะเห็นเป็นยักษ์ ที่ถูกส่งมาโดย“จอมมายาลวง” ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจินตนาการของเขา จากนั้นก็เข้าไปที่โรงเตี๊ยมด้วยความเข้าใจว่าเป็นปราสาทของบรรดาอัศวิน และเมื่อเขาพบกับอัลดอนซา โสเภณีกึ่งสาวเสิร์ฟประจำโรงเตี๊ยม เขาก็รู้ได้ทันทีว่านางคือดัลซิเนีย สตรีผู้สูงศักดิ์
จากนั้น มีช่างตัดผมเร่เข้ามาในโรงเตี๊ยม กิโฮเต้ก็ไปชิงเอาอ่างโกนหนวดที่ช่างครอบหัวมา เพราะในสายตาของเขา มันคือหมวกทองแห่งมัมบริโนอันศักดิ์สิทธิ์ คู่ควรกับอัศวินที่แท้จริงเช่นเขา
แม้ตอนแรก อัลดอนซาจะหยามหยันในความเพ้อฝันของกิโฮเต้ ทว่า เมื่อได้ประจักษ์ถึงความจริงใจในความใฝ่ฝันแสนงาม เธอจึงเริ่มหวั่นไหวและคล้อยตาม ก่อนจะถูกฉุดกระชากไปสู่ชะตากรรมอันโหดเหี้ยม เมื่อถูกรุมกระทำชำเราโดยเหล่าคนต้อนฬ่อ
ขณะเดียวกัน นายแพทย์คาร์ราสโก ว่าที่หลานเขยของอลองโซ ก็วางแผนที่จะ “เยียวยา” สิ่งที่เขาเห็นว่าเป็นความเจ็บป่วยทางใจของชายชราผู้นี้ ด้วยการซ้อนกลมาเป็น “จอมมายาลวง” ในภาคอัศวินแห่งกระจกเงา นำเอา “ความจริง” มาเปิดเผยยืนยันให้ดอนกิโฮเต้ได้ตระหนักในสภาพแท้จริงของตน
ในที่สุดอลองโซจึงกลับคืนสู่ “ความปกติ” ในสภาพชายชราผู้หมดแรงใจที่จะมีชีวิตอยู่ กระทั่งอัลดอนซ่าผู้ที่เขาเรียกว่า “ดัลซีเนีย” ได้หวนกลับมากระตุ้นเตือนให้เขาระลึกถึงความงดงามของความใฝ่ฝันเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต
ท้ายที่สุด เมื่อศาลศาสนามาเรียกตัวเซรบานเตสกับคนรับใช้ขึ้นไปรับการไต่สวน ซึ่งอาจหมายถึงการถูกจับเผาทั้งเป็น เขาก็ได้รับต้นฉบับลายมือเรื่องดอนกิโฮเต้ กลับคืน พร้อมกันกับที่คนคุกทั้งหลายได้ตระหนักถึงคุณค่าของการมีชีวิตเป็นมนุษย์ที่มีความหวังอีกครั้งหนึ่ง
"สู่ฝันอันยิ่งใหญ่" แสดงครั้งแรกที่โรงละครแห่งชาติ เมื่อปี 2530 ศรัณยู รับบทเป็นอัศวินนักฝัน "ดอน กิโฆเต้" และในปี 2551 ละครเรื่องนี้กลับมาเล่นอีกครั้ง ตัวเอกเป็น "เจมส์" เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ และ "เมย์" ภัทรวรินทร์ ทิมกุล
"ปรัชญาชีวิต"
ในปี 2531 คณะละครสองแปด ได้ทำละคร "ปรัชญาชีวิต" (The Prophet) ของคาลิล ยิบราน ณ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมแสงอรุณ แสดงที่ตึกร้าง บ.แปลนอคิวเท็ก ซอยศึกษาวิทยา สีลม เรื่องมีว่า อัลมุตตาฟา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ผู้อาศัยในเมืองออร์ฟาลีส มานานถึง 12 ปี ครั้นถึงเวลาที่เรือจะมารับเขากลับไปยังบ้านเกิด มีชาวบ้านเป็นจำนวนมากมาส่ง พร้อมกล่าวคำอาลัย และขอร้องว่า ให้ช่วยแพร่คำสอนให้ฟังอีกครั้ง .... คำสอน แยกเป็น หัวข้อย่อยๆ มากมาย ... และเพื่อให้สอดคล้องกับการจากไปของศรัณยู ขอยกตัวอย่างเรื่อง "ความตาย" การแสดงละครเวทีเรื่องนี้ นักแสดงทั้งหลายจะมีแค่ผ้าคลุมกาย ผู้ชมนั่งกับพื้นเบื้องล่าง นักแสดงถือเทียนไขเดินย่างช้าๆไปบนตึกร้าง พร้อมเปล่งเสียงร่ายเรื่องราว .... ด้วยเสียงของ รวิวรรณ จินดา และมวลหมู่
สามัญการละคร
นอกจากนี้ "ตั้ว" ศรัณยู วงษ์กระจ่างเป็นผู้จัดในนามของ "สามัญการละคร" ที่ผลิตงานให้กับช่องต่างๆ อาทิ สุภาพบุรุษลุกผู้ชาย, หัวใจเถื่อน, รอยรัก รอยแค่น, บัลลังก์หงส์, สัมผัสรัตติกาล, Club Friday The Series 10 รักนอกใจ รักที่ไม่อยากเลือก, ดงผู้ดี, ปาฏิหาริย์กาลเวลา
แม้ว่า ละครเหล่านี้จะผ่านไปแล้ว ... วันนี้ ! พฤหัสที่ 11 มิถุนายน ยังเหลือตอนสุดท้ายของ "ปาฏิหาริย์ เดอะ ซีรีส์" ที่พีพีทีวี เอชดี 36 ได้นำละครเรื่องนี้มาตัดต่อใหม่ กำหนดออนทั้งสิ้น 4 ตอน 4 วันคือ 3-4 และ 10-11 มิถุนายนนี้
ตอน “รักไม่มีวันตาย” (วันพุธที่ 3 มิ.ย.) เรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของคุณนิชากับพลเอกร่มเกล้า ที่นัดกันว่าจะไปถ่ายรูปคู่กันในวันที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ แต่เมื่อถึงวันนัด เขาก็ได้จากไปอยู่ที่ภพอื่นแล้ว โดยนำเรื่องมาดัดแปลง และเล่าถึง เกด หญิงสาวที่เป็นเหมือนตัวแทนของคุณนิชา ที่ยังคงเก็บความรู้สึกเสียดายที่ตนเองไม่ได้ถ่ายภาพกับสามีตามที่นัดกัน และได้พบกับชายหนุ่มหน้าตาดีในร้านหนังสือ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลาย ๆ อย่าง จนกระทั่งเขาเอ่ยปากว่า ปาฏิหาริย์มีอยู่รอบตัวเพียงแต่ว่าเราจะมองหามันหรือไม่ และเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็เกิดขึ้น เมื่อเช้าวันต่อมากลับกลายเป็นวันที่เธอนัดถ่ายรูปกับสามีเมื่อเกือบสิบปีก่อน นำแสดงโดยนก-สินจัย เปล่งพานิช, วิลลี่ แมคอินทอช,หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์ฯลฯ
ตอน “เวลา ความทรงจำ ความรัก” (วันพฤหัสบดีที่ 4 มิ.ย.) เรื่องราวของกานดา อดีตนักธุรกิจที่ดินที่เกษียณตนเอง และมีชีวิตอยู่ด้วยความสุขบนกองเงินแต่มีบางเสี้ยวเวลา ที่กานดารู้สึกเหงาอ้างว้าง และรู้สึกผิด เพราะเมื่อย้อนรำลึกถึงยามที่เธอหมกมุ่นอยู่กับการทำงาน ได้ละเลยมารดา จนมารดาจากโลกนี้ไป วันหนึ่งที่กานดาไปยังที่เก็บอัฐิของมารดาในวัด และได้พบชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถามว่าเธอเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์หรือไม่ จากนั้นเธอวูบไป รู้สึกตัวอีกที คือยืนอยู่ที่บ้านหลังเดิมของตนเอง และเห็นตัวเองที่มารดายังมีชีวิตอยู่ และมีโอกาสได้ทำหลายสิ่งที่อยากจะทำเพื่อแม่ นำแสดงโดย ปิ่น-เก็จมณี วรรธนะสิน, บิ๊ก-ทองภูมิ สิริพิพัฒน์, ยอร์ช-ยงศิลป์ วงศ์พนิตนนท์ ฯลฯ
ตอน “รักไม่พร้อม” (วันพุธที่ 10 มิ.ย.) เมื่อยังไม่ถึงเวลาอันสมควร ความรักที่ไม่พร้อม อาจทำลายภาพฝัน และอนาคตที่สดใสให้จมดิ่ง เรื่องราวที่สะท้อนถึงปัญหาของแม่วัยรุ่น หรือการท้องก่อนแต่งของเด็กวัยรุ่นที่มองความรักเป็นเพียงภาพหวานในฝัน และหากพลั้งพลาดไป สิ่งนั้นจะกลายเป็นยาพิษที่ทำลายทั้งอนาคตของชีวิตตนเอง และคนรักรอบข้าง นำแสดงโดย เอก-สรพงษ์ ชาตรี, สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข, สรวงสุดา รอดประเสริฐ, บารมี ชำนาญกิจ ฯลฯ
ตอน “วันนั้น” (วันพฤหัสบดีที่ 11 มิ.ย. ) เรื่องราวของ ประสาน ที่เคยคิดว่าเวลาเป็นสิ่งไม่เคยเพียงพอต่อการทำงาน และพยายามนำความสุขมาให้ตนเอง และครอบครัวเสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ลูกชายกลายเป็นเจ้าชายนิทรา และภรรยาต้องมาจากไป ทำให้เหลือแค่ตนเอง และลูกชายที่เป็นเจ้าชายนิทราอยู่ 2 คน แต่แล้วก็เกิดปาฏิหาริย์ ที่ทำให้เขาสามารถย้อนกลับไปในวันที่ลูกชาย ยังเป็นปกติได้อีกครั้ง เรื่องราวของประสานจะทำให้ผู้ชมได้ฉุกคิดถึงการใช้เวลาของตนเอง นำแสดงโดยเจมส์-เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์, นิรุตติ์ ศิริจรรยา, บอม-กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข ฯลฯ
คืนนี้ ยังเหลืออีก 1 ตอนคือ "วันนั้น" ที่คุณจะได้ชมฝีมือการกำกับของ "ตั้ว" ศรัณยู วงษ์กระจ่าง เพื่อรำลึกถึงเขาเป็นครั้งสุดท้าย พบกัน เวลา 21.30 – 22.30 น. ทางพีพีทีวี ช่อง 36