xs
xsm
sm
md
lg

"จัน ดารา" นกเขาไม่ขัน !? (มีคลิป)

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“จัน ดารา” นกเขาไม่ขัน !

คอลัมน์ “เปิดกรุส่องดารา” พบกันทุกวันศุกร์ #เปิดกรุส่องดารา #ละครออนไลน์




หน้าร้อนอย่างนี้ ทำให้นึกถึงฉาก “น้ำแข็งถูหลัง” ของภาพยนตร์เรื่อง “จัน ดารา”
หนังเรื่องนี้ ได้ปรับเปลี่ยน ดัดแปลงตามจริตและสไตล์ของผู้กำกับฯ แต่ละคน แต่ฉากไฮไลต์ที่เป็นสัญลักษณ์ของหนังคือ ฉากที่จันเอาน้ำแข็งถูหลังให้คุณบุญเลื่อง และฉากที่จันเอาใบหน้าซุกแนบยอดปทุมถันของน้าวาด ด้วยความโหยหาความอบอุ่นจากแม่ ...

หนุ่มใหญ่วัย 40 ในวันนี้ คงจะเห็นภาพ 2 ฉากนี้ในหนังของ “อุ๋ย” นนทรีย์ นิมิบุตร ปี 2544 ค่ายไท เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ และ จัน ดารา ฉบับทวิภาค : “ปฐมบท-ปัจฉิมบท” ของหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ค่ายสหมงคลฟิล์ม เมื่อปี 2555 และ 2556

“จัน ดารา” ฉบับแรก สร้างในปี 2520 จากนิยายสำหรับผู้ใหญ่ “เรื่องของ จัน ดารา” เรื่องยาวเรื่องเดียวในชีวิตของ อุษณา เพลิงธรรม หรือชื่อจริงว่า ประมูล อุณหธูป (ปกติ จะเป็นเรื่องสั้นและเรื่องแปล) น่าเสียดายว่า หนังเรื่อง “จัน ดารา-ฉบับแรก” ของเทพกรภาพยนตร์ ที่ ส. อาสานจินดา เป็นคนเขียนบท และกำกับการแสดงโดย รัตน์ เศรษฐภักดี ได้สูญหายค้นไม่พบ ! เหลืออยู่ตอนนี้ มีแค่โปสเตอร์หนัง , ภาพสีของ สมบูรณ์ สุขีนัย (จัน ดรา) และ จันทร์แรม ปวงจักรทา (ไฮซินธ์) เพียง 1 ใบ และ ภาพขาว-ดำ อีกบางส่วนที่ตีพิมพ์ประกอบเรื่องย่อ และบทความในคอลัมน์ “แหวกม่านบันเทิง” โดย อาร์ต หลักสี่ เรื่อง “จันดารา” เท่านั้น เวอร์ชั่นนี้ อรัญญา นามวงศ์ รับบท “คุณบุญเลื่อง” , ศิริขวัญ นันทศิริ รับบท “แก้ว” , สมบูรณ์ สุขีนัย เป็น “จัน ดารา” และ ภิญโญ ปานนุ้ย เป็น “เคน กระทิงทอง” และประจวบ ฤกษ์ยามดี ได้เปลี่ยนจาก “หลวงวิสนันท์” เป็น “บุญชัย” และวิทยา สุขดำรงค์ เล่นเป็น “จอม”

เนื่องจากบทและคาแร็กเตอร์ตัวละครแตกต่างจากต้นฉบับเดิมไปมาก ... อุษณา เพลิงธรรม จึงประกาศว่า “ใครรักกู อย่าดูเลยหนังเรื่องนี้” !

คอลัมน์ “แหวกม่านบันเทิง” เรื่อง “จัน ดารา” โดย อาร์ต หลักสี่ ซึ่ง “ละครออนไลน์” ได้คัดลอกบางส่วน ... กล่าวว่า
“จัน ดารา” เป็นเรื่องของกงกรรมกงเกวียนที่ปรากฏออกมาในรูปของการล้างแค้นทางโลกีย์ระหว่างลูกกับพ่อ (ไม่ใช่พ่อจริง)
และผู้ที่ไม่ใช่พ่อจริงก็เป็นผู้ที่มีความฝักใฝ่อยู่กับ “กามกีฬา” เป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งผลสุดท้ายก็ต้องรับผลแห่ง “กรรมชั่ว” ที่ตัวเองก่อไว้

ส่วนผู้ที่ถูกเรียกว่าลูก (จัน ดารา) คือ ผู้ที่ต้องมารับผลแห่ง “กรรมชั่ว” จากคนที่ไม่ใช่พ่อจริงของตัว ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการก่อกรรมไว้อย่างไม่ตั้งใจจากผู้ที่บังเอิญเป็นพ่อแม่ของตัวเองจริงๆ
แต่เนื่องจากตัว “จันดารา” นั้น เป็นผู้ที่ได้กระทำกรรมดีต่อเนื่องมาโดยตลอด จึงทำให้ขบวนการล้างแค้นทางโลกีย์ของเขานั้นดูประหนึ่งเป็นสิ่งสุนทรีย์ในความรู้สึกของผู้อ่านมาก
และนอกจากนั้นแล้ว นวนิยายเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องของการเทิดทูนความรักอันสูงส่งอีกด้วย
ทั้งหมดก็คือ เนื้อหาของนวนิยายในอดีตเรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า “จัน ดารา”
มาถึงวันนี้ “จัน ดารา” คนเดียวกันก็ได้ถูกปลุกวิญญาณขึ้นมาอีกรูปแบบหนึ่งในลักษณะของหนังไทย
และเมื่อมาเป็นหนังไทยทั้งทีก็ต้องมีการโฆษณาชวนเชื่อให้เมามันเพื่อให้คนดูเมามัว
“จัน ดารา” ชายหนุ่มผู้นั้นก็เลยต้องเสียคนเพราะถูกเขาตะโกนปาวๆว่า...
... “จะคาวทั้งทีก็ต้องคาวให้ได้อย่าง... ไอ้จันนนน!!”
ผู้ที่จะไปดูก็เลยคิดว่า ไอ้จันมันคงจะเวียนว่ายตายเกิดอยู่กับคาวโลกีย์ทั้งเรื่อง ทั้งๆที่ความจริงแล้ว ไอ้จันนั้น มันเป็น “ไก่อ่อน” อย่างที่ซู้ด !
….
ไอ้ประเภทโป๊แบบจงใจ กลับมีน้อยกว่าหนังไทยอีกหลายเรื่องเสียอีก ทั้งๆที่หนังไทยอีกหลายเรื่องที่ว่านั้นก็ไม่ใช่หนังเซ็กส์เสียด้วย”

เวอร์ชั่นของ “อุ๋ย” นนทรีย์ และ หม่อมน้อย ตีความ เล่าเรื่องแตกต่างกันไปตามสไตล์และจริตของผู้กำกับฯ ทั้ง 2 เวอร์ชั่นมีตัวละครที่เหมือนกันคือ ดารา พิจิตรวานิช (วัลภา พรหมนวล/สาวิกา ไชยเดช), หลวงวิสนันทเดชา (สันติสุข พรหมศิริ/ศักราช ฤกษ์ธำรง), วาด(วิภาวี เจริญปุระ/บงกช คงมาลัย), บุญเลื่อง (คริสตี้ ซุง/รฐา โพธิ์งาม), แก้ว หรือ วิไลเรข วิสนันท์ (จิตรลดา เจริญลาภ-วัยรุ่น, ภัทรวรินทร์ ทิมกุล-โต) / โช นิชิโนะ, จัน ดารา (สุวินิจ ปัญจมะวัต-วัยรุ่น, เอกรัตน์ สารสุข-โต/มาริโอ้ เมาเร่อ ) และเคน (ครรชิต ถ้ำทอง/ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต)

ฉบับหม่อมน้อย เปลี่ยนตัวละครญาติฝ่ายแม่ของจันจาก “ชาย” เป็น “หญิง” และสร้างตัวละคร “ขจร” (ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ให้เป็นลูกชายของหลวงวิสนันทเดช และบุญเลื่อง โดยที่พ่อ-ลูกไม่รู้เรื่องนี้ เพื่อปูนำเรื่องไปสู่ “เพศสัมพันธ์ทางสายเลือด” ให้ “แก้วและขจร” มีพ่อคนเดียวกัน ซึ่งเบากว่าจะให้ “พ่อ-ลูก” มีความสัมพันธ์กันอย่างในต้นฉบับของนิยาย ซึ่ง “อุ๋ย” กล่าวไว้นิดหน่อยในหนัง

เคน กระทิงทองให้จัน ดาราขึ้นครูเปิดซิงครั้งแรกกับสายสร้อย คู่ขาของเคน ปมในใจที่โหยหาทรวงอกแม่ก็ยังฝังแน่นในจิตสำนึก จันเอาแต่ซุกใบหน้าอยู่กับเนินปทุมถันอันอวบอิ่มของสายสร้อย และคิดไม่ถึงว่า จันจะสะอึกสะอื้นร้องไห้ เรียก “แม่” ! มีสภาพ “ไก่อ่อน” ล่มปากอ่าวในยกแรก ! แม้อาจจะดูน่าขัน แต่ความจริงเป็นเรื่องน่าเศร้า และน่าสงสารมาก !
วันนี้ ! ชม จัน ดารา ฉบับทวิภาค : “ปฐมบท-ปัจฉิมบท” ของหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ได้ทาง NETFLIX
จัน ดารา 2001ของ “อุ๋ย” นนทรีย์ นิมิบุตร ได้พิมพ์หนังสือบันทึกเรื่องราวการทำหนังเรื่องนี้ ชื่อ
“สังวาสนาฎกรรมบนจอเงิน จัน ดารา”-เบื้องหลังความคิดผู้กำกับการแสดง นนทรีย์ นิมิบุตร นักแสดงนำ และคณะทำงาน
เขาบอกว่า “เรื่องนี้มีโจทย์ใหญ่อยู่ข้อหนึ่งว่า ห้ามเลือกคนผิดมาเล่นเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นตัวอะไรก็ตาม ถ้าเลือกคนผิดเมื่อไร ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปทันที สิ่งที่เราตั้งใจไว้จะไม่สมบูรณ์”
คริสตี้ ซุง : บุญเลื่อง – “คุณบุญเลื่องก็คือด้านหนึ่งของมาริลีน มอนโร มีคนเชิดชูมาริลีน มอนโน และรักเธอมากมาย แต่ลึกลงไปข้างใน เธอโดดเดี่ยวมาก รู้สึกไม่มั่นคง จึงต้องหาวิธีการต่างๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ”
เรื่องราวอันจัดเจนและโซกโชนในเชิงกามแห่งโลกีวิสัยในคฤหาสน์วิสนันท์หลังนี้ “รุ่นพ่อถ่ายทอด รุ่นลูกลอกเลียน” ได้ถูกสืบทอดปรากฏในหนังเรื่องนี้ โดยมีความแค้นระหว่าง “คุณหลวงกับจัญไร วิสนันท์” เป็นฉากหลัง ....ภาพหวือหวา โรมรันพันตู นัวเนียแหวกว่ายในทะเลกาม .... อันที่จริง เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดาของโลก ถ้าไม่มากจนเกินไป และไม่ต้องดัดจริตทำกระมิดกระเมี้ยน – “นู๋... ไม่เคย / ผม...ไม่ชอบ”

มองลึกลงไปในทุกตารางนิ้วของบ้านหลังนี้ ทุกคนเปรียบดั่ง “คนไข้” เรื่องราวทางเพศ “หลายด้าน” ส่งผ่านมากับนิยายและหนังเรื่องนี้ อย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าที่จะพูด ! เหมือนอย่างที่ อุษณา เพลิงธรรม เขียนคำบอกกล่าวดักคอไว้ว่า "เป็นของแสลงอย่างยิ่งสำหรับบุคคลประเภทมือถือสากปากถือศีล" !
หนังสือ “เรื่องของ จัน ดารา” พิมพ์ครั้งที่ 14 โดยสำนักพิมพ์มติชน หน้า417 กล่าวถึง
“คำถามข้อที่ 6 : ก็จาก “เรื่องของจัน ดารา” อีกนั่นแหละ บางคนมีความเห็นว่า มันเปนดาบสองคม บ้างที่ศีลธรรมจัดก็ว่า คุณเขียนออกมาอย่างไม่รับผิดชอบต่อสังคม มักจะเอาเรื่องแบบนี้มาเขียนเสมอ อันจะยั่วยุให้เด็กใจแตกได้ง่าย-ไม่ดีเลย
คำตอบ : นี่คุณไม่ได้ถามเองนะ ผมจะถือเสียว่าคุณแสร้งถามแทน “บางคน” จำพวกนั้น เพราะในชีวิตการเขียนเรื่องอ่านเล่นของผม เห็นจะไม่มีอะไรอีกแล้วที่ยั่วกิเลสเบื้องต่ำได้ชะงัดไปกว่าวจีดัดจริตดีดดิ้นสวิงสวายของคนจำพวกศีลธรรม “จัด” แบบนี้
เถอะ – ผมขี้คร้านจะกล่าวผรุสวาท เอาเปนว่า ผมเปนคนชอบดาบสองคมก็แล้วกัน จะเอาไว้เฉือดเฉือนพวกศีลธรรม “จัด” และนักรับผิดชอบต่อสังคมกันปาวๆ เทือกนี้ ให้แหว่งวิ่นไปตามกันได้ถนัดมือขึ้น .....”
รั้วคฤหาสน์วิสนันท์ ที่อุษณาปักหมุดไว้คือ ละแวกบ้านหม้อ ที่เขาคุ้นเคยมาแต่เล็ก ! เขาได้พาคุณเดินไปยังทุกห้องหับในเรือนทุกหลัง และทุกซอกมุมของบ้านหลังนี้ ซึ่งล้วนแต่ถูกชโลมด้วยกลิ่นคาวกามอันคละคลุ้ง ท่ามกลางความหฤหรรษ์ ที่มีเสียงครวญคราง หัวร่อต่อกระซิก ของบรรดากิจกรรมเข้าจังหวะยามดึก ผู้อยู่อาศัยล้วนมีอาการแปลกแตกต่างหมกมุ่นผิดแผกกันไป อาทิ “กามวิปริต, รักร่วมเพศ, รักต่างเพศ, ความสัมพันธ์ต่างวัย, รักร่วมสายโลหิต, โรคจิต , ความต้องการทางเพศที่สูงกว่าปกติ , การข่มขืน, การทำแท้ง และเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ฯลฯ”

จะมีนิยายเล่มไหน หรือหนังเรื่องไหนที่โจ๋ครึ่ม พูดครบจบที่เดียว ได้เท่ากับนิยายเรื่องนี้ !
นิยายเรื่องนี้ “มาแชล บารัง” เคยแปลไทยเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นหนึ่งในวรรณกรรมไทยคลาสสิก ปี 2537
ถ้าคุณเคยอ่านนิยายคลาสสิกชั้นครูเรื่อง “จัน ดารา” ของอุษณา เพลิงธรรม คงจะเห็นชั้นเชิงการในเขียนนิยายเชิงสังวาส หรือ อีโรติก ที่พาคุณไต่อารมณ์ด้วยลีลาของการพรรณนาโวหารจนเริ่มหวั่นไหวดังเส้นกราฟขึ้นลงอยู่หลายครั้ง และลีลาการเขียนอีกนั่นแหละที่จะพาคุณลงจากหอคอยสู่พื้นเบื้องล่างโดยสวัสดิภาพ

“จัน ดารา” ตีพิมพ์เป็นตอนๆในสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ช่วงปี 2507-2509 รวมเล่มครั้งแรก โดยประพันธ์สาส์น เมื่อปี 2509 และตีพิมพ์อยู่ตลอดมา จนถึงปี 2556 ทั้งสิ้น 14 ครั้ง
ความจริงแล้ว “เรื่องของจัน ดารา” นี้ จันบันทึกขึ้นตามคำแนะนำของหมอ ผู้รักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศก่อนวัยอันควร !
จันดาราพาลูกติดสอยห้อยตามเข้านอนแต่หัวค่ำตอนอายุ 40 ปี ส่วนคุณหลวงเปลี่ยนจากร้านขายเนื้อสดมาเปิดเพิงขายมะเขือเผาก่อนหน้าจัน เพียง 2 ปี
ในหนัง ... เวอร์ชั่นของ “อุ๋ย” นนทรีย์ พูดเรื่อง “เสื่อม” นี้เพียงเล็กน้อย ...
“หลังจากนั้น ผมก็เลิกที่จะเพียรขืนใจคุณแก้ว ทั้งหมดอาลัย ทั้งไม่สามารถจะรู้สึกใดๆในเรื่องเยี่ยงนั้นได้อีกแล้ว ไม่ว่ากับใคร แม้กระทั่งกับมารดาแห่งคาวโลกีย์ของผม คุณบุญเลื่อง”
เวอร์ชั่น “ปัจฉิมบท” ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องเสื่อม ! เพียงแต่เขียนบันทึก “เรื่องของ จัน ดารา” และมอบให้เพื่อนรักในวัยชราอย่าง “เคน กระทิงทอง” ที่ย้ายตัวเองไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และกลับเมืองไทยเพื่อเยี่ยมจัน ดาราทุกปีเท่านั้น
จบที่ จัน ดาราในวัยชรา ร้องไห้ซับน้ำตา และเดินเชื่องช้า งกๆ เงิ่นๆ เพียงคนเดียวบนทางที่ทอดยาวไปข้างหน้า ... สะท้อนภาพชายสูงวัยชีวิตแห้งแล้งที่ยังมีลมหายใจของความเปลี่ยวเหงา โดดเดี่ยว เป็นเพื่อนแท้จนวันตาย ... ทั้ง 2 เวอร์ชั่น ต่างก็มีรางวัลการันตี !

อุษณา เพลิงธรรม กล่าวปิดท้ายถึงจัน ดารา ตัวเอกของเรื่องว่า

“... อยู่กับหญิงชราผู้เป็นซากของความสุดสวาท
อยู่กับศพซึ่งยังไม่ยอมเลิกหายใจของคู่เวรคู่กรรม
อยู่กับสตรีกามวิปริตซึ่งนัยว่าเป็นภรรยา
อยู่กับหนุ่มวิปลาสซึ่งนัยว่าเป็นบุตร
อยู่กับความรักซึ่งมีแหวนมณีไฮซินท์วงเดียวเป็นฉายาที่แตะต้องได้”

นี่คือ บทสรุปชีวิต จัน ดารา ชายที่ดูจัดเจน โชกโชนในกามกรีฑา ผู้เต็มไปด้วยความทุกข์ ! ที่น่าเวทนาจริงๆ

รฐา โพธิ์งาม – “บุญเลื่อง” ดาราดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม สาขาภาพยนตร์ : ท็อปอวอร์ด 2012

“มาแล้วครับ คุณบี๋”  น้ำแข็งคลายร้อน !

จัน ดารา ผู้โหยหาความอบอุ่นจากอกแม่ “อกบุญเลื่อง”

จัน ดารา ผู้โหยหาความอบอุ่นจากอกแม่ “อกน้าวาด”

แก้ว (โช นิชิโนะ) กับขจร (ณัฎฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นตัวอย่างของ “เพศสัมพันธ์ทางสายเลือดของพี่-น้อง ที่มีพ่อเดียวกันในเรื่องนี้

หลวงวิสนันทเดชา (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) และบุญเลื่อง (รฐา โพธิ์งาม)

จัน ดารา นามเดิมคือ “จัญไร วิสนันท์” (มาริโอ้ เมาเร่อ) และ ไฮซินธ์ (สาวิกา ไชยเดช)

น้าวาด (บงกช คงมาลัย)

แก้ว หรือ วิไลเรข วิสนันท์ (โช นิชิโนะ)

ขจร (ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา)

แม่พุ่ม - เคน – สายสร้อย

จัน ดารา และ เคน กระทิงทอง ในวัยชรา

จัน ดารา ผู้อ้างว้างและโดดเดี่ยว

“ปฐมบท” มหากาพย์แห่งโศกนาฏกรรม

“ปัจฉิมบท” บทสรุปแห่งกรรมตัณหา

“เรื่องของจัน ดารา” โดย อุษณา เพลิงธรรม สำนักพิมพ์ มติชน (พิมพ์ครั้งที่ 14 มกราคม 2556)

สังวาสนาฏกรรมบนจอเงิน “จัน ดารา” เบื้องหลังการทำงานของนนทรีย์  นิมิบุตร

โปสเตอร์ “จัน ดารา” 2001 เวอร์ชั่น อุ๋ย นนทรีย์ กับค่ายไท เอ็นเตอร์เทนเม้นท์

ฮาเล็ม “บ้านวิสนันท์”

คริสตี้ ซุง (บุญเลื่อง) , จัน ดารา (สุวินิจ ปัญจมะวัต)

คริสตี้ ซุง (บุญเลื่อง) , จัน ดารา (สุวินิจ ปัญจมะวัต)

คริสตี้ ซุง (บุญเลื่อง) , จัน ดารา (สุวินิจ ปัญจมะวัต)

น้าวาด กับ จัน ดารา (วัยเด็ก)

น้าวาด (วิภาวี เจริญปุระ) กับ จัน ดารา

เอกรัตน์ สารสุข (จัน ดารา ตอนโต)

จันดารา กับ ไฮซินธ์ (ศศิธร พานิชนก)

“คุณบุญเลื่องก็คือด้านหนึ่งของมาริลีน มอนโร เธอโดดเดี่ยวมาก รู้สึกไม่มั่นคง จึงต้องหาวิธีการต่างๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ” :  คริสตี้ ซุง

จิตรลดา  เจริญลาภ (แก้ว วัยรุ่น)

ภัทรวรินทร์ ทิมกุล (แก้ว ตอนโต) – ยืน

โปสเตอร์ “จัน ดารา” 2520
เรื่องย่อ “จันดารา ฉบับ 2520”

บทประพันธ์ : อุษณา เพลิงธรรม
บทภาพยนตร์ : ส. อาสนจินดา
กำกับการแสดง : รัตน์ เศรษฐภักดี
อำนวยการสร้าง : กิติมา เศรษฐภักดี
จำหน่าย / เผยแพร่ : เทพกรภาพยนตร์
วันฉาย : 11 มีนาคม 2520
นักแสดง : อรัญญา นามวงศ์ (บุญเลื่อง), ประจวบ ฤกษ์ยามดี (บุญชัย) , สมบูรณ์ สุขีนัย (จัน ดารา / จัญไร วิสนันท์), ศิริขวัญ นันทศิริ (แก้ว – วิไลเรข วิสนันท์), ภิญโญ ปานนุ้ย (เคน กระทิงทอง), จันทร์แรม ปวงจักรทา (ไฮซินธ์) , วิทยา สุขดำรงค์ (จอม)

ที่มา : ละครออนไลน์ คัดลอกและพิมพ์จาก เพจ เรื่องย่อหนังไทยในอดีต @RuengYorNangthai

ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หมอ และพยาบาลกําลังทําคลอดให้แก่เด็ก ซึ่งกําลังช่วยชีวิตของแม่ ที่เป็น โรคหัวใจ ผลที่สุดมารดา “วรรณา” (แสงแข บุญเรือง) ก็ถึงแก่ความตาย สุดความสามารถของหมอและพยาบาลที่จะช่วยไว้ได้

หน้าห้องคลอด “บุญชัย” (ประจวบ ฤกษ์ยามดี) สามีของวรรณา กํานันวอน (ประพัฒน์ มิตรภักดี) บิดาของวรรณา และวาด น้องสาวของวรรณากําลังรอฟังผลการคลอดของวรรณาอย่างกระวนกระวายใจ เมื่อหมอเดินออกมาและแจ้งว่า วรรณาได้ถึงแก่ความตายแล้ว บุญชัยโกรธมาก ประณามเด็กว่า เป็นเด็กกาลกิณี

“คฤหาสน์วิสนันท์” รถเท็กซี่พากํานันวอน วาด และทารกน้อย “จัน” มาจากโรงพยาบาล บุญชัยใบหน้าเหี้ยมเกรียมไม่พอใจที่กํานันวอนพาเด็กทารกที่เขาเกลียดเข้ามาอยู่ในบ้าน

ภายในเรือนเขียวของคฤหาสน์วิสนันท์ ซึ่งเป็นห้องนอนชั่วคราวของวาดและ “จัน” วาดกําลังหลับสนิทเนื่องจากอ่อนเพลียในการวุ่นวายกับการเลี้ยงเด็กทารก บุญชัยก้าวย่องเปิดประตูเข้ามา เดินไปที่เตียงแล้วปลุกปล้ำวาด วาดตกใจตื่นจะร้อง บุญชัยจึงกางอุ้งมือจะบีบคอเด็ก วาดหมดทางเลยต้องตกเป็นเมียของบุญชัยในที่สุด

สามเดือนผ่านไป กํานันวอนหิ้วกระเป๋า จะเดินทางกลับพิจิตรบ้านเดิม เห็นบุญชัยยืนมองอย่างไม่สบอารมณ์นัก จึงเกิดปะทะคารมกันขึ้น กํานันวอนประณามบุญชัยว่าเป็นพญาเทครัว บุญชัยเลยเยาะเย้ยกํานันวอนว่าตั้งท้องได้ 3 เดือนแล้ว กำนันวอนโกรธมากจะจ้างนักเลงมาเล่นงาน

จันเติบโตมาพร้อมกับเด็กเคนลูกแม่ครัววัยไล่เลี่ยกัน วันหนึ่งจันและเคน ได้ไปเห็นบุญชัยและนางแหววเด็กสาวใช้รุ่น ๆ กําลังพิศวาสกันอยู่ ปรากฏว่าร่างของจันเสียหลักหัวทิ่มคะมำ ประตูเปิด ตัวจันหกล้มกลิ้งคว่ำข้าวเม่าอย่างไม่เป็นท่า บุญชัยและแหววสะดุ้งเฮือก เคนเผ่นหนีเอาตัวรอด จันลุกขึ้นเซ่อ หันรีหันขวางออกไม่ถูก บุญชัยโมโหสุดขีด มือคว้า ได้แจกันบนโต๊ะขว้างเข้าหัวจัน แตกเลือดโทรม แล้วให้คนใช้พาไปขังไว้ในห้องโถงเรือนเขียว

ภายในห้องเรือนเขียว เวลาโพล้เพล้ หน้าต่างประตูทุกด้านถูกปิดตาย จันกําลังถูกขัง นอนร้องไห้อยู่แทบพื้น เสียงเรียกหาแม่อยู่ตลอดเวลา และตะโกนด่าบุญชัยว่า ไม่ใช่พ่อ จนกระทั่งเหนื่อยอ่อนหมดแรงหลับไป ฝันเห็นวรรณาแม่บังเกิดเกล้า ซึ่งออกมาจากภาพสีน้ำมันที่ฝาผนังออกมาหาจัน จันวิ่งเข้าสู่อ้อมแขนของแม่ หน้าจันซุกอยู่ที่ทรวงอกของแม่อย่างมีความสุข ทันใดนั้นก็มีเสียงดังเข้ามาทําลายภวังค์ทั้งหมด คือเสียงเขย่าประตู และเสียงเอ็ดของคุณวาด วาดเข้ามาปลุกจัน จันยังละเมอเรียกหาแม่ วาดเข้ามา ยืนปลงเวทนา เบื้องหลังมี “แก้ว” ซึ่งเป็นบุตรสาวของวาดและบุญชัย ซึ่งริษยาและชิงชังจัน บุญชัยเข้ามาด่าจัน และ ห้ามจันใช้นามสกุล “วิสนันทน์”

จันจึงปรารภกับแม่พุ่ม คนครัวว่า อีกสามวันจะเข้าโรงเรียนแล้ว ไม่ทราบจะใช้นามสกุลอะไรเพราะไม่ใช่ลูกบุญชัย และพ่อที่แท้จริงก็ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน เคนจึงบอกจันให้แหงนดูท้องฟ้า และบอกนามสกุลจันอยู่บนท้องฟ้า แม่พุ่มเลยตั้งนามสกุลให้จันว่า “ดารา” จึงกลาย เป็น “จัน ดารา” ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไป

เหตุการณ์ผ่านมาเกือบสิบปี ตอนนี้จัน (สมบูรณ์ สุขีนัย) อายุได้ 15 ปี เคน (ภิญโญ ปานนุ้ย) 16 ปี วาดกับ แก้ว (ศิริขวัญ นันทศิริ) ออกมาจากข้างในตึก แก้วเตรียมจะไปโรงเรียน รถโรงเรียนสวนทางกับรถของบุญชัย ซึ่งนั่งมากับสาวใหญ่คนหนึ่งชื่อ “บุญเลื่อง” (อรัญญา นามวงศ์) จันสงสัย วาดจึงบอกว่าเป็นภรรยาของบุญชัย ซึ่งได้มาตั้งนานแล้ว เดิมอยู่ที่ปีนัง บุญเลื่องมองจันอย่างเอ็นดู และยิ้มอย่างปรานี

ในตรอกวัดเลียบ เคนนั่งกินขนมปลากริมไข่เต่ากับจัน ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นอันธพาลวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกําลังรุมล้อมเดินตามเด็กสาวอินเดียคนหนึ่งชื่อ “ไฮซินธ์” (จันทร์แรม ปวงจักรทา) เจ้าคนหนึ่งไล่ต้อนอยู่ข้างหลัง ถือชิ้นหมูผูกติดปลายไม้กําลังได้แหย่ไฮซินธ์ พยายามจะกอดและจับ ไฮซินธ์สะบัดสุดแรง จันจึงปราดเข้าไปขวางจึงเกิดต่อสู้กันขึ้น เคนเข้าช่วยด้วย พวกอันธพาลเลยหนีกระเจิง จันและไฮซินธ์จึงรู้จัก สนิทกันตั้งแต่นั้น จนเกิดเป็นความรักในที่สุด จันมักเอาดอกผักตบชวาให้ไฮซินธ์เสมอ เพราะไฮซินธ์ชอบ ไฮซินธ์ชวนจันเรียนภาษาตอนกลางคืน โดยพาไปรู้จักกับพ่อที่บ้าน ซึ่งเป็นแขกยาม

จันผละจากไฮซินธ์กลับบ้าน ตอนกลางคืนต้องปีนรั้วเข้าบ้าน เกือบจะเหยียบหัวบุญชัยที่กําลังย่องผ่านกําแพง เข้าหานางละเมียด ซึ่งเป็นเด็กรับใช้ของบุญเลื่อง จันเห็นเหตุการณ์โดยตลอด เคนมาชวนจันไปหาสร้อยทอง เด็กรับใช้อีกคนหนึ่ง โดยให้จันนอนกับสร้อยทอง สร้อยทองไม่ยอม แต่ทนต่อการบังคับของเคนไม่ได้ เลยจําใจนอนกับจัน จันก้มตัวกอดสร้อยทอง หน้าซบที่อกสร้อยทอง ทําท่าเหมือนจะเป็นกิริยาเซ็กซ์ แต่เปล่าเลย เขากับแนบหน้าเหมือนต้องการความอบอุ่น พลางร้องไห้ ซ้ำคร่ำครวญเรียกหาแม่น้ำตาไหลพราก

เคนนั่งพิงโดนไม้คอยเวลาให้จันนอนกับสร้อยทองให้เสร็จ สูบบุหรี่ ฮัมเพลงอย่างมีความสุข สร้อยทองก็ผลุนผลันหน้าตื่นออกมา เคนนึกว่าเสร็จแล้ว ทันใดจันก็เดินเช็ดน้ำตาออกมาไม่สนใจเคนและสร้อยทอง เคนจึงหันไปเล่นงานสร้อยทอง หาว่าสร้อยทองขัดใจจัน สร้อยทองบอกว่าตามใจทุกอย่างแล้ว แต่ทําไม จูบที่อกแล้วร้องไห้แถมยังเรียกว่าแม่ เคนแปลกใจและไม่เข้าใจ สร้อยทองเลยชวนเคนเข้าห้องต่อไป

จันเดินผ่านหน้าตึก ห้องนั่งเล่นของบุญเลื่อง เพื่อจะไปเรือนพักของตน เห็นไฟห้องนั่งเล่นยังเปิดอยู่ และหน้าต่างก็ยังไม่ได้ปิด จันจึงเข้าไปปิดหน้าต่างทุกบานแล้วก็มาปิดโคมไฟ บุญเลื่องในชุดบาง ๆ สั้นแบบเบบี้ดอลล์นอนเล่นอยู่บนโซฟายาว ทํานองหลบนอนอยู่ เอ่ยกับจันว่า ดับเสียเลยก็ดีเหมือนกัน จันสะดุ้งเฮือก เพราะไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ตรงนั้น บุญเลื่องเลยชวนจันอยู่เป็นเพื่อน อ้างว่าอยู่เงียบ ๆ ไม่มีเพื่อน ต้องการเพื่อนสักคน และเดินเข้ามาหาจัน โอบกอดและลูบศีรษะอย่างเอ็นดู ร่างจันสั่นเทิ้ม อบอุ่น สารภาพว่าตัวไม่มีแม่ จะ มีพ่อสักคนเขาก็ปฏิเสธ บุญเลื่องพาจันมาที่หน้าต่าง ขี้ให้จันดูภาพที่ประตูห้องของละเมียด ซึ่งบุญชัยกําลังเดินออกมา ละเมียดออกมาส่ง ทั้งสองกอดจูบกัน บุญเลื่องบอกว่าที่ตนยังไม่นอน จนต้องแอบมาอยู่ในห้องนั่งเล่นมืด ๆ เพื่อจะพิสูจน์ความชั่วของบุญชัย ว่าโสโครกแค่ไหน... กินไม่เลือก แม้แต่คนใช้และคนครัว จันเข้าใจและเห็นใจบุญเลื่อง ตอนจะจากกัน บุญเลื่องยื่นหน้ามาจูบหน้าผากจันหนึ่งที จันเงอะเงิ่นยกมือไหว้พลางถอยออกประตูไป

จันเข้าไปที่เรือนเขียว เพราะคิดถึงแม่อยากจะมาดูรูปแม่ แต่ปรากฏว่าภาพของคุณวรรณาหายไปเสียแล้ว จึงขึ้นไปดูที่ห้องสมุด จันเปิดประตูพรวดพลาดเข้าไป พบบุญชัยกําลังเล่นจ้ำจี้อยู่กับสร้อยทอง บุญชัยโกรธมากคว้าตะพดจะตีหัวจัน จันเลยผลักเสียกระเด็นแล้ววิ่งหนีไป บุญชัยไล่ตามอย่างไม่ลดละ บุญเลื่องจึงเข้ามาขวางและว่าจะตีเด็กจันให้ตายน่ะเรื่องเล็ก แต่เรื่องของบุญเลื่องใหญ่กว่า จึงพาบุญชัยไปเจรจาในห้อง โดยขอหย่าขาดจากการเป็นผัวเมีย บุญชัยไม่ยอม บุญเลื่องยกเหตุผล ทั้งปลอบและขู่ จนบุญชัยยอม แต่ต้องให้บุญเลื่องอยู่ในบ้านวิสนันท์ก่อน เหตุการณ์ครั้งนี้ บุญชัยพาลโกรธแค้น และอาฆาตจันมากขึ้น

จันกลับจากโรงเรียน อากาศร้อนอบอ้าว จึงเดินไปที่เรือนพักของบุญเลื่องเปิดพัดลมนอนเล่น บุญเลื่องนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ เดินมา นอนคว่ำที่โซฟาแล้วเรียกให้จันเอาน้ำแข็งมาถูหลังให้ จันทําตามคําสั่งทุกอย่าง จนทนต่อความเย้ายวนไม่ไหว เลยได้เสียกับบุญเลื่อง

จันเดินกลับที่พักอย่างละเหี่ยใจ ได้ยินเสียงแก้วกับเคนอยู่ในห้อง พยายามเปิดประตูแต่ไม่ออก จันเลยปืนขึ้นทางหน้าต่าง เห็นแก้วถูกมัดนอนดิ้นอยู่บนเตียงและร้อง เคนกําลังปลุกปล้ำจูบแก้วอยู่ จึงปราดไปกระชากเคนออกจากแก้ว แล้วต่อยอย่างไม่ปรานี แก้วตะโกนร้องให้คนช่วย วาดจึงเข้าประตูมา พร้อมด้วยนางพุ่มและสร้อยทอง แก้วบอกแม่ว่า จันคนที่แม่รักนั้นแหละพามามัดไว้ในห้อง ดีแต่เคนมาช่วยไว้ ไม่งั้นป่นปี้หมดแล้ว จันยืนเซ่อ งงไปหมด แก้วจึงวิ่งออกจากห้องไปฟ้องคุณพ่อ บุญชัยโกรธมาก ถึงวาดบอกว่า จะฟังความข้างเดียวอย่างไร เพราะรู้สันดานลูกสาวดีว่า เป็นคนโกหก จันแอบฟังทั้งสามถกเถียงกันอยู่ จึงเดินเข้าหาบุญชัย บุญชัยด่าประณามว่าเป็นลูกโจรไม่ทิ้งกําพืด จึงเกิดต่อสู้กันขึ้นจนถูกไล่ออกจากบ้าน จันจึงไปอยู่กับตาที่พิจิตร โดยคุมไร่และต้อนฝูงวัว และวันหนึ่งได้ถามตาถึงประวัติการเกิดของตัวเอง ว่า เป็นลูกใครกันแน่ พ่อที่แท้จริงอยู่ที่ไหน และทําไมบุญชัยด่าว่าเป็นลูกโจร กํานันวอนจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้จันฟัง

วรรณาแม่ของจันเป็นคนสวย วันหนึ่งได้ขี่ม้าออกไปกลางทุ่ง จอม (วิทยา สุขดํารงค์) ซึ่งหลงรักแม่ของจัน ได้พาพรรคพวกฉุดหนีเข้าป่าไป ตํารวจตามไปล่าและได้ยิงจอมกับพรรคพวกตาย แม่ของจันท้อง กํานันวอนเลยไปขอร้องให้บุญชัยรับเป็นสามี เพื่อเกียรติของแม่และตา ทรัพย์สมบัติทั้งหมดเลยต้องยกเป็น ของบุญชัย จันฟังกํานันวอนเล่าจบ คิดน้อยใจตัวเองและแค้นบุญชัยยิ่งขึ้น จึงห้อม้าเข้าทุ่งไป

วาดมาหากํานันวอนที่พิจิตร โดยมาเจรจากับจัน ให้ฉันไปแต่งงานกับแก้วซึ่งกําลังท้อง โดยไม่รู้ว่า ใครเป็นพ่อเด็ก เพื่อเกียรติของบุญชัย วาดจึงมาขอร้องให้จันรับแก้วเป็นเจ้าสาว กํานันวอนเห็นทางจะแก้แค้นเอาสมบัติเก่าของลูกสาวคืนมาได้ จึงให้จันรับปาก แต่มีข้อแม้ว่า ต้องเจรจากับบุญชัยก่อน โดยจะต้องให้บุญชัยโอนทรัพย์สินทั้งหมดของแม่จันคืนให้กับจัน บุญชัยไม่มีทางเลือก จึงยอมตกลงตามข้อเรียกร้องทุกอย่าง

จันไปพบกับเคนที่โต๊ะบิลเลียด ทั้งสองเกิดทะเลาะกัน จันต่อว่าเคนไม่ยอมรับแก้วเป็นเมียทั้ง ๆ ที่รู้ว่าแก้วท้องกับเคน เคนไม่ยอมรับเพราะกลัวบุญชัย และกลัวแม่พุ่มจะถูกไล่ออกจากบ้าน ทั้งสองเลยเกิดต่อสู้กัน จนต้องหนีตํารวจออกมาด้วยกัน เคนเล่าให้จันฟังว่า บ้านไฮซินธ์ถูกไฟไหม้ พ่อไฮซินธ์ถูกไฟคอกตาย ส่วนไฮซินธ์ตาบอด จันจึงขอร้องให้เคนช่วยตามหาไฮซินธ์ ถึงแม้จะต้องขายสมบัติหมดพิจิตรก็ยอม เพื่อเป็นค่ายารักษาตาไอซินธ์

วันแต่งงานกับแก้ว ถึงเวลาส่งตัว จันไม่ได้นอนกับแก้ว ทรมานแก้วต่าง ๆ นา ๆ แล้วก็เปิดประตูห้องออกไปหาบุญเลื่อง บุญชัยเห็นจึงตามไปดู เห็นบุญเลื่องแสดงบทพิวาสกับจัน โกรธจนทนไม่ไหว ปากหยุกหยิกเหมือนสันนิบาตด้วยความแค้น ถึงล้มหงายตึงอยู่กับพื้น จันเห็นบุญชัยล้มอยู่กับพื้นเช่นนั้น ก็ผละจากบุญเลื่องออกจากห้องไป ปล่อยให้บุญเลื่องอารมณ์ค้างอย่างหัวเสีย

จันก้มลงกระซิบที่ข้างหูบุญชัยว่า “เท่านี้แหละคุณบุญชัย ผมขอเท่านี้ อโหสิให้กับชัยชนะครั้งสุดท้ายของผมเถอะนะ หัวเราะทีหลังผมก็ต้องหัวเราะดังกว่าคุณอย่างนี้แหละ คุณคงอยากหัวเราะ แต่ไม่สําเร็จหรอก ตลอดชีวิตต่อไปนี้คุณจะเป็นง่อยสันนิบาตไปครึ่งตัวหรืออาจเต็มตัว ทรมานไปจนตายตามเวรานุเวรที่คุณได้สร้างกรรมไว้กับผู้อื่น จําไว้นะ หมองูย่อมตายเพราะงู คนที่คิดว่าคนเก่ง เก่งในกามกิเลส ย่อมต้องตายไปทีละน้อย ด้วยกิเลสดังนี้แฮ..สวัสดี”

จันผละไป บุญชัยชักกระตุกเป็น สันนิบาตไปครึ่งตัว พยายามจะพูดว่าจันบ้าง แต่ก็ยิ่งน่าทุเรศทั้งท่าและเสียง จันเดินมาพบเคนซึ่งแอบซุ่มอยู่ จันให้เคนขึ้นไปหาแก้ว เมียของเคนบนห้อง เคนเปิดประตูให้จันดูในห้อง จันถึงตาค้าง เพราะในห้องบุญเลื่องกับแก้วกําลังเล่นเลสเบี้ยน ปลดเปลื้องอารมณ์ค้างของกันและกันอยู่อย่างไม่สนใจใคร ทั้งสองจึงเดินออกจากห้องไป
เคนพาจันไปพบไฮซินธ์ที่โรงเรียนภารตะแห่งหนึ่ง จันเห็นไซซินธ์ตาบอด กําลังสอนเด็กอนุบาลร้องเพลง เคนกับจันเดินไปหาไฮซินธ์ จันล้วงเอาดอกผักตบชวาในอกเสื้อให้ไฮซินธ์ ไฮซินธ์จึงรู้ว่าจันมา ไฮซินธ์ปลาบปลื้มใจที่สุด ร้องเพลงไป ร้องไห้ไปอย่างปิติ ไฮซินธ์และจันต่างจับมือบีบกันแน่นเหมือนจะไม่ยอมผละจากกันอีก

บางฉากในภาพยนตร์ที่สูญหาย จากเพจ เรื่องย่อหนังไทยในอดีต @RuengYorNangthai

บางฉากในภาพยนตร์ที่สูญหาย จากเพจ เรื่องย่อหนังไทยในอดีต @RuengYorNangthai

จัน ดารา – ไฮซินธ์ (สมบูรณ์ สุขีนัย-จันทร์แรม ปวงจักรทา) ปี 2520

คอลัมน์ “แหวกม่านบันเทิง” โดย อาร์ต หลักสี่


กำลังโหลดความคิดเห็น