สกู๊ปพิเศษ : “ท็อป-ไทด์” นักบุญคู่แฝด! (มีคลิป)

คอลัมน์ “เปิดกรุส่องดารา” พบกันทุกวันศุกร์ #เปิดกรุส่องดารา #ละครออนไลน์

“ท็อป-ไทด์” นักบุญคู่แฝด!

บิณฑ์ น่ะหรือ – ให้มากกว่าขอ !! ขอ “หกสลึง” ให้ 50 บาท, ขอ “10 บาท” ให้ 100 บาท เป็นอย่างนี้ตั้งแต่สมัยก่อนเข้าวงการ แม้จะถูกหลอกจากนักต้มตุ๋นก็ตาม อยากรู้ต้องอ่าน !



ในช่วงนี้ เราคงได้เห็นภาพและข่าวว่า บิณฑ์ – เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ แฝดพี่น้องในวงการบันเทิงเดินไปยังชุมชนแออัดหลายแห่ง เพื่อแจกเงิน 500 บาทพร้อมด้วยหน้ากากอนามัย ในช่วงที่เมืองไทยและเกือบทุกประเทศในโลกพบการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด–19 ... นี่เป็นอีกภาคหนึ่งของอดีตพระเอกหนังไทยที่ทำงานด้านสังคมสงเคราะห์ให้กับมูลนิธิร่วมกตัญญู...คนที่พักในบ้านที่เขาย่ำเดินเข้าไปนั้น คือ บุคคลที่รัฐมองส่องไปไม่ถึง, ไม่เข้าเกณฑ์ อาจจะเรียกพวกเขาว่า “ประชาชนชั้นสอง” หรือ “พลเมืองหมายเลขศูนย์” ก็ได้ จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ... ในสถานการณ์นี้ ภาพเหล่านั้นทำให้เรารู้ว่า สังคมบ้านเรานั้น มีความเหลื่อมล้ำในอัตราที่สูงมากเลยทีเดียว บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ บุกเบิกงานสังคมสงเคราะห์หลังเป็นพระเอกภาพยนตร์ได้เพียงไม่กี่ปี ... จากนั้นพี่น้องคู่นี้ก็ทำงานควบคู่กันมาตลอดทั้งงานบันเทิงและงานสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิ งานด้านนี้ เอกพันธ์ ถือว่า เป็นมือรองช่วยเหลือพี่ชายในการทำงาน

เริ่มต้นครั้งแรก จากการช่วยเหลือคนติดซากตึกถล่มที่หน้าโรงหนังเอเธนส์ บริเวณถนนราชเทวี ที่ตอนนั้นทางมูลนิธิได้ประกาศร้องขอ เพราะมีกำลังคนน้อย แม้ว่าเครื่องไม้เครื่องมือจะพร้อมและครบก็ตาม นั่นคือ จุดเริ่มต้นที่บิณฑ์ก้าวไปยืนตรงนั้น และร่วมทำงานเป็นครั้งแรก .... คนสูงวัยหน่อย น่าจะคุ้นเคยกับภาพที่เขาไปช่วยดูแลคนที่มากราบไหว้บูชา “เสด็จพ่อ ร. 5” ณ ลานพระราชวังดุสิต ในวันอังคารและวันพฤหัสที่นิยมกันเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว หรือในเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งสำคัญๆ มักจะมีพี่น้องคู่แฝดคู่นี้ ปรากฏตัวร่วมอยู่ด้วย ดังเช่น เหตุการณ์ “แก๊สระเบิด” ที่ถนนเพชรบุรีตัดใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2533 , เหตุการณ์สึนามิในประเทศไทย เมื่อ 26 ธันวาคม 2547, เหตุการณ์ไฟไหม้ซานติก้าผับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม ปี 2552, เหตุการณ์หมูป่าติดถ้ำหลวง ปี 2561 หรือ แม้แต่เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ จ. อุบลราชธานี เมื่อปี 2562 จนถึงล่าสุด ... งานแจกจ่ายเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ในช่วงโควิด-19 อย่างในปัจจุบัน แม้จะเป็นเงินเล็กน้อย แต่สำหรับคนจนแล้ว เงิน 500 บาทก็แลกอาหารได้หลายมื้อ

เขาทั้งคู่ คือ ผู้จุดประกายในกลุ่มดาราคนอื่นๆ เข้ามาทำงานกับมูลนิธิมากขึ้น วันนี้ ทั้งคู่อายุมากถึง 58 ปีแล้ว ถอยห่าง งานบันเทิงน้อยลงตามอายุและประสบการณ์ที่มากขึ้น

เส้นทางของแฝดสองพี่น้องคู่นี้ เกิดเมื่อ 27 พฤษภาคม 2505 เป็นคนสระแก้ว จ.ปราจีนบุรีในสมัยนั้น ซึ่งปัจจุบันได้ยกอำเภอสระแก้วขึ้นเป็นจังหวัดแล้ว แม่ปรางทิพย์ บรรลือฤทธิ์ ท้อง 3 ลูก 4 พ่อเป็นข้าราชการ มีเงินเดือนน้อยมาก เมื่อเทียบกับภาระที่ต้องดูแลครอบครัว ดังนั้น บิณฑ์ จึงต้องทำงาน ควบคู่ไปกับการเรียนหนังสือ ในคราวหนึ่ง ตอนเล็กๆ แอบแม่ไปชกมวยในงานวัด ปรากฏว่า แพ้ โดนคู่ชก เล่นซะหน้าตาบวม กลับถึงบ้าน แม่โกรธมาก เจอตีเข้าให้อีก เพราะแม่บอกว่า เลี้ยงดูไม่เคยตีลูก ไปให้คนอื่นตีมาใช้ได้ที่ไหน เรื่องบู๊ขอให้บอก ! บิณฑ์ถนัด ... ตอนที่เข้ากรุงเทพฯ มาเรียนที่ไทยโปลีเทคนิค สมัยเรียนใหม่ๆ มีพวกเพื่อนล้อว่า “ไอ้เสี่ยว” ! บิณฑ์เลยซัดตูม ! เข้าให้ จากนั้น ก็ไม่มีใครกล้ามาข้องแวะหยอกล้ออีกเลย

อย่างที่บอกว่า ครอบครัวเป็นคนยากจน และในบางคราวก็จะรับของแจกจากมูลนิธิร่วมกตัญญูบ้าง มูลนิธิปอเต็กตึ้งบ้าง นั่นคือ ภาพประทับที่ติดอยู่ในใจเสมอว่า สักวัน... หากเขามีโอกาสที่ดีกว่านี้ จะเป็น “ผู้ให้” ! เหมือนที่ครอบครัวเขาเป็น “ผู้รับ” ในอดีต

เรื่องแจกเงิน ทำให้นึกถึงเรื่องเก่าๆที่บิณฑ์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ แม้จะเป็นเรื่องที่เขาถูกมิจฉาชีพหลอก ก็สามารถอธิบายถึงตัวตนของเขาได้ เพราะเขา “ให้มากกว่าร้องขอ” เสียอีก
วันหนึ่งขณะที่เขายืนรอรถเมล์ ชายชราคนหนึ่งมาขอเงินค่ารถเมล์ หกสลึง ! บิณฑ์ใจดี ให้ไป 50 บาท และบังเอิญว่า ทั้งคู่ต้องนั่งรถคันเดียวกัน เลยมีโอกาสคุยกัน ว่าแล้ว ชายชราก็ดูดวงให้ ทักว่า จะตายใน 7 วัน ต้องแก้เคล็ด เสียเงินทำพิธีสะเดาะห์เคราะห์ ! แต่เมื่อบิณฑ์ไปให้หมอที่เคยไปดูดวงประจำ กลับบอกว่า ดวงไม่เป็นอะไรเลย ! - งานนี้ ขอ หกสลึงให้ 50 บาท

อีกคราวหนึ่ง ผู้หญิงแต่งตัวนักศึกษา หน้าตาดี มาขอเงิน 10 บาทเพราะไม่มีเงินกลับบ้าน ฝ่ายบิณฑ์ก็ควักไปให้ 100 บาท ! แถมบอกว่า มืดแล้ว อย่ากลับรถเมล์เลย เรียกแท็กซี่ไปเถอะ ... ว่าแล้วก็เดินกลับเข้าบ้านไป หันหลังกลับมาดู ปรากฏว่า มีเพื่อน 3-4 คน เดินเข้าหาผู้หญิงคนนั้น เธอถือธนบัตรให้เพื่อนๆดูกัน สันนิษฐานว่า โดนหลอกอีกแล้ว – งานนี้ ขอ 10 บาทให้ 100 บาท
จะบอกว่า เขาคือ ผู้มีแต่ให้ ! (แม้จะถูกหลอก) ก็คงไม่ผิดนัก ...

ครั้งที่บิณฑ์ยังไม่ได้เป็นนักแสดง อยู่กับ “สมนึก เอี่ยวเจริญ” ผู้จัดการของ “เอก” สรพงษ์ ชาตรี ต่อมาจึงได้รู้จักกับคมน์ อรรฆเดช เมื่อมาเล่นหนังจึงมาอยู่ในสังกัดของ บ. โคลีเซี่ยม อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด หลังจากที่คมน์ เสียชีวิตไปเมื่อปี 2555 พรพิมล มั่นฤทัย ได้ดูแลกิจกรรมด้านภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ โดยผลิตละครให้กับช่อง 7 HD ดังนั้น ละครหลายเรื่องของโคลีเซี่ยมในยุคนี้ ก็คือการรีเมกเป็นภาพยนตร์ในยุคนั้น

ทั้งคู่เข้าวงการเมื่อปี 2527 หนังเรื่องแรกของบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ คือ “ข้ามากับพระ” นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี และสรพงศ์ ชาตรี และชื่อ “บิณฑ์” นี้ คมน์นำชื่อตัวละครของหนังเรื่องนี้ ที่สรพงศ์เป็นผู้แสดงมาตั้งให้ แต่ชื่อจริงๆของเขาคือ “ท็อป บรรลือฤทธิ์” ในขณะที่น้องชาย ชื่อ “ไทด์” ใช้ชื่อในวงการว่า “เอกพันธ์”
บิณฑ์ เริ่มจากงานหนัง ส่วนเอกพันธ์ เริ่มจากงานละคร งานแสดงของทั้งคู่ เริ่มเมื่อปี 2527

บิณฑ์ มีผลงานภาพยนตร์ ไม่ต่ำกว่า 76 เรื่อง มีละครอีก 36 เรื่อง (ไม่นับรวมละครสั้น จบในตอนอีก 9 เรื่อง) เขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง ตำรวจเหล็ก (2529) คู่กับมาช่า วัฒนพานิช, รอยไถ (2532) คู่กับชุติมา นัยนา และบางระจัน (2543) และได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ในฐานะดารานำชายดีเด่นจากเรื่อง แผลเก่า (2531) นำแสดงคู่กับ ชุติมา นัยนา
เชื่อหรือไม่ว่า บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ยังเคยรับบทพระเจ้าโปรุส หรือเรียกเป็นภาษาสันสกฤตว่า เปารวะ ในหนัง “อเล็กซานเดอร์ มหาราชชาตินักรบ” ซึ่งเป็นภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์ของฮอลลีวูด กำกับโดย โอลิเวอร์ สโตน ออกฉายในปี ค.ศ. 2004

ภาพยนตร์ที่บิณฑ์แสดงนั้น อาทิ ข้ามากับพระ, รักฤาเสน่หา, บุกเดี่ยว, ผัวเชลย, จงรัก,ลุยรำมะนา,ตะวันเพลิง, คนดิบ, ปลายทางฉิมพลี, ทับทิมโทน, ปลัดเพชร บ่อพลอย, ตำรวจเหล็ก, ผีสำออย, บางระจัน, รักทรมาน, เพลงสุดท้าย,มูเซอดำ, นส. บังอร , ไอ้หนูภูธร, ทับเทวา ฯลฯ และยังเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ อาทิ มนต์รักลูกทุ่ง, ตำนานกระสือ, ช้างเพื่อนแก้ว, เดอะโกร๋น ก๊วนกวนผี, ปัญญา-เรณู , ปัญญา-เรณู 2 , ปัญญา-เรณู 3 (รูปูรูปี) , กรรไกร ไข่ ผ้าไหม, กระสือครึ่งคน, ทองดี ฟันขาว, ฮักบี้ บ้านบาก
บิณฑ์มีงานแสดงกับค่ายโคลีเซี่ยม ที่ผลิตละครให้ช่อง 7 HD เป็นครั้งคราว เช่น ข้ามากับพระ ปี 2558 และตะกรุดโทน ปี 2562 เป็นต้น

ผลงานการแสดงของบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ส่วนใหญ่ เป็นหนังและละครใน แนวบู๊ จะมีบทบาทอื่นๆบ้างก็ประปราย ยิ่งบทประเภทถึงเนื้อถึงตัวนั้น นับว่า “น้อยมาก” แต่ใช่ว่าจะไม่มี .... อย่างเช่น ปลายทางฉิมพลี หรืองานโรแมนติกอย่างหนังเรื่อง จงรัก เป็นต้น

ส่วนงานของเอกพันธ์ น้องชายหนักไปทางคอมเมดี้เป็นส่วนใหญ่ แฝดน้องผู้นี้ มีงานภาพยนตร์น้อยกว่าพี่ชาย ราว 35 เรื่อง ส่วนละครมีมากกว่าพี่ชาย ราว 100 เรื่องที่ได้แสดง ในอดีตนั้น เอกพันธ์มีผลงานละครเด่นๆ ในยุคแรกๆ หลายเรื่อง เช่น แม่นาคพระโขนง คู่กับ ตรีรัก รักการดี (ช่อง 3 – 2532), สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (ช่อง 3 – 2530), แก้วขนเหล็ก (ช่อง 3 -2534) และละครที่คุ้นเคยกันทางช่อง 7 HD เช่น นางชฎา, เจ้าพายุ, ทิวลิปทอง, มหาหิน, ชาติลำชี, จ้าวสมิง และที่กำลังถ่ายทำอยู่ตอนนี้คือ ทะเลเดือด และคนเหนือคน เป็นต้น

เพจของบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ มีผู้ติดตามราว 8 ล้านกว่าคน และ ผลการสำรวจของ กรุงเทพโพลล์ โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เผยแพร่เมื่อ 29 ธันวาคม 2562 พบว่า บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ (นำทีมกู้ภัยช่วยเหลือน้ำท่วมที่อุบลราชธานี) ได้คะแนนถึง 59.42 % เป็นบุคคลแห่งปีที่น่าชื่นชมยกย่อง 1 ใน 5 และ 4 คนที่เหลือคือ ตูน บอดี้สแลม, เจ้าคุณอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ, ปวีณา หงสกุล และ บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี

สำหรับคนยากจน ผู้ทนทุกข์ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เขาคือ นักบุญ ! ผู้สาดประกายแห่งความหวังไปยังสังคมของคนด้อยโอกาส ! ...