xs
xsm
sm
md
lg

ไดมอนด์อายส์ ตา-สัมผัส-ผี 2 ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ไดมอนด์อายส์ ตา-สัมผัส-ผี 2 ตอนที่ 1: ล่าตัว THE SUN
ชื่อสากล :Diamond Eyes 2
บทโทรทัศน์ : สายขิม

ตึกสูงราว 6 ชั้น ดูหรู ย่านชานเมืองโดดเดี่ยว ในเวลากลางคืน ท่ามกลางความมืด บริเวณหลังพุ่มไม้ รถหน่วยสวาทจอดรถเทียบอย่างเงียบเชียบ
หมวดสารินและจ่าจักรกระโดดนำทีมหน่วยสวาทชุดดำราว 10 คนพร้อมอาวุธครบมือลงจากรถ ก่อนจะโบกมือเป็นสัญญาณให้กระจายกำลังซุ่มไว้
หมวดสารินพูดกับอินเตอร์คอม(แบบเสียบหู) ติดต่อไปที่แอ๊บบี้เจ้าหน้าที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน (ฝ่ายเก็บข้อมูล)ที่อยู่ในรถตู้ปฏิบัติการของหน่วย DEI
"แอ๊บบี้นี่มันเกิดอะไรขึ้น ปฏิบัติการอะไรถึงได้ต้องด่วนต้องจัดเต็มขนาดนี้"
หมวดสารินถามอย่างสงสัยปนตื่นเต้น

ภายในรถ แอ๊บบี้นั่งข้างเจ้าหน้าที่ชายหน้าคอมในรถตู้ใส่หูฟังสีหน้าเคร่งเครียด โดยมี “จ่าวาว” ตำรวจสวน้องใหม่ในหน่วยลุคเนิร์ดๆใส่แว่นหนา หน้าตาตื่นๆเงอะงะ นั่งชะเง้ออย่างตื่นเต้นทางด้านหลัง เธอเพิ่งเข้ามาฝึกงานเป็นผู้ช่วยแอ๊บบี้ฝ่ายเจาะข้อมูลไอที การทำงานวันแรกของเธอก็โดนลากมดูงานกับหน่วยปฎิบัติการกับคดีสำคัญซะแล้ว
แอ๊บบี้ตอบสาริน "ปฏิบัติการลับจับตัว THE SUN ค่ะหมวด!"
ขณะนั้น หมวดสารินที่ซุ่มอยู่ก็ตกใจ
"ห๊า...เดอะซัน เลยเนี่ยนะ? นี่เรารู้ตัวมันแล้วเหรอ? รู้ได้ยังไง? แล้วใครเป็นคนสั่งการคุมภารกิจสำคัญขนาดนี้"
" ผู้กองเพชรค่ะ"
หมวดสารินตกใจกว่าเดิม "ผู้กองเพชร?ได้ไง ก็ผู้กองลาออกไปแล้วนี่ นี่มันอะไรกัน"
"ไม่มีเวลาอธิบายแล้วค่ะ ผู้กองแฝงตัวเข้าไปในตึกชั้นบนแล้ว หมวดเตรียมพร้อมรอคำสั่งบุกจากผู้กองเท่านั้นค่ะ"

หน่วยDEIซุ่มบริเวณมุมผนังพร้อมปืน ด้านหลังของเดอะซันในชุดสูทสีดากึ่งยากูตะแบบญี่ปุ่นลายแนวยากูซ่าเดินไปตามทางเดิน มีการ์ด2คนคือ บอสกับดีเจติดตามดูแลความปลอดภัยให้อยู่
เดอะซัน..เดินไปเบื้องหน้าอย่างสง่าตรงไปที่ห้องวีไอพีที่ดูโออ่าตกแต่งแบบจักรพรรดิ์ญี่ปุ่น
ด้านหลัง ... ผู้กองเพชรสวมหมวกซุ่มอยู่อย่างตื่นเต้นมีอินเตอร์คอมเสียบหูไว้ ดูลุ้นๆ

บนรถตู้ หมวดสารินวิ่งพรวดขึ้นมา ทุกคนบนรถตกใจ
"อะไรของหมวดเนี่ย ทำไมไม่รอคำสั่ง" แอ๊บบี้ถาม
"ผมให้จ่าจักรเตรียมรับคำสั่งแล้ว บอกผมก่อนมานี่มันอะไรกัน?"
"ผู้กองเพชรได้หลักฐานและรู้ตัวแน่ชัดแล้วค่ะว่าเดอะซันคือใคร"
"สุดยอดนี่หมายความว่าที่ผู้กองลาออกเพื่อตบตามัน" หมวดสารินเพิ่งเห็นตำรวจน้องใหม่ "แล้วนี่ใคร?"
"น้องใหม่ฝึกงานเจาะข้อมูลค่ะ"
จ่าวาวตะเบ๊ะท่าทางเงอะงะ "จ่าวาวรายงานตัวค่ะ"
"ผมลา 3 วันนี่ ยังไม่อะไรที่ต้องรู้อีกมั้ยเนี่ย"
หมวดสารินมองวาวแปลกๆแบบจะไหวเหรอ ก่อนได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่DEIจากอินเตอร์คอม
DEI ... "ทุกหน่วยปฎิบัติการได้"

เดอะซันกำลังก้าวเดินเข้าห้อง
ผู้กองเพชรออกจากมุมผนังจะตามไป แต่แล้วไฟทั้งตึกก็ดับพรึ่บ !
เสียงสัญญาณจากอินเตอร์คอมซ่าไปหมดเพราะได้รับสัญญาณกวน

จ่าจักรและหน่วยสวาท 10 คนเพิ่งผลักประตูบันไดหนีไฟเข้ามา ทันใดนั้นไฟก็ดับพรึ่บ!
ทุกคนอยู่ในความมืด เปิดเข้าห้องที่มีตัวประกัน ผู้กองเพชรเข้าไปช่วยตัวประกัน
“ผู้กองออกไปเร็ว มันเป็นกับดัก พวกมันจับได้ว่าผมเป็นสายลับให้ ตร. หนีไปเร็วผู้กอง”
ผู้กองเพชรไม่ฟังเสียง เขายังคงช่วยตัวประกัน
เห็นระเบิดที่ผูกไว้กับตัวประกัน ...

หมวดสาริน จ่าจักรและหน่วยสวาท 10 คนที่กำลังวิ่งบันไดหนีไฟขึ้นไปชั้นบน โดนหางเลขถึงแรงระเบิดอัดจากชั้นถัดไปอย่างฉิวเฉียด
ทุกคนกระเด็นกระดอนไปคนละทิศ

เหนือตึกสูง ฟ้ามืดในยามค่ำ เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งพาThe sun และกลุ่มคนร้ายบินออกมาจากกลุ่มควันหายไป

บนจอโทรทัศน์ เป็นภาพนักข่าวช่องMONO29 รายงานการตายของผู้กองเพชร ภูมิไท

บริเวณโรงพยาบาล เอมิยืนร้องไห้อยู่ หลังรู้ข่าวว่าพ่อเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติงาน

ภายในห้องประชุม ในหน่วย DEIแอ๊บบี้ร้องไห้ พร้อมเสียงพูดต่อเนื่อง...
“ฉันทนรับเรื่องนี้ต่อไปไม่ไหวจริงๆค่ะ ฉันขอผิดชอบทุกอย่างด้วยการลาออก!”
ทุกคนในหน่วยที่นั่งอยู่ตกใจ แอ๊บบี้ยืนหน้าห้อง
หมวดสารินบอก“มันไม่ใช่ความผิดคุณนะ”
“ใช่สิคะ ทำไมจะไม่ใช่ หมวดก็อยู่ตรงนั้น ...ผังตึกก็ยืนยันแล้วว่ามีบันไดวนอยู่อีกทางจริงๆ”
จ่าวาวนั่งนิ่งรู้สึกไม่ดี
“แต่คุณไม่ได้ตั้งใจ ใครๆก็รู้ทั้งนั้น ไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนี้หรอก”
จ่าจักรบอก“ใช่ครับ...เหตุการณ์วิกฤติแบบนั้น มันชุลมุนมาก”
“แต่ฉันรับไม่ไหวแล้วจริงๆ” แอ๊บบี้ร้องไห้สะอื้น “ฉันทำหน้าที่ต่อไม่ได้แล้ว ฉันทนการสูญเสียแบบนี้ไม่ได้อีกแน่ๆ”
“งั้นผมจะทำเรื่องขอให้คุณพักยาว สักเดือนสองเดือนเลยก็ได้ ผมจะเข้ากรมเอง”
“อย่าเลยค่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว ตอนนี้ก็มีจ่าวาวมารับหน้าที่แทนแล้ว”
“เอ่อ...คือ...วาว...ยังไม่พร้อม” จ่าวาวว่า
“พร้อมสิ มันพิสูจน์แล้วว่าคุณทำหน้าที่ได้ดีกว่าฉันซะอีก”
“แต่...”
“พอเถอะค่ะ....ยังไงฉันก็ไม่เปลี่ยนใจ เรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้กอง มันทำให้ฉันกลับมาเป็นแอ๊บบี้คนเดิม ไม่ได้แล้วจริงๆค่ะ อย่าพยายามกันอีกเลยนะคะ ฉันขอร้อง!”
แววตาร้าวรานแต่เด็ดเดี่ยวของแอ๊บบี้ทำให้ทุกคนในห้องประชุมถึงกับอึ้ง เสียใจแต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเธอ

เย็นวันนั้น เอมิเดินดูรอบๆห้องนอนของผู้กองเพชร ภูมิไท ผู้เป็นพ่อด้วยความคิดถึง
เอมิเดินมาหยิบรูปคู่ตัวเองและเพชรที่ตั้งอยู่หัวเตียงขึ้นมาดูทั้งน้ำตา
" พ่อใจร้าย....ใจร้ายที่สุด กว่าหนูจะได้เจอพ่อ กว่าหนูจะได้เรียกพ่อว่าพ่อ ทำไมให้เวลาหนูได้มีพ่อได้แค่นี้คะ ทำไม"
เอมิทิ้งตัวนอนบนเตียงเพชร ดึงหมอนที่พ่อเคยนอน ดึงผ้าห่มที่พ่อเคยห่มมานอนกอดร้องไห้
หมอก้อย จักษุแพทย์เดินเข้ามาในห้องเงียบๆ น้ำตาคลอลูบหัวปลอบใจเอมิ
"มีเวลาให้ได้รักดีกว่าไม่เคยได้รักเลยนะเอมิ พ่อเค้ารักเอมิมากนะ"
เอมิร้องไห้สะอื้น
"แต่หนู...หนู... ยังไม่เคยได้ยินพ่อบอกว่ารักหนูเลยสักครั้ง"
"แล้วหนูไม่รู้สึกถึงความรักของพ่อเหรอคะ ทุกอย่างที่พ่อทำเพื่อหนู เพื่อปกป้องหนู หนูรู้สึกใช่มั้ย"
เอมิร้องไห้...คิดตาม ก่อนจะพยักหน้าอย่างร้าวราน
หมอก้อยกอดเอมิไว้
"ถึงตอนนี้ความรักของพ่อก็ยังอยู่ หนูรู้สึกใช่มั้ยคะ"
"แต่หนูไม่รู้จะทำยังไงต่อ หนูจะอยู่ยังไง หนูไม่เหลือใครแล้ว"
หมอก้อยมองไปรอบๆห้องเหมือนมองหาเพชร ร้องไห้ไปด้วย
"ฉันเชื่อนะ ว่าพ่อของหนูจะดูแลปกป้องหนูเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เค้าจะหาทางเพื่อดูแลหนูให้ดีที่สุด ..." มองรอบๆ เหมือนขอคำตอบ "ใช่มั้ยคะ?..."

ซินนั่งหงอยอยู่อยู่ที่บ้านเพชร แสนแสบเอากาแฟมาให้ มองอย่างเห็นใจ
"ถ้าอยากดูแลเค้า...ก็ขอเค้าแต่งงานไปเลยดิวะ แมนๆกันไป"
ซินเหลือบมองแสนแสบอย่างหมั่นไส้
"ถ้ามันง่ายงั้นก็ดีดิวะ เอมิเพิ่งเข้าเรียนปีหนึ่ง ฉันก็ยังเรียนไม่จบ จะปัญญาที่ไหน?? ต่อให้ฉันออกมาหางานทำ...งานอะไรวะ ที่จะสร้างความมั่นคงด่วนๆชนิดที่จะดูแลเค้าได้ ?"
แสนแสบทำท่าคิด
"ก็ถ้าจะเอาแบบรวยเร็ว ได้เงินก้อนเป็นล้านๆ...ก็...." แสนแสบดีดนิ้ว เปาะ! ก่อนพูดต่อ
"ขายยาบ้า!"
ซินเอาฝาขวดน้ำปาหัวแสนแสบ เสียงดุ "ไม่ตลก!"
"ก็ไม่ได้ตลก พูดจริง...แต่ไม่ได้แนะนำให้ทำ...แค่บอกเฉยๆ"
ซินถอนใจ
"ตอนนี้ไม่มีผู้กองแล้ว เอมิคงต้องย้ายกลับไปอยู่กับตาที่ญี่ปุ่นแน่ๆ"
แสนแสบตบไหล่ "ใจเย็นๆ ค่อยๆคิด ฉันมีเซนส์ว่ะ..ว่างานนี้ จะพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย!"
ซินมองรอบๆบ้าน
"ใช่... ผู้กอง ผู้กองต้องช่วยผมนะ บอกผมหน่อยว่าต้องทำไงต่อไป ออกมาคุยกันหน่อยสิ"
แสนแสบกระโดดหลบทำท่าหลอนๆมองรอบๆบ้าน
"เฮ้ย! ....เรียกกันงี้เลยเหรอ เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆมั้ย ฉันหมายถึงพระเอกในโลกนี้ ไม่ใช่โลกโน้น" แล้วยกมือไหว้ "ถ้าเรียกกันขนาดนี้ รอเคลียร์กันหลังกูกลับก่อนก็ได้นะ"
ซินยังคงมองหาเพชร แสนแสบมองตามหลอนๆ

ภายในห้องเช่า คิตะคิวชู เมืองที่อยู่ทางเหนือสุดของเกาะคิวซู
หญิงสาวเด็กนักเรียนญี่ปุ่นกำลังถูกลวนลาม
แดเนียล บุกเข้าช่วยเหลือ

บริเวณริมแม่น้ำ
"เจ้านายครับ คนตระกูลซาโต้ มาทำลายแก๊งเราครับ"
"ส่งคนไปจัดการมัน"
บริเวณต้นคอของหัวหน้ามีรอยสัก ...

เวลาต่อเนื่องมา ซินเดินออกมานอกบ้าน มาตามหาเพชรด้วยความรู้สึกอัดอั้น
"ผู้กอง...ผู้กองอยู่ไหนครับ ผมรู้ว่าผู้กองยังอยู่"
ซินเดินตามหาไปเรื่อยๆ
"อย่าหนีหน้ากันแบบนี้สิครับ ผู้กองจะยอมให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้นะ"
แสนแสบแอบเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ มองซินอย่างหลอนๆ
"นั่น...เรียกกันแบบไม่จุดธูปงี้เลยเหรอวะ" แล้วพนมมือ ยกมือท่วม ไหว้ "พุทโธ ธัมโม สังโค ออกมาจริงๆจะทำไงเนี่ย"
แต่ในความกลัวก็ยังแอบนึกบางอย่างขึ้นได้
"แต่ถ้าได้คลิปผีผู้กองนี่ บล็อกไอ้แสบปังแน่ ...เอาวะ"
แสนแสบตัดสินใจ หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายไว้ แต่มือก็สั่น
ซินยังคงเดินวนหาเพชรอย่างหงุดหงิด เหมือนมีลมพายุพัดแรงขึ้นข้างนอกอย่างแปลกๆ
"ผู้กอง ... ผมจะไม่ยอมให้เอมิไปไหน ผู้กองได้ยินมั้ย ผู้กองต้องช่วยผม"
ลมแรงจนผ้าม่านสะบัดไหวไปหมด เหมือนมีบางอย่างตอบรับ
"ผมดูแลเอมิได้ ผู้กองก็รู้ว่าผมทำได้ แต่ผู้กองต้องช่วยผม หาทางออกให้ผมกับเอมิด้วย"
แสนแสบยิ่งมือสั่น แพลนกล้องไปเรื่อยๆ จนหยุดที่ผู้ชายคนหนึ่ง !!

ภายในบ้านผู้กองเพชร หมอก้อยช่วยเอมิเก็บของที่พื้นอยู่
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมของกระจายไปหมดอย่างงี้ เป็นอะไรรึเปล่าเอมิ”
“ไม่ค่ะ” เอมิตอบ พลางมองรูปในมือ
“แต่เอมิรู้สึกได้ ว่าแม่กำลังจะบอกอะไรสักอย่าง”
“แม่เหรอ?”
“ค่ะ...” เอมิมองรูปผู้กองเพชร “พ่อก็ด้วย!”
หมอก้อยมองตามอย่างอึ้งๆ แปลกใจ แต่ทันใดนั้นก็มีคนร้ายชุดดำ 2 คนบุกเข้ามาในบ้าน
ทั้งคู่ตกใจ หมอก้อยรีบดึงเอมิมาแล้วเอาตัวบังไว้
“นี่มันอะไรกัน พวกแกเป็นใคร”
คนร้ายเข้ามากระชากชาร์จทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว
คนร้าย 1 ตะคอกใส่
“มานี่....บอกมาของอยู่ไหน”
เอมิโดนดึงตัวไป “ของอะไร? ปล่อยนะ”
“นี่แกพูดอะไร?” หมอก้อยถาม
คนร้าย 1 ตะโกนสั่ง “ค้น...!” ก่อนหันมาถามเอมิ “เซฟอยู่ไหน ?”
“ฉันไม่รู้”
คนร้ายแยกย้ายกันรื้อค้นข้าวของกระจุย
คนร้าย1 ถามอีกครั้ง “บอกมาเซฟอยู่ไหน”
เอมิส่ายหัว คนร้ายง้างมือจะตบ
หมอก้อยตกใจ “อย่านะ เซฟอยู่ข้างล่าง”
คนร้ายลดมือลง พยักหน้าให้ลูกน้องค้นต่อ ก่อนผู้ร้าย 2 คนจะลากเอมิและหมอก้อยออกไป
“แกจะทำอะไร ปล่อยสิ...ปล่อย” เอมิโวย
หมอก้อยนิ่งกว่า แต่ก็ถูกลากไปทั้งคู่

ต่อมา หมอก้อยและเอมิถูกลากลงมาข้างล่าง ซินและแสนแสบสลบอยู่กลางบ้าน
ใบหน้าซินคิ้วแตกเลือดไหลอาบ เอมิตกใจ
“พี่ซิน ...เลือด นี่พวกแกทำอะไรพี่ซิน”
คนร้าย1 ตะโกน “หุบปาก!! เซฟอยู่ไหน”
คนร้ายง้างจะตบเอมิอีก
หมอก้อยรีบบอก “หลังโซฟานั่นน่ะ จะเอาอะไรก็เอาไป”
คนร้าย 2 ตามลงมาจากข้างบน
“ค้นหมดแล้ว ข้างบนไม่เจออะไรเลย”
“พวกแกไม่ใช่โขมย? ต้องการอะไร?” หมอก้อยถาม
“บอกรหัสเซฟมา!”
“ฉันไม่รู้”
“ทั้งฉันทั้งเอมิไม่รู้รหัสหรอก...มีอะไรในนั้นเหรอ?”
ซินเริ่มรู้สึกตัว เห็นคนร้ายกำลังกระชากตัวเอมิ ซินรีบเข้าไปช่วย
ซินสู้กับคนร้าย โดนเตะต่อย แต่ก็พยายามสู้ได้บ้างเพื่อปกป้องเอมิ
“หยุดนะหยุด พอแล้ว...”
ซินโดนชกจนซะบักสะบอม คนร้ายลากเอมิมากลางบ้าน เอาปืนจ่อหัว
“บอกให้บอกรหัสเซพมา!”
“อย่านะ” ซินบอก
หมอก้อยบอก “ใจเย็นๆสิ เราไม่มีใครรู้รหัสจริงๆ”
คนร้ายขึ้นนก
“ไม่มีใครรู้ใช่มั้ย? งั้นก็....ไม่มีใครรอด!”
คนร้ายกำลังจะเหนี่ยวไกปืน ทุกคนตกใจหน้าลุ้น
อาวุธลับบางอย่างปลิวลอยมาอย่างเร็วปัดปืนกระเด็นหล่นจากมือคนร้ายทันที ก่อนมีดอีกอันจะปลิวมาปักที่มือคนร้าน
แล้วไฟจะดับวูบลงไป พรึ่บ!

ทุกอย่างอยู่ในความมืด และความโกลาหลของคนร้าย
คนร้าย1 ถาม “เฮ้ย...นี่มันอะไรกันวะ”
ซินเขยิบตัวเข้ามากอดเอมิ หมอก้อยก็เข้ามานั่งใกล้ๆ
คนร้าย 4 คน หันรีหันขวางอย่างหวาดกลัวในความมืด
คนร้าย 1 สั่ง “ไปดูทางโน้นสิ”
ในความเงียบและมืด ....ชายชุดดำลึกลับ ซุ่มเงียบ ไม่ได้ยินแม้เสียงฝีเท้า แต่โฉบออกมาจัดการคนร้ายทีละคนๆ ...ด้วยการต่อสู้แบบนินจา
ซิน หมอก้อย เอมิ นั่งหลบรวมกันหลังโซฟา ลุ้นการต่อสู้อย่างตื่นเต้น ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วและเงียบเชียบ
สุดท้าย คนร้ายโดนจัดการเรียบ !
ไฟสว่างวาบ คนร้ายทั้งสี่โดนจับมัดรวมกันแล้วอย่างไม่น่าเชื่อ
ชายชุดดำ หน้านิ่งเงียบขรึมหันมา....เขาดูสงบกับแววตานิ่งที่เศร้าแบบประหลาด!!
ชายชุดดำมองเอมิ....เอมิสบตาชายคนนั้น...วูบหนึ่งเอมิรู้สึกถึงความปลอดภัยและปราณี

ผ่านเวลาเป็นเช้า หน้าหน่วย DEI ฟังเสียงแสนแสบเล่าอย่างออกรส
“มันการต่อสู้ชั้นสูงแบบนักรบญี่ปุ่นชัดๆ ยิ่งกว่านินจา ลาสต์ซามูไร”
จ่าวาววางถาดเครื่องดื่มร้อน ส่งให้หมอก้อย เอมิ ซิน และแสนแสบ
หมวดสารินนั่งมองทุกคนอย่างเป็นห่วง ตำรวจคนหนึ่งทำแผลให้ซินไปด้วย
แสนแสบเล่าต่อ “ซุ่มแบบเงียบเชียบแต่ฉับไว จัดการทีละคนแบบไม่ให้ไหวตัว”
“เดี๋ยวๆ ได้ข่าวว่า..พี่หลับตลอด”
“ ใช่ที่ไหน พี่ตื่นแล้ว...พี่เนี่ยแหละที่จับได้ทุกการเคลื่อนไหว บอกตง เมพโคตรๆ”
หมวดสารินสงสัย “คนเดียว..จัดการ 4 หมอบเรียบเลยเนี่ยนะ”
ซินบอก “ใช่ครับ...คนร้าย 4 คน อาวุธครบด้วย”
“เค้าเป็นใคร? มาช่วยแล้วก็หายไปเฉยๆเลยเหรอ?”
“ก็นั่นไง แว๊บมาแว๊บไป นินจาชัดๆ”
หมวดสารินถาม “หรือจะเป็นพวกเดียวกันมาปิดปาก?”
“ไม่น่าใช่นะคะ ฉันรู้สึกได้ว่าเค้ามาช่วย” หมอก้อยบอก
จ่าจักรเปิดประตูห้องเข้ามาอย่างรีบร้อน
“หมวดครับ คนร้าย 4 คนกลืนยาพิษระหว่างส่งตัว ไม่มีใครรอดเลย”
“ห๊า?” หมวดสารินคิดไม่ถึง
“ส่วนอีกคนที่มาช่วย ไม่เจอร่องรอยอะไรเลย แม้แต่ลายนิ้วมือในที่เกิดเหตุ”
หมวดสารินถาม “ทุกคนเห็นหน้าเค้าใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ...เอมิจำหน้าเค้าได้แม่น”
“ดี...ผมสั่งให้หน่วยสอบสวนมาที่นี่แล้ว จะให้นักสเก็ตภาพจากปากคำมาด้วย ทุกคนอยู่ที่นี่ก่อนน่าจะปลอดภัยที่สุด”
เสียงสายโทรศัพท์วาวเข้า จ่าวาวรับสาย
“ค่ะ....ท่าน” จ่าวาวฟัง เสียงตื่นเต้น “มาถึงแล้วเหรอคะ รับทราบค่ะ”
จ่าวาววางสาย รีบบอก
“หน่วยกลางบอกว่า ผู้บังคับการหน่วย DEI คนใหม่มาถึงแล้วนะคะ”
“มาแล้ว? นี่จะมีเรื่องตื่นเต้นต่อเนื่องไม่ให้หายใจเลยใช่มั้ย? ไม่ให้รู้ก่อนเลยเหรอ ว่าเป็นใคร ชื่ออะไร มาจากหน่วยไหน” สารินว่า

เท้าซึ่งสวมรองเท้าหนังดำเงาวาบ ค่อยๆก้าวขึ้นบันไดหน่วย
ชายผู้นั้นอยู่ในชุดดำแจ๊คเก็ตดำ กำลังเดินไปยังทางข้างหน้า ...
มีบัตรหน่วย DEI ใหม่เอี่ยมคล้องคออยู่
จนก้าวเท้ามาถึงหน้าห้องประชุม
ทุกคนยืนขึ้น แสดงความเคารพ
“เชิญนั่งครับ ผมพันตำรวจโท แดเนียล ซาโต้”
ทุกคนมองมาทางแดเนียล
“ผมเป็นลุงเอมิ”
แดเนียล ยังพูดต่อไป
“ผมได้รับมอบหมายจากหน่วยสืบราชการลับของญี่ปุ่นให้สืบคดีการตายของผู้กองเพชร”
“แล้วคดีผู้กองเพชร เกี่ยวอะไรกับทางญี่ปุ่นคะ” ก้อยถาม
“การตายของผู้กองเพชร เกี่ยวพันกับหน่วยอาชญกรรมข้ามชาติที่มีเครือข่ายมาจากญี่ปุ่น ยังไงขอฝากตัวด้วยนะครับ” พ.ต.ท. แดเนียล ซาโต้แนะนำตัว

เอมิยืนอยู่
“เอมิ”
เอมิหันมาหาเจ้าของเสียง
“ลุงจะดูแลหนูเอมิเอง”
เอมิเดินเข้ามากอดลุง

แดเนียลเปิดประตูบ้านหลังหนึ่งเข้ามา ...เอมิ และหมอก้อยเดินเข้ามา ซินก็ช่วยถือกระเป๋า เอมิมาส่ง
เอมิมองรอบๆบ้านใหม่เอี่ยม เรียบๆ แต่ไม่มีชีวิตชีวาเลย
“ลุงเพิ่งย้ายเข้ามาเหมือนกัน ยังไม่มีอะไรเลย เอมิอยู่ได้นะ”
เอมิพยักหน้าเบาๆ ซินมองรอบๆ
“อย่างกับบ้านผีสิง”
เอมิทำหน้าดุ “ก็ลุงเพิ่งบอกว่าเพิ่งมาอยู่ไง”
“แหะๆ..เคๆ...แต่ไม่ต้องห่วง ที่ไหนมีเอมิ ที่นั่นจะมีชีวิตชีวา ใช่มะ”
เอมิยิ้มเขินๆอย่างหมั่นไส้ซิน แดเนียลชี้ขึ้นไปข้างบน
“มีห้องนอน 3 ห้องข้างบน เลือกเอาได้เลย”
เอมิบอกซิน “ไปช่วยเอมิเลือกห้องกัน”
เอมิกับซินเดินขึ้นไป ปล่อยหมอก้อยกับแดเนียลไว้ด้วยกัน แดเนียลพูดนิ่งๆ
“คุณก็ขึ้นไปเลือกห้องสิ”
หมอก้อยงง “ฉันเนี่ยนะ?”
“ใช่สิ...คุณต้องอยู่ในความดูแลของหน่วยผมจากนี้ไป”
“แล้วต้องมาอยู่ที่นี่กับคุณเนี่ยนะ....ได้ไงอะ?”
“ทำไมจะไม่ได้...ผมแบ่งภาคไม่ได้หรอกนะ ทั้งดูแลคุณทั้งเอมิ ผมก็ไม่เคยอยู่กับเด็กผู้หญิงวัยรุ่นสองคน คุณอยู่นี่แหละ..น่าจะช่วยได้เยอะ”
“ฟังดูเหมือนคำสั่งนะคะ ฉันไม่ใช่ลูกน้องในหน่วยคุณนะ...” หมอก้อยมองยิ้มๆ “ถึงคุณจะอ้างการดูแลพยาน แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคน เรื่องการปรับตัวอยู่กับหลานสาว คุณก็ต้องรู้จักพูดจาให้น่าฟัง รู้มั้ยคะ”
แดเนียลเก้อๆ “ผม...ไม่มีวาทะศิลป์อะไรแบบนั้นหรอก”
“ไม่มี...ก็ต้องเรียนรู้ การดูแลเด็กผู้หญิงต้องอ่อนโยนกว่านี้ อยู่ที่คุณแล้วล่ะว่าจะเปิดใจเรียนรู้มั้ย”
“ผมคงไม่มีเวลาขนาดนั้น”
“คำว่าไม่มีเวลา เป็นข้ออ้างของการไม่ทำต่างหาก...แล้วแต่นะคะ แต่เอาเป็นว่าฉันจะย้ายไปอยู่บ้านแม่ชั่วคราว คงไม่ย้ายมาอยู่กับคุณหรอก”
“ไม่ได้ มันอันตราย...”
“งั้นก็ลองหาวิธีทำให้ฉันยอมดูสิคะ”
แดเนียลอึ้งๆไป หมอก้อยมองยิ้มๆ

ที่บ้านแดเนียล หมอก้อยตั้งข้อสังเกต
“ลุงเอมิ หน้าไม่เหมือนเอมิเลยเนอะ”
“เขาไม่ใช่ลุงแท้ๆของเอมิหรอกคะ เป็นลูกบุญธรรมของคุณตาซาโตริ” เอมิบอก
“มิน่าล่ะ หน้าตาเขาดูเป็นคนไทยมากๆเลย”
“เขาเป็นคนไทยแท้ๆเลยคะ คุณตารับเขามาเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ”
“อืม แล้วเขาไม่มีครอบครัวที่ญี่ปุ่นหรอ ทำไมถึงย้ายมาประเทศไทย”
“ไม่มีคะ คุณลุงเขาอยู่ตัวคนเดียว”
“อายุลุงก็เยอะแล้วนะ ลูกเมียไม่มีอีก หรือว่า..ใช่ใช่ไหม เป็นเกย์แน่ๆ” ซินว่า
“ผู้ชายแท้แน่นอน เขาไม่แอ๊บ”
“เอ้าทำไมเขาถึงอยู่ตัวคนเดียวอะ”
“เรื่องมันเศร้า อย่าให้เล่าเลย”
“เอมิ เกริ่นมาขนาดนี้แล้ว เล่าเถอะ” ซินว่า
“ก็ได้แต่อย่าไปบอกลุงนะ ว่าเอมิเล่าให้ฟัง”
“แน่นอนใครจะไปกล้าบอก”
“เรื่องมันมีอยู่ว่า ลุงเป็นตร.อยู่ที่ คิตะคิวชู”

ในอดีต ...พิมลากกระเป๋าเดินทางพร้อมจูงลูกหน้าโกรธๆ มาที่บ้านพัก
เสียงแดเนียลในสายบอก
“พิม..อย่าทำแบบนี้เลย ผมติดงานด่วนจริงๆ อาทิตย์หน้าผมจะรีบตามไป”
“พอ...อย่าสัญญาอะไรอีก ไม่ใช่ฉันไม่ให้โอกาส เราเลื่อนตั๋วมากี่ครั้งแล้วค่ะ”
“แต่มันสำคัญจริงๆนะ”
“งั้นพิมกับลูกก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆของคุณน่ะสิ”
“พิม...ทำไมพูดแบบนี้”
“อยู่กับสิ่งสำคัญจริงของคุณไปเถอะค่ะ เอาเป็นว่าฉันจะไม่รอคุณกลับไป และคุณก็ไม่ต้องรอเรากลับมา!” พิมพูดเด็ดขาด
“คุณพูดอะไรของคุณ”

พิมมาลูกสาวขึ้นรถลีมูซีน รถแล่นออกไป
แดเนียล วิ่งมาไม่ทันรถ เขาวิ่งตามรถไป จนเห็นรถอยู่ไกลลับตา
คนขับรถคันนั้นมีรอยสักที่ต้นคอ

เอมิพูดต่อ
“หลังจากนั้นลุงก็ไม่ได้เห็นหน้า ลูกและป้าพิมอีกเลยคะ”
โห้ว... หายไปกี่ปีแล้วเนี่ย” ซินถาม
“น่าจะประมาณ ซัก 5ปีกว่าๆแล้วคะ”
หมอก้อยถาม
“เป็นไปได้ไหมว่า 2 คนนั้น อาจถูกคนร้ายจับตัวไป”
“จริงๆทุกคนก็คิดแบบนั้นนะคะ แต่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย”
“หรือ จะเสียชีวิตไปแล้ว” ซินโพล่ง
“พี่ซินอย่าพูดอย่างนี้ให้ลุงได้ยินนะ ลุงฆ่าพี่ซินแน่ๆ”
“นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ลุงเอมิ ดูเศร้าตลอดเวลาซินะ” หมอก้อยว่า

ซินและแสนแสบเดินส่องไฟฉายในตึกร้างชั้นที่โดนระเบิด มีเทปกาวโยงไว้เป็นที่เกิดเหตุ
ภาพเพชรตอนโดนระเบิดก่อนตาย แว๊บเข้ามาให้หัวซิน
ซินในชุดหน่วยกู้ภัยเดินดูรอบๆ เขาพยายามมาตามหาเพชร
“ผู้กอง...ผู้กองยังอยู่ที่นี่รึเปล่า”
เงาบางอย่างวูบวาบข้างหลัง เหมือนวิญญาณวูบผ่านไป ซินรีบหันไปมอง
“นั่นผู้กองรึเปล่าครับ ผู้กอง”
ซินเดินตามไป เห็นเงาวิญญาณผ่านวูบวาบ
“ผู้กองออกมาสิครับ เรื่องมันไม่จบง่ายๆแน่ๆ หาทางสื่อสารกับผมให้ได้ เอาผิดมันให้ได้ ไม่งั้นเอมิ จะอยู่ในอันตรายนะ”
ซินวิ่งตามวิญญาณ แต่อยู่ๆก็มีเงาใครคนหนึ่งออกจากมุมตึก เป็นแดเนียลนั่นเอง
“ นายไม่ควรมาที่นี่ ตึกมันจะถล่มลงมาเมื่อไหร่ก็ได้”
“ผมไม่กลัวหรอก ...ผมต้องตามหาผู้กองให้ได้ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมติดต่อกันไม่ได้ วิญญานที่ตายแบบมีห่วงแบบนี้ ยังไม่ไปไหนหรอก”
“แล้วเจอมั้ยล่ะ”
ซินมองแปลกใจ “ทำไมคุณไม่แปลกใจที่ผมพูดเรื่องผมเห็นวิญญาณ”
“ก็ใช่เรื่องแปลกอะไรนี่ คนเห็นผีก็มีมาทุกยุคทุกสมัย”
“หรือว่าคุณก็...”
ซินนึกภาพแดเนียลหลบวิญญาณทันเมื่อกี๊
“เปล่า...ฉันก็แค่มาหาหลักฐานในที่เกิดเหตุเฉยๆ”

ภายในโรงพยาบาล หมอก้อยเลิกงาน เดินมาลานจอดรถอย่างเหนื่อยอ่อนถือแฟ้มมากมาย
มุมหนึ่งเหมือนคนแอบสะกดรอยตาม
หมอก้อยเปิดรถเอาของเก็บไว้หลังรถ คนร้ายสองคนเข้าชาร์จจับตัวหมอก้อย
แล้วแดเนียลซึ่งตามมาก็ต่อสู้คนร้ายเบาๆ คนร้ายแพ้
แต่มีรถตู้คันหนึ่งวนมารับคนร้ายหนีไปจนได้

ต่อมา หมอก้อยเก็บของอยู่ในบ้าน แดเนียลเดินดูรอบๆ
“ผู้กองได้บอกอะไรคุณบ้างรึเปล่า เรื่องหลักฐานที่ซ่อนไว้”
“ไม่นะคะ...เขายังทำงานให้ตำรวจ ฉันยังไม่รู้เลย”
“งั้นเวลาเขามาอยู่กับคุณที่นี่ มีมุมเก็บของส่วนตัวของเขาอยู่ที่ไหนบ้างมั้ย”
“เดี๋ยวนะคุณ...อยู่กับฉันหมายความว่าไง เราแค่คบกัน ยังไม่ได้แต่งงานใช้ชีวิตคู่อะไรนะ”
“ผมไม่ได้อยากรู้เวลาความสนิทของคุณ ผมแค่ถามตามหน้าที่”
“ก็ถามให้มันดีกว่านี้หน่อยก็ได้มั้งคะ”
“เสร็จรึยังล่ะ ผมให้วาวอยู่เป็นเพื่อนเอมินานแล้วนะ คืนนี้ผมมีงานต้องทำ”
“ฉันจะไปอยู่บ้านคุณแค่สองวันนะ ฉันจะหาเซฟเฮ้าส์ใหม่เอง”
“ก็ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้”
“คุณก็ให้จ่าวาว หรือตำรวจหญิงมาเป็นการ์ดฉันก็ได้ ฉันอยู่บ้านเดียวกับคุณตลอดไม่ได้หรอก อึดอัดแย่”
แดเนียลชะงัก เริ่มกังวล “แล้ว...เอมิจะอยู่ได้เหรอ”
หมอก้อยเริ่มมองอย่างเห็นใจ
“เราทุกคนผ่านช่วงเวลาสูญเสียกันมาทั้งนั้น ฉันก็ด้วย แล้วมันก็ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ฉันแค่พยายามอยู่กับปัจจุบันเดินไปข้างหน้าด้วยสติ ถ้าคุณจะเยียวยาหัวใจใคร คุณก็ต้องเริ่มที่เยียวยาใจคุณเองก่อน”
แดเนียลมองหน้าหมอก้อยคิดตามด้วยสายตาอ่านยาก แต่เขาก็เริ่มรู้สึกถึงความเป็นมิตรในใจกับผู้หญิงคนนี้ ในเวลาที่หมอก้อยก็คิดอย่างที่พูดจริงๆด้วยความจริงใจ
หมอก้อยเดินมาหยิบรูปๆหนึ่ง เป็นรูปหมอก้อยถ่ายกับน้องชาย เห็นว่า หมอก้อยมองภาพนั้น ถอนใจเบาๆก่อนเก็บลงกระเป๋าไปด้วย

วันใหม่ แดเนียลนำทีมประชุม ภาพหน้าจอสไลด์เป็นรูปโลโก้สัญลักษณ์ เดอะซัน
“แก๊งค์เดอะซัน เหมือนแก๊งค์ยากูซ่าในญี่ปุ่น องค์กรลึกลับที่เกี่ยวกับธุรกิจมืดที่ผมก็ตามเรื่องนี้มาหลายปี เครือข่ายใหญ่สุดอยู่ในไทยส่งต่อยาค้ามนุษย์โยงใยทั่วอินโดจีน”
หมวดสารินถาม
“แล้วทางญี่ปุ่นมีใครเคยเห็นหน้าไอ้นายใหญ่ของเดอะซันมั้ยครับท่านรอง”
“ไม่เคย แต่เราสืบจนแน่ใจว่า ที่อยู่หลักของมันอยู่ที่เมืองไทย มันแฝงตัวทาธุรกิจใหญ่ๆที่ดูภายนอกเหมือนถูกกฎหมาย แต่เบื้องหลังมีการฟอกเงินเป็นระบบ”
“ธุรกิจใหญ่ๆที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน มักจะเป็นธุรกิจฟุ้งเฟ้อ สปาหรูๆ ผับวีไอพี โชว์รูม
รถนำเข้าแพงๆ อย่างงั้นรึเปล่าครับ”
“ใช่...เราต้องจับตานักธุรกิจประเภทนั้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น หรืออาจจะเป็นนักธุรกิจจากญี่ปุ่นเลยก็ได้ ในแฟ้มลับนี่มี 20 นักธุรกิจที่เราควรจับตามอง มันอาจจะมากกว่าธุรกิจฟุ้งเฟ้อแบบที่ว่า”
“เช่นอะไรเหรอครับ” จ่าจักรถาม
“ก็พวกธุรกิจ ที่มีสาขาเยอะๆทั่วประเทศ แบบที่เรานึกไม่ถึง”
จ่าวาวถาม
“แบบร้านคลีนิคความงาม หรือแว่นตางี้ป่ะคะ วาวเห็นมีทุกถนนเลย หรือแบบซุ้มชานมไข่มุก”
หมวดสารินส่ายหัว “เพ้อเจ้อจริงๆ”
“ก็จริงนี่...คนเราจะตัดแว่นอะไรกันบ่อยๆ”
จ่าวาวจ๋อย แต่แดเนียลคิดตาม

ภายในโรงพยาบาล หมอก้อยเดินออกมาจากห้อง เห็นแดเนียลนั่งรออยู่นิ่งๆ หมอก้อยเดินไปหา
“นี่คุณต้องตามมาเฝ้าฉันตลอดเลยเหรอ”
“เปล่า...ผมมารับ ก่อนไปรับเอมิที่มหาลัย ไปซื้อของกับผมก่อน”
“ของอะไร”
“ก็...ของใช้ในห้องเด็กผู้หญิงน่ะ ผมเลือกไม่เป็น ไปได้แล้ว คุณเลิกงานแล้วผมเช็คตารางเวรคุณเรียบร้อยแล้ว”
“นี่ประโยคคำสั่งหรือขอร้องให้ช่วยคะ”
แดเนียลอึดอัด “โอเค ผมขอร้องก็ได้ ช่วยผมหน่อย”
“ก็แค่นั้น”
หมอก้อยเดินนำไป แดเนียลเดินตามแบบขัดๆเขินๆไม่คุ้น

ต่อมา แดเนียลหันไปเห็นชายดูนักธุรกิจที่ดูดีมีไสตล์ใช้ของแพง ยืนยิ้มๆอยู่
“ลองดูมั้ยครับ ผมรวีครับ...เจ้าของร้านนี้เอง เดี๋ยวผมจัดให้พิเศษเลย”
แดเนียลได้ยินว่าชื่อรวี เพ่งมองว่า หน้าคุ้นๆ
“รวี....รวี ปรีชาชาญ รึเปล่า”
รวีเพ่งมองบ้าง จำได้
“เฮ้ย...ดนัย จริงดิ นี่นายจริงดิ ใช่จริงด้วยว่ะ นี่ไม่เจอกันกี่ปีวะเนี่ย”
“ก็ตั้งแต่สิบขวบมั้ง ฉันย้ายไปญี่ปุ่น ตั้งแต่สิบขวบ”
รวีนับนิ้ว “สิบขวบ...โห...งั้นก็ สิบยี่สิบหรือ”
“อย่านับเลย..นับดีกว่า ยิ่งนับยิ่งแก่”
“ใครแก่...ไม่มี๊”
“จริง...นายดูดีมากๆ” แดเนียลมองรอบๆ “ธุรกิจใหญ่โตด้วย”
เสียงหมอก้อยเดินออกมาจากด้านใน
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
รวีหันตาม เห็นหมอก้อยยิ้มน่ารักอยู่ รวีถูกชะตาทันที แอบปิ๊ง

ในร้าน รวีกำลังคุยกับแดเนียลและหมอก้อยอย่างออกรส
“ตอนเด็กๆ...นายซ่ากว่าฉันเยอะ หมอเชื่อมั้ยครับ เห็นขรึมๆแบบนี้แต่ก่อนไอ้นี่หัวโจกเด็กในหมู่บ้านเลย” รวีว่า
“ไม่ขนาดนั้นหรอก”
“จริงๆครับ มันเคยพาผมลองจุดพลุแบบมันรวมกันสิบอัน”
“จริงดิคะ แล้วผลเป็นไงคะ”
“ก็ระเบิดสิครับจะเหลือเหรอ”
รวีดึงแขนแดเนียลมาถกแขนเสื้อดู เห็นว่าใกล้ศอกยังมีแผลเป็นยาวอยู่
“นี่ไงร่องรอยที่ระลึกยังอยู่เลย เรียกว่ากันเลยทั้งคู่”
“เออ...แกโดนที่หลังนี่ แผลใหญ่เหมือนกันนี่ เป็นไงบ้าง”
“โอย...หายแล้ว บินไปเกาหลีสองสามรอบ เรียบเนียนสนิทเนียนกริ๊บ ...ไม่น่าเชื่อนะครับ แสบๆแบบนี้ โตมาจะเป็นตำรวจคูลแบบนี้ได้”
“นั่นมันตอนเด็ก...แปลกนะ ยิ่งโตชีวิตยิ่งยาก”
“ก็แล้วทำให้มันยากทำไมเล่า”
“จริงค่ะ...คิดว่ายากมันก็ยาก” หมอก้อยลุกขึ้น “คุยกันไปก่อนนะคะ ขอตัวไปห้องน้ำสักครู่”
หมอก้อยลุกขึ้นเดินออกไป รวีมองตามตาเป็นประกาย รีบเขยิบเข้ามาใกล้แดเนียล
“แค่พยานในความคุ้มครองแกจริงๆนะ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นแน่นะ”
“แน่สิวะ ฉันก็เพิ่งเจอเค้าได้ไม่กี่วันเหมือนกัน”

เกิดข่าวใหญ่ ผู้ประกาศข่าว รายงาน
“จากกรณีการหายตัวไปของ นาย มาร์ค ผู้กำกับหนัง 100 ล้าน สามีของนางเอกชื่อดัง คุณเอวา หายตัวไป วันนี้ เรามีสัมภาษณ์พิเศษเปิดใจคุณเอวา มาฝากครับ”
แดเนียลเปิดคลิปสัมภาษณ์ “เอวา” ....นางเอกสาวชื่อดังแสนดีที่ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอย่างพยายามมีสติสะกดความเศร้า
“ 72 ชั่วโมงเต็มแล้วค่ะ ที่เอวาติดต่อมาร์คไม่ได้เลย เอวาเลยคิดว่ามันไม่ปกติแล้วแน่ๆ”
เสียงนักข่าวถาม
“คุณมาร์คอาจจะพาสาวๆดาราในสังกัดไปทัวร์ที่ไหนเป็นปกติรึเปล่าคะ”
เอวายิ้มแสนดี
“เอวาให้อิสระมาร์คเต็มที่มาตลอดค่ะ และนั่นก็ทำให้ไม่ว่าเค้าจะไปไหนแบบที่ใครๆเห็น ทุกอย่างผ่านการรับรู้และเห็นชอบของเอวาทั้งนั้น แต่ครั้งนี้มันต่างกัน”
แดเนียลหยุดคลิป ภาพค้างนิ่งที่หน้าเอวาสวยมีคลาสและยิ้มเย็นๆ

ภายในหน่วย DEI ที่โต๊ะทำงาน
“ท่านครับ”
ท่าน ผู้บัญชาการถามแดเนียล
“มาอยู่นี่เป็นไงบ้าง”
“ผมกำลังปรับตัวให้เข้ากับทีมงานครับ ท่าน ผบ มีอะไรไหมครับ”
“ผมมีงานด่วนให้คุณทำ”
ท่าน ผบ. ยื่นรูปใบหนึ่งให้แดเนียล
“นี่คือ มาร์ค เป็นเครือข่ายของเดอะซันที่เมืองไทย”
“เขามาทำอะไรครับท่าน”
“เขาเป็นผู้กำกับหนัง และทางเราสงสัยว่า เขากำลังฟอกเงินให้ธุรกิจผิดกฎหมายของเดอะซัน ผมอยากให้คุณตามสืบเรื่องนี้”
“ได้ครับ”

บริเวณหน้ามหาวิทยาลัย เอมิเดินมากับมิ้งมิ้งที่วางสายโทรศัพท์พอดี หันมาบอกเอมิ
“ไปนะเอมิ วันเกิดฉันทั้งที”
“ต้องถามลุงก่อน ตอนนี้ฉันไปไหนเองไม่ได้หรอก”
“ไปเถอะ...พี่บุ๊งพี่นิว ฉันก็ยังไม่ค่อยสนิทน่ะ แต่เค้าจองโต๊ะไว้ให้แล้วเกรงใจน่ะ ผับนั้นไม่มีเมมเบอร์วีไอพีห้ามเค้าเลยนะ”
เอมิมองอย่างเป็นห่วง
“เออ...มิ้ง ฉันไม่อยากให้แกไปไหนมาไหนกับแก๊งค์พี่นิวบ่อยเลยอะ บอกตรงๆฉันเป็นห่วง”
“เป็นห่วงอะไรพี่ พี่นิวพี่บุ๊งออกจะป๊อบ เน็ตไอดอลขนาดนั้น รถซุปเปอร์คาร์กระเป๋าแบรนด์เนม นี่เอามาขายต่อให้ถูกๆอย่างกับได้ฟรี”
“ก็เพราะงั้นน่ะสิ ฉันถึงห่วง...เป็นแค่นักศึกษา ทำไม มีของใช้แพงๆขนาดนั้นได้ ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะ”
“ถ้าห่วง....ก็ไปด้วยกันดิ แล้วเจอกันนะ บัย”
มิ้งมิ้งพูดจบแยกไป เอมิมองตามอย่างเป็นห่วง

เนมแฝงตัวเข้าผับวีไอพีจนได้ อีฟเดินผ่าน แขกหนุ่มๆหันมองอีฟเป็นตาเดียว อีฟยิ้มยั่วจิกตา แต่ไม่หยุดอยู่ที่ใคร
เนมมองเห็นไกลๆ เนมเดินตาม อีฟเดินขึ้นชั้นสอง
การ์ด 2 คน เข้ามาขวางหน้า ผลักอกเนม
การ์ด1 ถาม “แกเป็นใครไม่เคยเห็นหน้าเลย”
“ผมเป็นพนักงานที่นี่แหละพี่ แต่อยู่โซนพรีเมี่ยมด้านนอก”
“แล้วเข้ามาได้ไง”
“กัปตันบอกวันนี้แขกเยอะคนขาด เลยให้เข้ามาช่วย”
การ์ด 2 จับหน้าดู กันไปบอกเพื่อน “เออ เคยเห็นหน้าอยู่”
“พนักงานเสริมห้ามขึ้นด้านบน”
“อ่อ...ครับ ได้ครับพี่”
เนมได้แต่มองตามอีฟที่เดินหายขึ้นไปอย่างเสียดาย

เอมิเดินนำหน้ามาที่ผับหรู แดเนียลกับหมอก้อยตามมาด้วย
ผับหรูไฮโซแห่งนี้ จอดรถซุปเปอร์คาร์เพียบ เอมิหันมาบอก
“ขอบคุณนะคะที่อนุญาติให้มา แถมมาเป็นเพื่อนเอมิด้วย เอมิเป็นห่วงมิ้งจริงๆ”
หมอก้อยบอก “ไม่เป็นไร มิ้งก็เพื่อนเชอแตมตั้งแต่เรียนมัธยม ได้ยินแบบนี้ฉันก็ห่วง มีอะไรจะได้ช่วยกันๆ ดีซะอีก ผ่านเรื่องร้ายกันมาได้มาเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดี”
หมอก้อยหันมองแดเนียล แดเนียลหน้านิ่งๆ
“แต่ผับนี่ เป็นผับเฉพาะเมมเบอร์เอ๊กคลูซีฟเลยนะ เบื้องลึกเบื้องหลังต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ” แดเนียลว่า
“อ้า...นี่แปลว่า มากับเอมิลุงได้ทำงานไปด้วยในตัวล่ะสิ ดีเลยค่ะ มีลุงอยู่ด้วย ปลอดภัยชัวร์ งั้นเอมิโทร. ตามมิ้งออกมารับก่อนนะคะ เดี๋ยวจะโทร. ตามพี่ซินด้วย”
เอมิแยกตัวไปคุยโทรศัพท์

มุมในลานจอดรถด้านหลังผับ เห็นว่ามีอีกมุมเป็นทางเข้าพิเศษ เป็นตึกมืดๆ บอร์ดี้การ์ดคุมเพียบ
เห็นว่าแดเนียลกับเนมนั่งคุยกันในรถ
“ในผับที่คุณเข้าไปว่าวีไอพีแล้ว เห็นประตูด้านโน้นมั้ยครับ ทางเข้านั้นวีไอพีกว่า”
“ลูกค้าเป็นใคร”
“นักธุรกิจต่างชาติรุ่นใหญ่ทั้งนั้นครับ บัตรสแกนเลย พนักงานก็ไม่ใช่ใครจะเข้าไปได้ ต้องผ่านงานเช็คประวัติจัดหนัก ถึงจะมีสิทธิ์เข้า รายได้คูณสอง....เดือนหน้าผมพ้นโปรแล้ว ตอนนี้หัวหน้าการ์ดไว้ใจผมมาก ผมน่าจะได้เข้าไป”
“ระวังตัวด้วยก็แล้วกันนะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมโตมากับสายดาร์คแบบนี้ทั้งชีวิต รู้ทางกันดี”
“แต่ระบบรักษาความปลอดภัยระดับนั้น ฉันคงเข้าไปไม่ได้ง่ายๆ” แดเนียลบอก
เนมส่งบัตรแสกนให้ดู
“ผมตบมาแล้ว เมมเบอร์คนนี้จะไปเมืองนอกสองเดือนผมเช็คแล้ว แต่คุณต้องให้นักแฮกก์แสกนเปลี่ยนเป็นรูปคุณ”
“มือไวเหมือนเดิมนะ”
“ถือเป็นคำชมนะครับ ถ้าไม่ได้คุณผมก็คงเป็นแค่ขี้ยาฉกชิงวิ่งราว หรือไม่ก็ตายอยู่ในบาร์โฮสที่ญี่ปุ่นโน่นแล้ว”
“นั่นมันแค่อดีต ตอนนี้เราเป็นตำรวจแล้ว ถึงจะไม่ได้ใส่เครื่องแบบก็เถอะ”
“แค่นี้ผมก็มาไกลมากแล้วครับ ผมสัญญากับตัวเองว่าจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับไอ้เรื่องชั่วๆ พวกนั้น ทั้งชีวิต จะใส่เครื่องแบบตำรวจหรือมาเฟียคุมผับก็เหมือนกัน”
“ดีมาก...สืบได้รึยังว่าใครเป็นเจ้าของ”
“คนที่ออกหน้าเป็นไฮโซอยู่ในธุรกิจหนัง แต่ผมว่าเป็นแค่ตัวหลอก แต่ที่สำคัญตอนนี้เค้า
หายตัวไป”
“หายตัวไป ยังไง”
“ครับ...” เนมเปิดไอแพดให้ดูข่าว “คนนี้ครับ”
แดเนียลอ่านพาดหัว
“ ผู้กำกับหนังชื่อดงหายตัวลึกลับ ภรรยาสาวสวยนางเอกดาวค้างฟ้าฉายาเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง โร่แจ้งความ”

โต๊ะเน็ตไอดอล บุ๊งและนิว สาวสวยเซ็กซี่พิมพ์นิยมแบบเน็ตไอดอลชวนเพื่อนๆดื่มอยู่

แดเนียลและหมอก้อยมองเด็กสาวกลุ่มนั้นจากมุมหนึ่งยังไม่เห็นความปกติใดๆ
“เด็กสมัยนี้โตเร็วนะคะ เรียนปีหนึ่งปีสองดูเป็นสาวกันมากๆเลย สวยกว่าสาวๆยุคก่อนด้วย”
“สวยแต่หน้าพิมพ์เดียวกันไปหมด แยกไม่ออก”
“คุณนี่แอบปากร้ายเหมือนกันนะเนี่ย ทำตัวให้สวยให้ดูดีไม่ใช่เรื่องแปลกนะ แต่ถ้าไม่มีสติแยกแยะไหลไปตามกระแส หรือไม่มีคนคอยดูแลนี่สิน่าห่วง”

เอมิเดินมานั่งด้วย เห็นมิ้งดื่มไวน์จนเหมือนเริ่มจะเมา
“มิ้ง...นี่ดื่มด้วยเหรอ”
“ก็นิดนึง”
“นิดหน่อยน่า เอามั้ยน้อง คืนนี้พี่อารมณ์ดี ไปให้สุด” บุ๊งว่า
“นี่แกเมาแล้วป่ะเนี่ยบุ๊ง”
“เมาอาราย วันเกิดน้องมิ้งทั้งทีต้องมีชน ต้องฉลอง...พี่เปย์เอง ไม่สิเดี๋ยวมีป๋ามาเปย์ให้”
นิวพูดนิ่งๆ “ป๋าไหน?”
“ก็...พอมีบ้าง สวยและรวยมากก็งี้ สนใจมั้ยมิ้ง เอมิ อยากสวยและรวยมากพี่ช่วยได้นะ ไอโฟนเท็น กระเป๋าแรร์ไอเท็ม จัดรัวๆ” บุ๊งว่า
“ดีจัง อยากจัดบ้าง” มิ้งว่า
“ ไม่เห็นต้องมีเลยมิ้ง เกินตัวไร้สาระ”
บุ๊งเริ่มเขม่นเอมิ
“ไม่มีปัญญาอย่าอิจน้อง อะ...เติมหน่อยนะมิ้ง”
บุ๊งเทไวน์ใส่แก้วมิ้งอีก เอมิเริ่มไม่พอใจ

โต๊ะแดเนียลในผับ
“เด็กบางคนก็เคว้งนะ ห่างบ้าน ห่างพ่อแม่ให้เป็นที่ปรึกษา ต้องจิตใจมั่นคงมากๆ”
“โลกยุคนี้ ไม่เหลือเวลาให้พิจารณาอะไรเลย ถ้าคนเรามีตาพิเศษที่มองลึกถึงจิตใจคนได้ก็คงดีนะคะ”
“ดวงตาพิเศษเหรอ เชื่อผมเถอะ...คุณไม่อยากมีหรอก”
“คุณเชื่อเรื่องตาทิพย์อะไรแบบนั้นด้วยเหรอ ตอนผู้กองบอกฉัน ฉันก็ไม่ค่อยเชื่อหรอกนะ ฉัน ฉันนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเค้าเห็นอะไรบ้าง น้องคุณเคยเล่าให้ฟังมั้ยคะ”
แดเนียลส่ายหัว
“เรื่องแบบนี้มันพิสูจน์ ไม่ง่ายที่จะสื่อสารหรอก ก็คงเหมือนในหนังมั้ง บางทีอาจไม่ใช่แค่เห็นผี แต่บางทีก็เห็นความตายล่วงหน้า หรือว่า...เห็นเงาของความตาย”
สายตาแดเนียลมองไปที่กลุ่มสาวๆ แดเนี่ยลเห็นเงาดำอยู่รอบๆตัวบุ๊ง
แดเนียลได้แต่จิบเครื่องดื่มมองอย่างกังวล ที่เค้าต้องเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น และต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยคนพวกนั้นให้รอดพ้นจากความตาย

ที่มุมโต๊ะเด็กๆ เห็นว่ามิ้งเริ่มเมา บุ๊งที่เมาแล้วพยายามรินไวน์ให้อีก
“เติมๆ”
“พอแล้วค่ะพี่ มิ้งเมาแล้ว” เอมิว่า
“อย่าป่วนให้เสียเรื่องน่า อ่อนก็กลับไปดูดนมนอน”
“กลับก็ได้ค่ะ แต่มิ้งต้องกลับด้วย” เอมิลุกขึ้นดึงมือ “ไปมิ้งกลับเถอะ”
“ไม่มาว”
บุ๊งในอาการเมา ไม่พอใจเดินมากระชากมือมิ้งออกจากมือเอมิ เอมิไม่ยอมยื้อกัน
บุ๊งผลักอกเอมิ เอมิไม่ยอมผลักตอบ บุ๊งเอาแก้วไวน์สาดเอมิ
บุ๊งเงื้อมือจะตบเอมิ เอมิหลบทัน ทุกอย่างชุลมุน สร้อยข้อมือบุ๊งเกี่ยวเสื้อเอมิขาด
นิวกับเพื่อนดึงบุ๊งไว้ แต่สู้แรงบุ๊งไม่ไว บุ๊งง้างจะตบเอมิอย่างแรง
เนมเดินเข้ามาจับมือบุ๊งไว้ทัน เนมเอาตัวบังเอมิไว้ เนมพูดนิ่งๆ
เนมบอกนิว “แยกเพื่อนน้องไปก่อนครับ มีเรื่องกันในนี้ไม่ได้นะครับ”
นิวดึงบุ๊งออกไป เนมหันมาดูเอมิเห็นว่าเสื้อขาด เนมถอดเสื้อคลุมไหล่ให้
“ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ”
ซินมาถึงพอดี แดเนียลกับหมอก้อยก็เข้ามาดู ซินดึงเสื้อเนมออกจากไหล่เอมิ เอาเสื้อตัวเองคลุมแทน
ทั้งคู่มองหน้ากันเบาๆ แบบเขม่น
“เป็นไรมั้ยเอมิ”
“ไม่ค่ะลุง”
หมอก้อย เลอะเทอะหมดเลย ซินพาเอมิไปล้างตัวก่อน ฉันดูมิ้งให้เอง
หมอก้อยประคองมิ้งที่คอพับคออ่อน ซินประคองเอมิไป เดินชนไหล่เนมเบาๆ
แดเนียลมองตาเนม เนมพยักหน้าให้ เนมเดินตามมา

หน้าหน่วย DEI เช้าวันใหม่
ในห้องประชุม บนจอเป็นรูปของมาร์ค ผู้กำกับหนุ่มเจ้าเสน่ห์รุ่นใหญ่ แดเนียลอธิบาย
“ถ้ารวมก็สี่วันแล้วที่นายมาร์ค ผู้กำกับหนังเซเลบชื่อดังคนนี้หายตัวไป”
หมวดสารินบอก
“แต่เพลย์บอยแบบนี้หายจากบ้านไป 3-4 วันผมว่าเรื่องปกตินะครับ”
วาวบอก “เกิน 24 ชม แล้ว ภรรยาแจ้งความแล้ว ก็เป็นคดีที่ต้องติดตามนี่ แล้วดูในข่าว
คุณเอวาก็ดูกังวลมาก เธอยืนยันว่าปกติสามีถึงจะสังคมจัด แต่จะบอกความเคลื่อนไหวกับเธอตลอด หายไปหลายวันแบบนี้ แฟนใคร ใครก็ห่วง หล่อภูมิฐานกล้ามแน่นขนาดนี้ ไม่เห็นแปลกเลยค่ะ”
หมวดสารินหมั่นไส้ตำรวจน้องใหม่
“ใครถามความเห็นเธอไม่ทราบ” แล้วหันไปพูดกับแดเนียล
“แต่ท่านรองครับ ยังไง ผมก็ว่านี่มันคดีผัวหายธรรมดา ทำไมหน่วยเราถึงต้องตามคดีนี้ด้วย”
“เพราะนายมาร์ค เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่าธุรกิจของเค้าจะพัวพันกับแก๊งเดอะซันน่ะสิ”
จ่าจักรบอก
“เท่าที่ผมรู้ เค้าทำธุรกิจหนังร่วมทุนกับต่างประเทศ และก็ทำคลับระดับวีไอพีต่างชาติ แค่นั้นนี่ครับ”
“ทั้งสองธุรกิจเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ หนังใต้ดินออนไลน์ใช้ความรุนแรงทางเพศ กับส่งผู้หญิงไปขายบริการต่างประเทศ”
จ่าวาวของขึ้นทันที
“โห...ข้างนอกดูดีเป็นเทพบุตร เนื้อในปีศาจชัดๆ แบบนี้ก็น่าอุ้มอยู่นะคะ”
“อ้าว...เพิ่งเห็นชื่นชมอยู่เมื่อกี๊ ยูเทิร์นล้อฟรีเชียวนะ”
“ผมให้สายผม สืบทางลับจากผู้หญิงลึกลับคนหนึ่งที่นายมาร์คควงบ่อยๆ ผมเชื่อ
ว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นกุญแจสำคัญ” ก่อนหันไปสั่งวาว “วาวช่วยนัดภรรยาเค้าเข้ามาให้ปากคำด้วยนะ”
“ได้ค่ะท่านรอง” วาวว่า
แดเนียลปิดการประชุม

เนมยืนอยู่หน้าประตูห้องแดเนียล เคาะห้องพอเป็นพิธี
แดเนียล หรือ แดน เงยหน้าขึ้น พยักหน้าให้เข้ามา
“ปิดประตูด้วย”
เนมเดินเข้ามา ก่อนปิดประตู
“ไม่มีคนสงสัยหรอกครับ ผมบอกว่าผมติดทัณฑ์บนต้องมารายงานตัวกับท่านรอง แค่นั้น ลุคผมไม่ดูเป็นตำรวจอยู่แล้ว” เนมยักไหล่ไม่แคร์ “ดูยังไงก็เหมือนเด็กเวร”
แดนยิ้ม “นั่นแหละที่เค้าว่าดูคนแค่ภายนอกไม่ได้ อดทนอีกไม่นานหรอก ตอนนี้ แม้แต่ตำรวจด้วยกันก็รู้ไม่ได้ เพราะทุกที่มีหนอนขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ จับเดอะซันได้เมื่อไหร่ ผมจะให้คุณเข้ามาทำงานในหน่วย DEI อย่างเปิดเผย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รีบ...ยกเว้นเจอรักแท้ เพราะผมก็อยากดูดีในสายตาผู้หญิงที่ผมจริงจัง”
“แล้วเจอรึยัง”
เนมยิ้มๆ แอบนึกถึงเอมิที่เจอเมื่อคืน
“ก็...เหมือนจะเจอแว๊บๆนะ แต่ กลัวผู้ปกครองเค้าจะหวง”
แดนงงๆว่าพูดอะไร “ว่าแต่...เรื่องผู้หญิงคนนั้น ได้ความว่าไง”
“นั่นแหละครับที่ผมงง ผมเฝ้าอยู่หลายชั่วโมงจนคลับปิด รถทุกคันออกจากลาน
จอด แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ออกมา”
“ไม่ออกมา?”
“ใช่ครับ...ไม่ออกมา แต่ก็ไม่มีใครอยู่ในคลับวีไอพีแล้วสักคนเดียว หายไปราวกับ
ล่องหนได้”
แดเนียลอึ้ง คิดตามอย่างสงสัย

ในกองถ่ายละคร เอวากำลังแต่งหน้าไป ท่องบทไป เอวารู้สึกไม่มีสมาธิ เครียดๆ วางบทอย่างหงุดหงิด
พี่บี ผู้จัดการส่วนตัวของเอวา กระเทยเนี้ยบติดแบรนด์เนม มองอย่างเป็นห่วง
“กังวลเหรอเอวา ดูไม่มีสมาธิเลย”
“มากเลยล่ะค่ะ เอวาไม่ได้อยากเป็นข่าวนะคะพี่บี แต่มาร์คไม่เคยหายไปแบบนี้จริงๆ เอวาว่านี่มันไม่ปกติแล้ว”
ช่างแต่งหน้าบอก
“โถ...เข้าใจเลยค่ะ ปกติวันไหนน้องเอวาออกกองถ่ายละคร คุณมาร์คไม่มารับก็มาส่ง บางทีมานั่งเฝ้าทั้งวัน ใครๆก็เห็น หายไปแบบนี้มันก็น่าห่วง”
“เอวาพยายามจะแยกแยะแล้วนะคะ ไม่อยากให้กองถ่ายเสียงาน แต่บอกตรงๆไม่มีสมาธิเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องเอวาพักก่อน เดี๋ยวพี่ออกไปแจ้งทีมงานให้ รับรองไม่มีปัญหา น้องเอวาเคยงอแงที่ไหน วินัยดีมืออาชีพตลอดเวแบบนี้ สถานการณ์แบบนี้พวกเราเข้าใจค่ะ”
ช่างแต่งหน้าลุกขึ้น แตะไหล่ให้กาลังใจเอวา เอวามองอย่างซาบซึ้ง
“ขอบคุณนะคะป้าตือ ฝากบอกผู้กำกับว่าเอวาขอทำสมาธิสักพัก เอวาจะรีบดึงสติกลับมาให้เร็วที่สุด”
“ไม่เป็นไร พักๆๆ เชื่อพี่”
“ขอบคุณนะป้า” พี่บีบอก

จ่าวาวพริ้นท์รูปเอวาอย่างตื่นเต้น จากหนังสือเรื่องย่อละครเฉพาะกิจ
หมวดสารินเดินมาพอดี เห็นรูปออกจากเครื่องพริ้นท์พอดี สงสัย
“เอกสารแนบสำนวนสืบสวน ต้องใช้รูปใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ”
จ่าวาวรีบมาหยิบรูปดูอย่างภูมิใจ
“เปล่าแนบสำนวนค่ะ เตรียมไว้ขอลายเซ็นคุณเอวาต่างหาก”
“ขอลายเซ็นดาราเนี่ยนะ”
“ใช่สิคะ นางเอกอันดับหนึ่งของประเทศ ไม่ได้เจอตัวเป็นๆง่ายๆนี่คะ”
วาวรีบหันมาหยิบหนังสือเรื่องย่อละคร เรื่อง “น้ำตาลลอยแก้ว” คู่กับพระเอกคู่ขวัญ
“เนี่ย...เรื่องเนี๊ยสุดยอด วาวเก็บไว้อย่างนาน ดูสิ สิบกว่าปีแล้วยังสวยไม่เปลี่ยนเลยอะ พระเอกคนนี้คู่จิ้นเบอร์แรงสุดยุคนั้นเลย ล้อหล่อ”
วาวเอารูปเก่ามาเทียบกับรูปใหม่ให้เห็นว่า เอวายังสวยสง่าเหมือนเดิม หมวดสารินเซ็ง...
“นี่...แยกแยะหน่อยมั้ย ทำตัวให้เป็นมืออาชีพหน่อย ยังอยู่ในหน้าที่สอบปากคำพยาน ใช่เวลาจะทำตัวเป็นติ่งละครมั้ย”
จ่าวาวยอมรับตาใส “ก็วาวเป็นติ่งคุณเอวาจริงๆนี่คะ ตั้งแต่เรียนมัธยมเลยด้วย”
หมวดสารินเซ็ง
“นี่ผมเตือนด้วยความหวังดี คุณเป็นเจ้าหน้าที่ทำตัวให้น่าเชื่อถือหน่อย หรืออัพเกรดจากเด็กฝึกงานมาปฏิบัติงานจริงเร็วไป ถ้าไม่พร้อมผมว่าคุณไปเรียนวิชาจรรณยาบรรณเพิ่มก่อนก็ได้นะ” พลางส่ายหัว “ไม่โปรเลย”
หมวดสารินด่าจบก็เดินหนีไปอย่างระอา ตำรวจคนอื่นแอบขำเบาๆ วาวหน้าเสีย
“ทำไมต้องด่าแรงเบอร์นี้ด้วยเนี้ย”
วาวเริ่มเก็บความน้อยเนื้อต่างใจสเต็ปแรก

ในกองถ่าย เมื่อ ตือ ช่างแต่งหน้าเดินออกไปแล้ว พี่บีเข้ามาจับมือเอวา
“แล้วนี่จะไปงานประกาศรางวัล โกล์ดสตาร์อวอร์ดพรุ่งนี้ไหวมั้ยคะ เนี่ย น้องเอวาตัวเต็งนักแสดงนำด้วยนะคะ”
เอวา พูดนิ่งๆไม่ได้อวด
“ก็ได้มาหลายปีแล้วนะพี่บี ถ้าปีนี้เอวาไม่ไปจะได้มั้ยคะ ไม่อยากโดนนักข่าวรุมจี้ถามอะไรอีก”
พี่บี แตะมือเบาๆให้กำลังใจ
“อื้ม...โอเค พี่จะแจ้งทางโน้นดู คิดว่าไม่น่ามีปัญหา เจ้าหญิงวงการบันเทิงไม่เคยมีอะไรแปดเปื้อน มีเรื่องไม่สบายใจขนาดนี้ ใครก็เข้าใจค่ะ.. เอางี้ พี่จะแจ้งงานทุกงานในช่วงนี้ว่าเอวายังไม่พร้อม ขอเลื่อนไปก่อนให้หมดเลย อยู่เงียบๆสักพักดีกว่า”
“โห...ดีเลยค่ะพี่บี อ้อ...แต่งานการกุศลมูลนิธิเพื่อนสตรี เอวาไม่แคนเซิลนะคะ งานแบบนี้เอวาขอไปดีกว่า แค่พี่บีกันนักข่าวให้เอวาหน่อยก็พอ”
“ได้เลยค่ะ...เออ เมื่อกี๊ทางตำรวจสอบสวนหน่วยพิเศษที่รับทำคดีคุณมาร์ค ขอให้หนูไปให้ปากคำเพิ่มเติม ไหวมั้ยคะ”
“ไหวค่ะ ถ้าเป็นเรื่องมาร์ค เอวาไหวอยู่แล้ว”
เอวายิ้มเหนื่อยๆ พี่บีปลอบให้กำลังใจ พี่บีกำลังเปิดโทรศัพท์ แต่ก็ต้องตกใจกับข่าวบางอย่างจากไลน์
“ว๊าย...ตายแล้ว”
เอวาตกใจไปด้วย “เกิดอะไรขึ้คะพี่บี”
พี่บียื่นโทรศัพท์ให้ดู “นี่ค่ะ ตายแล้ว”
เอวามองภาพตกใจ “ห๊า...นิด”
เอวามองภาพข่าวอย่างตกใจ

เนมเดินออกมาจากหน่วย สวนกับเอมิที่มีหาลุงพอดี เอมิทักทาย
“อ้าว...คุณ นี่มาทำอะไรที่นี่” เอมิมองลุคแบดๆของเนม “อ๋อ..โดนจับล่ะสิ”
“นี่หน้าตาผมแบดขนาดนั้นเลยเหรอ ขึ้นหน่วยตำรวจนี่ต้องมีคดีแน่ๆว่างั้น”
“ก็....” เอมิรู้สึกผิดเบาๆ
“อืม...จะว่างั้นก็ได้ ติดทัณฑ์บนต้องมารายงานตัวนิดหน่อย”
“นั่นง่ะ คดีอะไรล่ะ”
“ทะเลาะวิวาทเบาๆ”
“อ่อ นึกว่าแบบพวกมือฉกวิ่งราวอะไรแบบนี้ซะอีก เอมิจำได้นะว่ามืออย่างไว”
เนมยิ้ม “แค่คุณจำได้ผมก็ปลื้มแล้ว”
เอมิเขินๆ
“ทำเป็นพูดดี นี่คุณ...งานการมีให้ทำตั้งเยอะ คุณก็ยังดูเด็กอยู่เลย ไม่เห็นต้องทำงานผิดกฎหมายเลยนี่”
“ก็ว่าจะเลิกแล้วล่ะ ถ้ามีคนคอยเตือนสติแบบนี้บ่อยๆน่าจะเลิกได้”
“ทำเป็นเล่น เอมิพูดจริงนะ...คุณก็ดูเป็นคนจิตใจดีออก อย่างเมื่อคืนก็ช่วยเอมิไว้ ไม่งั้นโดนฝ่ามือหน้าชาแน่ ยังไงก็ขอบคุณนะคะ”
“ด้วยความยินดีครับ”
“งั้น...เอมิไปก่อนนะคะ สู้ๆนะคุณ”
เอมิชูสองนิ้วให้กำลังใจอย่างน่ารัก ก่อนจะเดินขึ้นไป เนมมองตามตาเป็นประกาย คนอะไรโคตรน่ารัก
มุมหนึ่ง แดนยืนมองสายตาที่เนมมองเอมิอย่างรู้ทัน กอดอกแบบแอบหวงหลานสาว

ภาพข่าวเป็นภาพเซนเซอร์จุดสงวน แต่เห็นว่าเป็นภาพตั้งกล้องถ่ายจริงจัง ในห้องสีแดง คลิปคือ”นิดา” นางเอกดาวรุ่งกำลังมาแรง เปลือยกาย ในชุดคอสเพลย์กำลังมีเซ็กส์อย่างรุนแรงกับชายหุ่นดีในหน้ากากเทพบุตร
ขอบจอ เจาะกรอบเป็นภาพนิ่งหน้า “นิดา” พร้อมแคปชั่น คลิปนางเอกดาวรุ่งสุดฉาว มั่วเซ็กส์วิปริตกับหนุ่มปริศนาหน้ากากเทพบุตร....

ต่อเนื่องภาพจากข่าว...เป็นภาพในแท๊บเล็ตของแสนแสบกับเพื่อนชายในมูลนิธิฯ กำลังเพลิดเพลินกับการดูคลิปอย่างเมามัน
ซินเดินเข้ามา ส่ายหัวมองเซ็งๆ แสนแสบเห็นรีบเรียกให้ดู
“เฮ้ยๆๆ ไอ้ซิน เห็นยังมาดูนี่โคตรเด็ด อันนี้คลิปจริงเว้ย ไม่มีอะไรบังให้รกตา เห็นเต็มตา ระบบเอชดีคมชัดทุกอณู”
ซินหงุดหงิด
“เพื่อ? ถ้าของขึ้น ก็ไปหาหนังAV ดูโน่นไป นั่นเค้าเต็มใจแสดงทำเป็นอาชีพ นี่ก็เห็นกันป่ะวะ ว่าน้องเค้าโดนมอมแล้วถ่าย มันใช่เรื่องจะมาแชร์ภาพเพศแม่โดนกระทำงี้ป่ะ”
ซินไม่ชอบใจมาก ถึงกับเดินมาดึงไอแพดออกจากมือแสนแสบ
“พอๆ เลิกๆ หยุดดูเลย”
ทุกคนงง แสยแสบเกาหัว
“อ้าวเฮ้ย...ไมต้องหัวร้อนขนาดนี้ด้วยวะเนี่ย”
“มันสนุกตรงไหนวะ ที่ดูผู้หญิงถูกทรมาน มันไม่โอเค เข้าใจป่ะ แทนที่เห็นเป็นเรื่องที่ต้องแชร์ต้องขยาย ช่วยกันหยุดดูหยุดส่งต่อมันถึงจะถูก ลบๆ”
ซินกดลบคลิป แสนแสบเซ็งพยายามจะแย่งคืน แต่ก็เห็นด้วยเบาๆว่าไม่ใช่เรื่องควรดู
“ก็กะว่าดูรอบเดียวก็ลบแล้ว อีกนิดก็จบแล้ว”
แสนแสบได้แต่บ่นเบาๆ
“ไม่เข้าใจจริง ไอ้พวกนักเลงคีย์บอร์ดที่คอมเม้นท์เลวสนุกปาก ทั้งๆที่ไม่รู้จักตัวตนน้องเค้า คนน่ะเว้ยไม่ใช่วัตถุทางเพศ”

ภายในห้อง ใบหน้านิดา เต็มไปด้วยคราบน้ำตาจนมาสคาร่าเลอะเทอะหมดสภาพ นิดาทั้งเศร้าทั้งช็อก นั่งเหวอหน้าจอคอมในห้องเงียบๆคนเดียว
ห้องปิดม่านจนทึบ เห็นแค่แสงจากจอคอม นิดานั่งจ้องคอม
คอมเม้นท์ต่างๆ ที่สาดเข้ามาอย่างคะนองปากของนักเลงคีย์บอร์ด
“แม่งโคตรเนียน นมเป็นนม”
“พี่ก็มีหน้ากากนะจ๊ะ ขอแจมหน่อย”
“โดนมอมมั้ยไม่รู้ แต่รู้ว่าโคตรฟิน”
“ขอสักครั้ง จะไม่ลืมพระคุณ”
“กูว่าแอ๊บเมายา หน้าฟินขนาดนั้น”
“ซี๊ดดดด คำเดียว ซี๊ดดดด...”
นิดานั่งกอดเข่าตัวสั่น โยกตัวเหมือนคนบ้า นั่งอ่านคอมเม้นท์น้ำตาไหลพราก

จ่าวาว หมวดสาริน และตำรวจ รุมดูคลิปนิดาที่หน้าเครื่องคอมของวาว วาวสงสารจับใจ ของขึ้น
“เลว...เลวมาก ทำเป็นใส่หน้ากากเทพบุตร แต่ทำแบบนี้มันสัตว์นรกชัดๆ”
จ่าจักรบอก “โห...แรง เค้าอาจจะเป็นแฟนกันก็ได้นะ รสนิยมคนเราสมัยนี้มันเดาทางยาก”
“ไม่มีทางค่ะ ดูก็รู้ว่าผู้หญิงไม่มีสติสัมปชัญะ”
“ถ้าผู้หญิงไม่สมยอม หรือถูกมอมยา นี่เป็นหลักฐานคดีล่วงละเมิดทางเพศเลยนะ ...เก็บรูปพรรณผู้ชายคนนี้ไว้สืบหาด้วยนะ” หมวดสารินบอก
“ครับหมวด”
จ่าจักรดึงแฟลชไดร์ฟออกแล้วเดินแยกไป จ่าวาวยังของขึ้นเสียงดัง
“ผู้ชายเหรอคะ แบบนี้ไม่เรียกผู้ชายหรอกค่ะ แค่สัตว์เพศผู้”
หมวดสารินมองรอบๆแบบให้วาวระวังหน่อย
“เบาๆหน่อยก็ได้มั้ย นี่คุณ...เก็บอารมณ์หน่อย ผมเพิ่งเตือนไปนะว่า เวลางานทำตัวให้เป็นมืออาชีพด้วย”
“ก็มันน่าโมโหนี่คะ ...ก็เพราะผู้ชายเลวๆพวกนี้เห็นผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศแบบนี้ไง ฉันถึงไม่อยากมีแฟน เจอแบบนี่ไม่เอาด้วยแน่ๆ”
หมวดสารินแอบขำพูดเบาๆ “ไม่เอา หรือไม่มีใครเอา”
จ่าวาวหันขวับ “ ฉันได้ยินนะหมวด ฉันไม่อยากมีเองต่างหาก ไม่เคยมีเลยด้วย”
“ก็ผมเชื่อไง...แว่นหนา หน้าเอ๋อ เสื้อผ้าเฉิ่มซะ เหมือนหลุดมาจากยุคสงครามโลกขนาดนี้ เคยมีก็แปลกแล้ว”
จ่าวาวอึ้ง มองสำรวจตัวเอง “เฉิ่มเอ๋อ?”
จ่าวาวน้อยใจอีกสเต็ป แต่พอดีตำรวจคนหนึ่งเข้ามารายงานก่อน
“คุณเอวามาถึงแล้วครับหมวด”
“อ่อ...โอเค ขอบคุณนะดาบ” หันไปบอกวาว “ไปทำงานได้แล้ว มิสเฉิ่ม”
หมวดสารินเดินนำไป วาวลุกขึ้นมองตัวเองซ้าอย่างเสียความมั่นใจก่อนเดินตามไปเซ็งๆ

ต่อเนื่องมา หมวดสารินผายมือให้เอวาเข้ามาในห้องประชุม ที่มีแดเนียลนั่งรออยู่กับวาวที่ต้องทำหน้าที่บันทึกการสอบปากคำ วาวทำท่าตื่นเต้นที่ได้เจอนางเอกชื่อดัง วาวดูเงอะงะไปหมด
“โอโห้...ตัวจริงสวยมาก เป๊ะมากอะค่ะ นี่เป็นนางเอกมา เกือบ 20 ปีแล้วจริงหรอคะเนี่ย หน้าเด็กกว่าวาวอีก”
เอวายิ้มนิ่งๆไว้ตัว “ขอบคุณค่ะ ก็...เล่นหนังเรื่องแรกตั้งแต่อายุ 17 ค่ะ”
“สวย สวยจริง แจ่มสุด เอ่อ...ขอเซลฟี่หน่อยได้มั้ยคะ”
“ใช่เวลามั้ย?? สำรวมหน่อย” หมวดสารินเสียงดุ ดูจริงจัง
จ่าวาวชะงักลืมตัว อึ้งที่โดนดุจริงจัง
“เอ่อ...ขะ...ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ สอบปากคำเสร็จ ค่อยถ่ายก็ได้ค่ะ ยินดีค่ะ”
แดนที่ยืนมองเอวานิ่งๆ สักพักอย่างสำรวจ รู้สึกว่าเอวาสวยสง่าสมกับเป็นนางเอกเบอร์หนึ่งจริงๆ
“เชิญคุณเอวานั่งก่อนครับ”
เอวาสบตาแดนอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ”
“ขอโทษที่ต้องรบกวนอีกครั้ง หน่วยกลางเพิ่งโยนคดีนี้มาให้เรารับผิดชอบ”
เอวายิ้มเย็นๆสบตาจริงจัง
“ด้วยความยินดีค่ะ ดิฉันดีใจมากด้วยซ้ำ ที่ตำรวจเห็นความสำคัญกับการตามหาสามีของดิฉัน ถึงกับให้หน่วยสอบสวนพิเศษติดตามคดี ถามมาได้เลยค่ะ ดิฉันยินดีตอบทุกคำถาม ถ้ามันจะช่วยให้เจอมาร์ค”
หมวดสารินที่เพิ่งออกจากห้องไป กลับเข้ามาอีกครั้งหน้าตื่น
“ขอโทษครับท่านรอง มีเรื่องด่วนครับ”
“เกิดอะไรขึ้น?”
หมวดสารินรีบหยิบรีโมทเปิดทีวีในห้องประชุม เห็นภาพข่าวในทีวี
เป็นภาพนิดายืนอยู่บนดาดฟ้าคอนโดสูงแห่งหนึ่ง
เอวาตกใจมาก
“ นิด...”

ดาดฟ้าคอนโดฯ นิดาขยับเท้าไปมาโงนเงนอยู่ขอบตึก
นิดาก้าวเท้าบนขอบตึกอย่างหวาดเสียว

ในที่เกิดเหตุ อาสาสมัครบอก
“เข้าไม่ได้นะครับ”
อาสาสมัครกันคนออกนอกพื้นที่
“ดิฉันเป็นหมออาสาสมัครมูลนิธิสุขภาพจิตคะ ขอเข้าไปข้างในด้วยคะ” หมอก้อยบอก
ซินและแสนแสบขึ้นมาถึงยอดตึก เห็นนิดายืนอยู่ขอบตึก แสนแสบยกกล้องทำท่าจะถ่าย
“ได้ช็อทเด็ด เรียกยอดไลค์เพจได้แน่กู”
ซินหันไปเห็นรีบดึงกล้องลง
“เฮ้ย....หยุดเลย นี่เรามาในฐานะอาสา อย่ามาฉวยโอกาสกับความเป็นความตาย”
“อะไรวะ อะไรก็ไม่ได้”
“ถ้าจะสวมหมวกนักข่าว ลงไปถ่ายข้างล่างโน่น กันนักข่าวไม่ให้ขึ้นมา แต่มาแอบถ่ายเองใช่เรื่องมั้ย”
“เออ...ก็ได้วะ แล้วนี่แกจะคุยกับน้องเค้ายังไง”
ซินมองนิดาที่อยู่ยอดตึกอย่างกังวล
ซินถอนใจ “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ เซนซิทีฟงี้น่าจะต้องมืออาชีพป่ะวะ” ซินถามเพื่อนอาสาที่มาด้วย “น้ำผสมยานอนหลับเอามาแล้วใช่ป่ะ”
เพื่อนหยักหน้า ส่งขวดน้ำให้ซินซินรับมาตัดสินใจเดินเข้าไปหาช้าๆ
นิดาหันไปเห็น ตะโกน
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันโดด!”
ซินชะงักไม่กล้า ไม่รู้เอาไง
อยู่ๆก็มีหมาตัวเล็กๆน่ารักๆวิ่งมาจากประตูทางออกดาดฟ้า วิ่งไปหานิดา นิดาอึ้งมองหมา
หมอก้อยเดินตามออกมา แววตานิ่งมาก ยิ้มอย่างใจเย็น
“ ไอ้ตัวเล็กนี่ชื่อไข่ตุ๋น หมาของน้องใช่มั้ยคะ ให้หมอเรียกน้องว่าน้องนิดานะคะ”
นิดาหยุดก้าว หันมามองหมาที่พยายามตะกายหา แต่ไม่ถึงอย่างชั่งใจ
ซินมองหมอก้อยเป่าปากอย่างโล่งอก
“นางเอกขี่ม้าขาวมาช่วยทันเวลาพอดี” ซินกระซิบ “จัดการเลยครับหมอ”
หมอก้อยพยักหน้ายิ้มๆ ค่อยๆเดินเข้าไปหาไม่รีบร้อน
“หมอก็เคยมีหมาแบบนี้ตัวนึง มันขี้อ้อนมากเลย ถ้าหมอไม่กลับบ้านมันจะไม่ยอมกินอะไรเลย ไข่ตุ๋นเป็นแบบนั้นรึเปล่าคะ”
นิดาเหมือนมีสติขึ้น มองหมาเริ่มคิดตาม ทุกอย่างดูคลี่คลาย
“ปกติไข่ตุ๋นชอบกินอะไร เล่าให้หมอฟังหน่อยสิ”
นิดามองหมา ค่อยๆนั่งลงบนขอบตึกแทนที่จะยืน ให้หมาตะกายขาได้
ซินพยักหน้าส่งซิกน์ให้เพื่อนๆอาสา อ้อมไปอีกด้าน เผื่อชาร์จตัวนิดา ทุกอย่างดูคลี่คลายปลอดภัยขึ้น
แต่แสนแสบแอบหลังเสา เห็นว่าไม่มีใครเห็นแอบหยิบมือถือมาถ่าย แล้วเปิดไลฟ์สดผ่านเฟสตัวเอง
“ไม่โดด ก็ยังได้ไลค์ผ่านไลฟ์สดล่ะวะ อินไซด์สุด”

ผ่านเวลา อาทิตย์ใกล้ตกดิน
นิดาเอื้อมมาอุ้มไข่ตุ๋นไปอุ้ม เห็นว่าซิน และอาสาอีก 2 คนเขยิบเข้าใกล้นิดาขึ้น
หมอก้อยก้าวเข้าไปอีก “ไข่ตุ๋นน่าจะหิวแล้วนะคะ เราพาไข่ตุ๋นไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
แดนพาเอวาขึ้นมาพอดี หมวดสารินกับจ่าวาวเดินตามมา
เอวาเรียก “นิดา!”
นิดาสะดุ้งที่ได้ยินเสียงเอวา นิดาเริ่มตัวสั่นปล่อยไข่ตุ๋นลงอย่างตกใจ
นิดาส่ายหัวเริ่มยันตัวขึ้นยืนบนขอบตึกอีก
“ไม่...ไม่”
เอวาก้าวเข้ามาใกล้
“นิดลงมาเถอะ อย่าทำนะ มันกำลังจะจบแล้ว”
นิดาร้องไห้ “ไม่.. มันไม่จบ มันไม่ยอมปล่อยให้จบหรอก”
นิดาลุกขึ้นยืนอีก หมอก้อยรีบห้ามเอวา
“อย่าเพิ่งเข้ามาค่ะ” ก่อนหันไปหานิดา “นิดา ใจเย็นๆนะคะ มองหน้าหมอ บอกหมอสิคะว่าเกิดอะไรขึ้น”
นิดาร้องไห้ “ไม่...ไม่....มันไม่มีวันจบ หนูต้องเป็นทาสมันไปตลอด” นิดามองเอวาตะโกนใส่ “หนูต้องเป็นทาสมัน พี่ก็รู้”
“ ไม่.. เชื่อพี่ ฟังพี่ มันต้องจบ” เอวาพูดเน้นคำ
นิดามองหน้าเอวา แววตาอ้อนวอน
“ใช่...มัน..ต้อง..จบ!”
นิดาตัดสินใจหงายหลังตัวเองลงจากขอบตึก ล้อกับแสงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า
นิดาหงายไป ตายังมองที่เอวาตลอด เอวาตกใจเบิกตากว้าง
ซินและอาสา กระโดดจะคว้าตัวนิดาแต่ไม่ทันแล้ว
ทุกคนอ้าปากค้าง ช็อก แม้แต่แสนแสบที่ถ่ายสดก็ยังอึ้ง คาดไม่ถึง มือสั่นไปหมด
หน้าจอที่ประชาชนตามที่ต่างๆดูไลฟ์จากเฟส เห็นนิดาหล่นลงจากตึกพร้อมกัน!!

ฟ้ามืดแล้ว พื้นเบื้องล่างที่นิดาตกลงมาตาย ศพอยู่ในห่อแล้วกำลังยกไป โดยซินและอาสา แสนแสบได้แต่เดินตามห่างๆไม่กล้าแตะศพเพราะรู้สึกผิด
บริเวณนั้นมากมายทั้งตำรวจ นักข่าว เหล่าอาสาสมัคร และไทยมุง
หมวดสารินเดินมาดึงหูแสนแสบ
“มานี่เลย ไอ้แสบ...แกโดนแน่”
“ก็..ผม ไม่นึกว่าน้องเค้าจะโดดจริง ตอนนั้นดูเหมือนจะโอแล้ว ผมถึงไลฟ์นี่หมวด”
หมวดรินดึงแสนแสบไป
เอวายืนอึ้งน้ำตาไหลด้วยความช็อก หมอก้อยยืนอยู่ข้างๆ
“เพราะฉัน เพราะฉันใช่มั้ย น้องถึงโดด”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ จิตใจน้องเค้าตอนนั้นไม่ปรกติ ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้” หมอก้อยบอก
อยู่ๆทัพนักข่าวก็ฝ่าเข้ามาถึงตัวเอวา กรูกันเข้ามาถาม
นักข่าว 1 “คุณเอวารู้ตัวคนถ่ายคลิปใช่มั้ยคะ”
นักข่าว 2 “นั่นสิครับ ที่นิดาพูดว่ามันไม่ยอมให้จบ มันหมายถึงใครคะ”
นักข่าว 3 “แล้วที่คุณเอวาบอกว่ากำลังจะจบ คืออะไรคะ”
นักข่าว 1 “ใครเป็นคนทำคะ นิดาพูดว่าต้องเป็นทาส พี่ก็รู้แปลว่าอะไร”
นักข่าว3 “เป็นทาสใครคะ”
เสียงนักข่าวอื้ออึงเหมือนหลอนเข้าไปในหัวเอวา เอวาตัวสั่น ส่ายหัว กรีดร้องลั่น
“ไม่...ไม่”
หมอก้อย เริ่มขวางนักข่าวให้ แดนเข้ามาช่วยกัน
“ขอโทษครับ ตอนนี้ยังไมสะดวก”
หมอก้อยประคองเอวา “คุณเอวาคะ”
เอวาตัวสั่น ส่ายหัว
แต่สายตาแดนก็มองไปที่ผีนิดาที่ยืนข้างๆเอวา

รถร่วมอาสาพาศพนิดาออกไปแล้ว ซินยังอยู่กับหมอก้อย
“ ไม่น่าเชื่อเนอะว่าคุณนิดาจะกระโดดลงมา”
“นั่นดิครับ”
“คุณเอวาเป็นไงบ้าง” แดนถาม
“ไม่น่าจะเป็นอะไรมากนะคะ ฉันไปส่งเธอแล้วคะ”
“โอเคงั้นเดี๋ยวคุณกลับกับผม” แดเนียลว่า
“คะ”
หมอก้อยเดินไปเอาของ
แดนเดินเลี่ยงไปเอารถ ซินเดินมาหาแดนทันที
“คุณก็เห็นใช่มั้ย?”
“เห็นอะไร?”
“ผมเห็นว่าคุณมอง”
“มองอะไร นายพูดอะไรของนาย”
แดนรีบเดินเลี่ยงไปที่รถ ปล่อยซินมองอย่างสงสัย ซินหันไปมองที่เอวา ก็ยังเห็นผีนิดาอยู่ใกล้ๆ

อ่านต่อตอนที่ 2


กำลังโหลดความคิดเห็น