เทพธิดาขนนก ตอนที่21 | ขโมยซีนปั่นกระแส
บทประพันธ์ : เพ็ญสิริ บทโทรทัศน์ : ปริศนา และ ทีมวันสุข
เพียงฟ้าร้องกรี๊ดๆๆ ระบายอารมณ์อยู่กับลั้นลา ไม่พอใจอย่างหนักที่ลูกค้าไม่ต่อสัญญาแถมยังไปเลือกปอแก้วเป็นพรีเซ็นเตอร์แทนตน
“อ๊ายย ฉันไม่ได้ต่อสัญญาได้ยังไง นี่ฉันเพียงฟ้า ลดาวัลย์นะเจ๊ อ้ายย”
ลั้นลารำคาญจนทนไม่ไหว “โอ๊ย หยุดกรี๊ดซะที หูจะแตกแล้ว!! แกอาละวาดไปลูกค้าเค้าก็ไม่ได้ยิน คนที่ได้ยินคือเจ๊นี่ เจ๊เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าให้พกมือถือติดตัวไว้ ไม่ใช้ก็ต้องพก”
“ก็มันเกะกะนี่ ใช้ก็ไม่เห็นจะดี ฉันก็ไม่อยากพกน่ะสิ”
“แกก็เป็นซะแบบนี้”
“แล้วจะทำไงดี ฉันซื้ออะไรไปง้อลูกค้าเค้าดีไหม หรือเอามือถือเค้ามาถ่ายไอจีโปรโมทย้อนหลังให้ดี”
“เค้าเลือกปอแก้วเป็นพรีเซ็นเตอร์ใหม่ไปแล้วจะไปทันอะไรล่ะ”
เพียงฟ้าได้ฟังกรี๊ดๆๆ “แอร๊ยยยย”
ลั้นลาเอามืออุดหู มองเพียงฟ้าอย่างเอือมระอา
ทางด้านพรทิพย์เดินตามอัปสรเข้ามาในบ้านเช่าของยุพา อัปสรเดินตรงเข้าไปเก็บผ้าชุดลูกค้าที่ตัดเย็บค้างไว้อยู่ พรทิพย์เหลือบมองไปเห็นกรอบรูปของเผ่าพงศ์ที่วางอยู่
อัปสรเก็บไปถามออกไปโดยไม่ได้มองหน้าพรทิพย์ “คุณมีอะไร”
“ไม่ได้เจอกันนาน เธอสบายดีเหรอ”
“คุณมีธุระอะไรอยากจะพูดก็ว่ามาเลยเถอะ ไม่ต้องอ้อมค้อมหรอก”
“ฉันอยากคุยเรื่องปลายอ้อกับอภิวัช”
อัปสรชะงักไปนิดๆ หยุดเก็บผ้า เงยหน้าขึ้นมามองหน้าพรทิพย์
“เธอก็รู้ใช่ไหม ว่าลูกสาวเธอสนิทกับเค้า”
“ก็เห็นว่าเค้ามารับมาส่งกันอยู่”
พรทิพย์ถอนใจ “ฉันไม่สบายใจเลย คือ อภิวัชเค้าคบหากับปอแก้ว...ตอนนี้เค้าอาจจะมีเรื่องไม่เข้าใจกัน แต่ก็ใช่ว่าเค้าจะกลับมาคืนดีกันไม่ได้ เธอเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม”
“เข้าใจว่ายังไงละคะ พอดีฉันเป็นคนความรู้น้อยซะด้วย”
พรทิพย์รู้ว่าโดนแขวะ แต่ก็ตั้งสติพยายามพูดดีๆ ต่อ “ฉันอยากให้เธอช่วยคุยกับปลายอ้อ ให้ช่วยถอยห่างออกไปจากอภิวัช”
อัปสรนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วยิ้มเยาะออกมา “คุณนี่ไม่เปลี่ยนไปเลย”
พรทิพย์อึ้งๆ
เสียงเผ่าพงศ์ครวญเพลง “รักในรอยสาบาน” ดังแผ่วๆ หวานแว่วเข้ามา พร้อมๆ กับเรื่องราวในอดีตที่ยังชัดเจนอยู่ในความจำของสองคน
เผ่าพงศ์ร้องเพลง “รักในรอยสาบาน” อยู่บนเวทีคอนเสิร์ตที่ต่างจังหวัด มีบรรดาแม่ยกแฟนเพลงสาวๆ ออกันอยู่หน้าเวที ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดปลื้มเทพบุตรขนนกกันยกใหญ่
เผ่าพงศ์พูดอ้อนแม่ยก “ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่มาให้กำลังใจเผ่าพงศ์ในวันนี้นะครับ ไม่มีทุกคน ก็ไม่มีเผ่าพงศ์ ขอบคุณมากจริงๆ”
แม่ยกได้ยินก็กรี๊ดกันใหญ่ แย่งกันเข้ามาคล้องพวงมาลัยให้เผ่าพงศ์ ไม่ขาดสาย บางคนก็ถือโอกาสดึงเผ่าพงศ์ไปหอมแก้มซะเลย
เผ่าพงศ์ตาโตตกใจนิดๆ แต่ก็อ้อนต่อ “โอ้โห ยิ่งได้กำลังใจน่ารักๆแบบนี้ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยครับ”
คราวนี้พวกแม่ยกต่างพากันแย่งหอมแก้มเผ่าพงศ์กันใหญ่เลย
อัปสรอยู่ที่หลังเวที กำลังช่วยหางเครื่องคิวเพลงต่อไปแต่งตัวอยู่ แต่ก็แอบดูเผ่าพงศ์ไปด้วย อัปสรแววตาเป็นประกายไม่พอใจแต่พยายามกดข่มไว้ หางเครื่องเห็นอาการของอัปสร
“พี่สรทนดูให้ผู้หญิงคนอื่น มากอดมาหอมแฟนตัวเอง อยู่ได้ยังไง ทุกคืนๆ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากทนหรอก”
“ก็ออกไปแสดงตัวให้อีพวกนั้นมันรู้บ้างสิพี่ ให้พี่เผ่าพงศ์เห็นบ้างก็ยังดี เผื่อจะนึกขึ้นมาได้บ้างว่าเมียอยู่ที่หลังเวทีนี่”
อัปสรนิ่ง คิดตามที่หางเครื่องพูด แล้วเหลือบมองไปก็ยังเห็นบรรดาแม่ยกอดเผ่าพงศ์ ขอถ่ายรูป ขอหอมกันอยู่อีก ก็เริ่มทนไม่ไหวขึ้นมาเหมือนกัน จะเดินออกไปที่หน้าเวที แต่บูรพาเดินเข้ามาดักไว้ก่อน
“จะทำอะไรน่ะสร”
อัปสรชะงัก บูรพามองรู้ทัน หันมองไปที่บนเวทีแล้วหันกลับมาพูดกับอัปสรอีก
“เพื่ออนาคตของเผ่าพงศ์ เธอต้องอดทนหน่อยนะ ถ้าเธอแสดงตัวว่าเป็นเมียเขา เผ่าพงศ์ได้หมดความนิยมแน่ เธออยากให้มันเป็นแบบนั้นเหรอ”
อัปสรเริ่มลังเล บูรพามองยิ้มๆ ก่อนจะเข้ามาใกล้
“ไปหาอะไรเย็นๆดื่มดีกว่า ตรงโน้นฉันเห็นมีน้ำมะพร้าวขาย เดี๋ยวซื้อมาฝากเผ่าพงศ์มันด้วยก็ได้”
บูรพาเข้าโอบไหล่อัปสรพาเดินออกไป
พรทิพย์เดินมาที่หลังเวทีกับแสงโสม มองเห็นบูรพาโอบไหล่อัปสรเดินออกไปพอดี พรทิพย์ชะงัก
แสงโสมได้ที รีบเสี้ยม “เห็นไหมคะ โอบเอวโอบไหล่กันออกไปโน่นแล้ว โสมบอกแล้วว่าคุณพี่ต้องมาเห็นเอง สองคนนี้เค้ายังไม่เลิกแล้วต่อกันจริงๆ โสมว่าปล่อยเอาไว้ไม่ได้นะคะ”
พรทิพย์มองตามสีหน้าเครียดจัด
คืนเดียวกันนั้น อัปสรนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกเตรียมตัวเข้านอน ด้านหลังเห็นเผ่าพงศ์นั่งอยู่บนเตียง กำลังแกะแบงค์ออกจากพวงมาลัย มีข้าวของดอกไม้ที่แฟนคลับให้วางอยู่เพียบ เผ่าพงศ์แกะแบงค์จากพวงมาลัยเสร็จ รวบรวมมาให้อัปสร
“ดูสิสร นี่แค่เงินที่ได้จากพวงมาลัยนะเนี่ย ตั้งหลายพันบาท....พี่ให้สรนะ”
เผ่าพงศ์วางเงินลงที่โต๊ะเครื่องแป้งตรงหน้าเมีย
“ไม่นึกเลยว่าเราจะมาถึงวันนี้กันได้จริงๆ กว่าที่เราจะผ่านช่วงเวลาที่ลำบากมาได้นี่ เลือดตาแทบกระเด็นเหมือนกันนะ เห็นแล้วค่อยหายเหนื่อยหน่อย สรว่าไหม”
“อืม..”
เผ่าพงศ์กอดเมียรักจากด้านหลัง
“ถ้าเป็นแบบนี้ พี่ว่า..พี่ร้องเพลงเก็บเงินอีกซักพัก คงจะได้ซื้อบ้านหลังเล็กๆได้ซักหลัง แล้วเราก็จะได้แต่งงานกันเสียทีนะ”
“หึ...พี่ยังคิดเรื่องแต่งงานอยู่อีกเหรอ”
เผ่าพงศ์ชะงักไปนิดๆ “ทำไมสรถามแบบนั้นล่ะ”
“ฉันถามจริงๆ พี่ว่าเราจะได้แต่งงานกันเหรอ”
“ได้สิ ทำไมสรถามแบบนั้น”
“อ่ะ..งั้นถ้าแต่งไปแล้วเราจะอยู่กันยังไง”
“ก็...” เผ่าพงศ์อึกอักไปนิด “อยู่แบบทุกวันนี้ไง”
“แบบทุกวันนี้ ที่พี่ไม่เคยกล้าเปิดเผยว่ามีฉันอยู่เนี่ยเหรอ ฉันต้องทนให้คนอื่นมากอดมาหอมพี่ โดยที่บอกไม่ได้ว่าเป็นเมียเผ่าพงศ์น่ะเหรอ”
เผ่าพงศ์อึ้ง นิ่งงันไป
“ฉันต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ ไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นเมียพี่ ฉันเองก็อยากมีครอบครัวที่เปิดเผยได้เหมือนคนอื่นเค้า ถ้าแต่งไปแล้วต้องอยู่แบบเดิม ฉันไม่แต่งดีกว่า เงินทองนั่นพี่ก็เก็บไว้ใช้เองเถอะ”
อัปสรรวบเงินที่วางอยู่บนโต๊ะ คืนใส่มือเผ่าพงศ์ แล้วเดินออกไปเลย เผ่าพงศ์อึ้งหนัก
วันต่อมา อัปสรเดินอย่างหงุดหงิดมาตามทางเดินในบริษัท ผ่านห้องทำงานของบูรพา ได้ยินเสียงบูรพาแว่วๆออกมา
“ไม่ได้ แกจะแต่งงานไม่ได้”
อัปสรชะงัก มองซ้ายแลขวาไม่เห็นมีใครผ่านมา จึงแอบแนบหูฟังกับประตู
ในห้อง บูรพากำลังโวยใส่เผ่าพงศ์ที่นั่งอยู่ในนั้นมีพรทิพย์ และแสงโสมอยู่ด้วย
“แกกำลังดังมาก จะมาแต่งงานตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด”
“ทำไมล่ะ”
“ถ้าแกแต่งงานตอนนี้เปิดเผยต่อหน้าสาธารณะว่าแกมีครอบครัวแล้ว ความนิยมในตัวแกตกลงไปแน่นอน ฉันไม่ยอม”
“แกรู้ได้ไงว่าความนิยมมันจะลด ถ้าคนที่รักฉันจริง รักในเสียงเพลงของฉัน เค้าก็ต้องรักในสิ่งที่ฉันรักด้วยสิ”
อัปสรฟังอยู่หน้าห้อง อึ้งๆ ไป
พรทิพย์เสริมว่า “แฟนเพลงเค้าแยกแยะไม่ออกหรอกนะพี่เผ่า ลึกๆแล้วแฟนเพลงที่สนับสนุนพี่ เค้าก็คิดที่จะครอบครองพี่ เพราะฉะนั้นถ้าพี่มีคู่ครองแล้ว มันเหมือนหมดโอกาสที่จะได้พี่มาครอบครองไง แล้วเค้าก็จะเลิกติดตามผลงานพี่ไปเอง ฉันเห็นมานักต่อนักแล้ว ดารา นักร้องหลายคนที่กำลังดังๆพอประกาศว่ามีลูกมีเมียแล้ว ดับทุกราย”
แสงโสมผสมโรงอีกแรง “ยิ่งถ้ารู้ว่านักร้องดังแบบเผ่าพงศ์ มีเมียเป็นแค่ช่างเย็บเสื้อด้วยแล้วนะ ไม่มีแฟนเพลงคนไหนรับได้หรอก”
อัปสรได้ฟังแสงโสมพูดดูถูกตนก็จุกขึ้นมา ทนฟังต่อไม่ได้ เดินหนีไป เลยไม่ได้ยินที่เผ่าพงศ์จี้ถามบูรพาเรื่องจะดันอัปสรเป็นนักร้อง
“แล้วเมื่อไหร่ นายจะผลักดันให้อัปสรขึ้นมาเป็นนักร้องซะที ตอนนี้บูรพาซาวน์ก็ก้าวหน้าไปมาก มีเงินลงทุนกับศิลปินคนอื่นๆ แล้วนี่”
“เรื่องอัปสรน่ะ ฉันไม่ทอดทิ้งแน่ๆ”
พรทิพย์กับแสงโสมเห็นสีหน้าของบูรพาตอนพูดถึงอัปสรก็มองหน้ากันอย่างระแวง
อัปสรนั่งเศร้าน้ำตาซึมอยู่หน้าบ้านพัก น้อยใจที่โดนแสงโสมพูดจาดูถูกลับหลัง
พรทิพย์ค่อยๆ เดินเข้ามาหา มองอัปสรอย่างประเมิน ก่อนจะปั้นยิ้มแล้วร้องทักถาม
“เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะอัปสร”
อัปสรรีบปาดน้ำตา “เปล่าค่ะ คุณทิพย์มีอะไรเหรอคะเดินมาหาถึงนี่”
“เมื่อกี้พี่เผ่าเค้าไปคุยเรื่องอยากจะแต่งงานกับเธอ”
อัปสรชะงักไป น้ำตารื้นๆ ขึ้นมาอีก
“สรรู้แล้วค่ะ”
พรทิพย์ลงนั่งข้างๆ อัปสร แล้วลูบหลังลูบไหล่ พูดอย่างเห็นใจ
“ฉันเห็นใจเธอนะ แต่เป็นเมียนักร้องก็แบบนี้แหละ ยากที่จะได้ใช้ชีวิตครอบครัวแบบปกติสุขเหมือนคนอื่นเค้า”
“สรไม่อยากอยู่แบบนี้เลย หลบๆซ่อนๆ เหมือนเป็นเมียเก็บ ทั้งที่ไม่ใช่”
“เธอรักเผ่าพงศ์หรือเปล่าล่ะ ถ้ารักเค้า เธอก็น่าจะอยากเห็นเค้าประสบความสำเร็จ มีความสุขในเส้นทางที่เค้าเลือกไม่ใช่เหรอ”
อัปสรฟังแล้ว นิ่งคิดตาม
“คุณยังเหมือนเมื่อหลายปีที่แล้วไม่มีผิด”
อัปสรดึงความคิดตัวเองกลับมา มองหน้าพรทิพย์นิ่งๆ ยิ้มเยาะในที
“ใช้วิธีเดิมๆ ทำเป็นเข้าอกเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ แต่ที่พูดไปก็เพื่อเอาประโยชน์เข้าตัวเองทั้งนั้น”
พรทิพย์อึ้งไป
“ตอนนั้นฉันมันโง่หลงเชื่อคุณ ยอมเก็บข้าวเก็บของหนีจากพี่เผ่า เพื่อให้เค้าได้ทำตามความฝัน...แต่กลายเป็นว่า พอฉันทิ้งเค้ามา...เค้า...เค้า” ความโกรธความแค้นแล่นเป็นริ้วๆ เข้าสู่หัวใจ อัปสรอารมณ์เริ่มคุมตัวเองไม่อยู่ ระเบิดออกไป “ก็ถูกสามีคุณฆ่าตาย”
“ไม่มีหลักฐานว่าเสี่ยบูรพาทำแบบนั้น เธอพูดลอยๆ ขึ้นมาไม่ได้นะ”
พรทิพย์เถียงเสียงแข็ง อัปสรยิ่งโกรธ
“ฉันจะต้องหาหลักฐานมามัดตัวมันให้ได้!! ฉันไม่ให้พี่เผ่าต้องตายฟรีหรอก แกคอยดูเอาไว้ก็แล้วกัน แกออกไปได้แล้ว ออกไป”
พรทิพย์ชะงักเมื่อเห็นว่าอัปสรเริ่มคุมสติไม่ได้ขึ้นมา อัปสรหันรีหันขวาง เห็นพรทิพย์ไม่ไปสักทีจึงหยิบอะไรมาขว้างใส่ไล่พรทิพย์ให้ไปพ้นๆ
“ออกไป”
ยุพากลับมาพอดี เห็นอัปสรกำลังคลั่งก็รีบเข้าไปปลอบ
“สรๆ ตายแล้ว หยุดก่อน ใจเย็นๆ”
พรทิพย์เห็นท่าไม่ดีเลยรีบออกไปก่อน ยุพากอดห้ามอัปสรไว้มองตามพรทิพย์ไปรู้สึกคุ้นหน้า
“ใครน่ะ”
“ไป” อัปสรตะเพิด
“จ้ะๆๆๆ เค้าไปแล้วสร ใจเย็นๆก่อนนะ”
อัปสรผ่อนลมหายใจแรงๆ พยายามข่มสติ ยุพาค่อยๆ ปลอบให้เย็นลง
อีกฟาก ปอแก้วเดินเข้ามาในห้องนอนบูรพา เห็นแสงโสมกำลังดูแลให้พ่อกินยาอยู่
“เป็นไงบ้างคะพ่อ”
บูรพายังไม่ทันตอบ ก็ได้ยินเสียงเพียงฟ้าเดินตึงตัง เปิดประตูผลัวะเข้ามาในห้องอย่างไร้มารยาท ลั้นลาตามมาติดๆ
“อยู่นี่กันนี่เอง”
เพียงฟ้าถลาเข้าไปหาบูรพา รีบฟ้องทันที
“เสี่ยคะ เสี่ยรู้หรือเปล่าว่าลูกสาวเสี่ยมาแย่งงานพรีเซ็นเตอร์ฟ้าไป ทำแบบนี้มันไม่มีมารยาทเลยนะคะ”
ปอแก้วกอดอกมองนิ่งๆ “ที่เธอไม่ใช้มือถือของลูกค้าไม่ยิ่งเสียมารยาทกว่าเหรอ ฉันไม่ได้คิดจะแย่งงานเธอเลย ที่ลูกค้าเลือกฉันก็เพราะเธอทำตัวเองทั้งนั้น”
แสงโสมเสริมว่า “ใช่ นี่เธอยังจะมีหน้ากล้ามาฟ้องเสี่ยอีกเหรอ ทั้งๆ ที่เธอทำผิด ลูกค้าเค้าไม่เรียกค่าปรับให้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
เพียงฟ้าอึกอักที่โดนตอกกลับ หันมองหน้าบูรพาเชิงให้เชิง กลับเห็นแต่แววตาเย็นชา
“ฟ้าไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย”
“ก็หัดตั้งใจทำอะไรซะบ้าง เธอควรจะใส่ใจกับงานมากกว่านี้ อย่าคิดว่าตัวเองดังแล้วจะทำยังไงก็ได้ ระวังเด็กรุ่นใหม่ๆ จะแซงหน้าไป”
เพียงฟ้าโกรธจัด “เสี่ย”
ลั้นลารีบกระซิบเบรก “พอก่อน...ยิ่งขึ้นยิ่งแย่นะอีนี่”
เพียงฟ้าฮึดฮัดขัดใจจะไม่ยอมหยุด เลยโดนลั้นลาลากตัวออกไป พอพ้นออกมา เพียงฟ้าโวยวายลั่น
“โอ๊ย เจ็บใจโว้ย ทำไมเสี่ยไม่เข้าข้างฉันซักนิด”
“ก็นั่นมันลูกสาวเค้า”
“นอกจากอีปลายอ้อแล้ว ฉันยังต้องมาสู้กับยัยปอแก้วนี่อีกเหรอเนี่ย”
ปลายอ้อโกรธมากเมื่อรู้เรื่อง การมาบอกให้ตนเลิกยุ่งเกี่ยวกับอภิวัชของพรทิพย์จากปากอัปสร
“อะไรนะแม่ นี่เค้าถึงขั้นบุกมาหาแม่ มาบอกไม่ให้อ้อยุ่งกับคุณวัชเลยเหรอ เค้ามีสิทธิ์อะไรมาห้าม ลูกสาวเค้าสั่งให้มาบอกหรือไง ตัวเองเขี่ยคุณวัชทิ้งเองแท้ๆ คุณวัชจะเลือกใครก็เป็นสิทธิ์ของเค้าสิ”
“แล้วตกลงอ้อจะเอายังไง หนูชอบใครกันแน่”
ปลายอ้อได้ยินแม่ถามตรงๆ ก็อึ้งไป ตอบไม่ถูกเหมือนกัน
“น้าว่า คุณนักข่าวนั่นเค้าก็ดีคอยช่วยเหลือเรามาตั้งแต่แรก เค้าก็น่าจะชอบๆ แกอยู่ไม่น้อยนะ”
ปลายอ้อนิ่งคิดไปอีก
“ว่าไงลูก...” อัปสรคาดคั้นเล็กๆ
“คุณวัชเค้าให้อนาคตกับอ้อได้มากกว่า เค้ามีฐานะ มีลู่ทางในวงการ ที่อ้อจะก้าวหน้าต่อไปได้ คุณกฤตยังไงเค้าก็เป็นแค่นักข่าว ถ้าอ้อจะต้องเลือกจริงๆ อ้อก็คงเลือกคนที่ทำให้อ้อก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งได้”
“แม่เข้าใจ แม่เชื่อว่าลูกคิดและตัดสินใจดีแล้ว”
“อ้อดีใจที่แม่เข้าใจอ้อนะจ๊ะ”
ปลายอ้อเข้ากอดอัปสร ยุพามองด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
คืนนั้น ยุพากำลังมาบ่นให้บุญทิ้งฟังอยู่ในห้องบุญทิ้ง
“เฮ้อ ฉันชักจะไม่เข้าใจไอ้อ้อมันเลย ทำไมมันคิดอะไรเป็นแผนการไปซะหมดเลย ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ ไม่ใช่สมองไม่ใช่เหรอวะ”
บุญทิ้งยืนมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง
“นั่นสิ ความรักมันเป็นเรื่องของหัวใจ ถ้าใจมันไม่ตรงกัน มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ใช่ไหมน้า”
“ใช่ ใจฉันนะเชียร์คุณนักข่าวนะ ฉันว่าเค้าดูจริงจังจริงใจกับไอ้อ้อ...แต่ไอ้อ้อมันดันไม่เห็นค่า...”
บุญทิ้งพูดขัดขึ้นมา “คนกระจอกอย่างฉันมันก็คงเป็นคนไม่มีค่าเหมือนกัน นักดนตรีจนๆ มันจะไปสู้คนมีเงินได้ยังไง จริงใจไปให้ใจมันเจ็บ...จนแล้วไม่เจียม เฮ้อ...”
ยุพาเง็ง “อะไรของแกเนี่ยไอ้ทิ้ง”
บุญทิ้งไม่ตอบ เดินคอตกไปหยิบกีตาร์ขึ้นมาเกาๆ แล้วก็ร้องเพลงเศร้าที่ตนแต่งเอง
ยุพางงหนัก “อะไรของมันวะ ไม่ได้ฟังที่ข้าพูดเลยใช่ไหมเนี่ย”
บุญทิ้งยังร้องเพลงอกหักรักคุดหงิงๆ โดยไม่สนใจโลก
ตอนเช้าๆ ในอีกหลายวันต่อมา
ภายในลอบบี้โรงแรมหรูของพัทยา บรรดาพนักงานต้อนรับมองไปแล้วพากันซุบซิบๆ อย่างตื่นเต้น นักท่องเที่ยวบางรายก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป อภิวัชกับปลายอ้อพร้อมทีมงานถ่ายทำเอ็มวีเดินเข้ามาในนั้น ปลายอ้อรู้ตัวว่าโดนมองและโดนถ่ายรูป ก็หันไปยิ้มแย้มให้ทุกคนอย่างเป็นกันเอง
“เข้ามาถ่ายด้วยได้นะคะ”
นักท่องเที่ยวปราดเข้ามาทันที ปลายอ้อยิ้มกว้าง เซลฟี่กับนักท่องเที่ยว เจนนี่แอบกระซิบกับอภิวัช
“อ้อมันดังใหญ่แล้วนะคะคุณวัช”
อภิวัชมองปลายอ้อยิ้มภูมิใจ ปลายอ้อถ่ายรูปเสร็จเดินออกมาหา
“ไปเช็คอินกันเถอะค่ะ ทีมจะได้ขึ้นไปเก็บของเตรียมตัว”
ปลายอ้อเดินเคียงคู่อภิวัชเข้าไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ ศุภกฤตเดินเข้ามาทักถามยิ้มๆ
“มาเที่ยวกันเหรอครับ”
“มาถ่ายเอ็มวีน่ะค่ะ แล้วคุณล่ะ พักที่นี่เหมือนกันเหรอ”
“โอ้ย ผมไม่มีปัญญามาพักโรงแรมหรูแบบนี้หรอก ผมมาทำข่าวโรดโชว์ มือถือน่ะ เค้ามีเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่
อภิวัชสนใจขึ้นมา “ใครเหรอครับ”
ไม่ทันขาดคำดี ก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังลั่นมาจากด้านหน้าโรงแรม ปลายอ้อกับอภิวัชหันไปดู
เห็นปอแก้วเดินเข้ามาในลอบบี้พร้อมกับแสงโสม มีแฟนคลับกรูกันเข้าไปต้อนรับ
“นั่นไงครับ มาแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ”
ศุภกฤตกับพวกนักข่าวเดินเข้าไปหาปอแก้ว
ปลายอ้อกับอภิวัชอึ้งไปเลย ไม่คิดว่าต้องมาเจอกับปอแก้วที่นี่
แสงโสมเห็นปลายอ้อกับอภิวัชและทีมงาน ก็กระซิบบ่นบ้ากับปอแก้ว
“อ๊ย....ทำไมต้องมาเจอกันด้วยเนี่ย”
ปอแก้วมองหน้าอภิวัชเจ็บแปลบในใจ แต่ทำเป็นไม่สนใจ
ปลายอ้อมองหมั่นไส้ เดินเข้าไปหาปอแก้วทันที ปั้นยิ้มหวานส่งให้
“สวัสดีค่ะคุณแสงโสม ปอแก้ว”
แสงโสมมองปลายอ้อเชิดๆ คอแข็งใส่ไม่อยากเสวนาด้วย
นักข่าวมองแล้วยกกล้องขึ้นถ่ายรูปพรึ่บพรั่บๆเลยเพราะได้ซีนที่ปอแก้วกับปลายอ้อเผชิญหน้ากัน
ปลายอ้อพูดต่อ “นี่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ใหม่เหรอคะ ดีใจด้วยนะ ฉันก็มาทำงานที่นี่พอดีเลย เซอร์ไพรส์จังเลยได้เจอกัน”
ปอแก้วมองนิ่ง แล้วยิ้มตอบไปว่า
“แต่ฉันไม่เซอร์ไพรส์นะที่เจอเธอ”
ปลายอ้ออึ้งไปนิดๆ ที่โดนตอกกลับ ปั้นยิ้มให้ ด้วยแววตาเชือดเฉือนถึงขั้นสุด
เจนนี่กับปลายอ้อเดินเข้ามาในห้องพัก ปลายอ้อดูหงุดหงิดๆที่ปอแก้วมาทำให้เสียบรรยากาศ
เจนนี่บ่นอุบ “ทำไมแฟนคลับคุณปอแก้วเค้าเยอะขนาดนั้น”
“คงต้องมีจ้างมาบ้างแหละพี่เจนนี่” ปลายอ้อนึกได้ “เออ ฉันโพสต์คิวงานลงไอจีบ้างดีกว่า แฟนคลับฉันจะได้รู้ว่าพรุ่งนี้ฉันมีถ่ายเอ็มวีที่นี่”
เจนนี่เห็นดีด้วย “เออดี งั้นเดี๋ยวฉันช่วยโพสต์ในแฟนเพจให้ เผื่อแฟนคลับแกจะได้ตามมากรี๊ดแกบ้าง”
สองสาวหยิบมือถือขึ้นมากดโพสต์ทันที
ไอจีของปลายอ้อ ลงรูปปลายอ้อและเช็คอินสถานที่ไว้พร้อมแคปชั่น
“พรุ่งนี้อ้อมีถ่ายเอ็มวีที่นี่นะคะ ใครสะดวกมาให้กำลังใจกันก็แวะมาเจอกันได้น้า รักแฟนๆทุกคน”
แสงโสมดูไอจีนั้นอยู่ในห้องพัก ปอแก้วก็อยู่ในห้องด้วยกัน
“พรุ่งนี้อ้อมีถ่ายเอ็มวีที่นี่นะคะ ใครสะดวกมาให้กำลังใจกันก็แวะมาเจอกันได้น้า รักแฟนๆทุกคน....แหวะ...อ่านแล้วขนลุกจะอ้วก” แสงโสมอ่านตาม แล้วเงยหน้าขึ้นมาคุยกับปอแก้ว “รีบบอกแฟนคลับตัวเองใหญ่เลย สงสัยกลัวน้อยหน้าหนูแก้วแน่ๆ”
“แก้วไม่สนใจหรอก เค้าอยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ แก้วแค่มาทำงาน ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงไม่ได้อยากจะเจอซักนิด”
ปอแก้วหยิบชุดว่ายน้ำออกมาจากกระเป๋า
“เดี๋ยวแก้วจะลงไปว่ายน้ำซักหน่อย น้าโสมจะลงไปด้วยกันมั้ยคะ”
“ถ้าหนูแก้วไม่ว่าอะไร น้าขอนอนผึ่งแอร์อยู่บนห้องดีกว่า”
แสงโสมยังไล่ดูไอจีปลายอ้อต่อ พบว่าปลายอ้อพึ่งอัพไอจีสตอรี่ก็เลยกดเข้าไปดู
ในไอจีสตอรี่ของปลายอ้อ เป็นภาพคลิปปลายอ้อในชุดว่ายน้ำบิกินี่เซ็กซี่ กำลังเดินอยู่ริมสระน้ำของโรงแรม หันมายิ้มให้กล้อง
“วุ้ย ยัยปลายอ้อเดินยั่วนักข่าวอยู่ที่ริมสระแล้วน่ะ ใส่บิกินี่ซะขนาดนี้ หวังจะได้ซีนแน่ๆ หนูแก้วรีบลงไปเร็ว”
แสงโสมรีบหันมือถือให้ปอแก้วดู ปอแก้วดูแล้วถอนใจเซ็งๆ
“งั้นแก้วไปเดินชายหาดดีกว่า ไม่อยากแย่งซีนใคร” จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
“เอ๊า” แสงโสมไถมือถือดูต่อแล้ววิจารณ์ยับ “อี๋ ดูมันเดินเข้า”
ปอแก้วเดินเล่นอยู่ริมชายหาดพัทยา มองเหม่อๆ ไปไกลสุดตา ลมทะเลพัดผมปลิวไสว ใบหน้าปอแก้วยามมองเหม่อสวยเป็นธรรมชาติ ภาพนั้นถูกใครบางคนกดชัตเตอร์ถ่ายเอาไว้
ปอแก้วรับรู้ว่าถูกแอบถ่าย เธอหันมามองทางเจ้าของกล้องนั้น
“แอบถ่ายรูปฉันเหรอ”
คนที่แอบถ่ายรูปปอแก้วคือศุภกฤต เขายืนแอบอยู่หลังต้นไม้แถวนั้น พอถูกจับได้ศุภกฤตจึงค่อยๆ เดินออกมาหา ลดกล้องลง
“ผมเห็นว่ามุมนี้แสงสวยดี ก็เลยกดถ่ายไปหลายรูปเลย”
“แทนที่จะมาถ่ายรูปฉัน ทำไมคุณไม่ไปตามถ่ายรูปปลายอ้อเค้าล่ะ ป่านนี้นักข่าวคงไปรุมกันเต็มแล้วมั้ง”
“ทำไม”
“คุณลองเข้าไปดูในไอจีเค้าสิ”
ศุภกฤตควักมือถือขึ้นมา กดเข้าไปดูในไอจีสตอรี่ของปลายอ้อ เห็นคลิปปลายอ้อใส่บิกินี่เดินอยู่ริมสระก็อึ้งไปเลย ปอแก้วอ่านออกว่าศุภกฤตดูเป็นห่วงปลายอ้อ
“เป็นห่วงเค้าก็ไปดูเค้าเถอะคุณ ฉันอยู่คนเดียวได้”
ปลายอ้อว่ายน้ำอยู่ในสระแล้วว่ายมาเกาะขอบสระ คุยกับเจนนี่ที่เป็นคนถ่ายคลิปให้อยู่ที่ริมสระ
“คลิปเมื่อกี้มีคนดูเยอะมั้ยพี่”
“เยอะอยู่นะ เดี๋ยวนักข่าวก็น่าจะลงมา”
เจนนี่มองไปเห็นนักข่าวคนหนึ่งเดินเข้ามาที่ริมสระ จึงสะกิดปลายอ้อบุ้ยใบ้ให้ดู
“มาแล้วๆ ได้ผลว่ะ”
ปลายอ้อลอบยิ้มสมใจ ก่อนจะทำเป็นแอ๊บใสยิ้มทักทาย
“อุ๊ย สวัสดีค่ะพี่ เจอกันอีกแล้ว ดื่มอะไรมั้ยคะ เดี๋ยวอ้อเลี้ยงเอง”
“ไม่เป็นไรครับ แต่พี่ขอถ่ายรูปปลายอ้อตอนพักผ่อนนี่หน่อยได้ไหมครับ รบกวนหรือเปล่า” นักข่าวบอก
“ไม่ค่ะไม่ ถ่ายได้เลยค่ะ ตามสบายเลย”
นักข่าวรีบหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปปลายอ้อรัวๆ ปลายอ้อเกาะขอบสระโพสท่าให้ถ่ายรูปแบบเซ็กซี่นิดๆ เจนนี่ก็เอามือถือปลายอ้อมาถ่ายคลิปเบื้องหลังไว้ด้วย
ศุภกฤตเดินมาเห็นแล้วอ่อนใจ ไม่อยากให้ปลายอ้อสร้างกระแสในทางที่ผิด เขาเดินเข้าไปหานักข่าวคนนั้น
“พี่ตั้ม อยู่นี่เอง เมื่อกี้เจ้าหน้าที่ที่ฟรอนต์เค้าตามหาอยู่น่ะ เหมือนจะให้ไปเอากุญแจห้องอะไรซักอย่าง”
นักข่าวงง “กุญแจอะไรวะ”
“ไม่รู้สิพี่ เค้าอาจจะสลับห้องให้มั้ง เห็นพี่บ่นแอร์ไม่ค่อยเย็นนี่”
“อ่าเหรอ” นักข่าวหันมาหาปลายอ้อ “เดี๋ยวผมค่อยมาคุยด้วยใหม่นะครับ”
“ค่ะ”
นักข่าวเดินออกไป ศุภกฤตหันมาหาปลายอ้อ
“ไม่เห็นคุณต้องทำขนาดนี้เลย”
“ทำอะไร”
“ก็...แต่งตัวเซ็กซี่เพื่อยั่วให้คนมาถ่ายรูป”
ปลายอ้อหงุดหงิด “คุณกฤต...ฉันมาว่ายน้ำ ว่ายน้ำก็ต้องใส่ชุดว่ายน้ำเป็นธรรมดา คุณจะให้ฉันกระโจมอกลงมาเหรอไง แล้วอีกอย่าง ฉันเป็นศิลปินนะ แต่งตัวยังไงก็ต้องโดนตามถ่ายรูปอยู่ดี ในเมื่อเราถูกจับจ้อง ก็ต้องทำตัวให้น่ามองไปเลย ไม่ถูกเหรอ”
“คุณเป็นคนมีพรสวรรค์นะ คุณขายความสามารถก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาด้านอื่นมาขายหรอก”
ปลายอ้อรำคาญ “ฉันรู้ตัวว่าฉันทำอะไรอยู่ ไม่ต้องมาสอนฉันหรอก คุณมากับปอแก้วไม่ใช่เหรอ ถ้าอยากสอนนักก็ไปสอนปอแก้วก็แล้วกัน”
ปลายอ้อขึ้นจากน้ำอย่างหงุดหงิด เจนนี่รีบเอาผ้าขนหนูมาคลุมให้ ปลายอ้อรับมาคลุมตัวลวกๆ
“ไปเหอะพี่เจนนี่ ฉันหมดอารมณ์ว่ายน้ำแล้ว”
ปลายอ้อเดินหงุดหงิดออกไป เจนนี่รีบเดินตาม
ศุภกฤตอึ้งไปเหนื่อยใจกับความเยอะของปลายอ้อ
ทางด้านปอแก้วเดินหน้าบูด หงุดหงิดโมโหที่คนสนใจแต่ปลายอ้อ เดินมาเรื่อยๆ จนมาเจอกับอภิวัชที่ออกมาดูโลเคชั่นถ่ายเอ็มวีกับทีมงาน
“ผมว่าตรงนี้ พระอาทิตย์ตกดิน สวยดีนะ น่าจะมีซีนที่ปลายอ้อมาเดินเป็นเงาซิลูเอทตรงนี้...มันต้องออกมาดูดีมากแน่ๆ”
ปอแก้วไม่อยากเจอหน้าอภิวัช เลยเดินหนีอย่างเร็ว
“เชอะ”
ปอแก้วเดินเร็วรี่ แต่ทรายดันเข้ารองเท้าทำให้ยิ่งหงุดหงิด
“รองเท้าบ้า ทรายเข้าอยู่ได้”
ปอแก้วถอดรองเท้าออกเดินเท้าเปล่าออกจากตรงนั้นไปได้หน่อยก็เหยียบอะไรบางอย่างเข้า
“โอ๊ย”
ปอแก้วเหยียบเปลือกหอย เลือดหยดไหลออกมาตึ๋งๆ แต่กัดฟันฝืนเจ็บพยายามจะเดินต่อ แต่ก็ทรุดฮวบ ร้อง “โอ๊ย” ออกมาอีก
อภิวัชได้ยินเสียงปอแก้วร้อง หันมาเห็นรีบวิ่งมาดู
“ปอแก้ว คุณเป็นอะไรมั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ปอแก้วพยายามจะเดินต่อไปเองแต่เจ็บร้องลั่น “โอ๊ย”
“ผมว่าคุณไม่ไหวหรอก ให้ผมช่วยดีกว่า”
“ฉันบอกว่าไม่เป็นไรไง”
สภาพปอแก้วดูเดินไม่ไหว แต่พยายามฝืน อภิวัชเห็นแล้วเป็นห่วง
“ขอโทษนะ ผมช่วยดีกว่า”
อภิวัชเข้าไปช่วยพยุงปอแก้วทันที
อภิวัชพยุงปอแก้วมาที่ก๊อกน้ำจืดริมหาด
“แสบหน่อยนะ แต่ต้องล้างน้ำออกก่อนมันสกปรก”
“ฉันไม่แสบหรอก”
อภิวัชปิดน้ำล้าง ปอแก้วสะดุ้งร้องลั่น อภิวัชเห็นปอแก้วร้องก็ส่ายหน้าระอาในความดื้อ
“นี่คุณ คุณไม่มีสิทธิ์มาส่ายหน้าใส่ฉันนะ”
“ขอโทษ อ่ะ ผมล้างให้จนหมดแล้ว เดินไหวมั้ย”
“ไหว”
ปอแก้วสวมรองเท้าแล้วเดินกะเผลกๆ เห็นก็รู้ว่าเจ็บ แต่พยายามไม่ร้องออกมา
“ผมว่าคุณไม่ไหวหรอกอย่าฝืนเลย ผมอุ้มคุณไปดีกว่า”
“อย่า ไม่ต้อง”
อภิวัชไม่ฟังช้อนอุ้มปอแก้วขึ้นมาทันที
“คุณทำแบบนี้กับฉันทำไม ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงฉัน”
“นี่คุณ อย่าทำเหมือนเราไม่ใช่คนที่คุ้นเคยกันหน่อยเลยหน่า”
“ก็ตอนนี้ไม่คุ้นกันแล้วไง ปล่อย ๆ ๆ”
อภิวัชหมั่นไส้ยิ่งกระชับปอแก้วเข้าไปใหญ่แล้วอุ้มพาไปที่โรงแรม ศุภกฤตที่ได้ยินเสียงโวยวายเข้ามาพอดี
“มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ”
ปอแก้วเหล่มองอภิวัชก่อนจะหันมาอ้อนศุภกฤต
“คุณศุภกฤตคะ แก้วโดนเปลือกหอยบาด เดินไม่สะดวกเลย คุณศุภกฤตช่วยแก้วหน่อยสิคะ”
ปลายอ้อหันมาทางอภิวัชพูดเสียงแข็ง “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
อภิวัชถอนใจเซ็งๆ ตัดสินใจปล่อยปอแก้วลง ปอแก้วเดินกะเผลกไปอ้อนศุภกฤต
“ไหวมั้ย เดี๋ยวผมช่วย”
ศุภกฤตพยุงปอแก้วเดินออกไป
อภิวัชมองตามไปอย่างอารมณ์เสีย แต่ทำอะไรไม่ได้ จึงเดินแยกไปอีกทาง ดันเจอปลายอ้อพอดี
“คุณอภิวัชคะ เมื่อกี้อ้อเดินลงมาเห็นห้องอาหารของโรงแรมทางโน้นบรรยากาศดีเชียวค่ะ ตอนนี้น่าจะมีอาฟเตอร์นูนทีอยู่ด้วย เราลองเข้าไปดูกันไหมคะ”
อภิวัชเผลอหงุดหงิดใส่ “ไม่ ผมไม่หิว”
ปลายอ้อชะงัก อภิวัชรู้สึกตัว
“เดี๋ยวผมไปดูพวกทีมงานก่อนดีกว่า”
พูดจบอภิวัช ก็เดินออกไปเลย
ปลายอ้อมองตามงงๆ ว่าเขาเป็นอะไร
ศุภกฤตพยุงปอแก้วเข้ามาแล้วพาให้ปอแก้วลงนั่งที่เก้าอี้ในห้องพัก
“คุณเป็นยังไงบ้างตอนนี้”
“ดีขึ้นค่ะ แต่ลงน้ำหนักก็ยังเจ็บๆ นิดหน่อย” ปอแก้วลองขยับเท้าไปมา
“เปลือกหอยมันอาจจะมีเชื้อโรคอะไรก็ได้ ผมว่าทางที่ดี ถ้าคุณรู้สึกว่าไม่ดีขึ้น คุณต้องไปหาหมอนะ”
“ค่ะ”
“บอกผมได้เลยนะถ้า คุณเดินไม่ไหว ผมจะได้พาคุณไปหาหมอ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ครับ งั้นคุณก็ไปพักผ่อนเถอะ”
ศุภกฤตกำลังจะเดินออกไป แล้วรู้สึกติดใจเรื่องบางอย่างเลยหันกลับมาคุย
“แล้วก็ ผมมีอีกเรื่องนึง คุณน่าจะปรับความเข้าใจกับเค้านะ อย่าปล่อยให้เนิ่นนานไปอย่างงี้เลย รอยร้าวมันจะไม่สมานเอา”
“มันคงไม่มีทางสมานแล้วหรอกค่ะ คุณไม่ต้องมาสนใจเรื่องนี้หรอก”
“แต่ก่อน ผมก็เห็นคุณกับเค้าดูคุยกันดีๆ ออก”
“แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อย่างงั้นแล้วค่ะ แค่ตอนนี้ฉันไม่เกลียดเค้า ฉันว่าฉันก็ทำดีที่สุดแล้ว”
“ผมก็แค่เป็นห่วง...”
ปอแก้วชะงัก อึ้งไป ทำไมศุภกฤตจู่ๆ ก็พูดคำนี้ออกมา
ศุภกฤตพูดต่อว่า “ห่วงว่าคุณจะรู้สึกไม่ดีกับเค้า ก็เท่านั้น”
“ไม่ต้องมาห่วงเรื่องนั้นหรอก แต่ก่อนเราสองคนก็เป็นคนที่ไม่ชอบขี้หน้ากันเลย อย่าลืมสิ”
ศุภกฤตอึ้ง “ก็จริง...นั่นสิ...ผมจะห่วงคุณทำไมกัน”
ปอแก้วขำๆ “ฉันจะไปรู้เหรอคะ ไปพักผ่อนเถอะค่ะ ขอบคุณนะที่มาส่งฉัน”
“ครับ...ผมไปก่อนล่ะ ฝัน...”
ศุภกฤตนึกได้ว่าเผลอพูด รีบหุบปากทันที แล้วเดินออกจากห้องไป งงตัวเองว่าเป็นอะไร
ปอแก้วมองตามศุภกฤตขำกับท่าทีเด๋อด๋าของเขาเหมือนกัน
ส่วนที่คฤหาสน์บ้านเสี่ยบูรพา คืนนั้น เพียงฟ้ากำลังตักโจ๊กป้อนบูรพาที่นอนอยู่บนเตียง
“อ่ะอ้าม...”
บูรพากิน
“อ่ะๆๆน้ำหน่อยค่ะ เดี๋ยวติดคอ”
เพียงฟ้าหยิบหลอดใส่แก้วน้ำยื่นให้ บูรพารับน้ำไปดูดดื่ม
“เก่งมากเลย เดี๋ยวคำต่อไป ฟ้าตักหมูให้นะ ชิ้นโตๆ เลย”
เพียงฟ้าหันไปใช้ช้อนตัดหมู
“พอแล้ว เธอไม่ต้องมาเอาใจฉัน ฉันกินเองได้ ฉันไม่ได้เป็นง่อย”
“ก็ฟ้าอยากเอาใจเสี่ยอ่ะค่ะ เวลาไม่สบายแล้วถ้ามีคนที่รักคอยเอาอกเอาใจ เค้าว่ามันจะทำให้หายป่วยเร็วขึ้นนะคะ”
“อีก 2 วันฉันก็หายแล้ว เธอกลับคอนโดเธอไปได้แล้ว”
“เสี่ยอ่ะ ไล่ฟ้าอีกแล้วนะ” เพียงฟ้ากระเง้ากระงอดใส่
“แล้วเมื่อไหร่จะไปล่ะ” เสี่ยเสียงเข้ม
“เสี่ยอ่ะ ฟ้าอุตส่าห์เป็นห่วงเสี่ยนะ ถึงได้มาอยู่เฝ้าเสี่ยเนี่ย”
“ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงเลย ฉันรู้ว่าเธอต้องการอะไรจากฉัน ฉันไม่โง่หรอกนะ เธออยู่เนี่ย ยิ่งทำให้ฉันอึดอัด คนที่นี่ก็อึดอัดกันไปหมดแล้ว รู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ย”
“ฮึ ไปก็ได้”
เพียงฟ้าโมโห แกล้งปัดชามโจ๊กให้ล้มก่อนเดินออกจากห้องไป
บูรพามองตาม ถอนใจเซ็งๆ “เฮ้อ”
เพียงฟ้ายืนคุมแค้นบ่นบ้ากับตัวเองอยู่หน้าห้อง
“คนอย่างอีเพียงฟ้า ถ้าจะไปไม่ไปมือเปล่าหรอก มันต้องมีอะไรติดไม้ติดมือไปบ้างแหละ”
เพียงฟ้าเดินดูข้าวของรอบๆ คฤหาสน์บ้านเสี่ยบูรพา เห็นของในตู้โชว์ พวกของตกแต่งต่างๆ เพียงฟ้าหยิบเรือที่ทำจากทองขึ้นมา
“หูย ทองจริงหรือเปล่าเนี่ย เอ๊ะ ถ้าชิ้นนี้หายไป มันผิดสังเกตเหมือนกันแหะ อย่าเลยดีกว่า” เพียงฟ้าวางคืนที่เดิม “ลองไปดูห้องอื่นดีกว่า”
เพียงฟ้าเดินไปที่ห้องทำงานเสี่ย หยิบดูข้าวของมีค่าเห็นแผ่นเสียงทองคำก็ยื่นหน้าเข้าไปอ่าน
“รางวัลแผ่นเสียงทองคำ หูย อันนี้ก็ทองจริงๆ แน่เลย” เพียงฟ้าจะหยิบแล้วชะงัก “อันนี้ถ้าเอาไปเสี่ยก็คงรู้...แล้วจะเอาอะไรดีเนี่ย ไม่มีอะไรให้เอาไปได้เลยหรือไง”
เพียงฟ้าเปิดลิ้นชักดูเห็นปืนในนั้นก็ตกใจ ค่อยๆ หยิบมันขึ้นมาดู
“นี่เสี่ยพกปืนด้วยเหรอ”
จังหวะนั้นเองได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา เพียงฟ้ารีบเก็บปืนตามเดิม ปิดลิ้นชัก แล้วก้มหลบใต้โต๊ะทันที
อัมพรเปิดประตูเข้ามาไม่เห็นใครในตอนแรก
“เมื่อกี๊เหมือนเห็นใครเลย สงสัยตาฝาด”
อัมพรจะเดินออกไป แต่จังหวะนั้นเองเพียงฟ้าเกิดกลั้นจามไม่ไหวฮัดชิ้วออกมาเสียงดัง อัมพรหันมาเห็นเพียงฟ้า
“คุณเข้ามาทำไมคะเนี่ย”
เพียงฟ้าอึกอักๆ “เอ่อ คือ... เสี่ยให้เข้ามาเอาของในห้องนี่น่ะ”
“เอาอะไร”
เพียงฟ้าแกล้งหยิบหูฟังมั่วๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมา
“นี่”
เพียงฟ้ารีบเผ่นออกจากไปหยุดอยู่หน้าห้อง โล่งใจ
“ปืน เสี่ยพกไว้ทำไมกัน”
เช้าวันใหม่นี้ กองถ่ายเอมวี เซ็ตฉากถ่ายกันอยู่ที่ริมชายหาด เจนนี่กำลังทวนท่าเต้นอยู่กับแดนเซอร์ ส่วนอภิวัชก็ยืนคุยกับผู้กำกับเอ็มวีอยู่ มีแฟนคลับของปลายอ้อถือป้ายไฟมารออยู่ประปราย
ส่วนที่เต็นท์แต่งตัว ปลายอ้อแต่งหน้าแต่งตัวชุดถ่ายเสร็จแล้ว เดินออกจากเต็นท์ เจนนี่หันมาเห็นก็เข้ามาช่วยจับหน้าจับผม ดูความเรียบร้อยให้
“เซ็กซี่สุดๆ ไปเลยอ้อ”
บรรดาแฟนคลับเห็นปลายอ้อออกมาก็ส่งเสียงกรี๊ด ชูป้ายไฟโบกให้ปลายอ้อเห็น
ปลายอ้อหันไปยิ้มรับ แต่ปากแอบคุยกับเจนนี่เบาๆ
“นี่มากันแค่นี้เองเหรอ”
“เราส่งข่าวกระชั้นชิดด้วยแหละ เค้าเลยรวมตัวกันมาได้แค่นี้”
ปลายอ้อเซ็ง มองหานักข่าวก็ไม่เห็นสักราย “นักข่าวก็ไม่มีเลยเหรอ”
“เฮ้อ...เห็นว่าตามไปทำข่าวปอแก้วร้องเพลงขึ้นรถแห่รอบตัวเมืองกันหมดเลยน่ะแก”
ปลายอ้อได้ยินแบบนั้นยิ่งหงุดหงิด หันไปหาอภิวัช
“คุณวัชคะ ทำไมถ่ายเอ็มวีวันนี้ เราไม่เรียกนักข่าวมาทำข่าวล่ะคะ”
“เราไม่ได้ตั้งใจทำงานให้เป็นข่าวอยู่แล้ว ผมกะว่าจะเปิดตัวเอ็มวีทีเดียว ไม่มีนักข่าวมาน่ะดีแล้ว ทั้งคุณทั้งทีมงานจะได้มีสมาธิ ทำงานได้อย่างเต็มที่”
อภิวัชพูดจบแล้วก็หันไปคุยกับทีมงานต่อ ปลายอ้อเซ็งๆ แต่ไม่อยากออกอาการมาก
เจนนี่แอบกระซิบบอก “ยิ้มหน่อยอ้อ แฟนคลับเค้าถ่ายรูปกันอยู่”
ปลายอ้อหันไปปั้นหน้ายิ้มให้แฟนคลับที่มาให้กำลังใจ
เพลงสนุกๆ ของปลายอ้อดังขึ้น เห็นปลายอ้อกับแดนเซอร์เต้นกระจายกันอยู่บนเรือยอร์ช ปลายอ้อทั้งเต้นทั้งลิปซิงค์ร้องออกลีลาเต็มที่
อภิวัชดูอยู่กับผู้กำกับที่หน้ามอนิเตอร์ อภิวัชเห็นว่าปลายอ้อเหงื่อออกเยอะจึงเอ่ยขึ้นว่า
“ปลายอ้อเค้าเหงื่อออกเยอะแล้ว ผมว่าคัตก่อนดีกว่า”
“ได้ครับ” ผู้กำกับร้องบอกทีมงาน “คัต....”
ปลายอ้อกับแดนเซอร์หยุดเต้น ปลายอ้อเอามือปาดเหงื่อที่ไหลลงมา
เจนนี่ปราดเข้ามาหา “อ้อ อย่าเอามือเช็ด เดี๋ยวเลอะหมด เอ๊ะ ช่างหน้าช่างผมอยู่ไหนกันจ้ะเนี่ย คัตแล้วเด้อ”
เจนนี่กับปลายอ้อมองหาจนเห็นว่าช่างหน้าช่างผมยืนอยู่มุมหนึ่งของเรือพากันก้มดูอะไรบางอย่างในมือถือกันอยู่
“เอ๊า อีพวกนี้ มาซับหน้าซับผมหน่อย”
ช่างหน้าช่างผมตกใจรีบวิ่งเข้ามาหา อภิวัชเองก็ไม่พอใจเข้าไปต่อว่าทันที
“ทีมสั่งคัตไปตั้งนานแล้ว มัวแต่ดูอะไรกันอยู่”
“อ่า ขอโทษค่ะ” ช่างหน้าจ๋อยสนิท
“ไหนดูอะไรเอามาซิ”
เจนนี่หยิบมือถือจากมือช่างหน้า ไปดูแล้วก็โวยลั่น
“นี่ดูไลฟ์สดปอแก้วร้องเพลงบนรถแห่อยู่นี่”
ปลายอ้อชะงักกึก อารมณ์เสียขึ้นมาทันควัน อภิวัชเองก็โกรธเหมือนกัน
“มันใช่เวลาดูงานคนอื่นไหม ไม่รับผิดชอบงานกันเลยเหรอไง ถ้าไม่อยากทำงาน อยากดูไลฟ์สด ลงจากเรือไปได้เลยนะ ผมไม่ว่า”
ช่างหน้าช่างผมก้มหน้าก้มตากันจ๋อยๆ ปลายอ้อทำท่าจะวีนต่อ แต่คิดแผนขึ้นมาได้ ปรับอารมณ์ ยิ้มให้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณวัช นิดๆ หน่อยๆ รีบซับรีบทำงานกันต่อดีกว่า”
อภิวัชเห็นปลายอ้อดูอารมณ์ดีไม่เหวี่ยงวีนก็เลยใจเย็นลง
“โอเค งั้นเดี๋ยวถ่ายกันต่อเลยนะครับ ทุกคนแสตนด์บาย”
ช่างหน้าช่างผมรีบซับแล้วถอยไป ปลายอ้อหันไปทางเจนนี่
“พี่เจนนี่ ช่วยถ่ายไลฟ์สดลงเพจให้อ้อหน่อยนะ”
“เออ ดีเหมือนกัน เค้าไลฟ์ได้ เราก็ไลฟ์ได้ เดี๋ยวฉันรีบถ่ายให้เลย”
เจนนี่ถอยไปแสตนด์บาย แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเตรียมพร้อม
เห็นอภิวัชอยู่กับผู้กำกับที่หน้ามอนิเตอร์ ผู้กำกับวอบอกทีมงาน
“พร้อมนะครับ ต่อเพลงเลยนะ เพลงมา...”
ทีมงานเปิดเพลง ไม่พูดเยอะเจ็บคอ ของปลายอ้อดังกระหึ่มขึ้น
“กล้อง สปีด แอนด์ แอคชั่น”
เจนนี่กดถ่ายไลฟ์สดลงเพจให้ปลายอ้อทันที
ปลายอ้อเริ่มร้องเริ่มเต้นตามเพลงไปพร้อมๆ กับแดนเซอร์ เข้าจังหวะสนุกสนาน
มีจังหวะหนึ่ง เห็นว่าปลายอ้อเต้นๆ อยู่ แล้วเกิด เสียหลักพลัดตกน้ำตูมลงไปท่ามกลางความตกใจของทุกคน
เจนนี่ร้องกรี๊ด “ว้าย ไอ้อ้อ”
อภิวัชเองก็ตกใจ แต่มีสติดีมากรีบกระโดดลงไปช่วยปลายอ้อทันที ขณะที่เจนนี่ได้แต่ร้องโหวกเหวกโวยวายด้วยความตกใจ
ปอแก้วกำลังโชว์มือถือรุ่นใหม่โพสท่าให้ถ่ายรูปอยู่ที่หน้าแบคดรอป ศุภกฤตและนักข่าวคนอื่นๆ ถ่ายรูปกันรัวๆ แสงโสมที่ยืนดูอยู่ข้างๆก็หยิบมือถือขึ้นมากดถ่ายไปด้วยอย่างปลื้มๆ
ลูกค้าเจ้าของแบรนด์มือถือเข้ามายืนข้างปอแก้ว หยิบกรรไกรขึ้นมาตัดริบบิ้นที่หน้าร้าน นักข่าวกดถ่ายรูปกันอีก ศุภกฤตถ่ายรูปปอแก้วอยู่ ได้ยินเสียงนักข่าวข้างๆ คุยกันแว่วๆ
“เฮ่ยๆ มีข่าวปลายอ้อ จงขจรตกน้ำตอนถ่ายเอ็มวีว่ะ”
“ไหนๆ”
ศุภกฤตเองก็ชะงัก หันไปดู เห็นว่านักข่าวเริ่มเปิดมือถือเช็คข่าวปลายอ้อกัน
“นี่ไง ในเพจเค้าไลฟ์สดอยู่เลย”
ศุภกฤตรีบหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมากดเปิดเข้าไปที่เพจปลายอ้อทันที ระหว่างนั้นนักข่าวบางคนเริ่มออกไปจากร้านมือถือแล้ว ไปทำข่าวปลายอ้อ
ทางด้านปอแก้ว เห็นปฏิกิริยาของนักข่าวกับคนที่มามุงดู เริ่มหันไปก้มดูมือถือแล้วตกใจกันก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น
แสงโสมรีบเข้ามาหาปอแก้ว “เค้ามีอะไรกันน่ะ”
“นั่นสิคะ”
ศุภกฤตเปิดเข้าไปในเพจปลายอ้อจงขจร เห็นภาพไลฟ์สดในเพจ อภิวัชกำลังพยายามช่วยปลายอ้อขึ้นจากน้ำก็ตกใจ
“ปลายอ้อ”
อภิวัชช่วยปลายอ้อขึ้นจากน้ำได้ อุ้มร่างที่ยังไม่ได้สติเข้ามาที่ริมหาด นักข่าวบางคนตามเข้ามาถึง
“หลบก่อนค่ะ หลบก่อน” เจนนี่ร้องบอก
ทุกคนแหวกทางให้ อภิวัชวางร่างปลายอ้อลงบนหาด เห็นปลายอ้อยังไม่รู้สึกตัว เขาเลยตัดสินใจก้มลงผายปอดให้ปลายอ้อแบบเม้าท์ทูเมาท์ทันที นักข่าวกดชัตเตอร์ถ่ายรูปจังหวะนี้กันรัวๆ แต่อภิวัชก็ไม่สนใจ ชีวิตปลายอ้อสำคัญกว่า จนปลายอ้อรู้สึกตัว สำลักน้ำพรวดออกมา หอบหายใจ
“ปลายอ้อ ไม่เป็นไรแล้วนะ”
ปลายอ้อเห็นอภิวัชก็โผเข้ากอดอย่างเสียขวัญ
“คุณวัช”
ทุกคนที่รุมลุ้นอยู่ต่างดีใจไปด้วย นักข่าวก็กดถ่ายรูปทุกอิริยาบถ
รถพยาบาลแล่นเข้ามาจอดใกล้ๆ เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลรีบลงมาจากรถพร้อมเปล
“คุณปลายอ้อสำลักน้ำ เพิ่งได้สติครับ”
เจ้าหน้าที่รีบพาปลายอ้อขึ้นเปล อภิวัชกับเจนนี่รีบตามขึ้นไป
ศุภกฤตพึ่งตามมาถึง มองความวุ่นวายตรงหน้าอย่างตื่นตกใจ เป็นห่วงปลายอ้อมาก
รถพยาบาลแล่นออกไปอย่างเร็วทันที
“ไปๆ เรารีบตามไปทำข่าวปลายอ้อกันต่อที่โรงพยาบาลนะ”
ปอแก้วเสร็จงานกำลังจะกลับโรงแรม แสงโสมปรี่เข้ามาหาหน้าตาสู่รู้ต้องการเมาท์ขั้นสุด
“น้ารู้แล้วเมื่อกี้เค้าวุ่นวายเรื่องอะไรกัน”
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“ก็ยัยปลายอ้อน่ะสิ ถ่ายเอ็มวีแล้วพลัดตกเรือ เกือบจมน้ำตายน่ะเมื่อกี๊”
บางอย่างทำให้ปอแก้วชะงัก ใจหายวาบ
“น่าเสียดาย ดันมีคนมาช่วยไว้เสียก่อน ไม่ได้จมน้ำตายไปเลย”
ปอแก้วไม่ชอบใจ “แก้วว่าไปแช่งให้เค้าตายแบบนี้ มันดูใจร้ายเกินไปหน่อยนะคะ”
“แหม... ยังจะไปใจดีกับคนอย่างมันอีก ทั้งๆ ที่อีนังนั่นทำไม่ดีกับหนูแก้วไว้ตั้งเยอะ”
“แต่ถึงกับแช่งให้ตายๆไปจริงๆ แก้วก็ทำไม่ลงหรอกค่ะ”
“เฮ้อ...ใจดีแบบนี้ระวังจะเข้าข่าย ชาวนากับงูเห่านะคะ ไม่ระวังมันก็แว้งมากัดเราได้เสมอนะ”
ปอแก้วถอนใจใส่ ไม่เห็นด้วยกับแสงโสม
“โอเคๆ ไม่พูดแล้ว ไปทำงานต่อดีกว่า เดี๋ยวน้าโทร.เรียกรถตู้ให้”
แสงโสมเดินออกไป ปอแก้วชั่งใจอยากรู้อาการปลายอ้อ หยิบมือถือขึ้นมาโทร.ออก
“ฮัลโหล คุณกฤต นี่คุณไปตามข่าวปลายอ้อใช่ไหม”
ศุภกฤตปักหลักอยู่หน้าโรงพยาบาล คุยสายกับปอแก้ว
“ใช่ ตอนนี้ผมรออยู่ที่หน้าโรงพยาบาลเนี่ย เค้าพาปลายอ้อเข้าไปในห้องฉุกเฉินซักพักแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง”
ศุภกฤตเห็นอภิวัชออกมาจากด้านในของโรงพยาบาล นักข่าวก็กรูกันเข้าไปหาจึงรีบบอกปอแก้ว
“คุณอภิวัชออกมาแล้ว ผมไปตามข่าวก่อนนะ”
ศุภกฤตวางสายไปทันที แล้วรีบเดินเข้าไปฟังอภิวัชใกล้ๆ
“หลังจากที่หมอดูอาการแล้ว ตอนนี้ปลายอ้อปลอดภัยดีแล้วนะครับ ไม่ต้องพักที่โรงพยาบาล”
เจนนี่เข็นรถพาปลายอ้อตามออกมา นักข่าวถ่ายรูปปลายอ้อกันพรึ่บพรั่บ
ปลายอ้อยิ้ม หันไปมองอภิวัช
“ต้องขอบคุณคุณอภิวัชค่ะที่ช่วยอ้อเอาไว้” ปลายอ้อหันกลับมาทางนักข่าว ชูสองนิ้วให้ “ไม่ต้องห่วงนะคะ กำลังใจอ้อยังดีค่ะ ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ส่งกำลังใจมาให้นะคะ”
นักข่าวถ่ายรูปปลายอ้อกันยกใหญ่ ศุภกฤตเห็นว่าปลายอ้อดูไม่เป็นไรมาก ก็ถอนใจโล่งอก
ภาพปลายอ้อถ่ายเอ็มวีบนเรือยอร์ช เต้นๆ อยู่จนพลัดตกน้ำไป ตามด้วยภาพอภิวัชกระโดดลงไปช่วย ปรากฏเป็นภาพข่าวในทีวีช่อง8 มีเสียงผู้ประกาศอ่านข่าวนั้นอยู่
“เมื่อตอนบ่ายของวันนี้เองนะคะ ที่ปลายอ้อ จงขจร นักร้องหน้าใหม่ของค่ายอาร์ทิสต้า ไปถ่ายมิวสิควิดีโอแล้วเกิดอุบัติเหตุตกลงจากเรือโดยไม่คาดคิด...”
ยุพานั่งดูข่าวนั้นด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ร้องลั่นบ้าน
“ไอ้อ้อตกเรือ”
บุญทิ้งกระโจนพรวดเข้ามาปิดปากยุพาไว้หมับ อีกมือหนึ่งคว้ารีโมทมาปิดทีวี
“ชู่ว์ น้า เบาๆ หน่อย เดี๋ยวน้าสรได้ยิน”
“สรมันอยู่ที่ไหน มันไปตลาด นี่ไอ้อ้อมันตกน้ำนะเว้ย”
“ฉันรู้แล้ว ฉันโทร.ถามกฤตมา กฤตบอกว่าไอ้อ้อปลอดภัยดีแล้ว แค่ตกใจนิดหน่อย”
“เฮ่อ...มันปลอดภัยแล้วก็ค่อยยังชั่ว...ทำไมปลายอ้อมันถึงเจอแต่เรื่องเจ็บตัวตลอดเลย หรือว่ามันไม่เหมาะกับอาชีพนี้วะ” ยุพาบ่นๆ
อัปสรหิ้วตะกร้าผักของสดเข้าบ้านมา เพิ่งกลับจากซื้อของที่ตลาด ทันได้ยินตอนท้ายพอดี
“พูดถึงไอ้อ้อมันเหรอ มีอะไรหรือเปล่า”
“อ๋อ...เปล่าหรอกน้าสร น้ายุพาเค้าคิดถึงๆ มันขึ้นมาเฉยๆ น่ะ” บุญทิ้งเปลี่ยนเรื่องทันที “น้าสรซื้ออะไรมาเพียบเลย เย็นนี้จะทำอะไรกินเหรอ”
“เออ ฉันก็คิดถึงไอ้อ้อมันเหมือนกัน ป่านนี้แล้วไม่รู้กินข้าวหรือยัง”
อัปสรหยิบโทรศัพท์มากดโทร.หาปลายอ้อ ยุพากับบุญทิ้งมองหน้ากันลุ้นๆ อัปสรรอสายอยู่จนยินเสียงว่าโทร.ไม่ติด และสายตัดไป
“โทร.ไม่ติดแฮะ มันไม่เคยปิดเครื่องนี่นา”
“แหม...น้าสร ไอ้อ้อมันอาจจะทำงานอยู่ ก็เลยต้องปิดเครื่องก็ได้ เอาไว้เดี๋ยวฉันลองโทรหาให้อีกที แล้วเดี๋ยวจะรีบบอกว่าน้าสรคิดถึงโอเคมั้ย”
“เอางั้นเหรอ”
“เออ เอาตามที่ไอ้ทิ้งมันว่าแหละ ไปทำกับข้าวกัน เดี๋ยวฉันช่วย”
ยุพาเข้ามาดึงอัปสรให้เข้าไปในครัวด้วยกัน อัปสรงงๆ แต่ก็ยอมตามไป บุญทิ้งค่อยถอนใจโล่งอก
ปลายอ้อนั่งอยู่ในห้องพัก เปิดไล่อ่านข่าวที่เธอตกน้ำจากเว็บข่าวดัง ดูคอมเมนต์ในเฟซบุ๊ก จนได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“คุณวัช”
ปลายอ้อวางมือถือ รีบจับหน้าจับผม ดูกระจกเรียบร้อยแล้วจึงทำหน้าตาอิดโรยเดินไปเปิดประตู แต่พอเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้องคือศุภกฤต ก็เซ็งขึ้นมานิดๆ
“อ้าว..คุณกฤตเองเหรอ มีอะไรเหรอคะ”
“ผมเป็นห่วงอ้อน่ะสิ เลยขอขึ้นมาดู”
“ฉันไม่ได้เป็นไรแล้ว”
“อืม... นี่ผมก็ส่งข่าวให้บุญทิ้งรู้แล้วว่าคุณไม่ได้เป็นอะไรมาก ว่าแต่คุณอยากได้อะไรเพิ่มไหม หรือว่าอยากให้ผมรับน้าสรมาหาหรือเปล่า”
“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่อยากให้แม่ต้องมาเป็นห่วงฉันอีก ฉันอยู่ได้ ฉันไม่ได้เป็นไรแล้วจริงๆ”
“ไม่ต้องเกรงใจผมนะ”
ปลายอ้อเริ่มหงุดหงิดจนเผลอหน้าตึงใส่ “ฉันบอกว่าไม่เป็นไรไง”
ศุภกฤตชะงักอึ้งไป ปลายอ้อรู้ตัว
“ฉันเหนื่อยน่ะ อยากพักเงียบๆ คนเดียว คุณกฤตเข้าใจใช่ไหม”
“อืม...” ศุภกฤตรับรู้ว่าปลายอ้อไม่ได้ต้องการเขาเลย “งั้นผมไม่กวนคุณแล้ว คุณจะได้พัก”
ศุภกฤตเดินออกไป ปลายอ้อมองตามอย่างระอานิดๆ ก่อนจะปิดประตูแล้วรีบเดินเข้ามาหยิบมือถือขึ้นมาอ่านข่าวต่อ เห็นว่าคนกดไลค์หลายพันคน แชร์ข่าวไปอีกหลายพัน ปลายอ้อมองยิ้มกระหยิ่ม ดีใจที่สร้างกระแสได้สำเร็จ
ในอดีต อัปสรกำลังพายเรือเก็บสายบัวอยู่ในคลอง แล้วจู่ๆเรือก็โคลงอย่างแรง
“ว้าย อะไรเนี่ย”
อัปสรเกาะกราบเรือแน่น พยายามพยุงตัวอยู่ในเรือ จนได้ยินเสียงหัวเราะของปลายอ้อดังลั่น
“ฮ่าๆๆๆๆ”
อัปสรหันไปมองพบว่าเป็นปลายอ้อว่ายน้ำมาแกล้งแม่ บุญทิ้งว่ายอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
“ไอ้อ้อ แกล้งแม่ทำไมเนี่ย เดี๋ยวเรือล่มขึ้นมาแม่จะเอาไม้พายฟาดเอ็ง”
“ขอโทษจ้า แหม แม่ดุจัง งั้นเดี๋ยวอ้อเก็บสายบัวให้เป็นการไถ่โทษนะ”
ปลายอ้อว่ายน้ำเก็บสายบัวให้แม่ท่าทางคล่องแคล่ว บุญทิ้งช่วยเก็บด้วย ไม่นานนักได้สายบัวเต็มเรือแล้ว ปลายอ้อเกาะขอบเรืออยู่กับบุญทิ้ง
“พี่ทิ้ง เราว่ายแข่งกันไปที่ริมตลิ่งดีกว่า”
“ได้ ใครถึงช้ากว่า คนนั้นล้างจาน”
“ตกลง” ปลายอ้อออกว่ายนำไปเลย
“อ้าวเฮ้ย ไอ้นี่ขี้โกงกันนี่หว่า” บุญทิ้งโวยวายรีบว่ายตามไป
ปลายอ้อว่ายน้ำเก่งมาก ไม่มีทีท่าว่าจะจมน้ำได้เลย
นึกแล้ว ปลายอ้อยิ้มกระหยิ่มสมใจที่แกล้งจมน้ำจนเป็นข่าวดังได้
“น้ำทะเลแค่นี้ ฉันไม่จมง่ายๆ หรอก”
ปลายอ้อนึกถึงเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง ย้อนภาพไปจนถึงจังหวะที่อภิวัชผายปอดให้
อภิวัชวางปลายอ้อลงบนหาด เห็นปลายอ้อยังไม่รู้สึกตัว ก็เลยตัดสินใจก้มลงผายปอดให้ปลายอ้อทันที นักข่าวถ่ายรูปจังหวะนี้กันแชะๆๆๆๆๆๆ
แต่อภิวัชก็ไม่สนใจ ชีวิตปลายอ้อสำคัญกว่า จนปลายอ้อรู้สึกตัว สำลักน้ำออกมา
“ปลายอ้อ ไม่เป็นไรแล้วนะ”
ปลายอ้อเห็นอภิวัชก็โผเข้ากอดอย่างเสียขวัญ
“คุณวัช”
ทุกคนพลอยดีใจไปด้วย นักข่าวถ่ายรูปกันรัวๆ
ปลายอ้อลอบยิ้มสมใจที่โดนถ่ายรูป
ปลายอ้อ ครุ่นคิด
อภิวัชล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย แต่แล้วก็มีสายเรียกเข้าโทรศัพท์ หยิบมากดรับ
“ว่าไงเจนนี่ มีอะไรด่วนหรือเปล่าโทร.มาตอนนี้ ว่าไงนะ ปลายอ้อหายไป”
อภิวัชรีบลงมาที่ลอบบี้ เห็นเจนนี่กำลังยืนพะว้าพะวังอยู่
“เจนนี่ก็จะนอนแล้วค่ะ แต่นึกได้ว่าเอายาแก้ปวดไปให้อ้อมันไว้ซักหน่อยดีกว่า ก็เลยไปหามันที่ห้อง เห็นว่าห้องแง้มอยู่ แต่อ้อมันไม่ได้อยู่ในห้อง โทรศัพท์ก็วางทิ้งไว้ไม่ได้เอาไป ไม่รู้ว่าหายไปไหนค่ะ”
“ถามพนักงานดูหรือยัง ปลายอ้อออกจากโรงแรมไปที่ไหนหรือเปล่า”
พนักงานได้ยินจึงตอบว่า “คุณปลายอ้อไม่ได้ลงมาข้างล่างนี่เลยค่ะ”
อภิวัชนิ่งคิดไป เจนนี่เริ่มกังวล
“อ้อมันหายไปไหนคะเนี่ย ดึกป่านนี้แล้วด้วย”
“ผมขอดูกล้องวงจรปิดหน่อยได้ไหม”
ได้ยินเสียงเพลงดังมาจากไอพอดเครื่องเล็กๆ ที่เปิดวางอยู่ตรงมุมหนึ่งของดาดฟ้า อภิวัชขึ้นมาบนดาดฟ้ามองเห็นว่าปลายอ้อ กำลังซ้อมเต้นอยู่ เขาเดินเข้าไปหยิบไอพอดขึ้นมาปิดเพลง ปลายอ้อเต้นๆ อยู่ ชะงักไป หันมาเห็นอภิวัช
“คุณวัช ขึ้นมาได้ไงคะเนี่ย”
“เจนนี่เค้าไปหาอ้อที่ห้องแล้วไม่เจอ เค้าตกใจว่าอ้อหายไปก็รีบมาบอกผม พนักงานก็บอกว่าอ้อไม่ได้ลงไปที่ลอบบี้ ผมก็เลยคิดว่า อ้อก็น่าจะอยู่ในโรงแรมเนี่ยแหละ...แล้วนี่หนีขึ้นมาซ้อมเต้นอะไรตอนนี้”
“ก็...อ้อไม่อยากเป็นภาระใครนี่คะ แค่นี้คุณวัชก็เสียเวลาไปวันนึงแล้ว”
“มันเป็นอุบัติเหตุ ผมเข้าใจ”
“ถึงงั้นก็เถอะค่ะ อ้ออยากจะหายไวๆ อยากทำงานต่อได้เร็วๆ อ้อก็เลย”
“ไม่ต้องหรอก คุณพึ่งจมน้ำมานะ ถ้าเต้นไม่ไหว เดี๋ยวผมใช้แสตนอินหลอกเอาได้”
“อย่าเลยค่ะ คือ อ้ออยากเต้นเองมากกว่า มันเป็นเพลงแรกของอ้อ อ้ออยากทำให้ดีที่สุด ขออ้อซ้อมต่อนะคะ”
ปลายอ้อหยิบไอพอดขึ้นมาเปิดเพลง แล้วซ้อมเต้นต่อ อภิวัชอดทึ่งในความมุ่งมั่นของเธอไม่ได้
ปลายอ้อเต้นๆ อยู่ เหลือบมองอภิวัชแว่บหนึ่ง ก่อนที่ขาจะขัดกัน
“โอ๊ะ”
ปลายอ้อเสียหลัก ซวนเซล้มลงไป อภิวัชรีบเข้ามาประคอง
“อ้อ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ปลายอ้อจะลุกขึ้น แต่กลับซวนเซคล้ายหน้ามืดขึ้นมาอีก อภิวัชรีบประคองให้มาพิงที่ตัวไว้ไม่ให้ปลายอ้อล้มไปอีก
“ผมว่าคุณเหนื่อยแล้วล่ะ ลงไปพักเถอะ”
ปลายอ้อตกอยู่ในอ้อมแขนของอภิวัชพรายยิ้มสมใจ
ประตูห้องพักเปิดออก อภิวัชประคองปลายอ้อเข้ามาในห้อง ค่อยๆ ให้ลงนั่ง
“เจ็บขาอะไรหรือเปล่า อยากได้ยาไหม”
“ไม่ค่ะ คงแค่เพลียๆ”
“งั้นคุณนอนพักเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ถ้าไม่ไหวก็บอกนะครับ”
อภิวัชทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง แต่แล้วต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นกระซิกๆ ขึ้นมา หันไปมองก็พบว่าปลายอ้อร้องไห้อยู่ เล่นเอาตกใจ
“ปลายอ้อ เป็นอะไร”
“อ้อ...อ้อรู้สึกไม่ดีเลย อ้อรู้สึกผิดมากที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เสียงาน”
อภิวัชเดินกลับเข้ามาปลอบปลายอ้อ “โธ่ ไม่ใช่หรอก ผมบอกแล้วไงว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหรอกครับ อ้อไม่ต้องคิดมาก”
“อ้อขอโทษจริงๆ นะคะ”
“ครับ อ้อไม่ต้องโทษตัวเองหรอกนะ”
อภิวัชตบหลังมือปลายอ้อเบาๆ เชิงปลอบใจ ปลายอ้อถือโอกาสจับมือเขาขึ้นมากุมไว้ อภิวัชชะงักไปนิด ปลายอ้อเงยหน้าที่มีแต่น้ำตาเต็มตาขึ้นมองเขาด้วยแววตาอ้อนวอน
“คุณวัชคะ”
“ครับ”
“อ้อขออะไรอย่างได้ไหมคะ”
“อะไรครับ”
“คืนนี้ คุณอยู่เป็นเพื่อนอ้อหน่อยได้ไหม”
อภิวัชอึ้งไป ปลายอ้อจ้องหน้าเขาอย่างมีความหมายลึกซึ้ง ก่อนจะค่อยๆ เขยิบตัวเข้าไปใกล้มากขึ้นๆ
อ่านต่อตอนที่ 22