เทพธิดาขนนก ตอนที่ 20 | สลับขั้วหัวใจ
บทประพันธ์ : เพ็ญสิริ บทโทรทัศน์ : ปริศนา และ ทีมวันสุข
วันเดียวกัน ขณะที่บุญทิ้งนั่งแกะโน้ตกับพวกนักดนตรีอยู่ที่ห้องซ้อมดนตรีค่ายอาร์ทิสต้า แม่บ้านเปิดประตูเข้ามาในห้องซ้อมพร้อมถุงของกินมากมาย
“อ่ะ...ข้าวกลางวันที่ฝากซื้อมาแล้ว ของใครกล่องไหนมาหยิบกันไปจ้ะ
นักดนตรีลุกขึ้นไปดูข้าวกล่องกัน แล้วบุญทิ้งก็ทำจมูกฟุดฟิดได้กลิ่นแหนมโชยออกมา
“เดี๋ยวๆ ป้า ป้าซื้อแหนมมาด้วยเหรอ”
“อ๋อ เออใช่ ป้าเห็นแม่ค้าขายยำแหนมอยู่ที่ตลาด ท่าทางน่าอร่อยดีก็เลยซื้อมากิน จะเอาไหมล่ะ ป้าแบ่งให้”
แม่บ้านหยิบยำแหนมออกมา บุญทิ้งมองปราดเดียวก็รู้สึกได้เลยว่าเป็นฝีมือของเกวลี
บุญทิ้งรีบดิ่งมาที่ตลาดด้วยความตื่นเต้น เหลียวมองหาไปทั่วตลาด แต่ก็ยังไม่เจอเกวลีจึงหันไปถามแม่ค้าแผงข้างๆ
“พี่ๆ ในตลาดนี่มีร้านขายยำแหนมอยู่ตรงไหนน่ะ”
แม่ค้าชี้มือบอกทางให้บุญทิ้ง บุญทิ้งรีบเดินไปอีกหน่อย ได้ยินเสียงเกวลีร้องเรียกลูกค้า
“ยำแหนมจ้า ยำแหนมใหม่ๆ อร้อยอร่อยนะจ้า”
บุญทิ้งได้ยินเสียงก็จำได้
“ลี...ใช่เกวลีแน่ๆ”
บุญทิ้งตามเสียงร้องของแม่ค้าขายแหนมไป จนเห็นว่าเกวลียืนขายยำแหนมอยู่จริงๆ บุญทิ้งยิ้มกว้างดีใจมาก
“ลี...ลีจริงๆ ด้วย”
บุญทิ้งจะเดินเข้าไปหาเกวลีแต่แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาเดินเข้ามาช่วยเกวลีขายของ แถมยังจับมือถือแขนท่าทางดูสนิทสนมกัน
บุญทิ้งอึ้ง จ๋อยไปเลย “ลี...ไปมีแฟนซะแล้วเหรอเนี่ย...”
บุญทิ้งไม่กล้าเดินเข้าไปหา ถดตัวเดินถอยหลังหลบ ไม่ทันเห็นคนเข็นรถเข็นลังพลาสติกผ่านมาเลยชนโครม ลังหล่นใส่หัวบุญทิ้งจังๆ เสียงเอะอะนั้นแต่ทำให้เกวลีกับชายหนุ่มคนนั้นหันมามองบุญทิ้ง
“บุญทิ้ง”
เกวลีวิ่งเข้าไปหา เขย่าตัวเรียกสติ แต่บุญทิ้งยังสลบไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้น
ทางด้านพรทิพย์ยังยืนอึ้ง มองพวงหรีดในมือลั้นลาอยู่อย่างนั้น
ลั้นลาโวยวายต่อ “ทำยังไงล่ะคะ ทำยังไงดี”
เพียงฟ้าได้ยินเสียงลั้นลาโวยวายอยู่หน้าห้อง จึงเปิดประตูออกมาดู
“เสียงดังอะไรกันนักกันหนาคะ เสี่ยจะพักผ่อน” พอเห็นพวงหรีดในมือลั้นลาก็หวีดร้องโวยวายลั่น “ว้ายยย อะไรเนี่ย อีเจ๊ เล่นบ้าอะไรฮะ”
“ไม่ใช่ของจ๊นะ มีคนเอามาส่งให้เสี่ยบูรพา”
เพียงฟ้ารีบลงไปที่หน้าบ้านเปิดประตูออกไปดูก็ไม่เจอใคร
“พนักงานส่งดอกไม้เค้าเอามาให้ เค้าไม่ได้แจ้งชื่อคนส่ง เจ๊ก็มัวแต่ตกใจเลยไม่ได้ถาม”
“ใครกัน ทำอุบาทว์ชาติชั่วแบบนี้” เพียงฟ้าหันไปหาพรทิพย์ “คุณทิพย์รู้ไหม”
“ฉันไม่รู้หรอก เสี่ยบูรพาเค้ามีศัตรูเยอะจะตาย เธอไม่รู้เหรอ”
เพียงฟ้าฮึดฮัดขัดใจที่โดนพรทิพย์ย้อนกลับ ลั้นลามองพวงหรีดในมือคิดๆ
“เจ๊ว่านะ คนที่ทำแบบนี้ได้ ต้องเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นเสี่ยมาก คนที่พร้อมจะทำให้บูรพาซาวด์ย่อยยับ แล้วเท่าที่เจ๊นึกออก มันก็มีอีนังนั่นอยู่แค่คนเดียว”
สองคนมองหน้ากัน เพียงฟ้าพึมพำออกมาอย่างแค้นเคือง “นังปลายอ้อ”
ฝ่ายปลายอ้ออยู่ที่บ้านเช่า คุยสายโทรศัพท์กับใครบางคน
“ถึงมือเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ ขอบคุณมากค่ะ สวัสดีค่ะ”
ปลายอ้อกดวางสาย ยิ้มสมใจอยู่กับตัวเอง อัปสรเดินออกมาหา
“โทร.สั่งของให้แม่หรือยัง”
“สั่งแล้ว เค้าเอาไปส่งแล้ว แม่ไม่ต้องห่วงจ้ะ”
“ดีแล้ว...แม่ไม่อยากให้คนรับเค้ารอนาน...ยากเห็นหน้าตอนรับจัง อยากรู้ว่ารู้สึกยังไง”
ปลายอ้อพูดเหมือนประชดในที “ก็คงจะดีใจแหละค่ะ”
ฝ่ายปอแก้วนั่งอยู่กับแสงโสมในห้องทำงาน กำลังดูยอดวิวเพลงที่ปอแก้วไปร้องที่โรงเบียร์กันอยู่
“ยอดวิวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเลย ส่วนยอดรีเควสเพลงก็เข้ามาไม่หยุดเลย แสดงว่าคนให้การตอบรับดีมาก แบบนี้หนูแก้วก็ไม่ต้องกังวลแล้วนะ”
ปอแก้วมีท่าทีสบายใจขึ้น “เดี๋ยวแก้วจะรีบซ้อมเต้นต่อ เตรียมรับงานเต็มที่ได้เลยค่ะ”
“วันนี้ยังไม่ต้องหรอกจ้ะ หนูแก้วกลับไปพักผ่อนให้สบายใจก่อนดีกว่า เดี๋ยวน้าก็ว่าจะกลับแล้วเหมือนกัน” แสงโสมพูดพลางเก็บข้าวของลงกระเป๋าไปด้วย “หรือว่าแก้วอยากไปกินอะไรกับน้ามั้ย?
“ไม่เป็นไรค่ะ น้าโสมไปเถอะ”
“งั้นไว้เจอกันนะ”
แสงโสมเก็บกระเป๋าเสร็จ เดินออกไป
ปอแก้วลงนั่งเบื่อๆ ไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ่นพึมพำ
“จะให้ไปพักผ่อนกับใครล่ะ”
ปอแก้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไล่ดูรายชื่ออย่างเซ็งๆ จนเลื่อนไปเจอชื่ออภิวัช ปอแก้วชะงักค้าง อยากจะกดโทร.ไปหา แต่ก็ตัดใจกดปิดโทรศัพท์เก็บทันที
“จะไปโทรหาเค้าทำไม หยุด อย่าคิดถึงเค้าปอแก้ว ชั้นขอสั่งให้เธอหยุด”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปอแก้วสะดุ้งเล็กๆ อดนึกไม่ได้ว่าหรืออภิวัชจะโทร.มา รีบหยิบมาดู เห็นหน้าจอชื่อ “ศุภกฤต” โทร.มา แอบผิดหวังนิดๆ ปรับเปลี่ยนอารมณ์ให้เป็นปกติก่อนรับสาย
“ว่าไงคุณกฤต...”
ศุภกฤตโทร.มาจากที่หนึ่ง
“คุณยุ่งอยู่หรือเปล่า”
“หึ...ตอนนี้ฉันว่างมาก ว่างจนเบื่อเลยล่ะค่ะ”
“ดีเลย งั้นเดี๋ยวผมจะพาไปทำให้หายเบื่อเอง”
“เดี๋ยว คุณจะพาฉันไปไหน”
ศุภกฤตยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ยอมบอกวางสายไปเลย ปอแก้วได้แต่สงสัยว่าศุภกฤตจะพาไปไหน
ส่วนที่ตลาด บุญทิ้งยังนอนสลบอยู่ที่พื้น เกวลีพยายามเขย่าตัว แต่ไม่เป็นผลสุดท้ายตบหน้าเรียก
“บุญทิ้ง...บุญทิ้ง....”
บุญทิ้งยังนอนนิ่งไม่ไหวติง เกวลีหันซ้ายหันขวา ตัดสินใจหยิบเอาขันตักน้ำเย็นๆ มาสาดโครมใส่หน้าบุญทิ้ง ได้ผลบุญทิ้งสะดุ้งตื่นขึ้นมา ตกใจ แหกปากร้องลั่น
“ไฟไหม้ๆๆๆ” จนพอหันไปเจอหน้าเกวลีก็ชะงักนึกได้ “อ้าว ลี”
เกวลีมองเป็นห่วง “บุญทิ้งไม่เป็นไรใช่มั้ย”
บุญทิ้งยิ้มกว้างให้เกวลี
“ยิ้มอะไร สมองกระทบกระเทือนไปแล้วหรือไง”
“ยิ้มเพราะรู้ว่าคนแถวนี้เป็นห่วงน่ะสิ”
“เป็นห่งเป็นห่วงอะไร ฉันถามเพราะตกใจ...ก็...เท่านั้นแหละ”
ในเวลาต่อมา เกวลีเอาผ้ามาให้บุญทิ้งเช็ดหน้าเช็ดตา
“อ่ะนี่ผ้าขนหนูผืนนี้ฉันยังไม่ได้ใช้ นี่มาเจอฉันได้ยังไงเนี่ย”
บุญทิ้งเช็ดหน้าไปพูดไป “ฉันตามกลิ่นแหนมของลีมาน่ะสิ...” แล้วแกล้งทำเป็นดมๆใกล้ๆตัวเกวลี “อื้อหือ... เปรี้ยวไปถึงกลิ่นตัวแม่ค้า”
“เดี๋ยวก็เอาให้น็อคอีกรอบ รอบนี้ไม่ต้องตื่นด้วย” เกวลีง้างมือขึ้นจะทุบหัว
“หยอกจ้าหยอก...กลิ่นตัวแม่ค้าหอมจะตาย”
เกวลีเขินแต่ทำเป็นลอยหน้าลอยตาเหมือนไม่สนใจ
“แต่ฉันตามแหนมมาจริงๆ แม่ค้าที่ค่ายเค้าซื้อไปกินน่ะ ว่าแต่ลีเถอะ กลับมากรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกไม่กล่าวกันเลย”
เกวลีอ้อมแอ้มตอบ “ฉันก็เพิ่งกลับมา ยังจัดแจงอะไรต่ออะไรไม่เรียบร้อยเลย ก็เลยยังไม่ได้บอกใคร”
บุญทิ้งพยักหน้ารับรู้ แล้วก็นึกถึงผู้ชายที่อยู่กับเกวลีขึ้นมาได้
“เอ่อ...เมื่อกี้ ฉันเห็นลีขายแหนมอยู่กับ....ผู้ชายคนนึง...” จริงๆ อยากรู้มาก แต่บุญทิ้งทำเป็นถามไปงั้นๆ “ใครอ่ะ”
“อ๋อ...พี่โอมน่ะเหรอ”
“โอมเอิมอะไรไม่รู้จัก หน้าตางั้นๆ มากเลยนะ”
“ก็ดีกว่าใครบางคน”
บุญทิ้งอึ้งไปอีก นึกสังหรณ์ใจ กลัวคำตอบที่จะได้ยินเลยไม่กล้าถามต่อ
“พี่เขาน่ะมีน้ำใจมากเลยนะ มาช่วยฉันช่วงเปิดร้าน นี่เขาไปทำงานแล้วล่ะ”
“อ๋อเหรอ...”
“เสียดายนะแหนมฉันหมดแล้ว ไม่งั้นจะให้บุญทิ้งลองชิมสูตรที่ทำมาใหม่ซะหน่อย เดี๋ยวฉันเก็บร้านก่อนนะ”
เกวลีหันไปเก็บร้านต่อ เห็นแววตาบุญทิ้งเศร้าๆ ขณะที่แอบมองเกวลีกำลังเก็บแผงขายแหนม คิดมโนไปไกลว่าเกวลีคงมีแฟนแล้วถอนใจคงแห้ว แต่ก็ยังทำตัวเป็นสุภาพบุรุษต่อ
“มาๆ ฉันช่วย”
บุญทิ้งตรงเข้าช่วยเกวลีเก็บร้าน ทั้งๆ ที่ในใจโคตรเศร้า
ปลายอ้อในชุดซ้อมเต้นเดินเข้ามาในห้องซ้อม ในนั้นเจนนี่วอร์มร่างกายรออยู่ แต่ก็คุยโทรศัพท์กับแววเดือนไปด้วย
“เอ้า ปวดท้องมาไม่ไหว เออ วันนั้นของเดือนฉันเข้าใจ แกนอนพักไปก่อนไป.....ข่าวคุณปอแก้วเหรอ อ่านแล้ว ไว้เดี๋ยวมาเมาท์กัน” เจจนี่กดวางสายแล้วหันมาเห็นปลายอ้อ “อ้าว อ้อ”
“คุยอะไรกัน เรื่องปอแก้วเหรอ”
“อื้อ อ้อเห็นที่เค้าแถลงข่าวหรือเปล่า พี่ก็อ่านฟีดแบคคนในเน็ตอยู่”
“เหรอ..แล้วฟีดแบคเป็นไงบ้างล่ะพี่”
“โห...ทางคุณปอแก้วได้คะแนนความเห็นใจเพียบ คนก็ด่าเสี่ยกันเยอะเลย สงสารที่คุณปอแก้วต้องมาแก้ปัญหาที่พ่อเป็นคนสร้างเอาไว้”
ปลายอ้อฟังแล้วเจ็บใจที่ดันไปเพิ่มคะแนนสงสารให้ปอแก้วโดยไม่ได้ตั้งใจ
เจนนี่กดอ่านจากมือถือตัวเอง “เนี่ยๆ มีข้อความในเนทอันนี้บอกว่า “ความผิดของพ่อก็ไม่ควรเป็นความผิดของลูก” ฉันก็เห็นด้วยนะคุณปอแก้วเค้าแบกรับเยอะเลย กดไลค์ อุ๊ย กดเลิฟเลยดีกว่า”
ปลายอ้อไม่พอใจ แหวใส่ “นี่ตกลงพี่ไปเห็นอกเห็นใจปอแก้วแล้ว จะไม่อยู่ข้างกันแล้วเหรอ”
เจนนี่งงที่อยู่ๆ ปลายอ้อก็อารมณ์เสียขึ้นมา
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกันซะหน่อย ยังไงฉันก็อยู่ข้างแกเหมือนเดิมแหละอ้อ”
“ถ้าอยู่ข้างเดียวกัน ก็ต้องให้กำลังใจกัน อย่าไปให้กำลังใจศัตรูแบบนี้อีก”
เจนนี่ฟังแล้วพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้าปลายอ้ออย่างอึดอัด เริ่มรู้สึกว่าปลายอ้อชักจะเหวี่ยงวีนมากขึ้น
ปลายอ้อยังขยี้ซ้ำไปอีกว่า “คนอกตัญญูไม่มีวันเจริญหรอก คอยดู”
ปอแก้วเดินงงๆ ตามศุภกฤตเข้ามาในฟิตเนสของคอนโด
“เนี่ยเหรอที่แก้เบื่อที่คุณบอก”
“อื้อ ผมเห็นช่วงนี้คุณเครียดๆ น่าจะได้ออกกำลังกายผ่อนคลายซะหน่อย”
“แต่พวกเครื่องเล่นแบบนี้ ฉันไม่เคยเล่นมาก่อนเลยนะ เวลาออกกำลัง อย่างมากฉันก็แค่วิ่ง เต้นแอโรบิค”
“ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวผมสอนให้ ที่จริงตอนนี้คุณเป็นนักร้องแล้ว ไม่ควรจะวิ่งลดความอ้วนอย่างเดียวนะ ควรจะสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้นด้วย เวลาเต้นจะได้ออกมาดี รูปร่างจะได้ดูฟิตแอนด์เฟิร์มด้วย”
“เดี๋ยวนะ นี่คุณหลอกด่าว่าฉันอ้วนเหรอ”
“เปล่า ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น”
“ก็พูดอยู่เมื่อกี้ คุณบอกอยู่ว่าฉันวิ่งลดความอ้วน แล้วรูปร่างจะได้ฟิตแอนด์เฟิร์ม แปลว่าตอนนี้รูปร่างฉันทุเรศมากเลยใช่มั้ย”
“เดี๋ยวๆๆ นี่คุณตีความไปทางนั้นได้ไง ผมยังไม่ได้พูดออกมาเลยนะ”
“ฉันไม่ใช่คนโง่นะ”
ศุภกฤตเฉไฉ เดินไปที่เครื่องออกกำลัง “ผมว่าเรามาเริ่มจากการวอร์มร่างกายกันก่อนดีกว่า”
ปอแก้วค้อนขวับที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทันศุภกฤต
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ศุภกฤตพาปอแก้วเล่นอุปกรณ์ต่างๆ สาธิตให้ดูอย่างใกล้ชิด จับมือถือแขน จนปอแก้วอดเขินไม่ได้ แต่ก็รู้สึกดีอย่างประหลาด
บุญทิ้งช่วยเกวลีถืออุปกรณ์ขายยำแหนมต่างๆ เดินมาส่งเกวลีที่หน้าบ้านเช่า
“นี่ลีอยู่ที่นี่เหรอ”
“จ้ะ ที่นี่มันใกล้ตลาด เดินไปแป้บเดียวก็ถึง ไปขายของสะดวกดี นี่ฉันยังคิดอยู่นะว่าจะทำแหนมสูตรใหม่ๆ ว่าจะลองใส่เห็ดหอมดู...”
บุญทิ้งขัดขึ้น “เดี๋ยวๆ ตกลงจะมาเป็นแม่ค้าขายแหนมเต็มตัวแล้วเหรอ แล้วเรื่องร้องเพลงล่ะ”
เกวลีชะงักไปนิดๆ ก่อนจะยิ้มเศร้าๆ ออกมา “เรื่องร้องเพลงก็คงต้องหยุดไว้ก่อนล่ะ พ่อฉันไม่ค่อยสบาย ตอนนี้ฉันต้องทำมาหากิน ทำอะไรที่ได้เงินเอาไว้ก่อน นี่โชคดีนะที่ได้พี่โอมเขามาช่วย...”
บุญทิ้งบ่นพึมพำออกอาการหึงขึ้นมาทันที “โอมอีกแล้ว”
เกวลีก็ไม่ได้ยินหรือสังเกตเห็น ยังคงเล่าต่อไป
“ถ้าไม่ได้เขามาช่วยนะ ฉันคงทำแหนมขายไม่ไหว เพราะตอนนี้ต้องทำส่งเยอะหลายที่เลย”
“แต่ฉันก็ยังเสียดายความสามารถของลีนะ ถ้าลีได้เป็นนักร้อง อาจจะหาเงินได้มากกว่านี้”
“บุญทิ้ง...ถ้าฉันมีวาสนาจะได้เป็นนักร้องจริงๆ ฉันคงได้เป็นไปนานแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันไม่กล้าเสี่ยงอะไรอีกแล้ว ที่ผ่านมาก็เหมือนเสียเวลาไปหลายปีแล้ว ตอนนี้ฉันขอทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำก่อนดีกว่า”
“แต่ฉันว่า...ลีน่าจะลอง...” บุญทิ้งยังพูดไม่ทันจบ เกวลีกลับตัดบท
“เดี๋ยวฉันต้องเข้าบ้านไปเตรียมทำแหนมขายต่อละ ขอบใจบุญทิ้งมากนะที่มาส่ง”
เกวลีพูดแล้วก็ฝืนยิ้มให้บุญทิ้งก่อนจะเอาของที่บุญทิ้งช่วยถือมาถือไว้เอง แล้วหันหลังเดินเข้าบ้านเช่าไป
บุญทิ้งมองตามเกวลีหน้าเศร้า อกหักยับเยิน เดินจ๋อยๆ กลับไป
ปอแก้วล้มตัวลงนอนแผ่หรา เหงื่อโซมกาย หน้าตาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
“โอ๊ยย ไม่ไหวแล้ว”
ศุภกฤตเดินเข้ามาจับแขนปอแก้วจะดึงให้ลุกขึ้น
“อย่าพึ่งไม่ไหวสิคุณ ผมยังสอนไม่ครบทุกส่วนเลย คุณต้องเล่นให้ครบทุกส่วนของร่างกายนะ ไม่งั้นจะไม่สมดุล”
ปอแก้วขื่นตัวทิ้งตัวลงนอนแผ่อีก “ไม่เอาแล้ว แต่ละท่าที่คุณสอน กระดูกฉันจะหัก ฉันเป็นนักร้องนะ ไม่ได้จะเป็นนักกล้าม”
ศุภกฤตหัวเราะขำปอแก้ว ปอแก้วคิดอะไรออก พลิกตัวลุกขึ้นมา
“เอางี้ดีกว่า คุณสอนฉันไปเยอะแล้ว ตาฉันสอนคุณบ้าง”
“คุณจะสอนอะไรผม”
ปอแก้วยิ้มเจ้าเล่ห์
ในเวลาต่อมาปอแก้วกับศุภกฤตอยู่ในห้องเต้นแอโรบิค เปิดเพลงจังหวะคึกคัก สนุกๆ
“เต้นแอโรบิคเนี่ยนะ ไม่เอา”
“ทำไมล่ะ ทีคุณสอนฉัน ฉันยังยอมทำเลย”
“ก็นี่มันกิจกรรมของผู้หญิงชัดๆ ผมไม่เอาด้วยหรอก”
“ผู้ชายก็เต้นได้น่าคุณ อย่าปิดกั้นเสียงในใจตัวเองเลยหน่า....มาเร็ว ไม่ต้องกลัวติดใจหรอก... แต่ถ้าติดใจฉันมาเป็นเพื่อนทุกวันได้นะ”
ปอแก้วเริ่มเต้นนำก่อน ศุภกฤตส่ายหน้าไม่ยอมเต้น จนปอแก้วต้องเข้าไปจับมือศุภกฤตให้เต้นตาม ศุภกฤตชะงักนิดๆ
ปอแก้วเต้นอยู่ตรงหน้าศุภกฤต พยักหน้าให้เขาเต้นตาม จนศุภกฤตยอมเต้นท่าตลกๆ โดนปอแก้วจับบิดแขนขาให้ถูกท่า ร้องโอดโอย ปอแก้วดูมีความสุขที่ได้แกล้งศุภกฤตเอาคืน
เย็นนั้น เพียงฟ้ากับลั้นลาเดินเลือกห้องพักอยู่ในบ้านบูรพา มีอัมพรคอยเดินตามแอบทำหน้าเมื่อยๆ อยู่
อัมพรเปิดประตูห้องหนึ่งให้ “อ่ะนี่ค่ะ”
เพียงฟ้าชะโงกหน้าเข้าไปดู “วอลเปเปอร์ไม่สวยเลย เห็นแบบนี้ทุกคืนฉันนอนไม่หลับหรอก”
อัมพรรำคาญ “โอ๊ย คุณดูมาหลายห้องแล้วนะคะ...ห้องเล็กไปบ้างล่ะ แอร์ไม่เย็นบ้างล่ะ นี่ก็ห้องพักแขกห้องสุดท้ายแล้ว ถ้าคุณไม่อยู่ห้องนี้ก็ไม่มีแล้วค่ะ”
“เจ๊เห็นมีห้องที่ติดกับห้องเสี่ยบูรพาไง”
อัมพรเสียงดังลั่น “ไม่ได้ค่ะ นั่นห้องคุณพรทิพย์”
เพียงฟ้าแกล้งหัวเราะ “อ้าว เป็นผัวเป็นเมียกัน ไม่นอนห้องเดียวกัน ทำไมเมียเสี่ยกระเด็นมานอนข้างนอกซะล่ะ”
“แหม คุณคะ ผู้ดีน่ะ ถึงแต่งงานกันแล้ว เขาก็แยกห้องนอนกันได้ อ๋อ...อัมพรลืมไปว่าคุณเพียงฟ้าอาจจะไม่ทราบ เพราะดูจากกิริยาแล้วก็คงไม่ใช่ผู้ดี หรือไม่ก็เป็นผู้หญิงประเภทขาดคนนอนด้วยไม่ได้”
เพียงฟ้าโมโห “เอ๊ะ อีนี่ แกด่าฉันเป็นกะ...เหรอ”
เพียงฟ้าปราดเข้าไปเงื้อมือจะตบอัมพร แต่ลั้นลาดึงมือรั้งเอาไว้ก่อน
“พอหนู ลูกพอ หนูจะเที่ยวตบคนเค้าไปทั่วไม่ได้ เจ้ไม่ไหวจะตามเคลียร์ให้หนูแล้วนะ เราจะมาอยู่บ้านเค้าก็เก็บอาการหน่อย”
เพียงฟ้าฮึดฮัดขัดใจ สะบัดไม้สะบัดมือไปมา
“เพราะกิริยามารยาทแบบเนี้ย คนเค้าถึงได้ดูถูกว่าเป็นกะ...”
เพียงฟ้าจำต้องสงบ ในใจโกรธสุดขีด แต่ที่ต้องยอมเพราะกลัวโดนว่า
“ถ้าห้องที่ติดกับเสี่ยไม่ได้ งั้นห้องที่อยู่สุดทางเดินล่ะ อย่างน้อยก็อยู่ชั้นเดียวกัน จะได้ดูแลเสี่ยสะดวกๆ ไม่ต้องขึ้นๆ ลงๆ บันไดแบบห้องพักแขกที่เธอพาพวกฉันมาดู”
“ห้องนั้นก็...”
อัมพรไม่ทันพูดจบคำ เพียงฟ้าแหวใส่ “ไม่ต้องบอกว่าไม่ได้นะ ยังไงฉันก็จะเอาห้องนั้น!”
เสียงแสงโสมดังขึ้น “ฉันไม่อนุญาต”
เพียงฟ้ากับลั้นลาหันไปเห็นแสงโสมเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง
“ห้องนั้นเป็นห้องที่ฉันเคยอยู่ วันนี้ฉันจะกลับมาอยู่แล้วด้วย”
“คุณโสมจะมาอยู่ทำไม”
“ก็เพราะคุณพี่ป่วย แล้วดันมีคนเสนอหน้ามาจะขอเฝ้าไข้ โดยไม่รู้ว่ามาทำให้คุณพี่รำคาญใจน่ะสิ”
“นี่คุณโสมคิดจะมากันซีนกันเหรอไง”
“ฉันแค่ต้องมาแสดงสิทธิ์ของฉันบ้าง เธออย่าเรื่องมากนักเลย ถ้าเธอไม่ชอบซักห้องที่จัดเอาไว้ก็ไปนอนเรือนคนใช้ก็แล้วกัน”
“อ๊ายย มันจะมากไปแล้วนะ”
เพียงฟ้าเงื้อมือจะตบแสงโสม แสงโสมจ้องตาแล้วเงื้อมือกลับแบบถ้ามึงตบกูตบกลับจริงๆ
“จะตบฉันเหรอ เอาสิ! มาสิ! ถ้าฉันไม่ตบกลับก็ให้มันรู้กันไป”
เพียงฟ้าเห็นแสงโสมท้าก็ตบเปรี้ยงเข้าให้ แสงโสมไม่ตบกลับแต่ชกเข้าไปที่ดั้งจมูกจังๆ เพียงฟ้ากุมที่จมูกทันที
“จมูกฉันจะเบี้ยวมั้ยเนี่ย! อ๊ายยย”
พรทิพย์ได้ยินเสียงเพียงฟ้ากรี๊ดทนไม่ไหว เดินออกมาปราม
“เสียงดังอะไรกันนักหนา ที่นี่บ้านนะไม่ใช่ตลาดสด”
เพียงฟ้าชะงักไป ลั้นลารีบจับแขนเพียงฟ้าเชิงปราม
พรทิพย์มองเพียงฟ้าอย่างคาดโทษ “ถ้าเธออยากจะมาอยู่ที่นี่นัก ก็ทำตัวให้มันดีๆหน่อยได้ไหม เสี่ยบูรพาไม่ค่อยสบายอยู่ อย่าสร้างปัญหานักเลย”
เพียงฟ้านิ่งอั้น ลั้นลากระซิบบอก
“เจ๊ว่าแกลดฤทธิ์เดชลงมาบ้าง ยอมๆ ไปก่อนเถอะ ไม่งั้นโดนไล่ออกจากบ้านแน่ แล้วเราจะไม่ได้อะไรเลยนะ”
“แต่จมูกฟ้า”
“ไม่เป็นอะไรหรอกหน่า ถ้าอยากจะให้เป็น เดี๋ยวเจ๊จัดให้อีกทีแล้วกัน”
“โอ๊ย! งั้นฟ้านอนห้องนี้ก็ได้!”
เพียงฟ้าขัดใจไปหมดเดินกระแทกเท้าเข้าห้องไป ลั้นลารีบตามเข้าไป แสงโสมมองตาขุ่นไม่ชอบใจนัก
“คุณพี่ไม่น่ายอมมันเลย น่าจะไล่ๆมันออกไป”
“เธอก็มาคุยกับฉันหน่อย”
พรทิพย์เดินนำไป อัมพรตามนายไปติดๆ แสงโสมกลอกตาเซ็งๆ เดินตามพรทิพย์ไป
พรทิพย์เข้ามาในห้องนอนส่วนตัวมีอัมพรตามมาด้วย แสงโสมเดินตามเข้ามา
“มีอะไรเหรอคะคุณพี่ จะว่าที่โสมไปชกมันเหรอ แต่มันทำโสมก่อนนะ”
“เปล่า เธอจะกลับมาอยู่ที่นี่เหรอ”
“ก็โสมรู้ว่านังเพียงฟ้าจะมาอยู่ โสมก็เลยมาช่วยกันท่าให้ไงคะ ลำพังคุณพี่น่ะ เอามันไม่อยู่หรอก ในเมื่อห้ามมันไม่ได้ โสมก็เลยจะมาช่วยรบกับมันให้ ตาต่อตาฟันต่อฟัน เอาให้พังกันไปข้างเลย”
พรทิพย์ฟังแล้วก็นิ่งงันไป แสงโสมรีบพูดต่อ
“โสมไปจัดของเข้าห้องก่อนนะคะ เดี๋ยวต้องคอยดูนังเพียงฟ้า ไม่ให้ยุ่มย่ามกับเสี่ยอีก”
แสงโสมพูดเท่านั้นก็เดินออกไปเลย พรทิพย์มองตามอย่างอิดหนาระอาใจ หันมาพูดกับอัมพรอย่างปลงๆ
“ฉันรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดมากเลย ที่ยอมให้พวกนี้เข้ามาอยู่ในบ้าน ถ้าเค้าวุ่นวายกันนัก ฉันว่าฉันหนีไปอยู่วัดดีกว่า”
“ไม่ได้นะคะคุณทิพย์ ขืนปล่อยคุณแก้วไว้กับคนพวกนี้ คุณแก้วประสาทกินแน่ๆเลยค่ะ”
พรทิพย์ได้แต่ถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
เพียงฟ้าส่องดูจมูกตัวเองกับกระจก จับไปจับมา ขยับดูว่าเบี้ยวไหม
“ดีนะที่ยังอยู่ดี ถ้าเบี้ยวไป ฉันเอาเรื่องมันแน่”
เพียงฟันหันไปเอาเท้าเตะกระเป๋าเดินทางอย่างหงุดหงิดอีก บ่นกับลั้นลาต่อ
“เฮ้อ แล้วดูสิเจ๊ แทนที่ฉันจะได้ฉอเลาะเสี่ยง่ายๆ อีนังแสงโสมก็ดันสาระแนตามมาเอาหน้ากับเสี่ยอีกคน”
“นางก็คงกลัวตกกระป๋องถ้าเสี่ยเป็นอะไรไปเหมือนกันนั่นแหละ แกก็ต้องรีบทำคะแนนตุนกับเสี่ยไว้เยอะๆ แกสาวกว่ามัน สดกว่ามัน ยังไงก็ได้เปรียบอยู่แล้ว”
“เฮ้อ เพราะอีปลายอ้อเน่านั่นคนเดียวเลย เป็นต้นเหตุให้เสี่ยเครียดจนป่วยกระเสาะกระแสะแบบนี้”
เพียงฟ้าบ่นบ้าหันไปจัดของกระแทกกระทั้น ลั้นลานิ่งคิด จนได้วิธีจะเอาคืนปลายอ้อแล้ว
“อยากจะแก้เผ็ดมันมั้ยล่ะ ต้องฉลาดหน่อย เจ้มีวิธี”
ทางด้านปอแก้วออกจากฟิตเนสพร้อมกับศุภกฤต เตรียมกลับบ้าน
“ขอบคุณนะคุณกฤตที่พามาคลายเครียด”
“หายเครียดเลยใช่ไหมล่ะคุณ?
“หายสนิทเลย แต่ตอนนี้เหนื่อยมาก อยากกลับบ้านไปนอนมาก”
“คุณสบายใจขึ้นแล้วผมก็ดีใจ ถ้าอยากมาออกกำลังอีกก็โทร.มาได้ตลอดนะ ผมยินดีเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวให้”
“ได้ ไว้ฉันอยากดูคุณเต้นอีกเมื่อไหร่ ฉันโทร.ไปแน่”
ศุภกฤตขำๆ ปอแก้วยิ้มๆ แล้วจู่ๆ ทั้งสองคนก็รู้สึกเขินกันขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกันต่อ
ระหว่างนี้คนในคอนโดศุภกฤตมองๆ ปอแก้ว แล้วซุบซิบๆ กัน ก่อนจะตัดสินใจเข้ามาทัก
“ขอโทษนะคะ....ใช่คุณปอแก้วที่เป็นหน้ากากขนนกหรือเปล่าคะ”
“อ่า...ใช่ค่ะ”
“ใช่จริงๆ ด้วย” แฟนเพลงตื่นเต้นหันไปคุยกันแล้วหันมาหาปอแก้ว “คือชอบเพลงคุณปอแก้วมากเลยค่ะ ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยได้ไหมคะ”
ปอแก้วยิ้มปลื้ม “ได้ค่ะได้”
ศุภกฤตอาสา “มาครับ ผมถ่ายให้”
แฟนเพลงส่งมือถือให้ศุภกฤต แล้วเข้าไปยืนใกล้ปอแก้ว ปอแก้วโอบไหล่อย่างไม่ถือตัว ยิ้มหัวถ่ายรูปกับแฟนเพลงอย่างเป็นกันเอง ศุภกฤตกดถ่ายให้หลายรูป
“ขอบคุณมากนะคะ”
แฟนเพลงเดินยิ้มตื่นเต้นดูรูปในมือถือกันออกไป ศุภกฤตคุยกับปอแก้วสีหน้ายิ้มแย้ม
“เริ่มจะดังแล้วนะคุณ”
“ยังหรอก..ฉันยังแค่เริ่มต้นแค่นั้นเอง...ฉันกลับก่อนนะคุณ
ศุภกฤตพยักหน้าให้ ปอก้วเดินมาถึงที่รถของตัวเองแล้วขึ้นรถขับออกไป ศุภกฤตกำลังจะเดินเข้าคอนโด พอดีกับที่อัปสรโทร.มาหา
“ครับน้าสร....ชวนไปดูปลายอ้อร้องเพลงค่ำนี้เหรอครับ”
ศุภกฤตนิ่งคิด ลังเลว่าจะไปดูปลายอ้อเล่นคอนเสิร์ตหรือเปล่า
ด้านปลายอ้อแต่งตัวเตรียมออกไปร้องเพลงแล้ว เดินมากับอัปสร มาเคาะห้องเรียกบุญทิ้ง
“พี่ทิ้ง...พี่ทิ้ง เสร็จยัง จะไปแล้วนะ”
บุญทิ้งเปิดประตูห้องออกมา ท่าทางหงอยๆ ซึมๆ ยังไม่แต่งตัว
“อ้าว ยังไม่แต่งตัวอีกเหรอ นี่ใกล้จะได้เวลาไปแล้วนะ”
“น้าสรไปกับไอ้อ้อเหอะ วันนี้ฉันเหนื่อยๆ ขออยู่เฝ้าบ้านดีกว่า”
ปลายอ้อแปลกใจ “พี่เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย ตั้งแต่กลับมาแล้ว เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องตั้งแต่กลับมาแล้ว”
บุญทิ้งไม่ตอบอะไร กลับเข้าห้องปิดประตูไปเลย
“ไอ้ทิ้งมันเป็นอะไรของมัน ไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้ มันไม่สบายหรือเปล่า
“นั่นสิแม่”
ได้ยินเสียงแตรรถดังมาจากหน้าบ้าน ปลายอ้อชะเง้อมองรู้ว่าเป็นรถของค่ายมารับ
“รถมาแล้ว อ้อว่าเราไปกันก่อนแล้วกัน” ปลายอ้อตะโกนบอกบุญทิ้งผ่านประตูไป “พี่ทิ้ง...ฉันกับแม่ไปแล้วนะ”
บุญทิ้งขังตัวเองอยู่ในห้อง หยิบกีตาร์มาดีดแก้เซ็ง นึกถึงภาพเกวลีกับโอมช่วยกันขายของ ดูใกล้ชิดสนิทสนมแล้วเศร้าใจ
คำพูดชื่นชมของเกวลีที่พูดถึงโอมชวนให้คิดไปไกลกันใหญ่
“นี่โชคดีนะที่ได้พี่โอมเขามาช่วย...”
บุญทิ้งออกอาการหวงหึงขึ้นมาทันทีที่เกวลีพูดถึงคนชื่อโอม แต่เกวลีก็ไม่ได้สังเกตยังคงเล่าต่อไป
“ถ้าไม่ได้เขามาช่วยนะ ฉันคงทำแหนมขายไม่ไหว เพราะตอนนี้ต้องทำส่งเยอะหลายที่เลย”
บุญทิ้งยิ่งมโนไปกันใหญ่ จู่ๆ ก็คิดเป็นคำร้องในเพลงขึ้นมาได้บุญทิ้งรีบหยิบกระดาษมาจดๆ
ปลายอ้อกับทีมงานมาถึงที่โรงเบียร์แสดงคอนเสิร์ต เจ้าของมาต้อนรับปลายอ้อด้วยตัวเอง
“สวัสดีครับคุณปลายอ้อ ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะครับ มีคนเรียกร้องอยากดูโชว์ของคุณมากเลย เลยต้องรบกวนให้มาอีก”
“ยินดีมากเลยค่ะ อ้อจะแสดงให้เต็มที่เลย”
“ขาดเหลืออะไรบอกได้เลยนะครับ”
“ค่ะ ยังไงเดี๋ยวอ้อกับทีมขอไปเตรียมตัวก่อนนะคะ”
“เจนนี่ ทีมงานเดินแยกไปที่ห้องแต่งตัว เจ้าของโรงเบียร์พาอัปสรแยกมาที่โต๊ะที่จัดไว้ให้”
“นี่ครับ โต๊ะวีไอพี จะได้ดูโชว์ชัดๆ”
อัปสรยิ้มขอบคุณ “ขอบคุณค่ะ”
เจ้าของโรงเบียร์แยกไปรับรองแขกคนอื่นต่อ อัปสรมองไปรอบๆ แล้วมองเห็นศุภกฤตเข้ามาพอดี
“คุณกฤต ทางนี้ค่ะ”
ศุภกฤตเห็นอัปสรเช่นกันรีบเดินเข้ามาหา
“น้าพึ่งเคยมาที่แบบนี้ ยังไงนั่งเป็นเพื่อนน้าหน่อยนะ”
“ได้เลยครับ”
เวลาผ่านไปสักพัก ได้ยินเพลงจังหวะสนุกๆดังขึ้น เห็นปลายอ้อออกมาร้องเพลงบนเวที ทั้งร้องทั้งเต้นเต็มที่ ได้เสียงกรี๊ดกร๊าดจากแฟนเพลงมากมาย
อัปสรมองปลายอ้ออย่างเต็มตื้น ปลื้มใจ
“เป็นไงครับน้าสร”
“น้าพึ่งเคยดูอ้อแสดงสดๆแบบนี้ น้าปลื้มใจมากจริงๆ พ่อเค้าก็คงปลื้มใจเหมือนกัน”
ปลายอ้อร้องเต้นบนเวที ใส่เต็มที่จนจบเพลง เห็นบรรดาแฟนเพลงเอาดอกไม้ พวงมาลัยมาคล้องให้เต็มคอ อัปสรเห็นแล้วยิ่งปลื้มใจในตัวลูก
ลั้นลาใส่ชุดดำสวมแว่นตา นั่งอยู่ที่โต๊ะมุมมืดของโรงเบียร์ มองไปบนเวทีแล้วยกมือเรียกพนักงานมาหา
“ครับ”
“พี่ฝากของไปให้ปลายอ้อ จงขจร หน่อย คนเยอะ พี่ขี้เกียจเบียดคนเข้าไป”
ลั้นลาพูดแล้วก็ส่งของขวัญให้พร้อมกับพับแบงค์เป็นทิปให้ นักงานรับมาแล้วก็เดินเอาของขวัญไปให้ปลายอ้อที่เวที
พอพนักงานรับของขวัญแล้วเดินไปที่เวที ลั้นลาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันทีพลางกดโทรศัพท์หาเพียงฟ้า
“เจ๊จัดการให้เรียบร้อยแล้วนะ”
ปลายอ้อร้องเพลงเสร็จแล้ว กำลังจะกลับกับศุภกฤตและอัปสร
“นึกว่าคุณจะไม่มาดูฉันร้องเพลงซะแล้ว”
“ทำไมจะไม่มาล่ะ ผมก็เป็นแฟนเพลงของคุณเหมือนกันนะ”
ทีมงานรวบรวมของขวัญกับพวงมาลัยมาให้ เจนนี่กับศุภกฤตช่วยกันรับ
“โอ้โห ของขวัญแกเต็มไปหมดเลยเนี่ย ชักจะอิจฉาแล้วนะ ขโมยของไอ้อ้อมันดีไหมคะคุณกฤต”
ปลายอ้อยิ้มขำๆ “ของกินนี่พี่แบ่งเอาไปบ้างก็ได้ เยอะแยะไป ฉันกินไม่หมดหรอก”
“อ้าว ให้แล้วนะ เอาจริงๆนะ”
เจนนี่แยกของขวัญของปลายอ้อทันที
อัปสรมองเห็นบรรดาของที่แฟนเพลงให้มา ส่วนใหญ่เป็นตุ๊กตา ของกิน หรือของขวัญที่ใส่ถุงมา มีของลั้นลาที่ห่อกระดาษผูกโบว์อยู่คนเดียวเลยสะดุดตา
“เอ๊ะ มีเป็นกล่องของขวัญมาด้วย”
“ลองแกะดูเลยก็ได้จ้ะ”
ปลายอ้อเห็นแม่อยากรู้จึงเอากล่องของขวัญนั้นมาแกะ ทุกคนเข้ามารุมดูอย่างสนใจ
กล่องของขวัญค่อยๆ ถูกแกะออกมา เผยให้เห็นเป็นดอกไม้จันทน์ยัดอยู่เต็มกล่อง พร้อมภาพเผ่าพงศ์ ที่มีรอยเจาะกลางหน้าผาก ยังมีกระดาษโน้ตเขียนข้อความไว้ว่า “ฝากเคารพศพพ่อแกด้วย”
และมีกระดาษโน้ตอีกใบเสียบกับกล่องไม้ขีดไฟมาด้วย “เผาได้จริง ไม่ต้องเผาหลอก”
ปลายอ้ออึ้งช็อกไปเลย อัปสรช็อกกว่า มือสั่นหน้าสั่นอย่างคนคุมสติไม่ได้ หวีดร้องออกมา
“อ๊ายยยย”
อัปสรร้องกรี๊ด ตัวเกร็ง มือสั่นไม่หยุด ปลายอ้อตกใจ ศุภกฤตรีบเข้าประคองอัปสรไว้
“แม่...แม่...”
อัปสรยังคงกรี๊ดไม่หยุด
ในเวลาต่อมา ศุภกฤตนั่งอยู่ในห้องรับแขกชั้นล่างของบ้านยุพา รอฟังอาการอย่างเป็นห่วงอยู่กับบุญทิ้ง
“ใครส่งของขวัญบ้าๆ นั่นมาวะ”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ปลายอ้อเดินหน้าตาเคร่งขรึมลงมา
“น้าสรเป็นไงบ้าง” บูญทิ้งถาม
“ให้กินยาแล้วก็หลับไปแล้ว”
“ไอ้คนที่มันคิดแกล้งกันแบบนี้ มันร้ายกาจมากจริงๆ”
“ฉันว่าฉันรู้ว่าใคร...พี่ทิ้ง พี่อยู่เฝ้าแม่ด้วยนะ คุณไปกับฉันหน่อย”
ศุภกฤตแปลกใจ “คุณจะไปไหน”
“ไปบ้านปอแก้ว ฉันจะไปเคลียร์กับเขา”
ศุภกฤตตกใจ “อ้อคิดว่าเป็นฝีมือปอแก้วเหรอ ผมว่าไม่ใช่หรอก ปอแก้วไม่น่าทำแบบนี้”
ปลายอ้อหงุดหงิดที่เห็นศุภกฤตดูพยายามปกป้องปอแก้ว “ถ้าคุณไม่พาฉันไป ฉันบุกไปเองก็ได้”
ไม่นานต่อมา ได้ยินเสียงกริ่งจากหน้าบ้านดังลั่นบ้านเสี่ยบูรพา จนอัมพรต้องรีบวิ่งออกมาดู
“มาแล้วค่าๆๆๆๆ”
อัมพรวิ่งไปที่หน้าบ้าน ในขณะที่ปอแก้ว พรทิพย์ แสงโสม พากันลงมาดู เพราะรำคาญเสียงกริ่ง
“ใครบ้ามากดกริ่งขนาดนี้ฮะ” แสงโสมบ่นลงมา
สักพักหนึ่ง จึงเห็นอัมพรวิ่งหน้าตาตื่นกลับเข้ามา
“ปลายอ้อมาค่ะ”
ปอแก้วได้ยินว่าปลายอ้อมา ก็รีบพุ่งออกไปหาคนแรก แสงโสมกะพรทิพย์รีบตามไป
ปอแก้ว แสงโสม พรทิพย์เดินมาที่หน้าบ้าน เจอปลายอ้อที่ยืนหน้าตาเอาเรื่องอยู่ พอเห็นทุกคนออกมาแล้ว ปลายอ้อก็โยนกล่องดอกไม้จันทน์ใส่หน้าปอแก้วทันที
“เอาของอุบาทว์ของเธอคืนไป”
ปอแก้วงง “อะไรของเธอ”
“อยากให้เผาจริงใช่มั้ย ได้นะ”
พร้อมกับว่า ปลายอ้อจุดไฟเผาดอกไม้จันทน์แล้วโยนใส่ปอแก้วอีกดอก
“ว้ายย” ปอแก้วรีบเบี่ยงตัวหลบไม่ให้โดนไฟ “เธอทำอะไร เป็นบ้าไปแล้วหรือไง”
ปลายอ้อยังไม่หยุดอาละวาด เอาน้ำมันไฟแช็คบีบลงไปที่กล่องดอกไม้จันทน์ แล้วโยนไม้ขีดลงไปไฟลุกพรึ่บ
ปอแก้วตกใจมาก “แก แกจะทำอะไร”
“จะเผาแกไง เผาจริง ไม่เผาหลอกด้วย แกให้คนเอาของนี่มาส่งให้ฉันที่งานคืนนี้ใช่มั้ยล่ะ มีแต่คนจิตใจสกปรกต่ำทรามเท่านั้นแหละที่เล่นเกมสงครามประสาทแบบนี้ คอยดูนะถ้าแม่ฉันเป็นอะไรไป ฉันจะเผาดอกไม้จันทน์ทั้งกองนี้ แล้วกดหัวแกขยี้ลงไปซะ คอยดู”
ปอแก้วยังงงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พรทิพย์พอจะจับต้นชนปลายได้ก่อน
“เธอมาด่าลูกฉัน ทั้งที่เธอเองก็ทำอย่างงั้นเหรอ? เธอเองก็ส่งพวงหรีดมาเหมือนกันไม่ใช่เหรอไง”
ปลายอ้อเป็นฝ่ายงง “พวงหรีดอะไร”
“คุณให้คนส่งมาให้เสี่ยบูรพาเมื่อตอนกลางวันไม่ใช่เหรอคะ เนี่ยค่ะ อัมพรเอามาทิ้งไว้ถังขยะหน้าบ้านนี่เอง” อัมพรบอก
อัมพรชี้ไปที่พวงหรีดที่อยู่ในถังขยะหน้าบ้าน ปอแก้วกับแสงโสมเห็นก็ตกใจ เพราะไม่รู้เรื่อง
“ต๊ายตาย พวงหรีดบ้าบออะไรเนี่ย เสี่ยเห็นได้ช็อคตายแน่”
ปอแก้วโกรธปลายอ้อขึ้นมาเลย “นี่เธอก็แช่งพ่อฉันเหรอ ถ้างั้นของนั่นก็เหมาะที่จะส่งให้แม่เธอแล้วเหมือนกัน”
ปลายอ้อโกรธจัด คิดว่าปอแก้วเป็นผู้ร้ายปากแข็ง ปรี่ไปคว้าพวงหรีดขึ้นมาจากถังขยะ แล้วจะฟาดใส่ใส่ปอแก้ว ไม่ยั้ง
ปอแก้วยกมือปัดป้อง “อ๊าย ว้าย นี่แกจะทำอะไรของแกน่ะ”
ศุภกฤตรีบคว้ามือปลายอ้อรวบเอาไว้ได้ทัน
“อ้อ อย่า”
“ห้ามฉันทำไม มันบอกอยู่ว่ามันทำ มันส่งไปแกล้งฉัน ทำร้ายแม่ฉัน”
“ไม่ใช่แก้ว เค้าอยู่กับผมตลอดบ่าย เค้าไม่มีทางทำแน่นอน”
ปลายอ้อชะงักอึ้งไป พรทิพย์กับแสงโสมเองก็อึ้งไปเช่นกัน
“หนูแก้ว....หนูอยู่กับนักข่าวนี่เหรอ”
ปอแก้วจำต้องยอมรับ “ค่ะ..หลังจากที่น้าโสมกลับไป คุณกฤตก็โทร.มาชวนแก้วไปออกกำลังกาย แก้วเบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ ก็เลยไปกับคุณกฤต”
ปลายอ้อยิ่งอึ้งเข้าไปอีก ศุภกฤตพยายามพูดดีๆ กับปลายอ้อ
“ยังไงของกล่องนี้ก็ไม่ใช่ฝีมือคุณแก้วแน่ๆ มาหาเรื่องกันไปกันมาก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ผมว่าอ้อใจเย็นก่อนดีกว่า”
“แล้วพวงหรีดนี่ล่ะ ฝีมือเธอหรือเปล่า” ปอแก้วถาม
ปลายอ้อหงุดหงิดที่ศุภกฤตไม่เข้าข้างเลยไม่ตอบ เขวี้ยงพวงหรีดที่ถือลงกับพื้น มองหน้าปอแก้วแล้วสะบัดหน้าเดินออกไป
“อ้อ...อ้อ...” ศุภกฤตรีบเดินตามปลายอ้อออกไป
ปอแก้วมองตามปลายอ้อไป หงุดหงิดไม่แพ้กันที่โดนอีกฝ่ายตามมาราวีถึงบ้านช่อง
ปอแก้ว พรทิพย์ แสงโสม กลับเข้ามาในบ้าน งงไปหมด อยู่ๆ ก็โดนปลายอ้อมาด่า
“น้างงไปหมดแล้วเนี่ย ทั้งเรื่องพวงหรีด เรื่องโดนยายนั่นมาด่าถึงบ้าน แล้วยังกล่องดอกไม้จันทน์นั่นอีก หนูแก้วไม่ได้เป็นคนส่งไปให้เค้าจริงๆใช่ไหม”
“เปล่าค่ะ แก้วไม่รู้เรื่องเลย”
“แล้วใครเป็นคนทำ”
เพียงฟ้างัวเงียตื่นลงมา ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
“ฟ้าได้ยินเสียงใครเอะอะโวยวายอะไรแว่วๆ มีเรื่องอะไรกันเหรอ”
“เอ๊ะ คุณๆ คะ หรือว่าคนที่ส่งดอกไม้จันทน์ไปให้ปลายอ้อจะเป็น...”
อัมพรบุ้ยใบ้ไปทางเพียงฟ้า
“เพียงฟ้า เธอส่งดอกไม้จันทน์ไปให้ปลายอ้อเค้าหรือเปล่า” พรทิพย์ถาม
เพียงฟ้ายอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน “อ๋อใช่ค่ะ ฝีมือฟ้าเอง ยัยปลายอ้อเน่านั่นอกแตกตายไปแล้วล่ะป่านนี้ เจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะคะ”
แสงโสมปรี๊ดขึ้นมาเลย “เจ๋งบ้าเจ๋งบออะไรล่ะ ทำไมเธอถึงได้ขยันสร้างแต่ปัญหานักนะ อยู่เฉยๆแล้วมันจะชักตายหรือไง”
เพียงฟ้าอึ้งไป ที่โดนด่า พยายามจะอธิบาย “แต่ฟ้าตั้งใจทำเพื่อพวกเรานะ...”
“ทำเพื่อให้พวกเราเสียชื่อน่ะสิ ถ้าเธอไม่มีสมองคิดอะไรได้ดีกว่านี้ก็อยู่เฉยๆ เถอะ” ปอแก้วด่า
พรทิพย์กำชับซ้ำไปอีก “ถ้ารักจะอยู่ร่วมกันก็อย่าสร้างปัญหาแบบนี้อีก”
เพียงฟ้าเหวอเลยที่โดนรุมด่าไม่หยุด ปอแก้วประคองพาพรทิพย์เข้าห้องไป แสงโสมกับอัมพรเดินตามไป เพียงฟ้าได้สติ กระฟัดกระเฟียดขึ้นมา ตะโกนไล่หลังไปอย่างหงุดหงิด
“อะไรอ่ะ ทั้งๆ ที่นังปลายอ้อมันหาเรื่องพวกเราก่อน ฟ้าไม่เห็นว่าจะมีใครมีปัญญาตอบโต้มันเลย ฟ้าถึงได้ช่วยจัดการให้นะคะ นี่ฟ้าทำคุณบูชาโทษเหรอไง”
ศุภกฤตขับรถมาส่งปลายอ้อหน้าบ้าน ศุภกฤตหันมองปลายอ้อที่ยังนั่งเงียบมาตลอด
“ถึงบ้านคุณแล้วนะ นี่ใจคอคุณจะไม่พูดกับผมแล้วเหรอ”
ปลายอ้อเมินมอง งอนศุภกฤต “ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคนที่เข้าข้างคนโน้นที คนนี้ที ทำตัวเหมือนนกสองหัวหรอก”
ศุภกฤตอ่อนใจ “อ้อ...ฟังผมนะ ผมไม่ได้เข้าข้างใคร นอกจากความถูกต้อง แล้วผมก็ไม่อยากให้คุณกับปอแก้วมีปัญหากัน จริงๆ คุณน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ”
ปลายอ้อแหวใส่ “ไม่มีทาง คุณลืมไปแล้วเหรอไงว่าพ่อเค้าทำให้พ่อฉันต้องตายนะ”
“อ้อ...เรายังไม่มีหลักฐานแน่ชัดเลย”
“เอาไว้ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับคุณ แล้วคุณทำใจได้ค่อยมาสอนฉันก็แล้วกัน”
ปลายอ้อตัดบทแล้วปึงปังลงจากรถเข้าบ้านไปเลย ศุภกฤตกลุ้มใจหนัก
ปลายอ้อเปิดประตูเข้ามาในห้องอัปสร แวะเข้ามาดูแม่เห็นว่าหลับสนิท จึงลงนั่งข้างเตียง พยายามข่มใจให้สงบ ขยับผ้าห่มให้อัปสร เห็นบุญทิ้งชะโงกหน้าเข้ามาดูอีกคน
“อ้าว ฉันก็นึกอยู่ว่าทำไมประตูห้องน้าสรเปิด กลับมาแล้วเหรอ”
“แม่ไม่ตื่นเลยใช่ไหมพี่”
“หลับสนิทดี.....ตกลงไอ้ดอกไม้จันทน์นั่นใช่ฝีมือปอแก้วหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ คุณกฤตพึ่งบอกฉันว่า ปอแก้วอยู่กับเค้าตลอดทั้งบ่าย พี่ทิ้ง ฉันไม่โอเคเลย เค้าชักเข้าข้างนั่นมากขึ้นเรื่อยๆ สงสัยโดนมันหว่านสเน่ห์ใส่แน่ๆ ฉันชักจะไม่ไว้ใจคุณกฤตแล้ว”
“กฤตไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก ที่ผ่านมาฉันก็เห็นว่ากฤตวางตัวเป็นกลางมาตลอดนะ ไม่เกี่ยวว่าถูกหว่านสเน่ห์หรอก ว่าแต่แกเถอะ ว่าแต่คนอื่นเขา แกเองโดนใครหว่านสเน่ห์ใส่จนไขว้เขวไปหรือเปล่า”
ปลายอ้องง “พี่ทิ้งหมายความว่าไง”
บุญทิ้งไม่อยากพูดชื่ออภิวัชขึ้นมาให้เสียบรรยากาศ และคร้านจะทะเลาะ
“ช่างเถอะ ฉันก็พูดไปเรื่อยเปื่อย เอาเป็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถ้าจับมือใครดมไม่ได้ ก็ให้มันจบๆไปเถอะ อย่าทะเลาะกันไปกันมาเลย เดี๋ยวมันจะเสียทั้งสองฝ่าย ทั้งแกทั้งปอแก้วก็เป็นศิลปินใหม่ทั้งคู่ ควรจะเอาผลงานมาขายมากกว่าขายเรื่อง ดราม่าว่าไม่ถูกกัน แกว่าไหม”
ปลายอ้อนิ่งไปอย่างรับฟัง แต่ก็ยังไม่หายเคือง เพราะปักใจเชื่อว่าปอแก้วอยู่เบื้องหลังที่ทำให้อัปสรต้องอาการกำเริบ
บูรพาซาวด์ เช้า วันใหม่
แสงโสมอยู่หน้าห้องประชุมกับลูกค้าเจ้าของมือถือแบรนด์ดังและเออี เตรียมคุยเรื่องสัญญาพรีเซ็นเตอร์มือถือของเพียงฟ้า
“คุณแสงโสมคะ นี่คุณปุ๋มค่ะ ที่จะมาคุยเรื่องต่อสัญญาพรีเซนเตอร์มือถือของเพียงฟ้า” เออีว่า
“ค่ะ สวัสดีค่ะ โสมจำได้ค่ะ คุณปุ๋มรอในห้องประชุมซักครู่นะคะ เดี๋ยวโสมตามเพียงฟ้านิดนึง ยังไม่มาสงสัยน่าจะรถติดค่ะ”
“คงไม่เลทเยอะนะคะ พอดีพี่มีงานต่อ”
แสงโสมยิ้มอ่อนให้ ก่อนจะเปิดประตูให้ลูกค้าเข้าไปรอในห้องประชุม พอลูกค้ากับเออีเข้าไปแล้ว
แสงโสมรีบกดโทรศัพท์โทร.หาเพียงฟ้าทันที แต่พอโทร.ติดก็กลายเป็นตัดสายไป
“โอ๊ย ตัดสายฉันเหรอ อีนังนี่นี่นะ สร้างแต่เรื่อง”
แสงโสมหันรีหันขวาง จนเห็นลั้นลาเดินเข้ามาก็ปราดเข้าไปใส่ลั้นลาทันที
“ลั้นลา โทร.ตามเพียงฟ้าให้ฉันหน่อยซิ ฉันโทร.ไปแล้วมันตัดสาย นี่ลูกค้าเค้ามารอคุยต่อสัญญาอยู่เนี่ย”
“อ้าว แล้วเมื่อเช้าไม่ได้ออกมาด้วยกันเหรอคะ”
“ใครจะไปรู้ว่ามันจะไม่มีความรับผิดชอบขนาดนี้ล่ะ ถ้างานนี้เค้าไม่ต่อสัญญามัน แกก็จะโดนหางเลขไปด้วยนะ”
“ว้ายตาย งั้นเดี๋ยวลั้นลารีบหาทางติดต่อให้ค่ะ”
ลั้นลารีบเดินออกไปกดโทรศัพท์ทันที แสงโสมยืนหงุดหงิดอยู่ตรงนั้น
ปอแก้วเดินเข้ามา เตรียมตัวไปซ้อมเต้น เห็นแสงโสมยืนหน้าเคร่งอยู่เลยเข้าไปทัก
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”
“ยัยเพียงฟ้าทำงามหน้าอีกแล้วน่ะสิคะ นัดลูกค้ามาต่อสัญญาพรีเซ็นเตอร์ แต่มันยังไม่ยอมมา น้าติดต่อไปก็ไม่ได้”
ปอแก้วรู้เข้าก็พลอยกังวลไปด้วย เออีโผล่หน้าออกมาจากห้องประชุม ลูกค้าเดินตามมาด้วย
“เพียงฟ้ามาหรือยังคะเนี่ย”
“กำลังตามอยู่ค่ะ” แสงโสมยิ้มแหยๆ
ปอแก้วรีบขอโทษลูกค้า “คุณปุ๋ม แก้วต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ต้องให้ทางคุณปุ๋มมารอ”
“อุ้ย คุณปอแก้ว สวัสดีค่ะ ยุ้ยได้ดูคลิปที่คุณปอแก้วร้องเพลงแล้ว เพราะมากเลยนะคะ” เออีฉอเลาะ
“คุณปอแก้วร้องเพลง ร้องเพลงอะไรเหรอคะ” ลูกค้างง
แสงโสมอธิบาย “คือตอนนี้ปอแก้วเค้าเป็นศิลปินใหม่ของบูรพาซาวด์น่ะค่ะ”
ลูกค้าสนใจขึ้นมา “เหรอคะ งั้นขอพี่ลองฟังเพลงที่ปอแก้วร้องหน่อยได้ไหม”
“ได้ค่ะได้ เดี๋ยวโสมเปิดคลิปเอ็มวี ให้ดูค่ะ”
แสงโสมดีด๊า กุลีกุจอเข้าไปในห้องประชุมทันที
ด้านเพียงฟ้าเดินงัวเงียเข้ามาที่ตึก เจอลั้นลาที่ดักรออยู่ ลั้นลารีบเข้าไปลากตัวมาทันที
“โอ้ยตาย เจ๊โทร.หาเป็นสิบล้านรอบ ทำไมไม่เปิดมือถือฮะ นี่ลูกค้าเค้ามารอต่อสัญญาอยู่เนี่ย”
เพียงฟ้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเปิดมือถือพลางบ่นไปด้วย “ก็นัดซะเช้าขนาดนี้ ใครมันจะไปตื่นไหวล่ะ บ้าหรือเปล่า นัด 9 โมง ต้องตื่นขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ตี 5 น่ะถ้าจะไม่ให้สาย รอนิดรอหน่อยไม่เป็นไรหรอก”
เพียงฟ้ากดโทรศัพท์ให้เปิดไปก็หาวไป ลั้นลาเห็นสภาพเพียงฟ้าก็ทนไม่ไหว ตรงเข้าไปเอามือตบๆๆ แก้มเพียงฟ้ารัวๆๆ เรียกสติ
“ยังจะมาหาวอยู่อีก ตื่นๆๆๆ ค่ะตื่นๆๆ”
“โอ๊ย อีเจ๊ นี่ตบปลุกให้ตื่นหรือจะตบให้ฉันตายกันแน่”
“ถ้าแกไม่ตื่นเราก็ตายทั้งคู่ ไปๆ ไปได้แล้ว”
ลั้นลาลากเพียงฟ้าจะเข้าไปในบริษัท เจอกับปอแก้วที่สวนออกมาพอดี เพียงฟ้าแขวะทันที
“อุ๊ย คุณปอแก้ว สวัสดีค่ะ ไม่ยักรู้ว่าวันนี้เข้าบริษัท ไม่งั้นฟ้าจะขอติดรถมาด้วย อยู่บ้านเดียวกัน มาด้วยกัน ประหยัดน้ำมันดีนะคะ”
ปอแก้วไม่อยากตอบโต้ “เธอรีบเข้าห้องประชุมไปได้แล้ว ทุกคนเค้ารอเธออยู่”
“ก็ให้รอไปสิคะ ปล่อยให้รอกันซะบ้าง จะได้รู้ว่าเรามีค่า ยังไงเค้าก็ต้องง้อให้ฟ้าเซ็นต์สัญญาต่ออยู่ดี เพราะไม่มีใครเหมาะจะเป็นพรีเซนเตอร์เท่าฟ้าหรอกค่ะ”
“ตามใจเธอก็แล้วกัน ฉันรีบไปซ้อมเพลงต่อดีกว่า ไม่ได้เก่งแบบเธอซะด้วย”
ปอแก้วเดินออกไป เพียงฟ้ายักไหล่ไม่แคร์
ลูกค้านั่งมองนาฬิกาที่ข้อมือ ก่อนจะหันไปถามแสงโสม
“ยังติดต่อเพียงฟ้าไม่ได้อีกเหรอคะ”
แสงโสมยิ้มเจื่อนสุดๆ “เดี๋ยวโสมจะพยายาม...”
แสงโสมยังพูดไม่ทันจบ ลั้นลาก็พาเพียงฟ้าเปิดประตูผลัวะเข้ามา
“เพียงฟ้ามาแล้วค่า”
เพียงฟ้าปั้นยิ้มไหว้ทุกคน “สวัสดีค่ะ ขอโทษทีนะคะ รถมันติ๊ดติดจริงๆ ขนาดฟ้ากะเวลาเผื่อแล้วนะคะเนี่ย ตอนแรกว่าจะแวะร้านขนมเจ้าประจำ ซื้อขนมมาฝากพี่ปุ๋มซักหน่อย แต่มันหาที่จอดไม่ได้ก็เลย...”
แสงโสมตัดบท “เอาล่ะๆ เข้าเรื่องเลยดีกว่านะคะ เสียเวลากันมามากแล้ว”
เพียงฟ้าหน้าตึงที่โดนแสงโสมขัดคอ วางกระเป๋าลงอย่างกระแทกกระทั้น เลยพลาดทำกระเป๋าตกจนของในกระเป๋ากระจายออกมา เห็นมือถือเพียงฟ้ากระเด็นออกมาด้วย
“เอ๊ะ นั่นมือถือคุณเพียงฟ้าเหรอคะ ทำไมถึงไม่ใช้ของๆ เราละคะ”
“อุ๊ย เอ่อ อันนี้เป็นเครื่องสำรองน่ะค่ะ พอดีมือถือมันตกน้ำ มันก็เลยเสีย”
“แต่มือถือของเรา จุดเด่นคือเรื่องกันน้ำนะคะ” ลูกค้าย้อน
“ก็...เอ่อ...ฟ้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็มันเสียอ่ะค่ะ”
“คุณเพียงฟ้าส่งไปซ่อมที่ไหนคะ เดี๋ยวเอามาให้ทางเราดูก็ได้” เออีถามดีๆ
“คือ...คือ...”
“หรือจะเอาเครื่องใหม่ไปใช้” ลูกค้าบอก
เพียงฟ้าหลุดปาก “ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้าถนัดเครื่องนี้มากกว่า”
ลูกค้าหน้าตึงขึ้นมาทันที เพียงฟ้าเองก็พึ่งรู้ตัวว่าหลุดปากไป ยิ้มแหยๆ แสงโสมหันมองเพียงฟ้าตาเขียวก่อนจะรีบหันมาขอโทษลูกค้า
“ขอโทษคุณปุ๋มด้วยจริงๆ นะคะ แล้วโสมจะกำชับเพียงฟ้าให้มากกว่านี้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ปุ๋มคิดว่า เราไม่ต่อสัญญากับคุณเพียงฟ้าแล้วน่าจะดีกว่าค่ะ”
เพียงฟ้าตกใจ “อะไรนะคะ ไม่ต่อสัญญาเหรอคะ”
“เราไม่อยากบังคับให้คุณเพียงฟ้าใช้อะไรที่ไม่ถนัดน่ะค่ะ” ลูกค้ายิ้มเยือกเย็น
เพียงฟ้าอึ้งช็อกไปเลย
อภิวัชกำลังดูปลายอ้อลองชุดเซ็กซี่สำหรับใส่ถ่ายเอ็มวีอยู่ ปลายอ้อเดินเข้ามาโพสตรงหน้าอภิวัช สะบัดผ้าไปมาเหมือนจะอ่อยนิดๆ อภิวัชมองอึ้งๆ
“คุณวัชว่าไงคะ”
อภิวัชไม่ได้ยินเพราะมัวแต่มองปลายอ้อ
“คุณวัช เป็นไงบ้างคะ”
“อ๋อ...เออ....สวยครับ สวยมาก”
ปลายอ้อลอบยิ้มที่เห็นว่าอภิวัชดูสนใจตนเอง
เจนนี่รีบเข้ามาหา เปิดปากเม้าท์ทันที
“มีข่าวมาเม้าท์จ้ามีข่าวมาเมาท์” พอเห็นปลายอ้อชัดๆ ก็อดทึ่งไม่ได้ “โอ้โหไอ้อ้อ ชุดนี้นี่มันเอ็กซ์เซ็กส์แตกไปเลย”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่เจนนี่...ไหน เมื่อกี้ว่ามีข่าวอะไรจะเม้าท์เหรอ”
“ฉันรู้มาว่า ยัยเพียงฟ้าหลุดพรีเซนเตอร์มือถือ เพราะโป๊ะแตกให้ลูกค้าเห็นว่าใช้มือถือยี่ห้ออื่นจ้ะ คราวนี้แหละแกเอ๊ย ยัยเพียงฟ้าได้ตกกระป๋องของจริงแน่ๆ เพราะเสี่ยบูรพาก็ท่าทางจะนอนป่วยอีกนาน ไม่มีแรงไม่มีกำลังจะคุ้มกะลาหัวได้ แถมยังมีดาวรุ่งขึ้นมาแข่งรัศมีตั้งสองคน ทั้งแก ทั้งปอแก้ว”
ปลายอ้อชะงักไปที่ได้ยินชื่อปอแก้ว เจนนี่นึกได้รีบปิดปาก
“อุ่ย...พี่ขอโทษ”
ปลายอ้อยิ้มให้
“อ้อยังไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย เพียงฟ้าหลุดพรีเซ็นเตอร์แบบนี้ก็เข้าทางเราแล้วนะคะ คุณวัชลองไปคุยกับลูกค้าเค้าดูไหม เพื่อลูกค้าเค้าจะสนใจทางเราบ้าง”
อภิวัชฟังที่ปลายอ้อพูด ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ที่บูรพาซาวด์เวลาเดียวกันนั้น ปอแก้วตกใจมากเมื่อได้ฟังแสงโสมพูดจบ
“อะไรนะคะ ลูกค้าจะจ้างแก้วเป็นพรีเซ็นเตอร์แทนเพียงฟ้าเหรอคะ”
“ใช่ เค้าบอกมาว่าอยากได้ความสดใหม่ ซึ่งหนูแก้วก็ตอบโจทย์นี้พอดี”
“แต่...แบบนี้เหมือนกับแก้วไปแย่งงานเพียงฟ้าเค้าหรือเปล่า”
“ไม่หรอกจ้ะ เพราะเพียงฟ้านั่นแหละ ทั้งมาสาย ทั้งไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ของลูกค้า ภาพลักษณ์ก็เริ่มไม่ไหวแล้ว...ทำตัวเองทั้งนั้น”
ปอแก้วยังมีสีหน้าลำบากใจอยู่
“หนูแก้วรับงานนี้เถอะ ดีกว่าปฏิเสธแล้วมันต้องตกไปอยู่ในมือของคนอื่น โดยเฉพาะค่ายอาร์ทิสต้านะ”
“แล้วเพียงฟ้าเค้ารู้เรื่องนี้หรือยังคะ”
แสงโสมทำหน้าพะอืดพะอม เพราะยังไม่ได้บอกเพียงฟ้าเหมือนกัน
ปลายอ้อนั่งกินข้าวอยู่กับอภิวัชในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“ผมว่า...ไอ้เรื่องพรีเซนเตอร์มือถือน่ะ ต่อให้เพียงฟ้าไม่ได้ต่อสัญญา แต่ทางบูรพาซาวด์ก็ต้องพยายามยื้อไว้แน่ๆ ดีไม่ดี อาจจะเสนอปอแก้วให้เป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ก็ได้”
ปลายอ้อหงุดหงิดขึ้นมาเลย “งั้นเรายิ่งต้องพยายามหาทางเรียกร้องความสนใจจากลูกค้า ให้มาสนใจเรานะคะ”
“ถึงจะไม่ได้สินค้าตัวนี้ ก็ยังมีตัวอื่นในตลาดให้เล่นอีกตั้งเยอะ เราตั้งหน้าตั้งตาสร้างผลงานไป ถ้าเรามีชื่อเสียง มีกระแสมากพอ ยังไงก็ต้องมีสินค้าตัวอื่นติดต่อเข้ามา อาจจะเป็นสินค้าที่ดีกว่ามือถือก็ได้”
ปลายอ้อฟังแล้วก็ครุ่นคิดหาวิธีสร้างกระแสให้ตัวเอง อภิวัชเห็นแล้วก็เอื้อมมือมากุมมือปลายอ้อเพื่อจะให้กำลังใจ
“คุณไม่ต้องกังวลหรอก ผมเชื่อว่าคุณทำได้อยู่แล้ว”
ปลายอ้อชะงักเขินที่อภิวัชกุมมือ
ระหว่างนั้นเอง พรทิพย์เดินเข้ามาในร้าน เห็นอภิวัชนั่งคุยกับปลายอ้อสนิทสนมก็ชะงัก เพราะเป็นจังหวะที่อภิวัชกุมมือปลายอ้อพูดปลอบใจพอดี
พรทิพย์หน้าชา สงสารลูก และผิดหวังในตัวอภิวัชที่คิดว่าจะมั่นคงกับปอแก้ว แต่ก็ตอนนี้คงเปลี่ยนใจไปหาปลายอ้อแล้วจริงๆ พรทิพย์กำลังจะหันหลังเดินออก แต่ปลายอ้อตาไวกว่าหันไปเห็นพรทิพย์พอดี
“เอ๊ะ นั่นคุณพรทิพย์นี่คะ” ปลายอ้อแกล้งลุกขึ้นร้องทัก “คุณพรทิพย์คะ”
อภิวัชรีบปล่อยมือจากปลายอ้อทันที เห็นพรทิพย์หันมาตามเสียงเรียกของปลายอ้อ
ปลายอ้อยกมือไหว้ ปั้นหน้ายิ้ม “สวัสดีค่ะ”
อภิวัชยกมือไหว้ด้วย เก้อๆ นิดๆ “สวัสดีครับ มาทานข้าวเหรอครับ”
พรทิพย์มึนตึง “ค่ะ ตอนแรกก็ว่าจะมาหาอะไรทาน แต่บรรยากาศมันไม่ค่อยดี ก็เลยคิดว่าเปลี่ยนร้านดีกว่า ขอตัวนะคะ”
พรทิพย์เดินออกไปทันที อภิวัชรู้สึกแย่ เพราะรู้ว่าทำให้พรทิพย์เสียความรู้สึก
ปลายอ้อมองอาการอภิวัช อ่านออกว่าเขารู้สึกไม่ดี รีบถือโอกาสใส่ไฟ
“คุณวัชไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ คุณพรทิพย์เค้าไม่คิดอะไรหรอก เพราะตอนนี้ปอแก้วเค้าก็สนิทสนมกับคุณกฤตจะตายไป”
“เหรอครับ”
“ค่ะ นี่อ้อยังไม่ได้เล่าเรื่องที่เค้าไปออกกำลังกาย เป็นเทรนเนอร์อะไรต่ออะไรให้กันให้คุณวัชฟังเหรอคะ”
อภิวัชหน้าเครียดขึ้นมาเลย ปลายอ้อลอบยิ้มสมใจที่ทำให้อภิวัชรู้สึกแย่กับปอแก้วได้อีก
เกวลีกำลังขายยำแหนมอยู่ แต่ก็เป็นช่วงที่ลูกค้าซาลงแล้ว บุญทิ้งนั่งอยู่ที่ร้านด้วย
“ฉันแต่งเพลงใหม่มาได้หน่อยนึง ลีลองฟังดูหน่อยนะว่าเพราะหรือเปล่า”
เกวลีพยักหน้า แล้วทำท่าตั้งใจฟัง บุญทิ้งเริ่มเล่นกีตาร์ไปได้หน่อยนึง
“โอ้โห เพราะมาก”
“ยัง แหม....มุขแบบนี้ไม่มีใครเค้าเล่นกันแล้วนะลี”
เกวลียิ้มขำ “ก็จะได้ไม่ตื่นเต้นไง อ่ะ ไม่ขัดละ”
บุญทิ้งเริ่มเล่นกีตาร์ใหม่ แล้วร้องเพลงที่เพิ่งแต่งไปได้ครึ่งเพลงให้เกวลีฟัง เป็นเพลงช้า เศร้าซึ้ง อกหักรักคุด
เกวลีตั้งใจฟัง แล้วบุญทิ้งก็หยุดร้องไปดื้อๆ
“จบแล้วเหรอ”
“เพิ่งแต่งมาได้แค่นี้อ่ะ เป็นไง”
“เพราะดีนะ แต่ว่าทำไมแต่งเนื้อเพลงซะเศร้าเชียว”
“ก็...” บุญทิ้งอ้อมแอ้มตอบไป “แต่งไปตามทำนองน่ะ ฟีลมันมาเอง...ถ้าฉันแต่งเพลงนี้จบแล้วขายได้นะ ฉันจะบอกกับคุณอภิวัชให้เรียกลีเข้าไปเทสต์เสียง”
เกวลียิ้มขำ “ขายให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาชวนฉันแล้วกัน”
“ต้องได้สิ แต่ต้องแต่งให้จบเพลงแค่นั้นแหละ ถ้าได้เงินค่าขายเพลงมานะ ฉันจะแบ่งให้ลีเอาเงินไปรักษาพ่อให้หาย ลีจะได้เลิกขายแหนมมาเป็นนักร้องเต็มตัวซะที”
เกวลีซึ้งใจ “ทำไมบุญทิ้งถึงดีกับฉันขนาดนี้”
“ก็....”
บุญทิ้งอึกอักอ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้น ไม่ทันจะตอบ โอมเข้ามาขัดจังหวะพอดี
“มาแล้วๆ โทษทีนะลี วันนี้พี่ต้องเคลียร์งานเยอะ เลยเลิกช้าไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรจ้ะ วันนี้ลีมีคนมาช่วย” เกวลีแนะนำ “นี่บุญทิ้ง เพื่อนลีสมัยที่ลีอยู่บูรพาซาวด์”
“สวัสดีครับ”
“ครับ”
โอมหันมาคุยกับเกวลีต่อ “เป็นไงวันนี้ขายได้เยอะมั้ย”
“ก็เรื่อยๆ อ่ะพี่”
บุญทิ้งแอบมองโอมกับเกวลีคุยกันอย่างสนิทสนม รู้สึกตัวว่าเป็นส่วนเกิน จึงหยิบกีตาร์แล้วเดินออกมาเงียบๆ
“ตัดใจซะเถอะวะไอ้ทิ้งเอ๊ย”
บุญทิ้งหยุดนั่งที่ม้านั่งมุมหนึ่ง เอากีตาร์ขึ้นมาเกาเล่นๆ เกิดเป็นเพลงต่อไปได้อีก 2-3 ท่อน บุญทิ้งรีบจดบันทึกไว้
ฝั่งอัปสรอยู่ที่บ้านคนเดียว กำลังรื้อเสื้อผ้าเก่าๆของปลายอ้อออกมา แล้วตัดบางชิ้นออกมาวางเรียงๆ กัน ก่อนจะหันไปมองที่รูปของเผ่าพงศ์
“ฉันว่าจะตัดชุดไว้ให้อ้อใส่ขึ้นคอนเสิร์ต พี่เผ่าว่าดีไหม ต่อไปลูกเราก็จะกลายเป็นนักร้องดังแล้วนะพี่...ดังเหมือนพี่ไง...ฉันอยากให้พี่ได้อยู่เห็นความสำเร็จของลูกของเราตอนนี้จังเลย”
อัปสรพูดแล้วก็น้ำตารื้นๆ ขึ้นมาแล้ว จนได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าบ้าน อัปสรชะโงกหน้ามองไม่รู้ว่ารถใคร
“รถใครน่ะ”
อัปสรลุกเดินออกไปดูที่หน้าบ้าน
อัปสรเดินออกมาที่หน้าบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่พรทิพย์ลงจากรถเดินมาพอดี อัปสรชะงักกึก มองหน้าพรทิพย์ด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
“อัปสร ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ”
อ่านต่อตอนที่ 21