เจาะลึกงานสร้าง 47 METERS DOWN: UNCAGED
ชื่อเรื่อง : 47 Meters Down: Uncaged
ชื่อไทย : 47 ดิ่งลึกสุดนรก
ประเภท : Thriller
กำหนดฉาย : 29 สิงหาคม 2019
บริษัทจัดจำหน่าย : โมโนฟิล์ม
ผู้อำนวยการสร้าง : ไบรอน อัลเลน (47 Meters Down, Replicas)
ควบคุมงานสร้าง : เจมส์ แฮริส (47 Meters Down), มาร์ค เลน (47 Meters Down, The Strangers: Prey at Night)
กำกับ : โยฮันเนส โรเบิร์ตส์ (47 Meters Down, The Strangers: Prey at Night)
แสดงนำ : โซฟี เนลลิส (The Book Thief), คอรีนน์ ฟ็อกซ์, ซิสทีน สตอลโลน, จอห์น คอร์เบตต์ (My Big Fat Greek Wedding, Serendipity)
เรื่องย่อ : ด้วยการพยายามเสาะหาความเร้าใจในการผจญภัย 4 วัยรุ่นสาวอย่าง มีอา (โซฟี เนลลิส) ซาช่า (คอรีนน์ ฟ็อกซ์) นิโคล (ซิสทีน สตอลโลน) และ อเลกซ่า (บรีแอน ทจู) ตัดสินใจไปดำน้ำในทะเลสาบแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นปากทางเข้าไปยังเมืองที่สาบสูญแห่งอารยธรรมมายันโบราณซึ่งจมอยู่ใต้บาดาล ที่แห่งนี้เพิ่งถูกค้นพบได้ไม่นานและกำลังถูกร่างแปลนถ้ำขึ้นมา เมื่อทั้งสี่ตัดสินใจเข้าไป เหตุร้ายได้เกิดขึ้นเมื่อปากถ้ำถล่มลงมาอย่างกระทันหัน ทำให้พวกเธอติดอยู่ในถ้ำที่มีเส้นทางดั่งเขาวงกต พวกเธอต้องเร่งหาทางออกก่อนที่ออกซิเจนในถังจะหมดลง ความน่ากลัวเริ่มทวีคูณขึ้นไปอีกเมื่อพวกเธอกำลังจะได้เรียนรู้ว่าถ้ำแห่งนี้เป็นถิ่นอาศัยของฉลามขาวยักษ์ที่หิวโหย
เรื่องราวงานสร้าง
ฤดูร้อนปี 2017 ภาพยนตร์ที่สร้างแรงกดดันในพื้นที่แคบ มีฉลามขาวยักษ์ ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด จากภาพยนตร์เรื่อง 47 Meters Down ที่มีนักแสดงอย่าง แคลร์ โฮลท์ และ แมนดี้ มัวร์ แสดงเป็นพี่น้องกัน ทั้งสองได้ถูกเชิญชวนให้ไปดำน้ำในกรงขัง ในขณะที่กำลังพักร้อนอยู่ที่ทะเลในเม็กซิโก และเมื่อเกิดเหตุการณ์ตะขอที่รั้งกรงไว้ได้ขาดลง ทำให้กรงที่ขังพวกเธอไว้ตกลงไปสู่พื้นทะเล ใต้ความลึก 47 เมตร ออกซิเจนที่กำลังลดลงเรื่อยๆ และฉลามขาวที่ล้อมทั้งคู่ไว้
ภาพยนตร์ระทึกขวัญ แนวผจญภัย ประสบความสำเร็จอย่างสูง จากทุนสร้างเพียงแค่ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่กลับสามารถทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 62 ล้าน และได้กลายเป็นภาพยนตร์อิสระที่ประสบความสำเร็จที่สุดในปีนั้น แต่ก่อนที่จะเกิดความสำเร็จนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถูกวางไว้เป็นการฉายทาง VOD ในช่วงเดือนสิงหาคมในปี 2016 เพียงเท่านั้น แต่แล้วภาพยนตร์ก็ถูกซื้อไปโดยบริษัท Entertainment Studio ในนาทีสุดท้าย ทำให้แผนเดิมล่มไป แต่อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เรื่อง In the Deep ชื่อเก่าที่ตั้งขึ้นโดย Dimension Films (ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น 47 Meters Down) ได้ถูกผลิตเป็น DVD และส่งกระจายไปให้ร้านค้าปลีกต่างๆ เรียบร้อยแล้ว แม้จะมีการเรียกคืน DVD แต่ก็มีการขายไปบ้างแล้ว อีกทั้งมันยังหลุดไปสู่ช่องทางออนไลน์เถื่อน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อ 47 Meters Down ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์กลับสามารถทำรายได้ถล่มทลายไปทั่วโลก
“เราคิดว่าหนังของเราไม่มีทางประสบความสำเร็จได้แล้ว” ผู้กำกับอย่าง โยฮันเนส โรเบิร์ตส์ กล่าว “แต่เมื่อมันได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์จริงๆ ผู้คนต่างออกจากบ้านเพื่อมาดูในโรง กลายเป็นเรื่องที่เซอร์ไพร้ส์เราอย่างมาก”
“ผู้ชมมีความต้องการชมภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับฉลามดีๆ สักเรื่อง” ไบรอน อัลเลน ผู้ก่อตั้งบริษัท Entertainment Studios กล่าว อัลเลนได้ขยายธุรกิจสู่งานภาพยนตร์ในปี 2016 เพื่องานในด้านการจัดจำหน่ายภาพยนตร์ และ ซื้อสิทธ์ของภาพยนตร์จากอเมริกา โดยเรื่อง 47 Meters Down คือเรื่องแรกที่พวกเขาซื้อเข้ามา “ผมตื่นเต้นกับภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับฉลามเสมอและผมรู้ว่าคนดูก็ตั้งตารอหาหนังฉลามเช่นกัน” อัลเลนกล่าวถึงการตัดสินใจซื้อภาพยนตร์ในครั้งนั้น “เราได้พบกับภาพยนตร์ที่แข็งแกร่งมากของโยฮันเนส และมันก็ส่งผลดีต่อเรามาก”
ภาพยนตร์เรื่อง 47 Meters Down นั้นได้ถ่ายทำในถังน้ำขนาดยักษ์ในบาซิลดอน โดยฉากภายนอก พวกเขาเลือกที่จะไปถ่ายทำกันที่ โดมินิกัน รีพับลิก บริษัทผู้ผลิตเป็นโปรดักชั่นเฮ้าส์ในอังกฤษชื่อว่า Tea Shop Productions โปรดิวเซอร์อย่าง มาร์ค เลน ยอมรับว่าความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ
“มันเป็นความประหลาดใจในทางที่ดี เราไม่ค่อยได้ยินบ่อยว่าหนังอังกฤษขนาดเล็กๆ จะสามารถทำรายได้ดีในตลาดอเมริกัน มันเหนือความคาดหมาย เรารู้ว่า 47 Meters Down ถ้าให้แย่ที่สุดคือมันก็จะเป็นหนังโฮมวีดีโอที่ดีเรื่องนึงเมื่อคุณนอนดูที่บ้าน แต่สุดท้ายดูผลลัพธ์มันสิ มันกลายเป็นหนังฉายโรงภาพยนตร์ที่ได้ผลตอบรับที่ดีมากๆ” มาร์ค เลน กล่าว
ทุ่มสุดตัวหรือยอมแพ้กลับบ้าน จากความสำเร็จของ 47 Meters Down ทำให้ภาคต่อของภาพยนตร์ได้รับไฟเขียวทันที และทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ในภาคแรกนั้นจะกลับมาทำหน้าที่ของตนเองอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Entertainment Studios Motion Pictures โปรดิวเซอร์ แฮริส และ เลน ผู้กำกับภาพยนตร์ โยฮันเนส โรเบิร์ตส์ และผู้เขียนบทภาพยนตร์ร่วมอย่าง เออร์เนส ริเอร่า
เลน กล่าวว่า “มันเป็นการเล่าเรื่องในแนวทางใหม่ มุมมองใหม่ๆ 47 Meters Down:Uncaged จะเป็นมิติใหม่ของการดำน้ำในถ้ำ ซึ่งเป็นความท้าทายครั้งใหม่ที่ผมคิดว่าไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน”
โปรดิวเซอร์ เจมส์ แฮร์ริส บอกว่านี่เป็นเรื่องธรรมดามากในเรื่องของความต้องการและสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ “ครั้งแรกที่เขาสร้างภาคแรกจบและได้ทำการเทสรอบแรกกับคนดู เรารู้เลยว่าหนังเรื่องนี้มีโอกาสไปได้ไกลมาก” “ไบรอน แห่ง Entertainment Studios มองว่าหนังเรื่องนี้สำคัญและเขาจะทุ่มกับมันให้ถึงที่สุด จนในที่สุด เราก็มีความหวังว่ามันอาจทำได้ดีในบ็อกซ์ออฟฟิศ และ เราอาจมีโอกาสได้ทำภาคต่อก็เป็นได้”
อัลเลนไม่ได้มองแค่ว่าจะได้ทำภาคต่อเท่านั้น แต่เขามองถึงการอัพสเกลของหนัง เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของคนดูในประสบการณ์การลงไปดำน้ำในครั้งที่สอง
“ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นการพาดำดิ่งที่สุดระทึก” อัลเลน กล่าว “มันใหญ่กว่าเดิมมาก มีฉากแอ็คชั่นที่จัดเต็ม และมีความแปลกแตกต่าง เรื่องราวของกลุ่มสาววัยรุ่นที่ลงไปดำน้ำในถ้ำ และต้องไปพบเจอกับฉลามที่อยู่ในนั้น มันน่าสนใจมากว่า พวกเธอจะมีชีวิตจากการดำน้ำในถ้ำอย่างไร ความรู้ วิธีการดำน้ำ ความแตกต่างในการดำน้ำทะเลและ ในถ้ำ ขีดจำกัดและกฎเกณฑ์มันแตกต่างกันมากจริงๆ”
อันที่จริงแล้ว อัลเลน มั่นใจมากว่าเขามีสิ่งพิเศษอยู่ในมือ เขาวางแผนที่จะเข้าฉาย 47 Meters Down: Uncaged ที่อเมริกาอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงซัมเมอร์ปีนี้ “เราเล็งไว้ที่ 3500 จอฉายเป็นอย่างต่ำ”
สำหรับผู้กำกับอย่าง โยฮันเนส โรเบิร์ตส์ เขารู้ตัวดีว่าหนังของเขาจะต้องมีภาคต่ออย่างแน่นอน “ผมฝึกตัวเองให้เป็นนักดำน้ำในถ้ำทุกสุดสัปดาห์ เพราะผมรู้ดีว่าตัวเองอยากทำหนังเกี่ยวกับการดำน้ำในถ้ำ” เขากล่าว “47 Meters Down: Uncaged มันต่างจากภาคแรกมาก สาวสี่คนนี้สองคนเป็นพี่น้องต่างพ่อ และ อีกสองคนเป็นเพื่อน พวกเขาอาศัยวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยการไปทะเลสาบในเม็กซิโก พ่อของหนึ่งในสาวเป็นนักธรณีวิทยาที่กำลังศึกษาเมืองใต้น้ำ และกำลังวางแผนผังของถ้ำอย่างละเอียด สาวทั้งสี่รู้วิธีการดำน้ำเป็นอย่างดี พวกเธอต้องการเพียงแค่เข้าไปดูปากถ้ำเท่านั้น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเพราะปากถ้ำได้เกิดถล่มลงมา พวกเธอจึงติดอยู่ในนั้น และยิ่งไปกว่านั้น มันมีฉลามที่หิวโหยรอกระชากชีวิตของพวกเธอ ลองจินตนาการดูสิ ทั้งพื้นที่แคบอึดอัดอยู่แล้ว แต่ยังมีมัจจุราชคอยขย้ำคุณอีก
เกี่ยวกับการคัดเลือกนักแสดง
ในขณะที่บางคนอาจพูดว่านักแสดงหลักมันไม่สำคัญเท่ากับพระเอกของเรื่องอย่างตัวฉลามอยู่แล้ว แต่ทีมงานทุกคนต่างรู้ดีว่าถ้าหากผู้ชมไม่ผูกพันกับตัวละคร พวกเขาจะไม่มีอารมณ์ร่วมกับภาพยนตร์ การที่ภาพยนตร์จะกลายเป็นหนังลุ้นระทึกได้นั้น ผู้ชมต้องรู้สึกผูกพันกับตัวละคร เพื่อที่จะเอาใจช่วย ดังนั้นการคัดเลือกนักแสดงที่ตรงใจคนดูจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
“การคัดเรื่องนักแสดงเป็นเรื่องของความร่วมมือกัน” อัลเลน กล่าว “เราทั้งหมดร่วมงานกันเป็นทีม และผมเชื่อว่าทุกคนดีใจกับผลลัพธ์ที่ได้ เราได้ทำการแนะนำนักแสดงระดับซุปตาร์ในยุคหน้าเรียบร้อยแล้ว” แฮร์ริส กล่าว “ทุกคนเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมมาก” เขาพยายามที่จะนึกถึงใจคนดูก่อนที่จะส่งฉลามขาวลงมาในหนัง
โยฮันเนส กล่าวว่า “ผมเริ่มไอเดียจากการที่สาวๆ อยู่ในถ้ำ แต่ผมยังไม่รู้สึกถึงอารมณ์ร่วม” เขาอธิบายด้วยความกังวลว่าเขาต้องลงแรงเพิ่มมากขึ้นในการสร้างตัวละครที่น่าสนใจเข้าไปในหนัง มันต้องมีทั้งความสัมพันธ์ที่ขับเคลื่อนเรื่องราว และ ปัญหาในชีวิตต่างๆ ที่มาเพิ่มความขับเคลื่อน “มันกลายมาเป็นหนังอย่าง Mean Girls ที่มีฉลามเข้ามาเกี่ยวข้อง มันมีอารมณ์ของหนังวัยรุ่น ในหนังเรามี สองพี่น้องต่างแม่ ที่ไม่ชอบขี้หน้ากัน คนหนึ่งเป็นคนที่ถูกกลั่นแกล้งมาตลอด และมันก็มาคลี่คลายในฉากจบของภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมมาก มันเป็นบทหนังที่เอาความเป็นหนัง จอห์น ฮิวจ์ (Coming-of-age) แล้วเราก็ใส่ ฉลาม เข้าไปในนั้น”
ดังนั้นแล้ว ตัวละครทั้ง 4 ตัวได้มอบอะไรให้กับหนังเรื่องนี้บ้าง?
“โซฟี เนลลิส เพิ่งมีผลงานกับภาพยนตร์เรื่อง The Book Thief เธอเป็นนักแสดงที่มีความสามารถยอดเยี่ยมมาก” โยฮันเนส เริ่มกล่าว “คอรีนน์ ฟ็อกซ์ ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ เธอเป็นลูกสาวแท้ๆ ของ เจมี่ ฟ็อกซ์ และนี่เป็นผลงานการแสดงครั้งแรกของเธอ เธอค่อนข้างจริงจังกับการแสดง เธอสวยและมีความสามารถสูงมาก”
“สำหรับ บรีแอน ทจู เคยผ่านงานโทรทัศน์เรื่อง Light as a Feather ที่โด่งดังมาก เธอมีความสามารถสูง เมื่อใดก็ตามที่กล้องหันไปหาเธอ เธอนั้นสามารถตรึงสายตาคนดูไปที่เธอได้อย่างไม่ยากเย็น และคนสุดท้ายที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ซิสทีน สตอลโลน ที่ยังไม่เคยแสดงจากภาพยนตร์เรื่องไหนเลย แต่เธอเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมาก เธอเป็นลูกของซิลเวสเตอร์ สตอลโลน และเธอมีพลังงานที่ยอดเยี่ยมมาก เธอมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบ และเมื่อทั้งสี่คนอยู่ใต้น้ำ พวกเธอนั้นจัดระเบียบร่างกายได้อย่างยอดเยี่ยม”
“สิ่งที่ยากที่สุดที่เราต้องพบเจอในทุกวันคือความเหน็ดเหนื่อย” สตอลโลนกล่าว ในบทของนิโคล เธอเป็นคนที่ไร้ความกลัว เป็นคนกระตุ้นให้ทุกคนอยากออกไปผจญภัย จนกระทั่งเธอต้องพบกับความกลัวที่แท้จริง
“คุณต้องอยู่ในน้ำ 40 นาที แต่มันกลับรู้สึกเหมือน 2 ชั่วโมง เราต้องกรีดร้อง และ ใช้ออกซิเจนอย่างรวดเร็ว ตอนที่คุณอยู่ในน้ำ มันมีความรู้สึกตื่นเต้นตลอดเวลาเพราะอะดรีนาลีนมันหลั่งตลอด แต่เมื่อคุณขึ้นจากน้ำ คุณจะรู้สึกเหมือนกับถูกรถบรรทุกชนเลยล่ะ”
“เราไม่มีความสบายเลย (จากการอยู่ใต้น้ำและใส่ชุดดำน้ำ) ดังนั้นเราแทบจะไม่ได้โชว์ฝีมือการแสดงนักหรอก” ฟ็อกซ์ กล่าวติดตลก เธอรับบท ซาช่า พี่สาวต่างแม่ของมีอา “เราเหมือนเราอยู่ในโลกของตัวเองภายใต้หน้ากากดำน้ำ คุณสื่อสารกับใครเขาลำบาก หรือไม่ได้รับคำแนะนำจากใครเลย ดังนั้นคุณจึงต้องพูดกับตัวเอง ระหว่างที่ถ่ายทำหรือที่กำลังพักอยู่ คุณก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียวนั่นแหละ”
เนลลิส ผู้รับบท มีอา กล่าวถึงความยากลำบากอีกรูปแบบหนึ่งในการถ่ายทำใต้น้ำ “คุณต้องจัดการการหายใจตัวเองให้ดีระหว่างที่คนอื่นกำลังพูดอยู่ ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่ได้ยินอะไรเลย แต่สุดท้ายแล้วคุณก็จำเป็นต้องหายใจอยู่ดี นอกจากต้องรู้บทของตัวเองแล้ว เรายังต้องรู้บทของคนอื่นด้วย” มันเป็นการแสดงที่ยากเย็นมาก” การดำน้ำอยู่ในแทงค์น้ำหลายชั่วโมงต่อวัน เป็นเวลาหลายสัปดาห์ เหล่านักแสดงหญิงค้นพบวิธีทำให้พวกเธอสนุกระหว่างพักเบรก “เราพูดในน้ำไม่ได้ ดังนั้นเราจึงเขียนลงในทรายเพื่อสื่อสารกัน” เนลลิส กล่าว “และบางครั้งเราก็รวมตัวกันเพื่อมานั่งร้องไห้เพราะมันเหนื่อยมากจริงๆ”
ทจู ผู้รับบท บรีแอน เป็นเพื่อนสนิทกับนิโคล เธอเป็นผู้หญิงประเภทเสพติดอะดรีนาลีน ได้แชร์ประสบการณ์ถึงการกินอยู่ระหว่างการถ่ายทำ “สัปดาห์แรก ฉันกินกล้วยระหว่างพักเบรก เราไม่มีเวลาได้พักให้อาหารย่อยเลย เพราะเราต้องรีบลงน้ำ ฉันคิดว่าฉันจะอาเจียนออกมามั้ย ฉันต้องห้ามตัวเองไม่ให้ขย้อนออกมา หลังจากนั้นคือเราเรียนรู้ว่าจะต้องดื่มน้ำให้มาก เพราะเราต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เราออกจากแทงค์น้ำเพื่อมาทานอาหารช่วงพักเที่ยง แต่เวลาส่วนใหญ่คืออยู่ในแทงค์น้ำ เราเรียนรู้ที่จะอยู่ในนี้ได้นานๆ และสุดท้าย เราเรียนรู้ที่จะทำสมาธิในน้ำได้ ฉันยังเคยเกือบเผลอหลับในน้ำ ตั้งหลายหน”
การถ่ายทำสุดระทึก
ในเรื่อง 47 Meters Down ฉากภายนอกเราไปถ่ายทำกันที่ สาธารณรัฐโดมินิกัน ส่วนฉากใต้น้ำทั้งหมดถ่ายในแทงค์น้ำขนาดใหญ่ใน บาซิลดอน แต่สำหรับ 47 Meters Down: Uncaged เรากลับไปถ่ายที่สาธารณรัฐโดมินิกันเหมือนเดิมตั้งแต่เริ่มต้นในฉากเปิดที่สวยงามจนกระทั่งฉากจบของหนัง ที่แสดงให้เห็นถึง ท้องฟ้า แสงแดด ชายหาด และสีเขียวชอุ่มของธรรมชาติ ในขณะที่ฉากใต้น้ำทั้งหมดนั้นถ่ายทำที่สตูดิโอในสหราชอาณาจักร ใน Pinewood Studios และ บาซิลดอน
“เรามีฉากใต้น้ำทั้งในไพน์วูด และ ที่บาซิลดอน ไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อน เราได้สร้างเมืองใต้น้ำขึ้นมา และต้องหาพื้นที่ให้เพียงพอต่อฉากในสตูดิโอ”
ฉากใต้น้ำจะเป็นฉากที่ทำให้ทุกคนตื่นตา โดยเราได้โปรดักชั่นดีไซเนอร์อย่าง เดวิด ไบรอัน สร้างเมืองมายันที่ถูกจมอยู่ใต้น้ำ และทางเดินยังเป็นเหมือนเขาวงกต มีเสาโบราณขนาดใหญ่ บันไดวนที่เป็นก้อนหิน รูปปั้นหินผุๆ จุดที่สำคัญที่สุดคือบริเวณห้องโถงใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ทำพิธีกรรมของเผ่ามายันที่ใช้มนุษย์มาเป็นสิ่งบูชายัญ
ภายในเขาวงกตที่เต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์ในมุมฉาก ฉากแอ็คชั่นแห่งความระทึก ความหวาดกลัว และ ความสวยงาม ผู้ชมจะได้เห็นถึงจิตวิญญาณของหนังในภาคแรก ที่อัดแน่นไปด้วยความระทึก ความกดดัน ขีดจำกัดเรื่องเวลา แต่สำหรับ Uncaged แล้ว มันมีมากกว่านั้น
“ตัวละคร สถานการณ์ ความตื่นเต้น ทุกสิ่งได้ถูกกระตุ้นมากขึ้น ในภาคแรกเป็นเรื่องของคนสองคนในตำแหน่งๆ เดิม เราจำต้องทำแบบนั้นเพราะขีดจำกัดเรื่องของงบประมาณ แต่สำหรับ Uncaged เราคงเรียกมันว่าหลุดจากกรงขังไม่ได้ ถ้าเราไม่ได้หลุดออกจากกรอบนั้นจริงๆ เรามีงบงานสร้างที่มหาศาล เรามีโอกาสได้ทำในสิ่งที่เราอยากจะทำ เราทำในสิ่งที่เราสนใจ และเชื่อว่าคนดูต้องสนใจมันมากเช่นกัน เราอัดแน่นในดีเทลการสร้างฉากให้ตัวละครได้พบเจอและแม้กระทั่งฉลามของเราให้ได้ทดสอบกัน"
ฉลามขาวยักษ์ ที่จะมาทำให้ตัวละครของเราต้องระทึก ได้รับการจัดการจาก Outpost VFX งานด้านซีจีมาจากการใช้ฟุตเทจฉลามจริงๆ และ การใช้ฉลามจักรกลที่ถูกสร้างขึ้นมาจริงๆ (การใช้งานซีจีผสมผสานกับของจริงนั้นไม่ถูกใจ โรเบิร์ต)
“ฉันกลัวฉลามขึ้นมาจริงๆ เลย ล่ะ ฉันมองไปรอบๆ ฉาก แล้วเมื่อเห็นตัวฉลามที่ถูกสร้างขึ้นมาจริงๆ ฉันคิดว่าฉันจะถูกมันเขมือบมั้ยนะ” ฟ็อกซ์ กล่าว “ฉันรู้สึกกลัว อยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเขาสร้างฉลามที่เป็นจักรกลขึ้นมา แล้วบางครั้งพวกเขาจะเอามันไปวางไว้ในแทงค์น้ำ ที่เราจะต้องดำลงไป โดยที่เราไม่รู้ว่าเขาจะวางไว้ตรงไหนด้วยซ้ำ เราจึงต้องระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา”
บรีแอน ทจู เสริมอีกว่า “ในสัปดาห์แรก โยฮันเนส พูดว่า บรี ลงไปดูในถ้ำนั้น เราจะเริ่มถ่ายกันแล้ว เมื่อฉันมองลงไปในน้ำ ฉันเห็นหัวฉลามอยู่ในนั้น ฉันไม่เคยรู้สึกถึงความกลัวเย็นยะเยือกแบบนี้มาก่อน ฉันกรีดร้อง แล้วทุกคนก็หัวเราะเยาะฉัน”
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการถ่ายทำทั้งหมดได้จบลงแล้ว คือความกลัวในการดำน้ำ ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องหลังจากถ่ายทำจบไปแล้ว เมื่อถามพวกเธอว่าพร้อมจะกลับไปลงน้ำหรือยัง มีเพียงแค่สตอลโลนเท่านั้นที่บอกว่าแค่เอานิ้วเท้าไปจุ่มทะเลก็เก่งมากแล้ว
“ฉันจะค่อยๆ เริ่มจากอาบน้ำฝักบัว แล้วค่อยลงอ่างอาบน้ำ แล้วค่อยขยับไปลงสระว่ายน้ำ แล้วท้ายสุดถ้ารวบรวมความกล้าได้มากพอฉันก็จะไปลงทะเล” สตอลโลนกล่าว ส่วน บรีแอน พูดว่า “ฉันคงต้องพักเบรกการแช่น้ำก่อนในช่วงนี้” ฟ็อกซ์ กล่าวว่า “เวลาของฉันกับการดำน้ำ เราคงพอกันเท่านี้” ส่วนเนลลิส ส่ายหัว แววตาและสีหน้าอันซีดเผือดของเธอแสดงออกได้ชัดว่าเธอเข็ดกับการดำน้ำแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเธอจะเอาความกลัวมาเป็นอุปสรรคในการทำงาน มันคืองานที่ต้องทำและพวกเธอได้ทำให้ทุกคนประทับใจด้วยทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่ทุกคนมีทัศนคติที่ถูกต้องในการทำงาน” แฮร์ริส อธิบาย “ตารางการถ่ายทำนั้นโหดร้ายมาก 7-8 สัปดาห์ของการดำน้ำ ปีนเขา และ ดิ้นรน มันสามารถทำให้นักแสดงที่แข็งแกร่งยอมแพ้ได้ง่ายๆ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่สูงมาก การป้องกันความเสี่ยงภัยต่างๆ ทุกอย่างต้องรัดกุม มันไม่เหมือนกับการถ่ายทำให้ห้องนั่งเล่น เพราะเราต้องอยู่ลึกใต้น้ำ 6-7 เมตร ตลอดเวลา
อัลเลน ประทับใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ทุกคนทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม มันไม่ใช่การถ่ายทำที่ง่าย อันที่จริงมันยากมากๆ แล้วการที่คุณมีการถ่ายทำใต้น้ำด้วยแล้ว มันยิ่งยากขึ้นไปอีก แต่สุดท้ายเราได้หนังที่ยอดเยี่ยมมาหนึ่งเรื่อง ผู้ชมจะต้องพอใจ เพราะหนังเรื่องนี้ไปไกลกว่าเดิมอีกขั้น”
“มันเป็นหนังที่ใหญ่ขึ้นมาก ทุนสร้างที่เยอะโข และสเกลฉากที่ใหญ่ไม่แพ้กัน” โรเบิร์ตส์กล่าวสรุป “สิ่งที่คนดูจะได้เห็นคือความสนุกแบบไม่ยั้ง 4 สาวที่ติดอยู่ในถ้ำเขาวงกตคือฝันร้าย ใต้น้ำ อากาศที่กำลังจะหมดลง และ โคตรฉลามขาว มันคือสิ่งใหม่สุดในหนังฉลาม และ มันโคตรสนุก”
เกี่ยวกับนักแสดง
โซฟี เนลลิส รับบท มีอา
โซฟีเพิ่งผ่านผลงานภาพยนตร์จาก Netflix ในภาพยนตร์เรื่อง Close แสดงร่วมกับ นูมิ ลาเพซ ผลงานเรื่องอื่นของเธอประกอบด้วย Mean Dreams ที่ได้ฉายในงานคานส์ปี 2016 นอกจากนั้นยังมี The History of Love, The Great Gilly Hopkins
เธอเป็นที่รู้จักอย่างมากที่สุดในบทนำจากภาพยนตร์เรื่อง The Book Thief แสดงร่วมกับ เจฟฟรีย์ รัช และ เอมิลี่ วัตสัน นอกจากนั้นยังได้ร่วมงานกับผู้กำกับอย่าง เอ็ดเวิร์ด ซวิก ในภาพยนตร์เรื่อง Pawn Sacrifice
คอรีนน์ ฟ็อกซ์ รับบท ซาช่า
คอรีนน์ ปัจจุบันอายุ 25 ปี ซึ่งกำลังเดินตามรอยนักแสดงชิงรางวัลอย่างพ่อของเธอ เจมี่ ฟ็อกซ์
เธอเกิดและโตที่แคลิฟอร์เนีย ปัจจุบันรับหน้าที่เป็นพิธีกรร่วมและเป็นดีเจให้กับรายการโทรทัศน์ทางช่อง Fox ใน Beat Shazam ที่เป็นการทำงานคู่ไปกับพ่อของเธอ ซึ่งรายการประสบความสำเร็จจนกำลังจะเริ่มฤดูกาลที่ 3 ในเดือนพฤษภาคมนี้
จอห์น คอร์เบตต์ รับบท แกรนท์
จอห์น เคยแสดงในบท เอียน มิลเลอร์ จากภาพยนตร์เรื่อง My Big Fat Greek Wedding ซึ่งได้กลายเป็นภาพยนตร์อิสระที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล เขาเป็นที่รู้จักมากที่สุดจากบทบาทของ เอแดน ชอว์ ในซีรีส์เรื่อง Sex & the City ซึ่งเขาได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำในปี 2002
ผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขานั้นมีอย่างเรื่อง All Saints, The Boy Next Door และ Street Kings แสดงคู่กับ คีอานู รีฟส์ และ ฟอเรส วิทเทเกอร์
เกี่ยวกับทีมงาน
โยฮันเนส โรเบิร์ตส์ - ผู้กำกับ และ เขียนบทภาพยนตร์
เขาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง 47 Meter Down นำแสดงโดย แมนดี้ มัวร์ และ แคลร์ โฮลท์ ที่รับบทเป็นสองพี่น้อง ทั้งสองติดอยู่ในกรงขังใต้ทะเลลึกที่ล้อมรอบไปด้วยฉลาม ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่มีการถ่ายทำอยู่ในน้ำเกือบทั้งเรื่อง ภาพยนตร์เรื่องนี้เกือบเข้าฉายในแบบ DVD ซึ่งบางที่ก็ขายไปแล้วด้วย แต่สุดท้ายกลับถูกซื้อลิขสิทธิ์โดยบริษัท Entertainment Studios และเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไปกว่า 2000 โรงฉาย ภาพยนตร์สามารถทำรายได้ไปกว่า 65 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้างเพียง 5 ล้านเหรียญ และได้กลายเป็นภาพยนตร์อิสระที่ประสบความสำเร็จที่สุดในปี 2017
ผลงานการกำกับภาพยนตร์ชิ้นแรกของเขาเริ่มเมื่อเขาอายุได้ 22 ปี ในปี 2000 จากภาพยนตร์เรื่อง Sanitarium ด้วยทุนสร้างเพียง 5 พันยูโร และได้ถูกฉายไปทั่วโลก หลังจากนั้นอีก 5 ปี เขาก็ได้สร้างภาพยนตร์ที่ออกฉายทาง DVD ในหนังทุนต่ำมากมาย รวมไปถึงหนังคัลท์อย่าง Forest of the Damned
เขาเคยมีผลงานเขียนบท และ กำกับ จากภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง The Other Side of the Door ได้นักแสดงอย่าง ซาร่า เวย์น แคลลี่ส์ หนังทำรายได้ไปกว่า 15 ล้านเหรียญสหรัฐ และกลายมาเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จเรื่องหนึ่งของ Fox
หลังผลงาน 47 Meters Down เขาได้รับโอกาสให้กำกับภาพยนตร์ภาคต่อของภาพยนตร์ระทึกขวัญชื่อดังอย่าง Strangers ในชื่อว่า Stangers: Prey at Night ที่ได้เข้าฉายในปี 2018 หนังเข้าฉายติดเป็นอันดับที่ 3 ในบ็อกออฟฟิศ เป็นรองเพียงแค่ Black Panther และ Wrinkle in Time โดยกวาดรายได้ไปกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ
เจมส์ แฮร์ริส และ มาร์ค เลน - โปรดิวเซอร์
เจมส์ และ มาร์ค มีผลงานการโปรดิวซ์ภาพยนตร์มากมายหลังจาก ภาพยนตร์เรื่องแรกอย่าง Cockneys vs. Zombies ในปี 2011 ผลงานล่าสุดจากบริษัทของเขาอย่าง Fyzz Pictures ในเรื่อง We Summon the Darkness ได้นักแสดงชื่อดังอย่าง อเล็กซานดร้า แดดาริโอ้ และ จอห์นนี น็อกซ์วิลล์ นอกจากนั้นยังเคยมีผลงานอย่าง The Informer, The Strangers: Prey at Night ร่วมผลงานกับ โยฮันเนส โรเบิร์ตส์ ซึ่งทำรายได้เปิดสัปดาห์แรกไปกว่า 10 ล้านเหรียญ
Outpost - VFX (ฉลาม)
บริษัททำสเปเชี่ยลเอฟเฟกซ์ที่มีฐานอยู่ที่ บอร์นมัท ประเทศอังกฤษ และ มอนทรีอัล ที่แคนาดา Outpost มีผลงานชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Jurassic World: Fallen Kingdom, Life, 47 Meters Down และ Jason Bourne รวมไปถึงซีรีส์โทรทัศน์มากมายอย่าง Watchmen, Black Mirror, Jack Ryan
ภายในระยะ 6 ปี ของการเปิดบริษัท ปัจจุบันมีศิลปินที่งานกว่า 300 ชีวิต และยังเป็นที่แรกๆ ที่เหล่าคนทำภาพยนตร์ให้ความสนใจมาร่วมงานด้วย