xs
xsm
sm
md
lg

เทพธิดาขนนก ตอนที่14 | แค่คนเคยรัก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เทพธิดาขนนก ตอนที่14 | แค่คนเคยรัก

บทประพันธ์ : เพ็ญสิริ บทโทรทัศน์ : ปริศนา และ ทีมวันสุข

เช้าวันต่อมา ขณะที่เพ็ญตำส้มตำให้ลูกค้า ก็หันหน้ามาคุยกับปลายอ้อที่แวะมาหา

“นี่แม่เอ็งยังไม่ออกจากโรงพยาบาลอีกเหรอ”
“ดีขึ้นมากแล้วจ้ะ หมอบอกแล้วว่าอีก 2-3 คงให้กลับ ขอปรับยาอีกนิด”
“แม่เอ็งป่วยมากเหรอวะ”
ปลายอ้อยิ้มกลบเกลื่อน รีบตัดบท ไม่อยากให้เพ็ญรู้ข้อมูลมาก
“ก็โรคคนแก่นั่นแหละจ้ะป้า นี่ฉันมาสั่งอาหารไปเยี่ยมแม่นะ เขาได้ยินว่าป้าเพ็ญฝีมือเริ่ด เลยอยากชิมป้าเพ็ญทำตำส้มโอได้ไหม”
เพ็ญชะงักนิดๆ “ไอ้ได้น่ะมันได้ แต่ไม่มีส้มโอโว้ย”
“ฉันเตรียมมาให้แล้วจ้ะ ใส่ปลาร้ากับกุ้งสดนะจ๊ะ กุ้งแห้งไม่ใส่”
ปลายอ้อส่งกล่องส้มโอ้ที่แกะเนื้อใส่กล่องพลาสติกมาแล้ว เพ็ญรับมา สีหน้าครุ่นคิด
“แม่แกชอบน่ะ เอาใจแกหน่อย เพราะอยู่โรงพยาบาลหลายวันเริ่มจะงอแงละ”
“แม่ เอ็งชอบตำส้มโอเหรอวะ”
“ใช่จ้ะ ทำไมเหรอ”
“เปล่า ข้าก็นึกถึงคนที่ข้าเคยรู้จักน่ะ มันชอบกินอย่างนี้แหละ ตำส้มโอกุ้งสด ไม่ใส่กุ้งแห้ง”
“ใครเหรอจ๊ะ”
“ก็นังอัปสรที่ข้าเคยเล่าให้ฟังไง”
เพ็ญพูดคุยไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดอะไร ขณะโขลกส้มตำ ขณะที่ปลายอ้อหน้าเสียรู้สึกผิดที่ต้องปิดบังเพ็ญ

ด้านปอแก้วเดินเข้ามาในโรงพยาบาล มีดาราถือปิ่นโตใส่อาหาร
“เสี่ยต้องดีใจแน่ๆ เลยค่ะ ถ้ารู้ว่าคุณปอแก้วลงครัวทำข้าวต้มมาให้ทานด้วยตัวเอง”
“อย่าเพิ่งบอกคุณพ่อแล้วกันจ้ะ ดูท่าทีก่อน ถ้ายังโกรธฉันอยู่คงจะไม่ยอมกิน”
“แหม ข้าวต้มปลากะพงของโปรด มีเหรอคะจะไม่กิน”
ปอแก้วยิ้มๆ เดินมารอลิฟต์ สายตาเหลือบไปเห็นบุญทิ้งยืนเคี้ยวกล้วยแขกหยับๆ รอลิฟต์อยู่
“บุญทิ้ง”
บุญทิ้งสะดุ้งหันมามอง พอเห็นปอแก้วยิ่งตกใจ
“นายมาทำอะไรที่นี่”
บุญทิ้งเลิ่กลั่ก เผลอปากบอกไป “มาเฝ้าไข้น้าสร เอ้อ แม่ปลายอ้อครับ”
“แม่ปลายอ้อรักษาตัวอยู่ที่นี่เหรอ เป็นอะไร”
“โรคคนแก่น่ะครับคุณปอแก้ว” ลิฟต์มาพอดี บุญทิ้งรีบไหว้ ชิ่งทันที “ผมขอตัวก่อนนะครับ แกอยู่คนเดียว”
บุญทิ้งรีบเข้าลิฟต์ไปปอแก้วงงว่าเป็นอะไร ตามเข้าลิฟต์มา

พอถึงชั้นบุญทิ้งรีบเดินออกมาจากลิฟต์ ปอแก้วตามมาเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนบุญทิ้ง”
บุญทิ้งหยุดกึก จำเสียงได้ ใจคอไม่ดี หันมาหายิ้มทักทำใจดีสู้เสือ
“คุณปอแก้ว...มาเยี่ยมใครเหรอครับ”
“คุณพ่อฉันเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ไม่ต้องห่วง แม่ปลายอ้ออยู่ไหน ฉันอยากไปเยี่ยม”
“เอ้อ ไม่ดีมั้งครับ”
“ทำไมล่ะ”
“คือ...ผมต้องถามปลายอ้อก่อน”
“ฉันไม่ได้จะไปรบกวนอะไรนี่ ก็แค่ไปให้กำลังใจคนป่วย ต้องขออนุญาตด้วยเหรอ”
บุญทิ้งอึกอัก คิดหาข้อแก้ตัวไม่ออก ปอแก้วก็จ้องกดดัน สุดท้ายเลยต้องยอม
“เอ่อ ก็ได้ครับ เชิญครับ”
บุญทิ้งเดินหน้าจ๋อยนำไป ปอแก้วหันไปบอกดารา
“พี่ดาราเอาข้าวต้มขึ้นไปให้คุณพ่อก่อน เดี๋ยวฉันตามไป”
ปอแก้วสั่งดาราแล้วเดินตามบุญทิ้งไป

อัปสรนอนดูทีวีอยู่บนเตียง บุญทิ้งเปิดประตูเข้ามา สีหน้าเจื่อนๆ
“น้าสรจ๊ะ”
อัปสรหันไปมองเห็นบุญทิ้งเดินเข้ามา มีปอแก้วตามหลัง ก็ชะงักจำปอแก้วได้
“แกพาใครมาไอ้ทิ้ง”
ปอแก้วยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ หนูปอแก้ว เป็นเจ้านายบุญทิ้ง...แล้วก็ปลายอ้อด้วย”
อัปสรรับไหว้อย่างระแวงระวัง แต่ปอแก้วเดินเข้ามาใกล้เตียงอย่างไม่ถือตัว ถามอ่อนโยน
“ได้ข่าวว่าคุณน้าไม่สบาย วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ”
อัปสรดูตกใจที่ปอแก้วเข้ามาใกล้ๆ เนื่องเพราะตนเป็นคนปล่อยข่าวทำลายปอแก้ว
“หนูไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อน เลยไม่ได้เตรียมของมาเยี่ยม ฝากกำลังใจไว้ก่อนนะคะ ขอให้หายไวๆ”
ปอแก้วยิ้มบริสุทธิ์ใจเอื้อมมือมาจับมืออัปสรบีบเบาๆ ทันทีสองคนสัมผัสกายกันพลันก็ตัวชาวาบ ทั้งสองมองหน้ากัน เหมือนสื่อพลังงานบางอย่างเชื่อมต่อกันได้
อัปสรมองหน้าปอแก้วอย่างตะลึงงัน น้ำตาคลอๆ โดยไม่รู้สาเหตุ ปอแก้วเองก็น้ำตารื้นขึ้นมาเช่นกัน
อัปสรมองปอแก้วนิ่งๆ ตัวสั่นสะท้านน้ำตาไหลรินออกมา ก่อนจะรีบชักมือออกจากปอแก้วแล้วก้มหน้าสะอื้น
บุญทิ้งตกใจรีบเข้ามาดู “น้าสร”
ปอแก้วได้สติ ปาดน้ำตา “คุณน้า...เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
อัปสรไม่ตอบแต่ก้มหน้าร้องไห้ ไม่เข้าใจตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

ด้านศุภกฤตดูคลิปปอแก้วจากมือถือเพื่อนนักข่าวสตาร์เดลี่ทีวี อยู่ตรงมุมตึกออฟฟิศ
“แกไม่ได้ตัดต่ออะไรใช่ไหม”
“ได้มายังไงก็ออกไปแบบนั้นแหละ จะเอาอะไรมาตัดต่อวะ”
“แล้วตกลงคนที่ส่งคลิปคุณปอแก้วมาเป็นใคร”
“ฉันไม่รู้หรอก ตอนโทร.มาเขาก็ไม่ได้แจ้งชื่อ นี่ก็พยายามติดต่อกลับไปเรื่องค่าตอบแทน แต่เขาไม่รับสาย กดทิ้งตลอด ฉันว่าเจ๊แกประหลาดๆ ว่ะ”
ศุภกฤตฟังเพื่อนเล่าแล้วสะดุดหู
“เจ๊...คนที่ส่งคลิปนี้มาเป็นผู้หญิงเหรอ”
เพื่อนพยักหน้า “ท่าทางมีอายุแล้วด้วย ไม่รู้เจ๊แกไปได้มายังไง”
ศุภกฤตฟังแล้วคิดตาม สังหรณ์ใจขึ้นมา เพื่อนจะเดินขึ้นตึก
“แต่โชคดีมากเลยที่เราได้ข่าวนี้มาเป็นที่แรก ตอนนี้สื่ออื่นก็รีบเอาไปเล่นต่อกันใหญ่ ในไลน์นักข่าวมันคุยกันว่าวันนี้จะมีภาพเด็ดหลุดออกมาด้วย สนุกละมึง”
เพื่อนนักข่าวทำท่าตื่นเต้นเผือกเต็มที่ แต่ศุภกฤตนิ่งนึกสงสารปอแก้ว

ในขณะนั้น ดาราจัดข้าวต้มใส่ชามให้บูรพาทาน
“นี่แกมาคนเดียวเหรอดารา ลูกเมียฉันไม่คิดจะมาดูดำดูดีเลยหรือไง”
“เดี๋ยวคุณปอแก้วก็ตามขึ้นมาค่ะ”
เพียงฟ้าเปิดประตูพรวดเข้ามา
“เสี่ยตื่นแล้วเหรอคะ ดีจัง ฟ้ามีอะไรจะให้ดูพอดี”
เพียงฟ้าเปิดกระเป๋าหยิบไอแพดเดินตรงมาหาเสี่ยที่เตียง
“คุณเพียงฟ้า ให้เสี่ยทานข้าวก่อนเถอะค่ะ”
เพียงฟ้าแหวใส่ เปิดไอแพดยื่นให้ดู “แกอย่ายุ่ง ดูนี่สิคะเสี่ยว่าระหว่างที่เสี่ยนอนเจ็บออยู่ โรงพยาบาล คุณปอแก้วเธอไปทำอะไร”
บูรพารับไอแพดมาดู ดาราชะโงกมองแล้วต้องตกใจ เมื่อเห็นภาพแอบถ่ายปอแก้วเดินจูงมือกันออกมาจากบ้านอภิวัช สองคนหยุดยืนคุยกันหน้าบ้าน กอดกัน ก่อนจะขึ้นรถไป เป็นภาพแอบถ่ายจากมุมไกลๆ
บูรพาไล่ดูภาพนั้นแล้วถึงกับตัวสั่นเทาด้วยความโกรธตวาดใส่ดารา
“ยัยปอแก้วอยู่ที่ไหน แกไปตามขึ้นมาหาฉันเดี๋ยวนี้”

อัปสรนอนนิ่งตาแดงๆ เหมือนคนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก หมอเข้ามาตรวจดูอาการให้
“แน่ใจนะครับว่าไม่เป็นอะไรแล้ว” บุญทิ้งถาม
“ฉัน...” อัปสรเหลือบมองปอแก้ว “ฉันคงปวดหัวนิดหน่อยค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวหมอจะให้พยาบาลเอายามาให้นะ”
หมอเดินออกไป บุญทิ้งมองอัปสรแล้วหันไปมองปอแก้ว แปลกใจที่เธอยังคงเช็ดน้ำตาอยู่อย่างนั้น
“เป็นอะไรกันเนี่ยทำไม อยู่ๆ น้าสรก็ร้องไห้ คุณปอแก้วก็ร้องเหมือนกัน”
อัปสรไม่ตอบ ได้แต่เหลือบมองปอแก้วอย่างงุนงง หาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน
“หนูอาจจะมารบกวนเวลาพักผ่อนของคุณน้า ก็เลยทำให้ปวดหัว ถ้าอย่างนั้นพักผ่อนเยอะๆ นะคะ หวังว่าเราคงได้เจอกันอีก”
ปอแก้วทำท่าจะแตะแขนอัปสรอีกครั้ง แต่เปลี่ยนใจไม่กล้า เลยยกมือไหว้ลาแล้วเดินออกห้องไป

ปอแก้วเดินออกมาหน้าห้อง หยุดนิ่งคิด นึกถึงเหตุการณ์ตอนสัมผัสตัวอัปสรแล้วรู้สึกแปลกๆ
ปอแก้วขมวดคิ้วสงสัย แต่แล้วก็ถอนใจ ไล่ความรู้สึกสับสนทิ้ง เดินต่อไปที่ลิฟต์ ดาราโทร.เข้ามาพอดี
“คุณพ่อทานข้าวต้มหรือเปล่าพี่ดารา”
“คุณปอแก้วรีบขึ้นมาบนห้องเถอะค่ะ”

ปอแก้วยืนหน้าเสียตัวลีบเล็กฟังบูรพาด่าสาดเสียเทเสีย
“งามหน้านัก พ่อนอนป่วยพะงาบๆ แทนที่จะสำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำ แกก็ยังวิ่งโร่ไปหามันถึงบ้าน”
“แก้วไปคุยกับเขาเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นเพื่อหาทางออก ไม่ได้ไปทำอะไรเสียหายอย่างที่พวกนักข่าวเข้าใจ”
“แหม ไปหาผู้ชายถึงบ้านค่ำๆ มืดๆ จะให้คนอื่นเข้าใจว่ายังไงล่ะคะ”
“อย่างน้อยเธอก็ควรเข้าใจว่าผู้หญิงไม่ได้เป็นอย่างเธอทุกคนไงเพียงฟ้า”
เพียงฟ้าฉุนกึก ชักสีหน้า บูรพาตัดบท
“แกไม่ต้องมาเบี่ยงประเด็น นี่มันเรื่องของแกที่ทำเสียหาย ไม่เกี่ยวอะไรกับเพียงฟ้า”
“แก้วบอกความจริงกับคุณพ่อแล้ว คุณพ่อเชื่อในข่าวพวกนี้มากกว่าลูกคุณพ่อเหรอคะ”
บูรพาอึ้งไป ลึกๆ ก็ยังรักลูกอยู่มาก แต่ยังไม่ยอมง่ายๆ
“แล้วไปคุยกันว่ายังไง มันจะยอมเลิกกับแกไหม” บูรพาขึ้นเสียง
“คุณพ่อคะ ทางออกมันไม่ใช่แบบนั้น”
บูรพาโมโห “ทำไมจะไม่ใช่ แกต้องเลิกกับมันซะ เพราะพ่อจะไม่มีวันยอมรับมันเป็นลูกเขยเด็ดขาด”
ปอแก้วถอนใจเอือมระอาเหลือแสน
“แกจะต้องแถลงข่าวปฏิเสธความสัมพันธ์ครั้งนี้ซะ บอกนักข่าวว่าแกสองคนเคยเป็นแฟนกันจริง แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรกันแล้ว แล้วที่เห็นว่าไปที่บ้านก็คือไปเคลียร์ให้มันเลิกปล่อยข่าวฉาวๆ ทำลายแก”
“คุณพ่อ เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ฝีมือคุณวัชนะคะ” ปอแก้วไม่เห็นด้วย
“ฉันรู้ แต่ตอนนี้มันต้องรับผิดชอบ”
“แก้วทำอย่างนั้นไม่ได้”
บูรพาโกรธ ตะเพิดเสียงดัง “นี่แกแคร์มันมากกว่าพ่อเหรอ งั้นแกลาออกจากบูรพาซาวด์ไปอยู่กับมันเลย ฉันอนุญาต”
ปอแก้วอึ้งนิ่งงันไป ขณะที่เพียงฟ้ายิ้มสะใจ

ขณะเดียวกันปลายอ้อรีบเข้ามาหาอัปสร หลังจากรู้เรื่องว่าปอแก้วมาเยี่ยมแม่ ต่อว่าบุญทิ้งอย่างไม่พอใจ
“พี่ทิ้ง ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาวุ่นวายกับแม่ได้ยังไง นี่อ้อไว้ใจอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม”
“ฉันพยายามบ่ายเบี่ยงแล้ว แต่ไม่รอด เพราะคุณปอแก้วตามขึ้นมาถึงหน้าห้อง”
“แล้วเขาทำอะไรแม่หรือเปล่า”
“เปล่า เขาก็พูดจาดี”
อัปสรเสียงอ่อนลง เมื่อนึกถึงท่าทางเป็นมิตรของปอแก้ว รู้สึกผิดหน่อยๆ
“เขาไม่ได้มาทำอะไรน้าสรหรอก แค่มาเยี่ยมเฉยๆ แต่ก็แปลก ไม่รู้คุยอะไรกัน อยู่ๆ ก็ร้องไห้ออกมาทั้งคู่เลย” บูญทิ้งว่า
ปลายอ้อมองหน้าอัปสรด้วยความสงสัย อัปสรส่ายหน้า
“ไม่ได้คุยอะไรจริงๆ แม่ก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน พอเจอตัวเขาใกล้ๆ แล้วรู้สึกแปลกๆ ใจมันวาบๆ หายๆ บอกไม่ถูก”
ปลายอ้อนิ่วหน้าแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร
“แม่คงจะพักผ่อนน้อย แล้วพอมาเจอเขาก็เลยเครียด กลัวเขาจับได้ว่าเราทำอะไรไว้ละมั้ง ช่างเถอะ หนูจะไม่ให้ใครมาวุ่นวายกับแม่แล้ว เราต้องรีบกลับบ้านก่อนที่ไอ้เสี่ยมันจะตามมาเจออีกคน”
“ยังกลับไม่ได้โว้ย ตอนแรกฉันก็ร้อนใจจะขอพาน้าสรกลับ แต่หมอบอกว่าน้าสรต้องอยู่อีกวันนึง”
“งั้นพี่ทิ้งไปบอกเขาว่าเราจะขอย้ายห้อง เอาห้องที่นอนสบายกว่านี้ ฉันยอมจ่าย ยังไงก็ต้องพาแม่หลบให้พ้นหน้าเสี่ยบูรพาให้ได้”

บ่ายนั้น พรทิพย์เดินลงมาจากชั้นบน เห็นดาราประคองบูรพาเข้าบ้านมา โดยมีปอแก้วเดินหน้าเครียดๆ ตามหลังมาด้วยก็แปลกใจ
“อ้าวคุณ หมอให้กลับบ้านได้แล้วเหรอคะ”
“ยัง ผมขอหมอกลับมา มีธุระให้ต้องจัดการ” บูรพาสั่งกับดาราว่า “แกโทร.ไปตามแสงโสมมาที่นี่ด่วน บอกว่าฉันอยากคุยเรื่องแถลงข่าวพรุ่งนี้”
พรทิพย์ดูงงๆ ว่าเรื่องอะไรกันแน่ จนปอแก้วโอดครวญขึ้นมา
“คุณพ่อคะ แก้วไม่แถลงข่าว แก้วทำอย่างที่คุณพ่อต้องการไม่ได้”
“นี่มันเรื่องอะไรกันลูก”
“คุณพ่อจะให้แก้วแถลงข่าวใส่ร้ายคุณวัชว่าเป็นคนปล่อยคลิป”
พรทิพย์ตกใจ บูรพาออกคำสั่งเสียงดัง
“แกต้องทำ ถ้าแกยังเห็นแก่หน้าพ่อ”
“ฉันไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน ก็เด็กสองคนรักกัน...”
บูรพาสวนออกไปอย่างไม่พอใจ “คุณอย่ามาชี้นำลูกสาวในทางที่ผิดหน่อยเลย”
พรทิพย์โอบปอแก้วไว้อย่างปกป้อง ดาราวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“คุณอภิวัชมาค่ะ”
ปอแก้วตกใจที่อภิวัชโผล่มาในจังหวะนรกแบบนี้ ส่วนบูรพาแล่นลิ่วออกไปทันที

บูรพาจ้ำพรวดๆ ออกมาจากบ้านด่าเสียงดังลั่น มีปอแก้วกับพรทิพย์ตามออกมา
“ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้แกมาเหยียบบ้านนี้อีก”
“ผมเห็นข่าวเมื่อเช้านี้แล้ว ไม่สบายใจ เป็นห่วงปอแก้ว”
“แล้วก่อนที่แกจะพาลูกสาวฉันไปทำเรื่องลับๆ ล่อๆ ที่บ้าน ทำไมไม่คิด”
อภิวัชเถียง “ปอแก้วไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะครับ การจะไปมาหาสู่บ้านผมมันไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน”
“ไม่เสียหายเหรอ นี่แน่ะ ไม่เสียหาย”
บูรพาเลือดขึ้นหน้าเงื้อมือจะชก ถูกอภิวัชยกมือกันจับมือเสี่ยไว้ แต่ไม่สู้กลับ
“ผมขอร้องครับเสี่ย ขอให้เราพูดกันด้วยเหตุผล อย่าใช้กำลัง”
บูรพายิ่งโมโหที่อภิวัชไม่ยอมให้ชก จะตะบันหน้าเขาให้ได้ ปอแก้วรีบวิ่งเข้ามาห้ามพ่อ
“คุณพ่อ พอแล้วค่ะ อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ”
บูรพายิ่งโกรธ “ทำไม นี่แกจะมาช่วยมันรุมฉันอีกคนเหรอ ปล่อย”
“ไม่ค่ะ แก้วจะไม่ให้คุณพ่อทำร้ายเขา”
ปอแก้วยื้อยุดฉุดกระชากกับบูรพาไม่ให้ทำร้ายคนรัก บูรพายิ่งโมโหสะบัดหลังมือไปตบปอแก้วล้มลงโดยไม่รู้ตัว
“แก้ว”
พรทิพย์ตกใจถลันเข้าไปหาลูก ได้อภิวัชประคองให้ลุกขึ้นมา
พรทิพย์กรีดร้อง “คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง มันจะมากไปแล้วนะ”
บูรพาอึ้งๆ งงๆ เพราะไม่ได้ตั้งใจ ขณะที่ปอแก้วหน้าน้ำตาไหลริน รู้ว่าพ่อไม่ได้ตั้งใจแต่ก็เจ็บปวดที่เหตุการณ์ลุกลามไปใหญ่โต
อภิวัชเห็นน้ำตาปอแก้วก็ยิ่งสงสาร โอบกอดปอแก้วไว้อย่างปกป้อง
“ขณะที่เสี่ยสงสัยในความรักที่ผมมีให้กับปอแก้ว ขอให้เสี่ยรู้ไว้นะครับ ว่าผมไม่เคยทำร้ายปอแก้วแม้แต่ปลายเล็บ แต่คนที่เป็นพ่ออย่างเสี่ย...”
“มึงไม่ต้องมาพูดดี เพราะมึงนั่นแหละ” บูรพาพาลพาโลใส่ลูก “แกก็ยังหน้าด้านยืนให้มันกอดอยู่ได้ ถอยมานี่”
ปอแก้วยิ่งน้อยใจที่พ่อเหมือนจะไม่รู้สึกผิด ยืนนิ่งขึง บูรพาโมโหเข้าไปกระชากแขน
“พ่อบอกให้มานี่”
อภิวัชดึงแขนปอแก้วไว้ “แก้ว ไปกับผมเถอะ คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังเขา”
“ไอ้อภิวัช”
บูรพาดึงแขนปอแก้ว แต่อภิวัชไม่ยอมปล่อย
“จำที่ผมพูดได้ไหม คุณต้องเลือกเส้นทางของตัวเองได้ แล้วมันก็น่าจะถึงเวลาแล้ว”
ปอแก้วหันไปมองคนรักเห็นสีหน้าอ้อนวอนแล้วใจอ่อนยวบ
“ปอแก้ว ปล่อยมือจากมัน”
“ผมจะไม่มีวันปล่อยมือจากคุณ ถ้าคุณเชื่อใจผม”
พรทิพย์ละล้าละลังทำอะไรไม่ถูก เห็นทั้งสองฝ่ายดึงแขนปอแก้วยื้อยุดไปมา
“ถ้าคุณยังรักผม ก็ไม่มีอะไรต้องลังเลนะปอแก้ว”
บูรพาตวาดลั่น “ปอแก้ว”
ปอแก้วสบตากับอภิวัชน้ำตารื้นขึ้นมา แล้วหันไปมองพ่อในที่สุดก็ตัดสินใจได้ แกะมือบูรพาออก
พรทิพย์คาดไม่ถึง “แก้ว...”
อภิวัชดึงตัวปอแก้วเข้าไปไว้ในอ้อมกอด บูรพาแค้นจัด ไม่คาดคิดว่าปอแก้วจะเลือกผู้ชายมากกว่าตน โผนเข้าไปหาแต่พรทิพย์ได้สติเข้าไปจับไว้ ดารามาช่วยอีกแรง อภิวัชโอบปอแก้วถอยหนีออกมา กระซิบบอกเธอเบาๆ
“ผมจะพาคุณไปจากที่นี่”
ปอแก้วพูดไม่ออก ยังมึนตื้ออยู่ บูรพาเห็นปอแก้วถูกอภิวัชประคองไปขึ้นรถก็แค้นจัด
“ไปเลย ไสหัวไป แล้วจำไว้นะว่าต่อไปนี้แกไม่ใช่ลูกฉัน ไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
ปอแก้วน้ำตาคลอหันกลับไปมอง เห็นพรทิพย์มองมาด้วยสีหน้าว้าวุ่นใจไม่ต่างกัน สงสารลูก แต่ก็ไม่สบายใจ
อภิวัชไม่สนใจ รีบปิดประตูรถ แล้วขับออกไปจากบ้านทันที ปอแก้วนั่งอยู่ในรถมองจากกระจกหลังเห็นบูรพายังเอะอะโวยวายไม่เลิก โดยมีพรทิพย์กับดาราช่วยกันจับไว้เป็นที่วุ่นวาย

อีกฟากพยาบาลเข็นรถพาอัปสรเข้ามาที่ห้องพักใหม่กว้างขวางมากขึ้น ศุภกฤตกับปลายอ้อเดินตามเข้ามา
“ดีนะที่ผมมาทัน ไม่งั้นก็คงคิดว่าคุณน้ากลับบ้านไปแล้ว”
“พรุ่งนี้ถึงจะได้กลับ แต่ฉันอยากให้แม่นอนสบายหน่อย ห้องเดิมแอร์มันไม่ค่อยเย็น”
ศุภกฤตพยักหน้ารับรู้ ปลายอ้อเข้าไปช่วยพยุงอัปสรขึ้นเตียง บุญทิ้งเอากระเป๋าเสื้อผ้าอัปสรไปใส่ตู้ จัดข้าวของส่วนตัว สะดุดตากับมือถืออัปสร
“โทรศัพท์น้าสรอยู่นี่นะ”
บุญทิ้งวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะหัวเตียง ศุภกฤตมองๆ แล้วนึกถึงวันก่อน ตอนที่เห็นเบอร์โทรศัพท์ออฟฟิศบนหน้าจอมือถืออัปสร พอเขาจะหยิบโทรศัพท์มารับให้ แต่อัปสรมาแย่งไปแล้วกดปิดไปเลยบอกว่า
“สงสัยจะโทร.ผิด”
อัปสรยิ้มกลบเกลื่อนวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว ไม่ให้ศุภกฤตมีโอกาสได้หยิบอีก
ศุภกฤตนิ่งนึก ทบทวนเหตุการณ์เมื่อเช้าตอนคุยกับเพื่อนนักข่าว
“เจ๊ คนที่ส่งคลิปนี้มาเป็นผู้หญิงเหรอ”
เพื่อนพยักหน้า “ท่าทางมีอายุแล้วด้วย ไม่รู้เจ๊แกไปได้มายังไง”
ศุภกฤตเห็นเบอร์โทร.ของออฟฟิศสตาร์เดลี่ แต่เห็นไม่ไม่ครบทุกตัว แต่ก็ยิ่งสงสัยหนักขึ้น
ศุภกฤตคิดอะไรขึ้นมาได้ “ผมขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”

ศุภกฤตหลบเข้ามาในห้องน้ำภายในห้องพักฟื้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด หยิบมือถือออกมาลองกดเบอร์ที่ได้จากเพื่อนนักข่าว

โดยขณะกำลังจะแยกกัน อยู่ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
“แกมีเบอร์ผู้หญิงคนนั้นไหม เดี๋ยวฉันช่วยตามให้”
เพื่อนชะงักมองหน้าศุภกฤต หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ไล่ดูเบอร์ให้

ศุภกฤตกดเบอร์ที่ได้จากเพื่อน แล้วเงี่ยหูรอฟัง สีหน้าลุ้นระทึก
อัปสรเอนหลังอยู่โทรศัพท์ข้างตัวดังขึ้น
ศุภกฤตอยู่ในห้องน้ำ ด้วยสีหน้าหวาดระแวงเต็มพิกัด เงี่ยหูฟัง
อัปสรสะดุ้งไปคว้าโทรศัพท์ แล้วเห็นเบอร์คนไม่รู้จัก กดรับสาย
“ฮัลโหล”
ศุภกฤตตัวชา เสียงรับสายเป็นเสียงอัปสรชัดเจน
“ฮัลโหลๆ”
อัปสรงงที่ปลายสายไม่มีคนพูดจึงกดตัดสายทิ้งไป ปลายอ้อกำลังจัดโน่นนี่อยู่หันมามอง
“ใครเหรอแม่”
“ไม่รู้ โทร.มาก็ไม่พูด สงสัยพวกโรคจิต”
อัปสรวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วหลับตานอนต่อ หันไปยิ้มเนือยๆ ให้ศุภกฤตที่เปิดประตู้ห้องน้ำออกมา
ศุภกฤตฝืนยิ้มตอบ แต่สีหน้าเครียดจัด รู้แล้วว่าใครเป็นตัวการปล่อยคลิปปอแก้วกับอภิวัช

ด้านปอแก้วนั่งอยู่บนเตียงห้องนอนบ้านอภิวัช หยิบถุงเสื้อผ้าที่เพิ่งซื้อเข้ามาเอาเสื้อผ้าออกมาวางๆ บนเตียง อภิวัชเดินเข้ามา
“ผมเอาผ้าห่มมาเพิ่มให้ เผื่อดึกๆ คุณจะหนาว”
“ขอบคุณค่ะ”
ปอแก้วรับมา อภิวัชเห็นท่าทางซึมๆ ก็นั่งลงข้างๆ
“ไม่มีอะไรต้องกลัวนะครับ ตราบใดที่เรายังอยู่เคียงข้างกัน”
“ฉันเพิ่งโทร.คุยกับคุณแม่”
“ท่านโกรธคุณเหรอ”
“คุณแม่ไม่ได้โกรธค่ะ ท่านบอกว่ามันอาจจะดีแล้วที่ฉันจะหลบจากคุณพ่อซักพัก” ปอแก้วนิ่งคิด แล้วถอนใจอย่างเหนื่อยล้า “แต่น้าโสมโทร.มาบอกฉันว่า พรุ่งนี้คุณพ่อจะแถลงข่าวปลดฉันออกจากตำแหน่งที่บูรพาซาวด์”
“แล้วคุณเสียดายเหรอ”
“เปล่าหรอกค่ะ แต่ฉัน...”
“ถ้างั้นคุณก็ไม่จำเป็นต้องรับรู้ ปิดหูปิดตาซะ”
อภิวัชหยิบโทรศัพท์มือถือปอแก้วมากดปิดเครื่อง
“เรื่องพ่อคุณ ก็อย่าเพิ่งกังวล คุณไม่ได้หนีเตลิดออกมาทำเรื่องเสียหาย คุณออกมาเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ท่านยอมรับ”
ปอแก้วคิดตามอภิวัช แต่ในใจยังหนักอึ้งอยู่ ได้แต่พยักหน้ารับเอาคำไปแกนๆ
“พักผ่อนนะครับ พรุ่งนี้มีอะไรที่เราต้องทำอีกเยอะ”
อภิวัชหอมหน้าผากปอแก้วอย่างเอ็นดู แล้วลุกออกไป
ปอแก้วนั่งซึม ถอนใจยาว ยังสองจิตสองใจอยู่ดีว่าตัดสินใจถูกหรือไม่

อีกฟาก รถที่ศุภกฤตขับแล่นมาตามถนนมุ่งหน้ากลับไปบ้านพักบูรพาซาวด์ บุญทิ้งเห็นศุภกฤตวางหน้านิ่งเฉยตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลอันผิดปกติเลยทักถาม
“ทำงานเหนื่อยเหรอคุณกฤต”
“เปล่าครับ”
“คุณกฤตเขาจะเหนื่อยอะไร ก็เขาพักร้อน” ปลายอ้อว่า
“อ้าว ก็ฉันเห็นหน้าเขาซึมๆ เครียดๆ”
ปลายอ้อหันไปมอง แกล้งเย้า “นี่ยังไม่หายเครียดเรื่องคุณปอแก้วอีกเหรอ ฉันว่าป่านนี้เขาไปลั้นลาอยู่กับแฟนสบายใจแล้ว ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ซักที”
ศุภกฤตกำลังอัดอั้นอยู่ พอถูกปลายอ้อจี้จุดก็เลยระเบิด ทนไม่ไหว
“ผมไม่ได้เครียดเรื่องเขากับแฟน แต่เครียดเรื่องตัวการที่ปล่อยคลิปทำลายเขามากกว่า”
ปลายอ้อชะงักงัน สีหน้าระแวง ศุภกฤตเห็นปลายอ้อนิ่งก็ยิ่งผิดหวัง ปรายตามองแว่บหนึ่ง
“ผมรู้ตัวแล้วนะว่าเป็นใคร”
ปลายอ้ออึ้ง วางหน้าเรียบเฉยซ่อนพิรุธ บุญทิ้งเองก็เลิ่กลั่ก พูดอะไรไม่ออก
“ไม่อยากรู้กันเลยเหรอ”
บุญทิ้งเห็นปลายอ้อไม่พูด กลัวความแตก “เอ่อ ใครเหรอครับ”
“เมื่อตอนบ่ายมีคนโทร.หาน้าอัปสรใช่ไหม...นั่นแหละ ผมเอง ผมได้เบอร์น้าอัปสรมาจากเพื่อนที่สตาร์เดลี่ ที่เขายืนยันว่าเจ้าของเบอร์นี้เป็นคนส่งคลิป”
ปลายอ้อเงียบกริบ หนาวๆ ร้อนๆ ศุภกฤตพูดต่อ
“แต่ผมว่าน้าอัปสรคงไม่ได้คลิปนี้มาด้วยตัวเอง จริงไหมปลายอ้อ”
ปลายอ้อยังนิ่งเฉยไม่พูดไม่พอ นึกอับอายที่โดนจับได้ บุญทิ้งพยายามแก้สถานการณ์
“เอ้อ คุณกฤตครับ ผมว่า...”
ปลายอ้อทนไม่ไหวโพล่งออกมา “ใช่ ฝีมือฉันเอง ฉันแอบขโมยไฟล์นั้นมาจากคุณปอแก้ว”
ศุภกฤตยิ้มหยันในสีหน้า “ผมไม่นึกเลยว่าที่แท้ก็เป็นฝีมือคนกันเองที่ทำลายกัน”
ปลายอ้อเสียงดังใส่ “คนกันเองเหรอ ฉันกับเขาไม่เคยเป็นพวกเดียวกัน คุณจะมาพูดเหมือนฉันแทงข้างหลังเขาไม่ได้”
“แต่เขาเป็นเจ้านายคุณ เป็นคนที่เตรียมจะปลุกปั้นคุณให้เป็นนักร้อง”
“ไม่จริง ยัยปอแก้วน่ะเกลียดฉัน เขาไม่ได้เต็มใจปั้นฉัน แม้แต่เรื่องที่ฉันถูกทำร้ายก็อาจจะเป็นฝีมือเขาก็ได้”
“เหลวไหลน่าปลายอ้อ คุณปอแก้วเขาจะได้อะไรจากการทำอย่างนั้น”
“ก็ให้ฉันยอมแพ้แล้วก็ออกจากค่าย จะได้ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับพ่อเขาน่ะสิ”
ศุภกฤตเตือนดีๆ “คุณมองเขาในแง่ร้ายขนาดนั้นได้ยังไง ผมไม่เห็นว่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย”
ปลายอ้อได้ยินแล้วฉุนขาด หันขวับมาบอกศุภกฤตดังลั่น
“จอดรถ”
ศุภกฤตงง ปลายอ้อตะคอกซ้ำ
“ฉันบอกให้จอด ฉันจะลง”
ปลายอ้อทำท่าจะเปิดประตูลงไปจริงๆ ศุภกฤตเลยต้องชะลอรถลงจอดข้างทาง ปลายอ้อเปิดประตูรถทันที
“ถ้าคุณคิดจะเข้าข้างยัยนั่น ก็ไม่จำเป็นต้องมาทำดีกับฉัน”
บุญทิ้งตกใจ “ไอ้อ้อ”
ศุภกฤตพยายามให้แง่คิด “ผมไม่ได้เข้าข้างใครเลยนะปลายอ้อ ผมอยู่ตรงกลางนี่แหละ แต่ครั้งนี้สิ่งที่คุณทำมันไม่ถูกต้อง คุณทำลายชีวิตและชื่อเสียงของผู้หญิงคนนึงได้เลยนะ”
ปลายอ้อยิ่งโมโห “ถ้าเห็นใจกันนักก็ตามไปปลอบใจเขาเลยสิ ฟ้องยัยนั่นไปเลยว่าฉันเป็นตัวการ ดูซิว่าเขาจะทำยังไงกับฉัน”
“ไม่เอาน่าปลายอ้อ มีเหตุผลหน่อยสิ”
“ฉันบอกเหตุผลในการกระทำของฉันไปแล้ว ถ้าคุณยอมรับไม่ได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาทะเลาะกัน”
ปลายอ้อลงรถเดินดุ่มๆ จากไป บุญทิ้งทำหน้าเหรอหราแล้วรีบลงรถวิ่งตามไป ศุภกฤตถอนใจ

ปลายอ้อเดินมาตามถนน มองหาแท็กซี่ บุญทิ้งเดินตามมาบ่นกะปอดกะแปด
“แกบ้าหรือไงวะ อยู่ๆ ก็ไปชวนคุณศุภกฤตทะเลาะ”
“พี่ทิ้งไม่ได้ยินเหรอว่าเขาเข้าข้างนังปอแก้ว”
“ก็ฉันเคยเตือนแกแล้วว่าถ้าเขารู้เรื่องนี้ เขาต้องไม่พอใจแน่”
“ฉันมันโง่เองที่คิดว่าเขาน่าจะเข้าใจฉัน แต่ก็ดีแล้ว เราจะได้รู้ว่าใครบ้างที่เป็นเพื่อนแท้”
บุญทิ้งงงแดก เกาหัวแกรกๆ “ขนาดนั้นเลยเหรอวะไอ้อ้อ จริงจังไปหรือเปล่า”
“ฉันถือว่าปอแก้วเป็นศัตรู ถ้าใครเห็นใจมัน ก็ต้องตัดขาดความเป็นเพื่อนกับพวกเรา”
ปลายอ้อพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

ศุภกฤตกลับมาที่ห้อง อารมณ์เครียดๆ เซ็งๆ เสียงของปลายอ้อยังก้องอยู่ในหัว
“ใช่ ฝีมือฉันเอง ฉันแอบขโมยไฟล์นั้นมาจากคุณปอแก้ว” และ “ยัยปอแก้วน่ะเกลียดฉัน เขาไม่ได้เต็มใจปั้นฉัน แม้แต่เรื่องที่ฉันถูกทำร้ายก็อาจจะเป็นฝีมือเขาก็ได้”
ศุภกฤตถอนใจ ผิดหวังกับทัศนคติของปลายอ้อ แล้วพลันนึกถึงปอแก้วขึ้นมา เขาถูกปอแก้วตอกหน้าที่หน้าบ้านว่า
“ถ้าคุณอยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง ก็ทำให้ฉันเชื่อสิว่าต้นตอของคลิปที่ทำลายชีวิตฉันไม่ได้มาจากคุณ ฉันอยากรู้ว่ามันเป็นฝีมือใคร”
ศุภกฤตครุ่นคิด หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ใจอยากโทร.ไปบอกปอแก้วเพื่อเคลียร์ตัวเอง แต่ก็ลังเลสับสน ได้แต่ถือโทรศัพท์ค้าง เพราะอีกใจก็ไม่อยากทำร้ายปลายอ้อ ทิ้งภาพศุภกฤตมองเบอร์ปอแก้วที่อยู่ในมือถือ

ฝ่ายปอแก้วนอนอยู่บนเตียง แต่ยังลืมตาโพลงครุ่นคิดถึงบูรพา เสียงบูรพาตะโกนใส่หน้าดังลั่น
“ไปเลย ไสหัวไป แล้วจำไว้นะว่าต่อไปนี้แกไม่ใช่ลูกฉัน ไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
ปอแก้วน้ำตาซึมด้วยความเศร้าใจ พยายามปลอบใจตัวเองด้วยคำพูดของอภิวัช
“นี่คือจังหวะที่เหมาะสมที่สุด เชื่อผมเถอะแก้ว เราต้องเดินต่อไปข้างหน้าได้แล้ว ถ้ามันจะมีก้อนอิฐก้อนหินปาใส่เราระหว่างทาง ผมจะปกป้องคุณเอง ขอแค่คุณอย่าทิ้งผมไว้ระหว่างทางแบบนี้ก็พอ”
ปอแก้วสับสนกระวนกระวายนอนไม่หลับ หยิบโทรศัพท์มาเปิดดู เข้าแกลเลอรี่รูปถ่าย เห็นภาพเก่าๆ สมัยเด็กที่เซฟใส่มือถือไว้ เป็นภาพปอแก้วตอนเด็กกับพรทิพย์ บูรพาเป่าเค้กวันเกิด
วันนั้น พรทิพย์และบูรพาร้องเพลงแฮ้ปปี้เบิร์ธเดย์ให้ปอแก้ว ปอแก้วหน้าเปื้อนยิ้มเป่าเค้ก บูรพายื่นหน้ามาหอม
“ขอให้มีความสุขมากนะลูก นี่...ของขวัญจากพ่อ”
บูรพาส่งกล่องตุ๊กตาบาร์บี้ให้ ปอแก้วรับมา แล้วหอมแก้มบูรพากลับคืน
ปอแก้วน้ำตาซึม ใจหาย เลื่อนดูภาพเก่าๆ ไปอีก เห็นภาพตัวเองในชุดครุยมหา’ลัยต่างประเทศ ถ่ายรูปกับพรทิพย์ บูรพา
ซึ่งในวันนั้นบูรพาเดินโอบเอวพรทิพย์กับลูก ในมุมสวยของมหา’ลัย
“พ่อภูมิใจในตัวแก้วมาก”
“คุณพ่อไม่ว่าใช่ไหมคะ ถ้าแก้วจะขออยู่เรียนโทต่อเลย”
“ไม่ว่าหรอกลูก เอาที่แก้วสบายใจ หมั่นหาความรู้ประสบการณ์เยอะๆ แล้วค่อยกลับไปพัฒนาบูรพาซาวด์ พ่อยังรอได้”
“แก้วรักคุณพ่อที่สุดเลยค่ะ”
ปอแก้วกอดซบบูรพาด้วยความรัก บูรพากอดปอแก้วแน่นอย่างรักใคร่มากเช่นกัน
ปอแก้วดูภาพเก่าๆ ของตัวเองกับบูรพา แล้วยิ่งเกิดความสับสน ไม่แน่ใจว่าตัวเองตัดสินใจผิดหรือถูก

ด้านศุภกฤต ยังถือโทรศัพท์ค้าง มองเบอร์ปอแก้วในมือ สับสนเช่นกัน แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจไม่โทร เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเหมือนเดิม เพราะไม่อยากทำร้ายปลายอ้อ

ส่วนอัปสรนอนอยู่บนเตียง นอนไม่หลับ เพราะครุ่นคิดถึงตอนที่เผชิญหน้ากับปอแก้ว
ปอแก้วยิ้มแย้มแจ่มใส เข้ามาคุยกับอัปสรโดยไม่ถือตัวสักนิด
“หนูไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อน เลยไม่ได้เตรียมของมาเยี่ยม ฝากกำลังใจไว้ก่อนนะคะ ขอให้หายไวๆ”
ปอแก้วยิ้มบริสุทธิ์ใจ เอื้อมมือจับมืออัปสรบีบ พลันก็ตัวชาวาบ ทั้งสองมองหน้ากัน เหมือนสื่อพลังงานบางอย่างต่อกันได้
อัปสรมองหน้าปอแก้วอย่างตะลึงงัน ฉับพลันก็น้ำตาคลอๆ ปอแก้วเองก็น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
อัปสรมองปอแก้วนิ่งๆ ตัวสั่น ตาแดงแล้วน้ำตารื้นออกมา ก่อนจะรีบชักมือออกจากปอแก้วแล้วก้มหน้าสะอื้น
อัปสรทำหน้าแปลกใจ สงสัยกับอาการของตัวเอง
“มันเกิดอะไรขึ้น”

เช้าวันนี้ แสงโสมนั่งกินข้าวกับบูรพาเงียบๆ เงยหน้าเห็นพรทิพย์เดินลงมา
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ เอ๊ะ คุณพี่ยังไม่แต่งตัวอีกเหรอคะ”
“แต่งตัวไปไหน”
“ก็งานแถลงข่าว...”
“ไม่ล่ะ ฉันมีธุระ อีกอย่างฉันไม่อยากตากหน้าไปฟังลูกสาวถูกประจานต่อหน้าสื่อ”
พรทิพย์ปรายตามองหมั่นไส้สามี แต่บูรพาทำไม่รู้ไม่ชี้ ด่าซ้ำ
“มันไม่ใช่ลูกผม”
บูรพากินกาแฟแล้วลุกขึ้น เดินออกไปแล้ว พรทิพย์มองตามหมั่นไส้
“จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้จริงๆ เหรอคะคุณพี่”
“เธอก็รู้ว่าคุณพี่ของเธอ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยเขาเถอะ”
“แล้วคุณพี่ได้คุยกับหนูปอแก้วหรือยังคะ”
“ทำธุระเสร็จแล้วฉันก็ว่าจะไปหาลูก” พรทิพย์ยิ้มแค่นๆ “ไม่รู้สิ บางทีฉันอาจจะเก็บข้าวของไปอยู่กับยายแก้วก็ได้ ถ้าบ้านนี้มันวุ่นวายนัก”
แสงโสมฟังแล้วพลอยกลุ้มไปด้วย

ด้านอภิวัชเดินมาเคาะประตูห้องนอนเรียก แล้วเปิดเข้ามา
“ปอแก้วครับ ตื่นหรือยัง”
อภิวัชชะงักเพราะไม่เห็นใครในห้อง เตียงนอนปูผ้าคลุมพับไว้เรียบร้อย
“ปอแก้ว”
อภิวัชเดินเข้าไปดูในห้องน้ำ แต่ก็ไม่เจอปอแก้วอีก เริ่มงงว่าปอแก้วหายไปไหน สายตาเหลือบไปเห็นโน้ตที่วางอยู่หน้ากระจกแต่งตัว หยิบขึ้นมาอ่าน สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นขรึมเคร่ง ผิดหวัง

บูรพานั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องทำงาน แสงโสมเดินเข้ามาแจ้ง
“ตอนนี้สื่อเข้าไปอยู่ที่ห้องแถลงข่าวหมดแล้วค่ะ อีก 5 นาทีเชิญคุณพี่ที่ห้องนะคะ”
บูรพาพยักหน้ารับรู้ “เธอแจ้งสื่อหรือเปล่าว่าเรามีแถลงข่าวเรื่องอะไร”
“ไม่ได้บอกรายละเอียดค่ะ” แสงโสมรีบถามอย่างมีความหวัง “คุณพี่จะเปลี่ยนใจใช่ไหมคะ”
บูรพานิ่ง ลังเล ลึกๆ ยังรักและสงสารลูกเต็มใจ แต่ก็ถูกทิฐิครอบงำจนไม่ยอมถอย
“ไม่ ในเมื่อยัยแก้วมันตัดฉันได้ ฉันก็ตัดมันได้เหมือนกัน”
บูรพาลุกขึ้นเดินออกไปที่ห้องแถลงข่าว แสงโสมรีบเดินนำไป แต่พอเปิดประตูออกมาสองคนก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นปอแก้วยืนอยู่ตรงหน้า สีหน้าปอแก้วดูเศร้าสร้อยเห็นชัด

อีกฝั่ง อภิวัชเปิดทีวีแล้วลงนั่งบนโซฟา จดสายตาจ้องเขม็งไปที่จอทีวีเห็นปอแก้วนั่งอยู่ที่โต๊ะแถลงข่าวขนาบข้างด้วยบูรพาและแสงโสม บูรพามีสีหน้าแช่มชื่นอย่างผู้กำชัยชนะ

ปอแก้วนั่งแถลงข่าวด้วยสีหน้าขรึมเคร่งเรียบเฉย มีแสงแฟลชจากนักข่าววาบขึ้นเป็นระยะๆ
“กับเรื่องข่าวที่เกิดขึ้น ฉันต้องขอโทษสื่อทุกๆ ท่านที่ไม่ได้รีบออกมาชี้แจง เพราะว่าที่ผ่านมาฉันกำลังพยายามแก้ปัญหาเรื่องนี้อยู่ค่ะ”
อภิวัชดูปอแก้วแถลงข่าวหน้าเศร้าๆ อ่านออกว่าปอแก้วจะพูดอะไร
ปอแก้วเงยหน้าสบตากล้องอย่างรู้สึกผิด “ข้อเท็จจริงของคลิปหลุดที่ออกมาก็คือมันเป็นภาพเก่าของฉันกับคุณภิวัชจริงๆ ค่ะ ส่วนเสียงร้องในคลิปนั้นก็คือเสียงฉัน ที่ไปทำหน้าที่ร้องไกด์ให้กับเพลงที่คุณอภิวัชแต่ง ไม่ได้ตั้งใจให้มันถูกเผยแพร่ออกมาสู่สาธารณะ”
นักข่าว1 ซักทันที “แสดงว่าคุณปอแก้วยอมรับในความสัมพันธ์ใช่ไหมคะ”
“ฉันยอมรับค่ะ ว่าเราคบหากัน” ปอแก้วเว้นระยะนิดๆ “ในช่วงที่เรียนอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์นั้นได้จบลงแล้ว”
อภิวัชดูอยู่ถึงกับสะอึก พยายามข่มความเจ็บปวดจากคำโกหกของคนรัก
“ณ ตอนนี้เราสองคนเป็นแค่เพื่อนร่วมวงการที่ดีต่อกันเท่านั้น ส่วนเรื่องต้นตอคลิปที่หลุดออกมา อาจจะเป็นเพราะความสะเพร่าของฉันเองตอนที่เอาโทรศัพท์มือถือไปซ่อม”
“แล้วภาพถ่ายที่หลุดมาเมื่อวานล่ะคะ”
“ฉันไปที่บ้านคุณอภิวัชจริงค่ะ เพื่อปรึกษากันว่าจะหาทางออกเรื่องนี้ยังไงไม่ให้กระทบกระเทือนทั้งสองฝ่าย อย่างที่บอกว่าเรายังเป็นเพื่อนกันค่ะ”
“แสดงว่าไม่มีโอกาสรีเทิร์นเหรอครับ”
บูรพาตัดบท “ให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่านะครับ เพราะตอนนี้ปอแก้วมีเรื่องงานให้ต้องโฟกัสอีกเยอะมากเลย เขาอยากทำตรงนั้นให้เต็มที่ก่อน ผมเองก็อยากฝากให้สื่อทุกทานคอยติดตามงานใหม่ๆ ของบูรพาซาวด์ที่จะทยอยออกมาด้วย ขอบคุณมากเลยครับ”
บูรพาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส หันไปส่งรอยยิ้มให้ปอแก้วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เพ็ญดูทีวีอยู่ที่ร้านกับปลายอ้อ บุญทิ้ง กดปิดทีวี
“แหม ได้ยินนังลั้นลามันมาเม้าท์ว่าจะแถลงข่าวปลดคุณปอแก้ว ไม่เห็นจะจริงเลย”
“แหม ลูกทั้งคน ใครจะปลดได้ล่ะป้า”
“นี่ป้าเชื่อจริงๆ เหรอว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ไม่เชื่อหรอก แต่เขาก็ต้องพูดอย่างนี้แหละ ไม่งั้นพวกสื่อมันก็เล่นข่าวไม่เลิก ยังไงสุดท้ายคุณปอแก้วก็ต้องเลือกผลประโยชน์บริษัทมาก่อน”
“ฮึ ลวงโลกชัดๆ”
เพ็ญเห็นท่าทางเกินเบอร์ของปลายอ้อแล้วงง
“อะไรวะ ทำไมแกอินขนาดนี้วะปลายอ้อ”
ปลายอ้อไม่ตอบ ลุกหนีจะออกจากร้าน แล้วชะงักเพราะเห็นศุภกฤตเดินเข้ามา
“อ้าวคุณ แหม มาอีกละ ติดใจฝีมือป้าหรือติดใจอย่างอื่นจ๊ะ”
เพ็ญทำสายตามีเลศนัย เหล่มองไปทางปลายอ้อ

ปลายอ้อเดินออกมาคุยกับศุภกฤตหน้าร้าน สีหน้าท่าทางไม่สบอารมณ์อยู่ดี
“ได้เจอคุณปอแก้วหรือยังล่ะ”
“ผมไม่ได้มาหาเขานี่ ผมมาพาคุณไปรับน้าอัปสรกลับบ้าน”
“ฉันบอกแล้วไงว่าคุณไม่จำเป็นต้องมาเอาใส่ใจเรื่องของฉัน ถ้าคิดว่าฉันเป็นคนเลวก็เลิกยุ่งกับฉันเถอะ”
“ผมพูดตั้งแต่เมื่อไรว่าคุณเป็นคนเลว”
“ก็เมื่อคืนนี้ไง”
ศุภกฤตถอนใจ “ผมแค่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณทำ แต่ผมไม่ได้ตัดสินคุณ เพราะเรื่องแค่นี้มันวัดความดีเลวของคุณไม่ได้หรอก เอาเป็นว่าคุณมีเหตุผลของคุณ และผมพยายามที่จะเข้าใจ”
ปลายอ้อสะบัดเสียงใส่ “คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจ”
“ช่วยไม่ได้ ผมดันเข้าใจคุณไปแล้ว”
ปลายอ้ออึ้งๆ ไป ศุภกฤตยิ้มให้
“ปลายอ้อ ผมรู้นะว่าคุณไม่ใช่คนเลวร้าย แต่เพราะเนื้อแท้ที่เป็นนักสู้ มันอาจจะทำให้คุณคิดทำอะไรที่เกินขอบเขตไปบ้าง แต่คุณรู้ใช่ไหมว่าคุณค่าของคนของเราไม่ได้อยู่ที่ชัยชนะอย่างเดียว”
ปลายอ้อมีสีหน้าดีขึ้น แต่แววตายังดื้อดึง

อภิวัชเดินเข้ามาที่ออฟฟิศ สวมแว่นดำพรางสีหน้าเครียด นักข่าวดักรออยู่ กรูกันเข้ามา
“คุณอภิวัชคะ ได้ดูการแถลงข่าวไหมครับ” / “มีความเห็นยังไงบ้างครับ”
อภิวัชตอบสีหน้านิ่ง
“ทุกอย่างก็...เป็นไปตามที่คุณปอแก้วชี้แจง ผมคงไม่มีอะไรจะเพิ่มเติม ขอตัวนะครับ”
อภิวัชเดินเลี่ยงนักข่าวเข้าตึกไป สีหน้าโศกตรมไม่มีความสุขเลย

ปอแก้วเดินออกมาจากห้องแถลงข่าวอย่างหมดเรี่ยวแรง บูรพารีบตามมา
“ปอแก้ว ลูก”
บูรพาตามมากอดปอแก้วแน่นด้วยความดีใจ แต่ปอแก้วดูเฉยๆ ไม่ไหวติง
“พ่อขอบใจมากนะ พ่อนึกแล้วว่าหนูต้องเห็นครอบครัวเรามาก่อนสิ่งอื่นใด”
ปอแก้วเฉยชา “แก้วหวังว่าคงไม่ได้ทำให้พ่อผิดหวัง ที่แก้วไม่ยอมโยนความผิดทุกอย่างให้คุณวัช”
“ไม่เลยลูก แค่นี้พ่อก็ดีใจมากแล้ว”
บูรพาลูบแก้มปอแก้วหอมซ้ายหอมขวา เพียงฟ้าเดินเข้ามา แกล้งปรบมือเปาะแปะ
“ต๊าย พ่อลูกผูกจิต ช่างเป็นซีนที่ซึ้งจริงๆ เลยนะคะ ดีใจด้วยนะคะคุณปอแก้ว ที่ยังไม่ต้องกลายเป็นคนว่างงาน”
บูรพาไม่พอใจ “เพียงฟ้า มีธุระอะไร”
“ฟ้ามาตามงานค่ะ คุณปอแก้วก็ยอมแถลงข่าวกลบกระแสแล้ว ทีนี้เราก็จะได้กลับมาทำงานกันต่อซักที เสี่ยควรจะนัดประชุมวางแผนโปรโมทเพลงให้ฟ้าได้แล้วนะคะ”
“นี่ฉันเป็นเจ้าของบริษัทหรือเธอเป็นกัน”
“ของผัวก็เหมือนของเมียไม่ใช่เหรอคะ”
เพียงฟ้าเดินเข้ามากอดบูรพาจงใจยั่วโมโหปอแก้ว มันได้ผล แต่ปอแก้วเพียงเบือนหน้าหนี เศร้าเสียใจจนไม่มีอารมณ์ต่อปากต่อคำ
“ถ้าต้องประชุมวันนี้ แก้วขออนุญาตลานะคะ รู้สึกปวดหัว”
“จ้ะๆ พักผ่อนนะลูก”
บูรพาตบไหล่ปอแก้วที่เดินชิ่งหนีไป

ปอแก้วเดินเข้าห้องน้ำปิดประตูลง มองตัวเองในกระจก เสียงในการแถลงข่าวดังก้องขึ้นมาในหัวหู
“ฉันยอมรับค่ะ ว่าเราคบหากัน ในช่วงที่เรียนอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์นั้นได้จบลงแล้ว”
“ณ ตอนนี้เราสองคนเป็นแค่เพื่อนร่วมวงการที่ดีต่อกันเท่านั้น”
ยิ่งนึก ปอแก้วถึงกับน้ำตาคลอ รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำ รู้ว่าอภิวัชต้องเสียใจมากๆ แน่
ปอแก้วหายใจหอบด้วยความเครียด แล้วรู้สึกคลื่นไส้อย่ากะทันหัน จนต้องวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ อาเจียนออกมาสุดตัว
ปอแก้วค่อยๆ ทรุดกายลงข้างๆ โถส้วม หลังจากอาเจียนออกมาหมด น้ำหูน้ำตาไหลพร่างพรู ทั้งอึดอัด กดดันสุดขีด สุดท้ายปล่อยโฮออกมาตรงนั้น

อีกฟากพรทิพย์ยืนรีๆ รอๆ หน้าห้องเก่าของอัปสร มองป้ายชื่อไม่เห็น พยาบาลเดินผ่านมา
“ห้องนี้ไม่มีคนไข้แล้วนะคะ”
“อ้าว เอ๊ะ พอดีฉันมาจะเยี่ยมเพื่อนเก่า ไม่ทราบเลยว่าแกออกไปแล้ว”
“คุณอัปสรเหรอคะ แกย้ายห้องไปอยู่อีกชั้นนึงค่ะ”
พรทิพย์มีสีหน้าดีใจ มีความหวังจะว่าจะได้เจออัปสรจังๆ เสียที
พรทิพย์ขึ้นลิฟต์มาถึงหน้าห้องอัปสรกำลังจะเดินตรงไ แต่เห็นประตูห้องอัปสรเปิดออกมาพอดี โดยมีศุภกฤตเข็นรถพาอัปสรออกมา ส่วนปลายอ้อกับบุญทิ้งเดินตาม
อัปสรมองเห็นปลายอ้อกับบุญทิ้งก็ยิ่งตกใจ ไม่คิดว่าทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกัน รีบหาที่ฉากหลบแอบดู
ศุภกฤตเข็นรถอัปสรผ่านหน้าตรงไปที่ลิฟต์ ปลายอ้อก้มหน้าคุยกับอัปสรท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก
พรทิพย์เขม้นมองทุกคนอย่างเก็บข้อมูล พอศุภกฤตเข้าลิฟต์ไป พรทิพย์ก็รีบเข้าลิฟต์อีกตัวตามไป

อีกฟาก เพียงฟ้านั่งยิ้มระรื่นอยู่ในห้องประชุม ฟังแสงโสมสรุปแผนงาน
“สรุปแผนงานของเพียงฟ้าก็เอาเป็นตามนี้นะคะ เราจะมีงานโรดโชว์ไปตามหัวเมืองต่างจังหวัดพร้อมกับเจ้าของสินค้า แล้วก็จะถ่ายเอ็มวีตัวเต็มออกฉาย หลังจากนั้นค่อยมีอีเวนท์ประกวดท่าเต้น”
“ฉันขอดูคอนเซปท์เอ็มวีคร่าวๆ ซักอาทิตย์หน้า ครีเอทีฟคิดว่าทันไหม” เสี่ยบอก
ทีมงานรับว่า “ทันครับ”
“ขอบคุณมากนะคะทุกคน ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างนี้ เพลงฟ้าต้องปังแน่ๆ เลยค่ะ”
“เอาล่ะ จบโปรเจ็กต์เพียงฟ้าไปแล้ว ก็มาว่ากันที่เรื่องปลายอ้อซักทีนะ
เพียงฟ้าหูผึ่ง ไม่รู้มาก่อน “ฮะ อะไรนะคะเสี่ย ทำไมมีเรื่องปลายอ้อด้วย”
“ก็เราผัดผ่อนเรื่องปลายอ้อมานานแล้ว ได้ยินว่าเขาหายดีแล้วใช่ไหม”
แสงโสมรายงานว่า “ครูวอยซ์บอกว่าเสียงหายดีแล้วค่ะ ร่างกายก็แข็งแรงดี”
“งั้นคงต้องเตรียมงานเพลงให้เขาได้แล้วล่ะ ที่จริงๆ ฉันก็มีคุยๆ กับเสี่ยเจริญเจ้าของค่ายไทยฟิล์ม แกอยากทำหนังลูกทุ่ง อาจจะส่งปลายอ้อไปแคสต์ แต่เราต้องเสนอตัวทำเพลงเองด้วย จะได้วางแผนการโปรโมทได้”
ทุกคนฟังที่บูรพาพูด จดบันทึกลงไปอย่างตั้งใจ มีเพียงฟ้านั่งหน้าหงิกงออยู่คนเดียว

เพียงฟ้าตามบูรพาเข้ามาในห้องทำงานของเสี่ย ปิดประตูปัง
“ทำไมเสี่ยจะต้องเข็นนังปลายอ้อไล่ตามก้นฟ้ามาด้วย”
“ก็มันถึงเวลาแล้ว ขืนชักช้ากระแสจะดับไปเสียก่อน”
“แต่เสี่ยไม่ยุติธรรม งานของฟ้าได้แค่โฆษณากับอีเวนท์ต่างจังหวัด แต่ทีนังปลายอ้อ เสี่ยจะให้มันเล่นหนังฉายไปทั่วประเทศ”
“ฉันไม่ได้เป็นคนกำหนด แต่เจ้าของค่ายหนังเขาอยากทำ”
“งั้นก็ให้ฟ้าเล่นด้วยสิคะ”
“เธอจะเอางานทุกอย่าง มากองไว้ที่ตัวเองคนเดียวไม่ได้หรอกนะเพียงฟ้า อย่าลืมว่างานที่เธอได้ไปนี่ก็เป็นของปลายอ้อมาก่อน”
เพียงฟ้ารู้ทัน “อ๋อ ฟ้ารู้ละ ที่เสี่ยยอมให้ฟ้าทำงานนี้ ก็เพราะมีของดีเก็บไว้ให้นังปลายอ้อนี่เอง”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม” เสี่ยชักรำคาญ
เพียงฟ้าแผดเสียง “เสี่ย”
“ฉันให้เธอมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำนะเพียงฟ้า แล้ววันนี้ฉันอารมณ์ดี กรุณาอย่าทำให้อารมณ์ฉันเปลี่ยน เพราะไม่งั้นจากที่เธอได้มากกว่าคนอื่น มันอาจจะไม่เหลืออะไรเลย”
เพียงฟ้าหน้าง้ำไม่พอใจ แล้วกระแทกเท้าเดินออกไป บูรพามองตามส่ายหน้า ก่อนกดโทรศัพท์หาแสงโสม
“แสงโสม โทร.หาปลายอ้อให้ฉันหน่อย บอกว่าฉันอยากให้เข้ามาคุยเรื่องงาน”
บูรพาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ รอเจอปลายอ้ออย่างใจจดใจจ่อ

ศุภกฤตจอดรถ แล้วลงไปช่วยบุญทิ้งขนกระเป๋า เห็นปลายอ้อประคองอัปสรลงมาจากรถ ขณะที่มืออีกข้างกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“เอ่อ ตอนนี้อ้อออกมาทำธุระข้างนอกค่ะคุณโสม ไม่ทราบมีธุระด่วนไหมคะ...ได้ค่ะ พรุ่งนี้จะสะดวกกว่า ฝากเรียนเสี่ยด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
ปลายอ้อวางสาย อัปสรได้ยินแว่วๆ รีบถาม
“มีงานเหรอลูก”
“จ้ะ”
“งั้นก็ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงแม่ เดี๋ยวบ่ายๆ น้ายุพาก็กลับมาแล้ว”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันบอกเขาว่าจะกลับเย็นๆ เลย ให้เสี่ยรอซะบ้าง จะได้รู้ว่าฉันไม่ใช่ของตาย”
ปลายอ้อประคองอัปสรเข้าบ้านไป
พรทิพย์นั่งมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในรถ จดสายตามองจ้องท่าทีกิริยาของปลายอ้อกับอัปสรอย่างมั่นใจแล้วว่าทั้งสองคนมีความเกี่ยวข้องกัน

บ่ายเดียวกัน ปอแก้วคุยกับเลขาของอภิวัชที่ออกมารับหน้า
“บอสเข้ามาเซ็นเช็คแล้วก็ออกไปแล้วค่ะ”
“ฉันโทร.หาเขาไม่ติดเลย เขามีธุระที่ไหนต่อทราบไหมคะ”
เลขาฝืนยิ้ม “ไม่ทราบเลยค่ะ แต่คุณปอแก้วมีอะไรจะฝากไว้ไหมคะ เดี๋ยวถ้าติดต่อบอสได้แล้วจะรีบแจ้งให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมาก”
ปอแก้วหันหลังกลับ เดินเศร้าออกมา ลองกดโทรศัพท์หาอีกที แต่โทรศัพท์ของอภิวัชปิดไปแล้ว

ค่ำนั้น ปอแก้วจอดรถหน้าบ้านอภิวัช มองเข้าไปเห็นบ้านปิดเงียบ รถก็ไม่อยู่ ปอแก้วลองโทรศัพท์อีกทีก็ยังไม่ติด จึงฝากข้อความไลน์
“คุณวัช แก้วอยากคุยกับคุณนะคะ...แก้วรู้ว่าตอนนี้คุณคงกำลังโกรธแก้วอยู่ แก้วก็โกรธตัวเองมากที่อ่อนแอ ไม่มีความเข้มแข็งเหมือนคุณ แต่ขอโอกาสให้แก้วได้กับคุณนะคะ แก้วจะรอคุณที่หน้าบ้านจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าเราจะได้พบกัน”
ปอแก้วกดวางสายแล้วฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยอย่างท้อแท้ เธอจอดรถอยู่ที่หน้าบ้านคนรัก ไม่ยอมไปไหน

ส่วนปลายอ้อแยกกับบุญทิ้งเดินมาที่บ้านพักศิลปินหญิง พบว่าบูรพามานั่งรออยู่หน้าบ้าน
“อ้าว เสี่ย มาทำอะไรมืดๆ คะ”
บูรพาหันมายิ้มให้ ลุกเดินมาหา “ฉันมารอเธอนั่นแหละปลายอ้อ”
“อ้อ นึกว่าคุณโสมเรียนเสี่ยแล้วว่าวันนี้อ้อไปอยู่กับแม่”
“ฉันรู้ แต่ฉันก็ร้อนใจ คิดว่ายังไงวันนี้ต้องเจอเธอให้ได้”
“มีเรื่องอะไรสำคัญเหรอคะ”
“เรื่องงานน่ะ” เสี่ยทำเสียงตื่นเต้น “คือวันนี้ฉันเพิ่งวางแผนงานของเธอ ตั้งใจว่าจะให้เธอไปเล่นหนังเพลงลูกทุ่ง แต่ก็บังเอิญที่เสี่ยเจ้าของค่ายเขาสนใจอยากเจอเธอขึ้นมากะทันหันวันนี้เลย ฉันก็เลยต้องรีบมาดักรอเธอ”
“เขาอยากพบฉันวันนี้เลยเหรอคะ”
“ใช่ เพราะเขารู้จักเธอจากในข่าวอยู่แล้ว ถ้าไปเจอกันแล้วคุยกันถูกใจ เธอก็คงได้เล่นเป็นนางเอกโดยไม่ต้องแคสต์เลยนะปลายอ้อ”
ปลายอ้ออึ้งไปเมื่อรู้ว่าถูกชวนออกไปข้างนอก บูรพาเห็นสีหน้าไม่เต็มใจของปลายอ้อก็พูดจาหว่านล้อม
“ทำไมล่ะ เธอไม่อยากเล่นหนังเหรอ”
“ก็อยากค่ะ แต่ว่าวันนี้...อ้อค่อนข้างเหนื่อย เสี่ยเลื่อนนัดไม่ได้เหรอคะ”
“ไม่ได้สิ เจ้าของค่ายเขาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ทำบ่ายเบี่ยงมาก เขาหันไปหาคนอื่นขึ้นมาล่ะแย่เลย ฉันว่าไปเจอกันวันนี้แหละ คงใช้เวลาไม่นานหรอก”
บูรพาเห็นปลายอ้อดูอึกอัก ก็พยายามโน้มน้าวอีก
“ปลายอ้อ งานชิ้นแรกของเธอมันควรจะเป็นงานใหญ่ๆ แบบนี้แหละ เล่นหนังเรื่องนึงก็ดังในวงกว้าง ยิ่งเป็นหนังเพลงลูกทุ่งด้วย แปลว่ามันต้องขายต่างจังหวัดได้เยอะแน่นอน เหมือนมนต์รักลูกุท่งประมาณนั้นแหละ เธอไม่อยากได้ความสำเร็จแบบนั้นเหรอ”
ปลายอ้อมีสีหน้าลังเลใจ เอายังไงดี

ปลายอ้อในเสื้อผ้าชุดใหม่เซ็กซี่ดูดี นั่งตัวเกร็งๆ อยู่ที่โต๊ะกับบูรพา ในบาร์หรูแห่งหนึ่ง
“เธออยากดื่มอะไร”
ปลายอ้อทำหน้าอึกอัก บูรพารู้ทันหัวเราะ
“ฉันไม่บังคับให้เธอดื่มเหล้าหรอกน่า น้ำอัดลม หรือน้ำผลไม้ก็มี”
ปลายอ้อรับเมนูมาดู “งั้นขอเป็นมะนาวโซดาก็ได้ค่ะ”
พนักงานรับออเดอร์เดินออกไป ปลายอ้อมองไปรอบๆ
“แล้วเสี่ยเจริญอยู่ไหนล่ะคะ”
“กำลังลงมา เสี่ยแกพักอยู่บนโรงแรมนี้แหละ แกเป็นเจ้าของ”
ปลายอ้อพยักหน้ารับเอาคำ มองไปรอบๆ อย่างตื่นตา
“เธอนั่งเล่นไปก่อนนะ ฉันขอไปห้องน้ำหน่อย”
บูรพาลุกเดินออกไป ปลายอ้อนั่งมองไปที่ประตูอย่างใจจดจ่อ แล้วหยิบมือถือออกมาจะกดหาบุญทิ้ง แบตใกล้จะหมดเต็มทน
บูรพาทำทีเหมือนจะเดินไปที่ห้องน้ำ แต่กลับอ้อมไปทางหลังบาร์ตรงไปหาบาร์เทนเดอร์ แล้วแล้วหยิบแบงค์ที่พับเป็นทบเล็กๆ หนีบซองยาบางอย่างส่งให้ พร้อมกับกระซิบกระซาบบางอย่างกับบาร์เทนเดอร์ โดยที่ปลายอ้อไม่รู้ชะตาตัว

เวลาผ่านไป พนักงานเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟที่โต๊ะปลายอ้อ เห็นบูรพาเดินกลับมานั่งด้วยเชิญให้ปลายอ้อดื่ม
ตรงมุมมืดๆ ในบาร์ อภิวัชนั่งดื่มอยู่นานแล้ว โดยที่บูรพาไม่สังเกตเห็น
อภิวัชจิบเหล้าในมือจนหมดแก้ว มองมาทางบูรพา สายตากึ่มๆ หันไปสั่งเหล้าเพิ่ม
“ขอแบบนี้อีกแก้วนึง”
บาร์เทนเดอร์ผสมเหล้าให้อภิวัชดื่มอีก จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือเขาดังขึ้น
“ฮัลโหล”
เป็นสายของรปภ. โทร.มาจากป้อมยามหมู่บ้าน
“ผมรปภ.หมู่บ้านนะครับคุณอภิวัช เอ่อ เกี่ยวกับคุณผู้หญิงที่ผมโทร.มารายงานตอนเย็นน่ะครับ”
รปภ.พูดพลางหันไปมอง เห็นรถจอดอยู่ที่เดิม โดยปอแก้วเดินออกมาพยายามกดกริ่ง เผื่อว่าอภิวัชจะหลบอยู่
“เธอยังไม่ไปไหนเลยครับ”
อภิวัชฟังแล้วรู้ว่าเป็นปอแก้ว สีหน้าเงียบขรึม
“ให้ผมทำยังไงดีครับ”
“ไม่ต้องทำยังไงทั้งนั้น ให้เขารอต่อไป คืนนี้ผมไม่กลับบ้าน”

อภิวัชวางสายไป แล้วหยิบแก้วเหล้ามาดื่มต่อ สายตามองไปที่บูรพากับปลายอ้อนิ่งๆ

อ่านต่อตอนที่ 15


กำลังโหลดความคิดเห็น