เทพธิดาขนนก ตอนที่13 | เพลงรักข้ามทุ่ง
บทประพันธ์ : เพ็ญสิริ บทโทรทัศน์ : ปริศนา และ ทีมวันสุข
ทีมงานช่วยกันยกข้าวของจัดเตรียมสถานที่จัดงานอีเวนท์เป็นที่วุ่นวาย ปอแก้วเดินตรวจดูความเรียบร้อยก่อนงานเริ่มด้วยตัวเอง
จังหวะหนึ่งโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปอแก้วหยิบออกมาดูเห็นชื่ออภิวัชโทร.มาจะกดรับ แต่ทีมงานวิ่งเข้ามาหาขัดเสียก่อน
“คุณปอแก้วครับ สายจากทางลูกค้า”
ปอแก้วกดตัดสายมือถือจากอภิวัชไป แล้วรับโทรศัพท์จากทีมงานมา เดินออกไปคุยสาย
อภิวัชอยู่ที่อาร์ทิสต้า เขาพยายามกดโทร.หาปอแก้วตลอดเวลา แต่ปอแก้วกลับวางสาย เขายิ่งร้อนร้นกระวนกระวายใจ เลขาเดินแกมวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหา
“บอสคะ มีนักข่าวมารอขอสัมภาษณ์อยู่ที่ฟรอนท์ค่ะ”
“ผมไม่ให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น ไล่กลับไปให้หมด” เขายื่นกุญแจรถให้ “ให้ใครเอารถผมไปจอดรอหลังตึกนะ เดี๋ยวผมจะออกด้านหลัง”
“แล้วประชุมเช้านี้ล่ะคะ”
“ยกเลิกไปก่อน ผมมีธุระ”
อภิวัชพูดจบก็รีบออกไป
อีกฟากแววเดือนเดินหาวลงมาจากชั้น เห็นเกวลีเตรียมยำแหนมอยู่หน้าจอทีวี
“มีอะไรกินบ้างวะไอ้ลี ฉันหิว”
“มีข้าวผัดแหนมอยู่ใต้ฝาชีจ้ะพี่แวว อุ่นได้เลย”
แววเดือนเดินไปชะโงกดูโต๊ะกินข้าว เห็นเกวลียังดูทีวีตาไม่กะพริบ
“ดูอะไรวะ ละครเหรอ ปกติไม่เคยเห็นติดทีวีนี่หว่า”
“ข่าวคุณปอแก้วจ้ะ”
แววเดือนหูผึ่งรีบเดินมาดูข่าวใกล้ๆ
“ถือเป็นข่าวเซอร์ไพรส์วงการจริงๆ ครับสำหรับความสัมพันธ์ของคุณปอแก้ว ศิริโชคสมบูรณ์ ผู้บริหารค่ายเพลงบูรพาซาวด์ และคุณอภิวัช ดำรงชัยแห่งค่ายอาร์ทิสต้า” พิธีกร1 เปิดประเด็น
“ต๊ายยยยย อะไรวะเนี่ยไอ้ลี”
“สายข่าวของเราแอบสืบมาว่า สองคนนี้เขาคบหากันมานานแล้วตั้งแต่อยู่เมืองนอกค่ะ แต่ก็อุบเงียบ ก็คงจะเงียบไปอีกนานถ้าไม่มีคลิปหลุดออกมา” พิธีกร2 ว่า
แววเดือนอ้าปากหวอ “ฮ้า คลิปหลุด”
“หรือว่าจะเป็นการสร้างกระแส เพราะวันนี้กำลังจะมีอีเวนท์ของบูรพาซาวด์พอดี” พิธีกร2 เผือก
“งั้นต้องรอติดตามแล้วค่ะว่าทางบูรพาซาวด์กับ อาร์ทิสต้า จะมีคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง” พิธีกร2 สรุป
เกวลีปิดทีวี ท่าทางนิ่งๆ ไม่ตื่นเต้นเพราะเคยแอบเห็นคลิปที่ปลายอ้อแล้ว แววเดือนเข้าไปเขย่าตัว
“ไอ้ลี แกเล่ามาเดี๋ยวนี้ ฉันตกข่าวอะไร แล้วคลิปหลุดคืออะไร อย่าบอกนะว่าเป็นคลิปคุณปอแก้วกำลัง...”
“ไม่ใช่อย่างที่พี่แววเข้าใจหรอก เป็นคลิปกุ๊กกิ๊กของคุณปอแก้วกับคุณอภิวัชเฉยๆ น่ะ”
“เฮ่อ ค่อยยังชั่ว” แววเดือนนึกตาม “แต่ก็แปลว่าเขาสองคนเป็น...”
เกวลีพยักหน้า “นั่นแหละจ้ะ เสี่ยจะว่าไงบ้างก็ไม่รู้”
อัปสรดูข่าวในทีวีด้วยความสะใจ
“นักข่าวทีวีนี่ทำงานไวดีนะ ได้คลิปปุ๊บก็เล่นข่าวปั๊บ”
“โชคดีที่อ้อรู้จักนักข่าวสายทีวี ตอนไปออกรายการโปรโมท”
ที่แท้อัปสรกับปลายอ้อ เป็นคนปล่อยคลิปลับเอ็มวีหวานๆ ของปอแก้วและอภิวัช
โดยในค่ำคืนนั้นอัปสรคุยนอนคุยโทรศัพท์อยู่บนเตียง
“ฮัลโหล ฝ่ายรายการทีวีของสตาร์เดลี่ใช่ไหมคะ” อัปสรคุยสายพลางเหลือบมองหน้าปลายอ้อที่กำลังลุ้นอยู่ “ฉันมีข้อมูลลับของผู้บริหารบูรพาซาวด์ อยากจะส่งให้ดู ไม่ทราบต้องติดต่อที่ไหนคะ”
อัปสรฟังปลายสายบอก แล้วยิ้มพรายออกมา
อัปสรดูข่าวในทีวี ซึ่งยังคงเล่นคลิปของปอแก้ววนอยู่
“ป่านนี้ไอ้เสี่ยคงดิ้นพล่านที่รู้ว่าลูกสาวที่มันหวงนักหนา แอบกินอยู่กับผู้ชายที่มันเกลียดขี้หน้า”
“เขาอาจจะยังไม่ได้กินกันก็ได้มั้ง” บูญทิ้งทักท้วง
ปลายอ้อฉุน “พี่ทิ้งอย่ามาโลกสวยไปหน่อยเลย คบกันตอนอยู่เมืองนอกตั้งหลายปีป่านนี้จะเหลือเหรอ”
อัปสรเอ่ยขึ้น “เสียดายนะที่อ้อได้มาแค่คลิปกอดจูบ ถ้ามันเป็นคลิปที่ถึงลูกถึงคนกว่านี้คงสะใจพิลึก”
บุญทิ้งเซ็ง “โห น้าสร อย่าหวังทำลายกันขนาดนี้เลย อย่างน้อยคุณปอแก้วเขาก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรกับเรา”
อัปสรแหวใส่เสียงเขียว “ทำไมจะไม่มี ที่มันจงใจทำให้ปลายอ้อร้องเพลงไม่ได้ล่ะ”
“ไม่มีหลักฐานซะหน่อยว่าเป็นทำ”
อัปสรตวาดแว้ด “นี่แกเข้าข้างมันเหรอ แกเปลี่ยนไปอยู่ข้างมันตั้งแต่เมื่อไรฮะไอ้ทิ้ง”
อัปสรถูกขัดใจอารมณ์ขึ้น โมโหสุดขีด คว้าหมอนปาใส่ บุญทิ้งตกใจ
“ถ้าแกเห็นอกเห็นใจมันนักก็ไปอยู่เป็นพวกมัน แล้วไม่ต้องมานับญาติกับฉัน”
“น้าสร...”
“ไป๊”
อัปสรหยิบหมอนอีกใบจะขว้าง ปลายอ้อรีบแย่งไว้
“ใจเย็นๆ จ้ะแม่ พี่ทิ้งเขาไม่ได้ความอย่างนั้นหรอก”
“ไม่จริง ไอ้ทิ้งมันอยู่ข้างพวกมัน ไอ้เนรคุณ ไอ้อกตัญญู”
อัปสรร้องโวยวายดังลั่น
“ไม่เอาจ้ะแม่ ไม่เอานะ”
ปลายอ้อกอดอัปสรไว้จนสงบลง แล้วพยักพเยิดให้บุญทิ้งออกไปก่อน
บุญทิ้งนั่งเครียดอยู่หน้าห้อง สักครู่หนึ่งปลายอ้อจึงตามออกมา
“อย่าไปถือแม่เลยนะพี่ทิ้ง”
“ฉันไม่ถือหรอก แต่ฉันไม่อยากให้น้าสรเป็นแบบนี้เลย จิตใจที่หมกมุ่นแต่ความคิดแบบนี้ ทำให้แกไม่หายซักที”
“พี่ทิ้งก็รู้ว่าแม่ผ่านอะไรมาบ้าง”
“ฉันรู้ แต่ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าสนับสนุนให้แกตามใจน้าสร สุดท้ายแล้วจะทำให้แกหลุดพ้นจากอารมณ์เคียดแค้นพยาบาทนี้ได้จริงๆ”
บุญทิ้งนิ่งคิด เงยหน้ามองปลายอ้อพูดด้วยท่าทีจริงจังขึ้น
“หรือร้ายที่สุดคือ วันนึงน้าสรแกหลุดพ้นได้จริง แต่แกต้องกลายเป็นคนที่จมกับความพยาบาทนี้แทน”
ปลายอ้ออึ้งไปนิดๆ ก่อนจะเฉไฉหัวเราะออกมา “มันเป็นอย่างนั้นได้ยังไง ถ้าฉันแก้แค้นให้พ่อกับแม่ได้ ทุกอย่างระหว่างฉันกับไอ้บูรพาก็จบสิ้น ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”
“ความแค้นมันเป็นดาบสองคมนะเว้ย แกเดินเข้ามาในสมรภูมินี้แล้ว จะออกไปโดยไม่มีบาดแผล ฉันว่ายากว่ะ พูดให้คิดแค่นี้แหละ”
บุญทิ้งเดินหงอยๆ ออกไป ปลายอ้อมองตาม ยังไม่เข้าใจนัก
ที่อีเวนท์เพียงฟ้านั่งแต่งตัว มีลั้นลาช่วยดูแลความเรียบร้อยกับช่างหน้าช้างผม แสงโสมแหวกม่านดูด้านนอก
“นักข่าวมาอยู่ข้างนอกเต็มเลย แปลกจัง ทุกทีก็ไปรอที่งานเป็นระเบียบเรียบร้อยดีนี่”
“แปลกใจทำไมคะคุณโสม นี่เพียงฟ้ากลับมาออกงานแรกทั้งนี้ เขาก็ตื่นเต้นกันเป็นธรรมดา”
“ฟ้าพร้อมแล้ว ออกไปเลยก็ได้ค่ะ”
เพียงฟ้าเช็ความเรียบร้อยแล้วลุกขึ้น ทีมงานและแสงโสมเปิดประตูให้
นักข่าวกรูกันเข้ามา เพียงฟ้ารีบยกมือไหว้กราด ปรี่เข้าไปหา
“สวัสดีค่าพี่ๆ ขอโทษนะคะที่ให้รอ”
นักข่าวไม่มีใครสนใจเพียงฟ้าสักคน ชะเง้อไปทางด้านหลังตะโกนถามปอแก้วเซ็งแซ่
“คุณปอแก้วครับ ขอสัมภาษณ์หน่อยครับ”
“คุณปอแก้วเห็นคลิปแล้วรู้สึกยังไงบ้างคะ”
“เรื่องรักข้ามค่ายเป็นจริงไหมคะคุณปอแก้ว”
เพียงฟ้าอึ้งหนักหันไปหาปอแก้วเชิงถาม ปอแก้วก็งงเหมือนกัน ยังไม่คิดถึงเรื่องตัวเอง
แสงโสมเข้ามาเคลียร์ “เดี๋ยวๆ อะไรกันคะ”
“พวกเราอยากสัมภาษณ์คุณปอแก้วครับ” นักข่าว1 บอก
เพียงฟ้างงหนักและเริ่มไม่พอใจ “เดี๋ยวนะคะ นี่มันอีเวนท์ของฟ้า ทำไมไม่คุยกับฟ้าล่ะคะ”
นักข่าวไม่สน พากันแทรกเข้ามาในห้องแต่งตัวตรงมาหาปอแก้วที่ยังเหวออยู่
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ”
นักข่าว1 ถามชัดๆ “เรื่องคลิปหวานของคุณปอแก้วกับคุณอภิวัชที่หลุดออกมา คุณปอแก้วยังไม่ได้ดูเหรอครับ”
ปอแก้วอึ้ง ตกใจ นักข่าวแย่งกันถามเซ็งแซ่
“คลิปอะไรกัน”
ลั้นลาลนลานหยิบมือถือเปิดดู ขณะที่ปอแก้วถอยหนีนักข่าวที่เข้ามารุมจนชิดมุมห้อง
“ขอคำยืนยันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณกับคุณอภิวัชหน่อยครับคุณปอแก้ว”
“คลิปนี้ไงคะ”
นักข่าว2 เปิดคลิปในมือถือ ยื่นให้ปอแก้วดู ปอแก้วอึ้งหน้าถอดสี จังหวะเดียวกันลั้นลาเปิดเจอในเน็ตเอาให้แสงโสมดู แสงโสมอ้าปากค้างหันไปหาปอแก้ว
“เอ่อ วันนี้ฉันยังไม่สะดวก เชิญสัมภาษณ์เพียงฟ้าดีกว่านะคะ”
ปอแก้วพยายามเลี่ยงหนีจากกองทัพนักข่าว นักข่าวกรูตามเอาไมค์จ่อปาก
“เดี๋ยวก่อนครับคุณปอแก้ว”
ปอแก้วแหวกดงนักข่าวหนีออกมา นักข่าววิ่งตามไปติดๆ ร้องเรียกเซ็งแซ่ เพียงฟ้าเลิ่กลั่ก
“เดี๋ยวก่อน แล้วฟ้าล่ะ สัมภาษณ์ฟ้าสิคะ นี่อีเวนท์ของฟ้านะ”
เพียงฟ้าเต้นเร่าๆ ร้องเรียกนักข่าว แต่ไม่มีใครหันกลับมา
ปอแก้ววิ่งหนีนักข่าวออกมาทางลานจอดรถด้านหลังห้าง นักข่าววิ่งตามมาติดๆ
“คุณปอแก้วๆๆ”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดค่ะ ขอตัวนะคะ”
นักข่าววิ่งไล่ตามปอแก้วไม่ลดละ ปอแก้วพยายามจะวิ่งไปที่รถ แต่รถคันหนึ่งแล่นมาตัดหน้าพอดี ปอแก้วมองรถจำได้ว่าเป็นรถอภิวัช รีบเปิดประตูแล้วกระโดดขึ้นรถไป นักข่าวตาไวเห็นอภิวัชในรถ
“เฮ้ย นั่นคุณอภิวัช”
นักข่าวรีบพากันระดมยิงชัตเตอร์รัวๆ อภิวัชขับรถออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
อภิวัชรีบขับรถออกมาจากห้าง หันไปมองปอแก้วที่ยังตัวสั่น เอื้อมมือจับแขน
“ใจเย็นๆ ตั้งสติก่อน”
“คุณรู้เรื่องแล้วเหรอ”
อภิวัชพยักหน้า “ผมพยายามจะโทร.หาคุณ แต่คุณไม่รับสาย”
“ฉันกำลังคุยงานอยู่ ไม่คิดเลยว่าจะมันมีเรื่องเกิดขึ้นวันนี้” ปอแก้วนึกได้ “ต้องเป็นเพราะซีดีที่ฉันทำหล่นหายบนแท็กซี่แน่เลย แล้วมันหลุดไปถึงนักข่าวได้ยังไง”
“ผมก็ไม่รู้ เห็นอีกทีมันก็มาเปิดในรายการของช่องสตาร์เดลี่ทีวีแล้ว”
ปอแก้วสะดุดหู “ฮะ คุณบอกว่าเห็นจากช่องไหนนะ”
อีกฟาก ชัยยศออกจากห้องทำงาน เห็นศุภกฤตเดินหน้าบึ้งเข้ามาที่โต๊ะ เหลือบมองนาฬิกาอย่างแปลกใจ
“ทำไมกลับแล้ววะไอ้กฤต อีเวนท์ยังไม่เริ่มนี่”
“อีเวนท์มันสำคัญด้วยเหรอพี่ ในเมื่อตอนนี้มีข่าวอื่นมาแย่งซีน พี่ไม่ได้ส่งผมไปทำข่าวอีเวนท์หรอก ยอมรับมาเถอะ”
ชัยยศอึ้งไป ศุภกฤตเดินเข้ามาใกล้ กระชากบัตรห้อยคอออกวางกระแทกกับโต๊ะ
“ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าจะไม่เล่นข่าวคุณปอแก้ว แต่พี่ก็ยังบังคับให้ผมทำในสิ่งที่ผมไม่ชอบ งั้นผมขอลาออก”
“เฮ้ย”
ศุภกฤตหันกลับจะเดินออกจากห้อง ชัยยศรีบวิ่งไปขวาง
“เดี๋ยวก่อน ใจเย็นๆ สิวะ”
“ผมคงเป็นนักข่าวที่ไม่เหมาะกับที่นี่”
“เฮ้ย แกต้องเข้าใจฉันบ้างสิ จะให้ฉันทำยังไง ข่าวทีวีมันออกไปแล้ว เราก็ต้องเล่นตาม ไม่งั้นผู้บริหารก็ต้องมาด่าพวกเราว่าไม่ตามข่าว”
ศุภกฤตหันหน้าหนีไม่อยากฟัง ชัยยศง้อสุดชีวิต
“ฉันยอมรับว่ารู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว บก.ข่าวทีวีเขาโทรมา ฉันก็พยายามทัดทานแล้วว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว เสี่ยงโดนฟ้อง ฉันไม่ได้บอกเขาด้วยซ้ำว่าเรามีภาพถ่าย เพราะเขาดันมีคลิป”
ศุภกฤตแปลกใจ “คลิปอะไร”
“ก็คลิปภาพกอดหอมจุ๊บกันของคุณปอแก้วกับแฟนเขานั่นแหละ ไม่รู้ว่าใครส่งไปให้ ฉันพยายามเค้นถามหลายรอบก็เขาไม่ยอมบอก แต่ยืนยันว่ายังไงก็ต้องเล่นข่าวนี้ให้ได้ แล้วจะให้ฉันทำยังไงวะไอ้กฤต”
ชัยยศกลุ้มหนัก ลึกๆ รู้สึกผิด ขณะที่ศุภกฤตเครียดจัด ไม่เคยรู้เรื่องคลิปหวานนี้เลย
อภิวัชจอดรถที่หน้าคฤหาสน์บ้านเสี่ยบูรพา มองเข้าไปด้านในอย่างเป็นกังวล
“คุณแน่ใจเหรอว่าจะเข้าไปตอนนี้”
ปอแก้วพยักหน้าให้ “จะช้าหรือเร็ว ฉันก็ต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับคุณพ่ออยู่ดี”
“รอให้พ่อคุณใจเย็นลงก่อนไม่ดีกว่าเหรอ”
“ไม่ละ คุณพ่อคงจะยิ่งโกรธมากขึ้น ถ้าฉันทำเหมือนคนหนีปัญหา ในเมื่อกล้าทำก็ต้องกล้ารับ” ปอแก้วฝืนยิ้มให้ “ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
ปอแก้วเปิดประตูรถลงไปหยุดยืนทำใจอยู่หน้าบ้าน ได้ยินเสียงประตูเปิดหันไปมองเห็นคนรักตามลงมาด้วย
“คุณจะลงมาทำไม กลับไปเถอะ”
“ไม่ คุณพูดถูก ผมกล้าทำก็ต้องกล้ารับ ผมจะไม่ทิ้งให้คุณเผชิญกับปัญหาลำพัง”
“แต่...”
อภิวัชจับมือปอแก้วขึ้นมากุม แล้วเดินเข้าบ้านไปด้วยกัน
อัมพรแอบชะเง้อชะแง้มองไปทางประตูบ้าน แล้วกลับมารายงานพรทิพย์ที่โถงรับแขก
“คุณปอแก้วมาแล้วค่ะ แต่มากับ...”
พรทิพย์เห็นสีหน้าอัมพรก็อ่านออกว่าอภิวัชมาด้วย นั่งไม่ติด แต่บูรพาไวกว่าลุกพรวดออกไปทันที
“คุณคะ”
บูรพาเดินลิ่วๆ ไม่สนใจ พอปอแก้วกับอภิวัชเปิดประตูเข้าบ้านมา ก็ตะบันหน้าอภิวัชเปรี้ยง เขาเซไปนิดๆ ปอแก้วตกใจ
“คุณพ่อ”
“ไอ้สารเลว แกกล้าดียังไง เอาตัวมาแปดเปื้อนลูกสาวฉัน ไอ้คนไม่เจียมตัว”
บูรพาชกซ้ำอีกเปรี้ยง คราวนี้อภิวัชล้มลงเสี่ยเข้าไปเตะซ้ำ พรทิพย์กับดาราดึงไว้ ปอแก้วเข้าไปกอดประคองอภิวัช
“คุณพ่อ อย่านะคะ”
“แกก็เหมือนกัน เสียแรงที่พ่ออุตส่าห์เลี้ยงมาอย่างทนุถนอม ทำไมแกถึงได้ทำตัวแบบนี้”
“แก้วกับคุณวัชไม่เคยทำตัวไม่เหมาะสม”
“ไปกอดไปจูบกับมันยังไม่เรียกว่าไม่เหมาะสมอีกเหรอ”
“แก้วกับคุณวัชเป็นคนรักกัน สิ่งที่เราแสดงออกมามันก็เป็นเรื่องปกติของคนรัก ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น” ปอแก้วอธิบาย
บูรพาฟังแล้วยิ่งปรี๊ดแตก หันไปเหวี่ยงใส่พรทิพย์
“ฟังลูกคุณพูดซิ เลี้ยงดูกันภาษาอะไร”
“ผมสาบานได้ว่าเราสองคนไม่เคยทำอะไรเสียหาย” อภิวัชในสภาพเลือดซึมตรงมุมปากอธิบาย
“ที่ลูกฉันไปเกลือกกลั้วกับแกมันก็เสียหายมากพอแล้ว”
บูรพาจะเข้าไปซ้ำอีก แต่พรทิพย์ดึงไว้
“อย่านะคุณ จะฆ่ากันให้ตายหรือไง”
“ตายซะได้ก็ดี”
บูรพาขืนตัวจะเข้าไปกระทืบให้ได้ ปอแก้วโอบกอดอภิวัชแน่น
“คุณวัชเขาไม่ผิด แก้วผิดเองที่ไม่ได้บอกคุณพ่อเร็วกว่านี้ ถ้าคุณพ่อจะทำอะไรก็ทำแก้วเถอะค่ะ”
“นังลูกไม่รักดี”
บูรพาโมโห เงื้อมือจะตบ พรทิพย์รีบเข้าไปขวางอีกคน
“ถ้าคุณทำลูกเจ็บแม้แต่ปลายเล็บ เพราะฉันจะไม่เกรงใจคุณอีกต่อไป”
บูรพาเงื้อมือค้าง เมื่อเห็นสีหน้าเอาจริงของพรทิพย์
“โธ่โว้ย”
บูรพาหงุดหงิดผลุนผลันออกจากบ้านไป
แววเดือนนั่งดูข่าวปอแก้วในโซเชียล ก่อนจะโวยวายเสียงดังขึ้น
“ตายๆๆ ฉันไม่นึกเลยว่าคุณปอแก้วจะเป็นไปได้”
ปลายอ้อยิ้มๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“พี่แววก็พูดซะอย่างกับคุณปอแก้วไปทำเรื่องเสียหาย ก็แค่คนรักกันเขาถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอเล่นกันธรรมดา”
เกวลีเหลือบมองท่าทีปลายอ้อ แต่ยังทำเฉยๆ ไม่ออกความเห็นอะไร
“มันไม่ธรรมดาก็เพราะปกติเสี่ยแกก็หวงลูกสาวอย่างกับจงอางหวงไข่อยู่แล้ว นี่กลายเป็นว่านอกจากลูกสาวจะแอบไปมีแฟน ผู้ชายคนนั้นดันเป็นเจ้าของค่ายเพลงคู่แข่งซะอีก แล้วดูสิ ตอนนี้ข่าวมันดังยิ่งกว่างานอีเวนท์นังเพียงฟ้าอีก” แววเดือนว่า
เกวลีแปลกใจ “ลีนึกว่าพี่แววจะสมน้ำหน้าคุณเพียงฟ้าซะอีก”
“แหม เรื่องนั้นฉันก็สะใจอยู่ แต่ฉันก็ไม่อยากให้ค่ายเรามันมีแต่ข่าวรักๆ ใคร่ๆ ไม่เห็นจะมีใครได้ประโยชน์เลย”
ปลายอ้อยิ้มในสีหน้าประชดในที “ไม่แน่นะเจ๊ สุดท้ายอาจจะเป็นผลดีให้สองค่ายมาจับมือร่วมกันก็ได้”
“น้อยไปสิ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างเสี่ยจะจับมือกับใครได้ ในสายตาแก บูรพาซาวด์ต้องยืนหนึ่งเท่านั้น”
ปลายอ้อก้มหน้าซ่อนความสะใจเอาไว้ แต่ไม่รอดพ้นสายตาเกวลี
อภิวัชนั่งอยู่ที่โซฟา ใบหน้าปูดบวมมีปอแก้วอยู่ข้างๆ อัมพรเอากล่องยามาให้
“อุปกรณ์ทำแผลมาแล้วค่ะ”
“เดี๋ยวแก้วทำเองจ้ะ”
ปอแก้วเปิดกล่องยา เตรียมสำลีเช็ดแผลให้อภิวัชอย่างนิ่มนวล อภิวัชหันไปมองพรทิพย์อย่างเกรงใจ พยายามยกมือไหว้
“ผมต้องกราบขอโทษคุณแม่ ที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
“แม่ไม่ได้ติดใจอะไร นอกจากสงสัยว่าคลิปมันหลุดไปได้ยังไง”
“แก้วทำหล่นหาย วันที่ถูกแท็กซี่จี้น่ะค่ะ”
“ตอนแรกคุณแก้วก็กังวล แต่ผมสะเพร่าเองที่ไม่กลับไปตามหา เพราะคิดว่าเราสองคนไม่ใช่ดารา ใครมาเอาไปเปิดดูก็คงไม่ได้สนใจ เพราะมันไม่ใช่ภาพหวือหวา แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมนักข่าวถึงได้แผ่นซีดีนี้ไป”
ปอแก้วฟังที่อภิวัชพูดแล้วเกิดความคิดวาบขึ้นในหัว สงสัยศุภกฤต แต่ไม่ได้พูดอะไร
“คราวซวยแท้ๆ เลยนะคะ” อัมพรว่า
“แต่แก้วยืนยันได้นะคะคุณแม่ เราสองคนยังไม่...”
“แม่เชื่อ แต่คุณพ่อเขาเป็นคนเข้าใจอะไรยากต้องให้เวลาเขาหน่อยนะ”
พรทิพย์จงใจพูดกับอภิวัชเพื่อให้กำลังใจโดยเฉพาะ อภิวัชพยักหน้ารับ แม้จะยังรู้สึกเครียดๆ อยู่
อีกฟาก ศุภกฤตมารอพบปอแก้วที่ค่าย แต่ไม่เจอ รอจนเย็นย่ำจึงเดินจ๋อยกลับมาที่รถ จนได้ยินเสียงปลายอ้อเรียก
“คุณศุภกฤต”
ศุภกฤตหันมาเห็นปลายอ้อก็ยิ้มออก รีบเดินมาหา
“คุณต้องช่วยผมได้แน่ๆ เลยปลายอ้อ”
“เรื่องอะไรเหรอ แล้วนี่คุณมาทำอะไรเย็นป่านนี้แล้ว”
“ผมมารอเจอคุณปอแก้ว”
ปลายอ้อชักสีหน้า แต่ศุภกฤตไม่ทันสังเกต
“คุณพอจะรู้จักบ้านเสี่ยบูรพาไหม พาผมไปหน่อยสิ”
“คุณจะไปทำไม” ปลายอ้อน้ำเสียงขุ่นไม่พอใจ “นี่อย่าบอกนะว่าจะตามไปทำข่าวเรื่องเขากับแฟน
“เปล่า ผมไม่ยุ่งกับข่าวนี้แน่นอน แค่อยากจะไปขอโทษคุณปอแก้ว”
ปลายอ้อนั่งฟังศุภกฤตปรับทุกข์
“ฉันก็สงสัยอยู่แล้วว่าคุณรู้เรื่องนี้มาตั้งนาน แต่ทำไมไม่ยอมตีข่าว ขนาดฉันส่งรูปให้ก็ไม่เอา”
“ผมไม่อยากให้เขามีปัญหากันน่ะ ก็พอรู้มาบ้างว่าเสี่ยแกไม่ชอบคุณอภิวัช”
ปลายอ้อยิ้มเยาะ “แบบนี้เรียกว่าผิดจรรยาบรรณนักข่าวนะ ที่ไม่รายงานความจริง”
“นักข่าวไม่ได้มีหน้าที่รายงานทุกอย่างที่รู้นะคุณ บางเรื่องเขียนไปแล้วเป็นเรื่องบานปลาย สร้างผลกระทบ เราก็เลือกที่จะไม่ทำได้ แบบนั้นต่างหากที่เรียกว่าผิดจรรยาบรรณ”
เห็นศุภกฤตมีท่าทางซีเรียสขึ้นมา ปลายอ้อรีบหัวเราะกลบเกลื่อน
“ฉันแค่แซวเล่น ไม่เห็นต้องซีเรียสเลย”
ศุภกฤตได้สติ ถอนใจ “ผมกำลังกลุ้มน่ะ กลัวคุณปอแก้วจะโกรธ เพราะรายการที่เปิดประเด็นนี้ก็ดันมาจากช่องทีวีบริษัทผมเอง ถึงผมจะไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยก็เถอะ”
“คุณแคร์เขามากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใครดีกับเรา เราก็ควรต้องแคร์เขาจริงไหม”
ปลายอ้อขัดใจ ที่ศุภกฤตเห็นใจปอแก้ว
“เผอิญฉันไม่รู้จักบ้านเสี่ยซะด้วยสิ ก็เลยพาคุณไปง้อคุณปอแก้วไม่ได้”
“แล้วเพื่อนที่ค่ายคุณล่ะ”
“ใครจะอยากยุ่งเรื่องนี้ เดี๋ยวก็ซวย ฉันว่าคุณใจเย็นๆ ก่อนดีกว่า คุณปอแก้วหลบหน้าคนไม่ได้นานหรอก”
ศุภกฤตพยักหน้า แต่ยังดูกังวลๆ ปลายอ้อเหลือบมอง หงุดหงิดใจ
บุญทิ้งนั่งเล่นกีตาร์อยู่หน้าบ้าน ปลายอ้อเดินมาทิ้งตัวลงนั่งด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“หมั่นไส้อีตาศุภกฤต เดือดเนื้อร้อนใจเรื่องนังปอแก้วเหลือเกิน ถึงกับต้องมาเฝ้าหน้าบริษัท”
“ก็คลิปนั้นมันแพร่มาจากบริษัทเขา เขาก็ต้องกลัวเดือดร้อนสิวะ แล้วแกเหอะ ไม่กลัวเดือดร้อนบ้างเหรอ”
“ใครจะสาวถึงตัวฉันได้ ไม่มีใครรู้นี่ว่าฉันแอบก็อปคลิปนั้นมาจากนังปอแก้ว”
“ฉันไม่ได้กลัวคนในบูรพาซาวด์จะรู้สิ่งที่แกทำหรอก แต่คุณกฤตน่ะไม่แน่ อย่าลืมว่าเขารู้จักน้าสร ถ้าแกกับน้าสรเกิดหลุดขึ้นมาว่าเป็นตัวการล่ะก็ ฉันกลัวว่าเขาจะมองแกเปลี่ยนไปจากเดิม”
ปลายอ้ออึ้งไป ลึกๆ ก็กังวลไม่น้อย แต่ยังทำเสียงไม่แคร์
“ก็ช่างสิ ถ้าเขาจะเลิกคบฉันเพราะเรื่องแค่นี้ ฉันก็จะถือว่าเขาเป็นพวกนังปอแก้ว”
บุญทิ้งวางกีตาร์ พลอยเซ็งไปด้วย
“เฮ้อ แกจะแบ่งพรรคแบ่งพวกทำไมวะ คนค่ายเดียวกันแท้ๆ ฉันว่าคุณปอแก้วเองก็ไม่เคยเห็นแกเป็นศัตรูหรอก ฉันไม่เชื่อเลยว่าเขาจะจ้างคนมาทำร้ายแกอย่างที่น้าสรมโน”
ปลายอ้อเสียงแข็งใส่ “นี่พี่ทิ้งว่าแม่เหรอ”
“ก็ฉันเห็นกับตาว่าเขาเป็นห่วงเป็นใยแก รีบพาส่งโรงพยาบาล แถมยังออกค่ารักษาให้หมด ถ้าคนมันเกลียดกันจริงๆ จะทำขนาดนี้ไหม”
“ก็เพื่อตบตาให้ทุกคนเชื่อว่าเขาเป็นคนดีไง พี่ทิ้งไม่ทันความคิดผู้หญิงหรอก” ปลายอ้อคุมแค้น
“แล้วแกล่ะ ทันความคิดน้าสรบ้างไหม เขาพยายามยัดเยียดความเกลียดชังใส่หัวแกก็เพื่อหวังผลแก้แค้น แต่แกเชื่อจริงๆ เหรอว่าคุณปอแก้วเขาจะเป็นคนเลวร้ายขนาดนั้น ลองถามใจตัวเองดูดีๆ นะ”
บุญทิ้งพูดออกไปอย่างสุดทน แล้วคว้ากีตาร์ลุกหนีไปอย่างเซ็งจัด ทิ้งให้ปลายอ้อจมอยู่กับความคิดสับสนในใจ
ปอแก้วประคองอภิวัชเข้ามาในบ้านของเขา
“ที่จริงคุณแม่ไม่เห็นต้องให้คุณมาส่งผมเลย เดี๋ยวถ้าพ่อคุณกลับมาแล้วไม่เจอ จะเอะอะอีก”
ปอแก้วพูดอย่างปลงๆ “ดูท่าทางแล้วคุณพ่อคงไปค้างที่อื่นอีกตามเคยแหละค่ะ”
อภิวัชเดินกระย่องกระแย่งไปนั่ง สังขารยังระบมตามแขนขาที่โดนเตะ
“พรุ่งนี้คุณจะไปทำงานไหวไหมเนี่ย”
“ถึงไหวก็คงไม่ไป ไม่อยากลากสังขารไปตอบคำถามคนอื่นว่าเกิดอะไรขึ้น” เขาแค่นยิ้ม “แต่ถึงไม่พูดอะไรคนก็คงซุบซิบนินทากันอยู่ดี”
“ฉันขอโทษนะ”
ปอแก้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ ซบหน้าลงกับไหล่คนรักเบาๆ รู้สึกผิดเต็มประตู
“ถ้าฉันเชื่อคุณ ยอมบอกคุณพ่อให้รู้เรื่องของเราเร็วกว่านี้ คุณพ่ออาจจะไม่โกรธขนาดนี้”
“ยังไงผมก็คงโดนอยู่ดี คุณอย่าคิดมากเลย”
อภิวัชหัวเราะขื่นๆ มองปอแก้วที่ซบหน้ากับไหล่ แล้วพูดอย่างจริงจังขึ้น
“สิ่งที่เราควรจะคิดตอนนี้ก็คือ จะทำยังไงให้พ่อคุณยอมรับความจริงว่า ท่านไม่มีสิทธิ์ขัดขวางความรักของเรา”
ปอแก้วนิ่งอึ้ง ยังคิดไม่ตก อภิวัชถามย้ำ
“เรายังจะสู้ไปด้วยกันใช่ไหมคุณแก้ว”
“ค่ะ”
ปอแก้วบีบมืออภิวัชเบาๆ แต่แววตาเต็มไปด้วยความกังวล
ทางด้านบูรพา พาตัวเองมาอยู่ที่บาร์เหล้าร้านประจำ นั่งดื่มไวน์แก้วแล้วเก้วเล่าจนเริ่มเมา
“ไวน์หมดเกลี้ยงแล้วค่ะเสี่ย” สาวอึ๋มเซ็กซี่ที่คอยดูแลบอก
“ก็ไปสั่งมาเพิ่มสิ”
“แต่เสี่ยดื่มมากไปแล้ว เดี๋ยวคืนนี้จะทำอะไรไม่ไหวนะคะ”
สาวอึ๋มคลอเคลียเพื่อให้บูรพาหยุดดื่ม บูรพาขืนตัวออกห่าง
“ไม่อยากได้เงินฉันหรือไง”
สาวอึ๋มเซ็ง ยกมือสั่งบ๋อยให้เอาเหล้ามาเพิ่ม พยายามคลอเคลียเอาอกเอาใจต่อ
“งั้นหนูดื่มด้วยนะคะ จะได้เมาเป็นเพื่อนกัน”
สาวอึ๋มหยิบไวน์จากบ๋อยมาริน แล้วยกแก้วตัวเองขึ้นชน
“เชียร์สค่ะ เนื่องในโอกาสอะไรดีน้า” สาวอึ๋มทำท่านึก พยายามหาเรื่องเอาใจ แล้วดันนึกถึงข่าวปอแก้ว “ฉลองข่าวดีที่ในอนาคตของลูกสาวเสี่ยแล้วกันนะคะ”
บูรพากำลังจะดื่ม ถึงกับชะงัก หันขวับมาหาอย่างไม่พอใจ
“เธอว่าอะไรนะ”
“ก็เรื่องที่ลูกสาวเสี่ยเปิดตัวแฟนไง อีกหน่อยคงจะมีข่าวดี” สาวสวยพูดโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“ข่าวดีเหรอ นี่แน่ะ”
บูรพาสาดไวน์ใส่หน้าจังๆ สาวอึ๋มตกใจ กรี๊ดลั่น
“อ๊าย อะไรกันเนี่ย เอาไวน์มาสาดฉันทำไม”
“แกจงใจเยาะเย้ยฉันใช่ไหม เห็นฉันเป็นตัวตลกเหรอ ฮะ”
บูรพาขาดสติคว้าคอหมับบีบเค้นอย่างแรง สาวอึ๋มตกใจดิ้นหนี ชาย1 หนุ่มโต๊ะใกล้ๆ เห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาห้าม
“ทำอะไรเนี่ยคุณ ปล่อยผู้หญิง”
“เสือกอะไรวะ”
บูรพาหันไปชกโครม ชาย1 เสียหลักไป เขาโมโหพุ่งเข้าเข้าใส่บูรพาคว้าคอเสื้อ
“เฮ้ย มึงเจ๋งเหรอไอ้แก่”
หนุ่มเงื้อหมัดจะต่อยบูรพา ผู้คนในผับเริ่มแตกตื่น ผู้จัดการกับบ๋อยรีบวิ่งเข้ามาห้าม
“คุณผู้ชายครับ ผมขอ อย่ามีเรื่องเลยนะครับ”
ชาย1 มองบูรพาอย่างระอา ยอมปล่อยมือจากคอเสื้อ กลับไปที่โต๊ะเซ็งๆ
บูรพาถูกรปภ.คุมตัวออกมา มีผู้จัดการร้านที่มักคุ้นกันตามมาด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจอยู่
“ปล่อย ไม่ต้องมาจับกู”
“เสี่ยกลับไปพักผ่อนดีกว่านะครับ”
บูรพาชี้หน้าด่ากราด “มึงไล่กู จำไว้เลยนะว่าพวกมึงเสียลูกค้าชั้นดีไปคนนึงแล้ว กูขอให้พวกมึงเจ๊งๆๆๆ”
บูรพาตะโกนเสียงดัง ผู้จัดการจะเข้าไปประคอง
“เสี่ยขึ้นรถเถอะครับ”
“ไม่ต้องเสือก”
บูรพาโซเซขึ้นรถ สตาร์ตเครื่องแล้วขับรถออกไปอย่างแรง ผู้จัดการมองตามอย่างโล่งอก กำลังจะกลับเข้าร้าน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังโครมใหญ่มาจากถนนด้านหน้าร้าน พร้อมเสียงแตรรถดังยาว
“เสี่ย”
ผู้จัดการรีบวิ่งออกไปที่หน้าถนน พร้อมกับรปภ.และไทยมุงคนอื่นๆ
ฝ่ายปลายอ้อลงไปอาบน้ำแต่งตัวกลับขึ้นมาบนห้อง เห็นเกวลียังนั่งอยู่บนเตียงตัวเอง
“อ้าวลี ยังไม่นอนเหรอ”
“ฉันนอนไม่หลับน่ะ”
“เป็นอะไรจ๊ะ กังวลเรื่องอะไร”
ปลายอ้อถามเรื่อยเปื่อย ขณะประทินโฉมบำรุงหน้าตาเนื้อตัวอยู่หน้ากระจก
“เป็นห่วงคุณปอแก้ว”
ปลายอ้อชะงัก ชักสีหน้าเป็นไม่พอใจแว่บหนึ่งผ่านกระจก จนเกวลีสังเกตเห็นได้
“ถ้าเป็นข่าวคลิปหลุด เดี๋ยวมันก็ซาไปเองแหละ ไม่ใช่คลิปฉาวซะหน่อย ไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
“ถ้าไม่มีอะไร แล้วอ้อเซฟคลิปนั้นมาทำไม”
ปลายอ้อสะอึกอีกรอบ ไม่คิดว่าเกวลีจะรู้เรื่องนี้ เกวลีพูดต่อเสียงนิ่งๆ
“ตอนที่ลีแอบเอาเพลงที่อ้อจะเข้าห้องมาฝึกร้อง ลีเห็นนะว่านอกจากไฟล์เพลง อ้อเซฟคลิปนี้มาด้วย”
ปลายอ้ออึ้ง รีบทำเป็นพูดกลบเกลื่อน
“มันคงติดมา เพราะคุณปอแก้วนั่นแหละเป็นคนเซฟให้ นี่อ้ออุตส่าห์ไม่บอกใครนะ ไม่นึกว่าลีจะรู้”
เกวลีมองจ้องหน้าปลายอ้อไม่เชื่อนัก จึงตัดสินใจถามตรงๆ
“อ้อ ไม่ได้เป็นคนส่งคลิปนั้นให้สตาร์เดลี่ใช่ไหม”
ปลายอ้อหัวเราะกลบเกลื่อน “ตายแล้ว มโนไปกันใหญ่ ไปถามคุณศุภกฤตได้เลย เรื่องนี้อ้อไม่เกี่ยวนะ เขาเองก็ยังกลุ้มใจอยู่เลยเพราะไม่รู้ใครเป็นแหล่งข่าว”
เกวลียังมองหน้าปลายอ้อด้วยสายตาเคลือบแคลง ปลายอ้อหันกลับมา
“ทำไมลีคิดว่าอ้อเป็นคนทำ ในเมื่อเรื่องนี้ อ้อไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยเป็นข่าวขึ้นมา ค่ายก็ได้รับผลกระทบ งานเพลงก็ต้องหยุดชะงักไปอีก เพราะผู้บริหารมัวแต่วุ่นวายเรื่องแก้ข่าว อ้อจะหาเรื่องให้ตัวเองออกเพลงช้าไปอีกทำไม”
“ก็...”
ปลายอ้อเห็นเกวลีเริ่มลังเล จึงรีบตัดพ้อน้อยใจกลบเกลื่อน
“แต่ถ้าลียังปักใจเชื่อว่าอ้อเป็นตัวการ จะไปบอกคุณปอแก้วก็ได้นะ ไม่เป็นไรหรอก อ้อโดนเขาเกลียดขี้หน้าจนชินแล้ว โดนอีกซักเรื่องจะเป็นไร”
ปลายอ้อทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้ ทำเหมือนงอนๆ เกวลีเริ่มสับสน
ด้านปอแก้วกับพรทิพย์รีบเปิดประตูเข้ามาในห้องพักฟื้นเสี่ยบูรพา มีเพียงฟ้ากับแสงโสมรุมล้อมเตียงอยู่แล้ว
“คุณพ่อ...”
บูรพาเห็นปอแก้วก็เบือนหน้าหนี หันหลังให้ ปอแก้วหน้าเสีย หันไปหาแสงโสม
“เกิดอะไรขึ้นคะน้าโสม ทำไมคุณพ่อรถไปชนได้”
“ก็เมาสิคะ จะมีอะไร”
เพียงฟ้าคุมแค้น “พูดให้จบสิคะคุณโสม ว่าเมาก็เพราะตรอมใจเรื่องลูกสาว”
แสงโสมตวาด “หุบปาก”
“ก็ฟ้าพูดจริงนี่ เดือดเนื้อร้อนใจกันไปหมดเพราะเรื่องที่คุณปอแก้วทำ งานอีเวนท์ฟ้าก็พังไม่เป็นท่าเพราะนักข่าวมัวแต่ไปตามสัมภาษณ์คุณ จนไม่มีใครมาดูฟ้าร้องเพลงเลย”
พรทิพย์ตัดบท “พอซักที นี่ไม่ใช่เวลาจะมาโทษกันไปมา ถ้าเธอไม่ได้อยากมาเยี่ยมคนเจ็บก็กลับไปเลยเพียงฟ้า”
“ฟ้ามาถึงคนแรกด้วยซ้ำไป พวกที่มาช้านั่นแหละ มัวแต่ทำอะไรกันอยู่ ห่วงเสี่ยจริงหรือเปล่า” เพียงฟ้าไม่ไว้หน้าใคร
“โอ๊ย ฉันทนเธอไม่ไหวแล้ว นังปากกระโถน ออกไปข้างนอกเลย ไปกับฉัน”
แสงโสมเอามือปิดปากแล้วลากเพียงฟ้าออกไป ปล่อยให้พ่อแม่ลูกคุยกัน
ปอแก้วเข้าไปเกาะข้างเตียงด้วยความเป็นห่วง
“คุณพ่อ เป็นยังไงบ้างคะ”
บูรพาไม่ตอบ สะบัดแขนข้างที่ปอแก้วจับออก พรทิพย์สงสารลูก
“ฉันกับลูกตกใจกันแทบตายพอรู้ว่าคุณรถชน อย่าทำให้พวกเรารู้สึกว่าเสียเวลาที่มาได้ไหมคุณบูรพา”
บูรพาหันกลับมาทันที จ้องหน้าพรทิพย์อย่างเดือดดาล
“ถ้าไม่ได้ห่วงใยกันจริงก็ไม่ต้องมา” เสี่ยมองหน้าลูกสาวอย่างเจ็บปวด “ลึกๆ แกอาจจะอยากให้พ่อตายไปให้พ้นๆ ก็ได้ แกกับไอ้อภิวัชจะได้ร่วมหอลงโรงกันสมใจ”
“คุณพ่อ ทำไมคิดกับแก้วแบบนั้น”
“เพราะพ่อจะไม่มีวันยอมรับเรื่องไอ้อภิวัชกับแก ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ รู้ไว้ด้วยว่าที่พ่อเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจคราวนี้ ก็เพราะแกเป็นต้นเหตุอย่างที่เพียงฟ้าบอกนั่นแหละ”
บูรพาโทษลูกสาวสถานเดียว
พรทิพย์เดินออกมาส่งปอแก้วนอกห้อง
“ปล่อยพ่อเขาไปซักพักนะลูก”
“แก้วชักไม่แน่ใจแล้วว่าเวลาจะช่วยอะไรๆ มันจะดีขึ้น”
พรทิพย์โอบไหล่ปลอบ “มันก็คงไม่ง่าย แต่มันก็จะเป็นบทพิสูจน์ความรักของหนูกับเขาว่าจะมั่นคงพอที่จะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้หรือเปล่า”
“คุณวัชอยากมาเยี่ยมคุณพ่อ”
“อย่าเพิ่งเลย แผลของคุณพ่อยังสดอยู่ทั่งกายและใจ รอให้ปรับอารมณ์ได้ก่อน ตอนนี้หนูกลับไปจัดการเรื่องงานก่อนดีกว่า อย่าลืมว่าเราเป็นเจ้าของบริษัท เราควรเป็นคนแก้ปัญหา ไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหา”
ปอแก้วพยักหน้ารับด้วยความหนักใจ
เช้าวันต่อมา ปอแก้วจอดรถที่ลานจอดหน้าบริษัทกำลังจะเดินขึ้นตึก แต่พอเงยหน้ามาก็เห็นศุภกฤตยืนรออยู่
“คุณปอแก้ว”
ปอแก้วมองศุภกฤตอย่างเย็นชา เพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นตัวกรปล่อยคลิป เดินผ่านเขาไป ศุภกฤตรีบตาม
“เดี๋ยวก่อนสิ ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม”
“มีอะไรที่ต้องคุยกันอีก”
“ผมอยากอธิบายให้คุณเข้าใจ”
ปอแก้วเหลียวขวับมาหายิ้มเยาะหยัน “อธิบายว่าคุณต้องทำตามหน้าที่นักข่าว แล้วก็ผิดคำพูดที่ให้ไว้กับฉันน่ะเหรอ”
“ผมไม่เคยผิดคำพูดนะ ข่าวที่ออกไปไม่ได้มาจากผม”
ปอแก้วแค่นหัวเราะใส่ “พูดจาเอาตัวรอดแบบนี้ ฉันอยากให้เจ้านายคุณมาได้ยินนัก”
“มันเป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มข่าวนี้ คลิปที่หลุดออกไปนั่นก็ไม่ได้มาจากผม ผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย”
ปอแก้วจ้องหน้าศุภกฤต พูดอย่างเย็นชา
“เหรอ วันที่ฉันถูกแท็กซี่ทำร้าย ฉันทำแผ่นซีดีที่คุณอภิวัชให้หล่นหายบังเอิญคุณมาช่วยไว้ แล้วก็บังเอิญที่คลิปในซีดีนั่นหลุดไปอยู่ในมือนักข่าวทีวีช่องคุณ แบบนี้จะให้ฉันคิดว่าไง”
“เดี๋ยว...นี่คุณคิดว่าผมเอาซีดีอะไรของคุณไปเหรอ”
“ก็ไม่รู้สินะ มันบังเอิญหลายเรื่องเหลือเกินคุณว่าไหมล่ะ บางทีคุณอาจจะคิดว่าคลิปนั้นมันเป็นค่าตอบแทนน้ำใจของคุณก็ได้”
ศุภกฤตทิ้งแขนสองข้างลง อย่างหมดแรง อ่อนใจ
“นี่คุณมองผมในแง่ร้ายมากเลยนะ”
“เพราะฉันได้เรียนรู้แล้วว่าพวกนักข่าวมันไว้ใจไม่ได้
ปอแก้วเดินขึ้นตึกไปเลย ศุภกฤตมองตามหน้าเศร้า
พรทิพย์เลื่อนโต๊ะอาหารไปที่เตียงบูรพาที่นอนอยู่ บูรพาผลักออก
“ผมยังไม่หิว”
พรทิพย์ระอา “เดี๋ยวคุณต้องกินยาหลังอาหาร”
บูรพาตีรวน “ช่างมัน ก็ไม่ต้องกิน แล้วดูซิว่ามันจะตายไหม”
“อย่าเพิ่งรีบตายเลยคุณ ฉันขี้เกียจรบรากับพวกผู้หญิงของคุณในงานศพถ้าจะไปจริงๆ ก็ช่วยจัดการเรื่องทรัพย์สมบัติของแม่พวกนั้นให้เรียบร้อยก่อน จะได้ไม่มีปัญหา”
บูรพามองพรทิพย์ตาขวาง พรทิพย์ลากโต๊ะมาให้ใหม่
“กินซะเถอะ จะได้มีแรงอาละวาด...หรือจะให้ฉันตามคนอื่นมาช่วยป้อน”
“ไม่ ฉันไม่ต้องการพบใครทั้งนั้น”
“แม้แต่เพื่อนเก่าเหรอคะ”
บูรพาชะงัก “คุณพูดถึงใคร”
“วันก่อนที่ฉันมาเยี่ยมเพื่อน ก็เจออัปสรที่โรงพยาบาลนี้แหละ แต่ไม่รู้ว่าเขาออกจากโรงพยาบาลไปหรือยังนะ ถ้าคุณไม่งอแงมาก ฉันอาจจะไปสืบมาให้”
บูรพานิ่งงันไป สีหน้าแปลกใจเหลือที่ เพราะไม่ได้ยินชื่ออัปสรมานานโขแล้ว
ก้านศุภกฤตนั่งคุยอยู่กับปลายอ้อด้วยท่าทีเซื่องซึม
“คุณก็ไปหาเรื่องให้โดนตบมาจนได้”
“ก็สมควรแล้วล่ะ ถ้าผมเป็นเขา ก็คงสงสัยเหมือนกัน”
“อย่างนี้เขาเรียกว่าทำคุณได้โทษ คุณปอแก้วก็พาลไปเรื่อย ทั้งที่ตัวเองเป็นต้นเหตุแท้ๆ”
แววเดือนกับเกวลีหิ้วถุงจ่ายตลาดเข้ามา เห็นสองคนจึงเดินเข้ามาทัก
“แหม เห็นคนไม่อยู่บ้าน มานั่งจู๋จี๋กันแต่เช้าเชียวนะยะ”
ปลายอ้อหัวเราะ “เปล่าซะหน่อยเจ๊ คุณกฤตเขามาสัมภาษณ์คุณปอแก้ว แล้วก็เลยแวะมา” เธอหันไปหาเกวลียิ้มๆ “ลีมีอะไรจะถามคุณกฤตหรือเปล่า ถามสิ”
ศุภกฤตงง “เรื่องอะไรเหรอครับ”
ปลายอ้อเห็นเกวลีไม่กล้าพูด เลยรีบพูดแทน
“เขาสงสัยว่าฉันเป็นคนส่งคลิปให้คุณเอาไปทำข่าวหรือเปล่า”
“อ้อ...” เกวลีตกใจ
ศุภกฤตรีบบอก “ไม่ใช่หรอกครับ ผมกับปลายอ้อก็รู้เรื่องพร้อมทุกคน ข่าวของคุณปอแก้วมันออกในรายการทีวี ไม่เกี่ยวกับออฟฟิศผม”
“สบายใจแล้วนะ”
ปลายอ้อยิ้มให้เกวลี
ปลายอ้อเดินเข้าบ้าน เกวลีรีบตามเข้ามา
“อ้อ ฉันขอโทษ อย่าโกรธฉันเลยนะ”
“ฉันไม่ได้โกรธ แต่ที่พูดขึ้นมา เพราะอยากให้ลีเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันจริงๆ”
“ฉันรู้แล้ว ต่อไปนี้ฉันจะไม่ระแวงอ้ออีก”
เกวลีเข้าไปกอดอ้อนปลายอ้อ แววเดือนตามเข้ามา
“ฉันก็ว่าเรื่องนี้ไอ้อ้อมันจะไปรู้อะไร เราอยู่ค่ายนี้มานานกว่ามันยังไม่ระแคะระคายเลยนี่หว่า”
“ฉันเป็นผู้ต้องสงสัยเพราะทะเลาะกับคุณปอแก้วบ่อยไงเจ๊”
“เอาน่า กินข้าวหม้อเดียวกัน อย่างอนกันเลย รักกันไว้นะ รักกันๆ”
แววเดือนเข้ามากอดปลายอ้อกับเกวลีพร้อมกัน บุญทิ้งโผล่เข้ามาเห็นจะขอแจม
“ทำอะไรกันน่ะ ให้ฉันกอดด้วยสิ”
บุญทิ้งปรี่เข้ามา แววเดือนหันไปเอามือยันหัวบุญทิ้งออกไป
“ไม่ต้องเลยไอ้ทิ้ง อย่ามั่ว”
เกวลีหัวเราะคิก “นี่มาทำอะไรอีกล่ะบุญทิ้ง จะมาหาข้าวกินฟรีอีกหรือไง”
“เปล่า ฉันกับพี่ทิ้งจะติดรถคุณกฤตไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลน่ะ”
“เออ จริงสิ ฉันว่าจะไปเยี่ยมแม่แก วันนี้ว่างๆ นี่หว่า ไปด้วยๆ”
ปลายอ้ออึกอักมองหน้าบุญทิ้ง
“เอ่อ เอาไว้ก่อนดีกว่าจ้ะ”
เกวลีแปลกใจ “ทำไมล่ะ”
“รอให้พี่เจนนี่กลับมาจากต่างจังหวัดแล้วค่อยไปพร้อมกันดีกว่านะจ๊ะ ไปเถอะพี่ทิ้ง คุณกฤตเขารออยู่”
ปลายอ้อรีบดึงพาบุญทิ้งออกไปทันที ปล่อยให้แววเดือนกับเกวลียืนงง
ด้านเพียงฟ้าอยู่ในห้องประชุม กับปอแก้ว แสงโสม และทีมเพลงบูรพาซาวด์ ได้ดูยอดดาวน์โหลดเพลงในไอแพดแล้วโวยวายดังลั่น
“ยอดโหลดต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้ จะมาโทษฟ้าไม่ได้นะคะ ฟ้าทำเต็มที่แล้ว แต่กระแสของเพลงมันโดนกลบด้วยเรื่องอื่น”
เพียงฟ้าเหลือบมองปอแก้ว ด้วยความหมั่นไส้
“ไม่มีใครโทษเธอหรอก ที่เรียกมาประชุม เพราะเรากำลังคิดเรื่องโปรโมทขั้นต่อไปอยู่”
“จะให้ถ่ายเอ็มวี หรือออกกี่รายการก็คงไม่ดังขึ้นมาได้หรอกค่ะ เพราะตอนนี้คนคงจะสนใจเรื่องคุณปอแก้วมากกว่า”
ปอแก้วทนไม่ไหว “อย่าเหน็บฉันนักเลยเพียงฟ้า ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”
“แต่คุณก็ควรจะทำอะไรบ้างจริงไหมคะ เพราะตอนนี้สื่อที่ไหนก็เอาแต่เล่นข่าวคุณ ไม่มีใครพูดถึงฟ้าเลย”
ปอแก้วเถียงไม่ออก แสงโสมมองๆ ทีมเพลงเสนอขึ้น
“ที่จริงผมก็เห็นด้วยนะครับว่าคุณปอแก้วควรจะเปิดแถลงข่าวเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้นให้จบไป นักข่าวจะได้หยุดเล่นเรื่องนี้”
“ฉันไม่มีเรื่องส่วนตัวจะพูดกับนักข่าวค่ะ”
“แต่เรื่องส่วนตัวของคุณปอแก้ว มันสร้างผลกระทบกับบริษัทแล้วนะคะ นอกจากคุณจะออกจากบริษัทนี้ไปเลยเท่านั้นแหละ มันถึงจะไม่เกี่ยวกัน”
ปอแก้วฉุนขาดจนทนไม่ไหว “เพียงฟ้า”
“หนูปอแก้วขา แต่น้าก็แอบเห็นด้วยกับเพียงฟ้าและคนอื่นนิดๆ นะคะ”
แสงโสมบอกในท่าทางเกรงใจ
“คือตอนนี้ทุกคนล้วนแต่ตั้งคำถามเรื่องความสัมพันธ์ของหนูกับคุณอภิวัช ถ้าไม่พูดอะไรเลย คนมันก็ยิ่งจะลือกันไม่จบ”
“จริงครับ ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ว่าเราจะพยายามสร้างอีเวนท์โปรโมทงานเท่าไร นักข่าวก็ไม่สนใจหรอกค่ะ ถ้ายังไม่เคลียร์เรื่องคุณปอแก้ว” ทีมเพลงว่า
เพียงฟ้าเยาะหยัน “ในฐานะผู้บริหาร ฟ้าคิดว่าคุณปอแก้วต้องทำอะไรบางอย่าง ไม่ใช่รอให้บริษัทเสียหายไปเรื่อยๆ นะคะ ถ้าเป็นแบบนั้นเสี่ยคงผิดหวังแย่”
ปอแก้วไม่ตอบ เห็นสายตากดดันของทุกคนที่มองมา
ปอแก้วนั่งอยู่ในห้องทำงาน มองดูข่าวในเน็ตภาพคู่หวานๆ ที่แคปมาจากคลิปของตนกับอภิวัชประกอบพร้อมกับพาดหัว “เพลงรักข้ามทุ่ง” เปิดไปอีกข่าว เจอภาพเพียงฟ้าเขียนพาดหัวประมาณ “เพียงฟ้ากระแสแป้ก โดนรักข้ามค่ายแย่งซีน”
ปอแก้วปิดคอมไม่อยากอ่านต่อ เสียงบูรพาทะเลาะกับอภิวัชแทรกเข้ามา ยิ่งทำให้ปอแก้วเครียดหนัก
“เพราะพ่อจะไม่มีวันยอมรับเรื่องไอ้อภิวัชกับแก ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ รู้ไว้ด้วยว่าที่พ่อเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจคราวนี้ ก็เพราะแกเป็นต้นเหตุอย่างที่เพียงฟ้าบอกนั่นแหละ”
ปอแก้วเอามือกุมหัวเครียดจัด
ด้านอภิวัชนั่งอยู่ในห้องทำงาน เหม่อๆ กำลังเครียดอยู่เหมือนกัน โทรศัพท์ดังขึ้น
“ปอแก้วครับ”
เสียงปอแก้วยังเงียบอยู่ซักพักก็ปล่อยสะอื้นออกมา อภิวัชตกใจ รีบถามอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรครับปอแก้ว คุณร้องไห้ทำไม”
ปอแก้วนั่งเช็ดน้ำตาเงียบๆ อยู่ในโถงบ้านอภิวัช เจ้าของบ้านนั่งคุกเข่าบีบมือปลอบคนรัก
“ผมรู้ว่าคุณกำลังเหนื่อย บอกผมเถอะอยากให้ผมช่วยแบ่งเบาภาระของคุณยังไง ผมพร้อมจะทำทุกอย่าง”
“ทางค่ายอยากให้ฉันแถลงข่าวเรื่องของเรา”
“ก็เอาสิ ผมพร้อม พรุ่งนี้เลยก็ได้”
“แต่จะให้ฉันพูดยังไง ถ้ายอมรับ คุณพ่อก็จะยิ่งโกรธเราสองคนมากขึ้น”
“แต่ภาพหลุดออกไปขนาดนั้น ยังไงเราก็ปฏิเสธไม่ได้”
“ฉันกำลังคิดอยู่ค่ะ”
อภิวัชมองสีหน้าปอแก้วแล้วเอะใจ
“อย่าบอกนะว่าคุณกำลังจะหาทางปฏิเสธเรื่องของเขา”
“ฉันกำลังจะหาทางประนีประนอมให้มากที่สุด”
อภิวัชเสียใจ รู้ว่าปอแก้วหมายถึงอะไร ลุกขึ้นเดินหนีไปทันที
“คุณวัช...” ปอแก้วลุกตามไปหา “เข้าใจฉันหน่อยสิ คุณก็รู้ว่าตอนนี้คุณพ่อฉันอยู่โรงพยาบาล”
“แต่นี่เป็นโอกาสที่เราจะก้าวออกมาจากความมืดได้แล้วนะแก้ว แล้วคุณก็กำลังจะก้าวออกจากการบงการของพ่อคุณ เราถอยกลับไปอีกไม่ได้”
“เราไม่ได้ถอยนะคะ เราแค่หยุดรอจังหวะที่เหมาะสมกว่านี้ก่อน”
“นี่คือจังหวะที่เหมาะสมที่สุด เชื่อผมเถอะแก้ว เราต้องเดินต่อไปข้างหน้าได้แล้ว ถ้ามันจะมีก้อนอิฐก้อนหินปาใส่เราระหว่างทาง ผมจะปกป้องคุณเอง ขอแค่คุณอย่าทิ้งผมไว้ระหว่างทางแบบนี้ก็พอ”
อภิวัชกุมมือปอแก้วจ้องหน้าเว้าวอน ปอแก้วคิดหนัก
เพียงฟ้ากับลั้นลาเดินเข้ามาหน้าโรงพยาบาล เตรียมขึ้นไปเยี่ยมบูรพา เพียงฟ้าหยุดเดินนึกได้
“เจ๊ไม่เตือนฉันเลย กระเช้าล่ะ”
“เออ อยู่ในรถ รอเดี๋ยวนะ”
ลั้นลากลับออกไป ทิ้งให้เพียงฟ้าหาที่นั่งรอแถวนั้น หยิบหนังสือมาอ่านฆ่าเวลา เห็นปลายอ้อเดินเข้ามากับศุภกฤต บุญทิ้ง
“นังปลายอ้อ นี่แกรีบมาทำคะแนนเชียวเหรอ”
ปลายอ้อยังไม่เห็นเพียงฟ้าเดินผ่านหน้าไปเลย เพียงฟ้ารีบเอาหนังสือบังหน้า อีกมือกดโทรศัพท์หาลั้นลา
“เจ๊ ตามขึ้นไปบนห้องนะ ฉันจะรีบไปหาเสี่ยก่อน...ก็นังปลายอ้อน่ะสิมันพาพวกยกโขยงมาเยี่ยมเสี่ย”
เพียงฟ้ากดวางสายแล้วมองเห็นปลายอ้อยืนรอลิฟต์ เห็นว่ายังไม่ลงมา
“ฉันไม่ยอมให้แกทำคะแนนตัดหน้าฉันหรอก”
เพียงฟ้าอ้อมไปวิ่งขึ้นบันไดแทน
เพียงฟ้าวิ่งขึ้นบันไดหลายชั้นเหนื่อยหอบ ส่วนปลายอ้อ ศุภกฤต บุญทิ้งยืนรอจนลิฟต์มาแล้วก้าวขึ้นไป จะไปเยี่ยมอัปสร โดยไม่รู้ว่าบูรพารักษาตัวอยู่ที่นี่
เพียงฟ้าขึ้นวิ่งลิ้นห้อยมาถึงชั้นที่เป็นห้องบูรพา ลั้นลาเปิดออกมาจากลิฟต์พอดี
“อ้าว นังฟ้า แกมาจากไหน”
“ก็วิ่งขึ้นมาน่ะสิ ฉันกลัวนังปลายอ้อมันจะมาถึงก่อน มันรอลิฟต์อยู่เจ๊ไม่เห็นเหรอ”
“ฉันไม่เห็นใครเลย”
“หรือมันไปแล้ว”
เพียงฟ้ารีบวิ่งตรงไปที่ห้องบูรพา มีลั้นลาวิ่งแจ้นตาม
เพียงฟ้ากับลั้นลาเปิดประตูพรวดเข้ามา ส่งเสียงเรียกมาแต่ไกล
“ฟ้ามาแล้วค่ะเสี่ย”
เพียงฟ้าชะงัก เพราะไม่เห็นปลายอ้ออยู่ในห้อง
“ทำไมต้องเอะอะด้วย อยู่กันแค่นี้” พรทิพย์เอ็ด
ลั้นลาหน้าเจื่อน รีบยกมือไหว้ รีบเอากระเช้าไปประจบ
“ของเยี่ยมค่ะเสี่ย หายไวๆ นะคะ”
“นังปลายอ้อมันยังมาไม่ถึงอีกเหรอคะ”
บูรพาได้ยินชื่อปลายอ้อก็หน้าตาสดชื่นขึ้นมาทันทีเลย
“ปลายอ้อจะมาเหรอ”
เพียงฟ้าหมั่นไส้ “ก็เห็นมันมาถึงแล้วนี่คะ หอบนายบุญทิ้งกับแฟนนักข่าวของมันมาด้วย ฟ้าก็นึกว่ามันรีบแจ้นประจบเสี่ยซะอีก”
“มิน่าล่ะ เธอถึงได้กระหืดกระหอบนัก” พรทิพย์แดกดัน
เพียงฟ้าสะบัดหน้าค้อนควัก
“ปลายอ้อรู้เหรอว่าฉันเข้าโรงพยาบาล” บูรพานึกได้ “หรือว่าเขามาเยี่ยมแม่ ฉันจำได้ว่าแม่เขาก็รักษาตัวอยู่ที่นี่เหมือนกัน”
พรทิพย์นิ่งฟังแล้วฉุกใจคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้รางๆ
ส่วนทางปลายอ้อปอกผลไม้ป้อนอัปสรที่นอนอยู่บนเตียง สีหน้าดีขึ้น หลังจากปล่อยข่าวฉาวใส่บูรพาซาวด์สำเร็จ
“หมอบอกว่าแม่คงออกจากโรงพยาบาลได้ใน 2-3 วันนี้แล้วล่ะ”
“จริงเหรอจ๊ะ อ้อดีใจที่สุดเลย”
ศุภกฤตยิ้มบอก “คุณน้าจะกลับวันไหน บอกผมมาอีกทีนะครับ ผมจะมารับ”
อัปสรเกรงใจ “จะดีเหรอคุณ วุ่นวายเปล่าๆ”
“ไม่วุ่นวายหรอกครับ ช่วงนี้ผมก็ว่างๆ เพราะเพิ่งขอพักร้อน”
ปลายอ้อแปลกใจ เห็นสีหน้าศุภกฤต
“อ้าว ทำไมอยู่ๆ คุณก็พักร้อนล่ะ”
“มีเรื่องเครียดนิดหน่อย”
“อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องคุณปอแก้ว นี่ทำเอาคุณกินไม่ได้นอนไม่หลับขนาดต้องหยุดงานเลยเหรอ”
“ไม่เกี่ยวหรอก เรื่องอื่น”
ศุภกฤตตอบปัดๆ ไป ปลายอ้อมองค้อน นึกหมั่นไส้ แล้วยกจานผลไม้ไปล้างนอกระเบียง
อัปสรนอนดูทีวี โทรศัพท์มือถืออัปสรดังขึ้น ศุภกฤตมองหา เห็นอยู่บนโต๊ะข้างเตียง จึงเอื้อมมือไปหยิบมา มองเห็นเป็นเบอร์ออฟฟิศสตาร์เดลี่ ซึ่งศุภกฤตคุ้นๆ แต่ยังไม่ทันมองให้ชัดๆ อัปสรก็เอี้ยวตัวมาหยิบไปจากมือ
“ใครโทร.มาจ๊ะ”
“เอ่อ ไม่ทราบครับ”
อัปสรมองเบอร์นิ่ง หน้าเครียดขึ้นมานิดๆ รีบกดปิด
“สงสัยจะโทร.ผิด”
อัปสรยิ้มกลบเกลื่อนวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว ไม่ให้ศุภกฤตมีโอกาสได้หยิบอีก
ปอแก้วนั่งทานมื้อเย็นอยู่กับอภิวัช ที่คอยเอาใจตักอาหารใส่จานให้คนรัก
“ฝีมือทำอาหารของผมยังอร่อยอยู่ไหม”
“อร่อยมากกว่าเดิมซะอีกค่ะ”
“งั้นต้องกินเยอะๆ เดี๋ยวเอากลับบ้านไปด้วยเลย”
อภิวัชตักอาหารเพิ่มให้ ปอแก้วเกริ่นขึ้นมา
“อดนึกถึงความหลังตอนเราอยู่ที่โน่นไม่ได้นะคุณวัช สมัยที่เรายังเป็นแค่นักศึกษา มีอิสระเสรีทำอะไรตามใจชอบ ไม่ต้องแบกรับความคาดหวังจากใครเหมือนตอนนี้ ถ้าย้อนกลับไปได้ก็คงดีสิ”
“ต่อให้ป่านนี้เรายังอยู่ที่อเมริกา ก็ไม่ได้แปลว่าปัญหาต่างๆ จะข้ามไปไม่ถึงนะ วันนึงเรื่องของเราต้องมาถึงจุดนี้อยู่ดี ถ้าคิดจะแต่งงานกัน”
“เราอาจจะแต่งงานกันที่โน่น โดยไม่ต้องรอความเห็นชอบจากใครก็ได้ ถ้าฉันไม่ต้องกลับเมืองไทย”
“คุณแน่ใจเหรอว่าคุณจะขัดใจพ่อคุณได้”
ปอแก้วนิ่งอึ้ง อภิวัชจับมือปอแก้วบีบ
“ถ้าคุณแน่ใจว่าทำได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน คุณก็ต้องเลือกเส้นทางชีวิตตัวเองได้เหมือนกัน”
ปอแก้วครุ่นคิด หลบสายตา
อภิวัชออกมาส่งปอแก้วที่หน้าบ้านเขา โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของใครบางคนซุ่มดูอยู่ตลอดเวลา และใครคนนั้นแอบถ่ายภาพทั้งคู่ทุกอริยาบถ เห็นทั้งคู่จูงมือ กอดกัน ก่อนที่ปอแก้วจะขับรถออกไป
ปอแก้วขับรถมาหยุดริมรั้วหน้าบ้าน กำลังจะกดรีโมทเปิดประตู แต่จู่ๆ ศุภกฤตก็โผล่มาขวางไว้ปอแก้วลงจากรถไปหาอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
“ผมถามที่อยู่คุณจากคนที่ออฟฟิศ”
“จะมาตามข่าวอะไรอีกล่ะ”
“เปล่า ผมอยากคุยกับคุณ”
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุย ไปได้แล้ว ฉันจะเข้าบ้าน”
ปอแก้วจะกลับขึ้นรถ ศุภกฤตตามไปคว้าแขนรั้งไว้
“งั้นฟังผมเฉยๆ ก็ได้ปอแก้ว ผมแค่อยากมาบอกคุณว่าผมลาออกจากงานแล้ว”
ปอแก้วอึ้งนิ่งงันไป มองหน้าศุภกฤตอย่างแปลกใจ ก่อนจะแค่นยิ้มออกมา ประชดในที
“แล้วจะมาของานที่บูรพาซาวด์ทำหรือไง”
“เปล่า ผมแค่อยากแสดงความรับผิดชอบ ถึงแม้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะไม่ได้มาจากผม ผมขอตัดความเกี่ยวข้องกับข่าวที่เกิดกับคุณ จะได้ไม่ต้องมาระแวงกันอีก”
“ไม่มีประโยชน์หรอก ความไว้ใจถ้าถูกทำลายไปแล้ว มันเอากลับมาไม่ได้ง่ายๆ”
ปอแก้วสะบัดแขนกลับขึ้นรถ หันไปเห็นศุภกฤตยืนคอตก ใจอ่อนยวบไปแว่บนึง
“ถ้าคุณอยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง ก็ทำให้ฉันเชื่อสิว่าต้นตอของคลิปที่ทำลายชีวิตฉันไม่ได้มาจากคุณ ฉันอยากรู้ว่ามันเป็นฝีมือใคร”
ปอแก้วเปิดประตูรั้วบ้านแล้วขับรถเข้าไปอย่างรวดเร็ว
อ่านต่อตอนที่ 14