กรมหลวงชุมพรฯ เลี้ยงผี "นางนาก"
เรื่อง "แม่นาคพระโขนง" เป็น "ความบันเทิง" ผ่าน "เรื่องเล่า, นวนิยาย, คำกลอน, การ์ตูน, บทละครร้อง, ภาพยนตร์, ละครโทรทัศน์, ละครเวที" ฯลฯ โครงเรื่องนี้ได้ผลิตซ้ำด้วยมุมมองที่แตกต่างกันไปตามยุคสมัย ภายหลังถูกสอดแทรกด้วยมุมเล็กๆของ "เกร็ด" ประวัติเรื่อง "หน้าผากนางนาก" ซึ่งไปเกี่ยวข้องกับ "บุคคลประวัติศาสตร์" อาทิ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) , พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลทิฆัมพร (เสด็จพระองค์ชายกลาง)
นางนาก ในเวอร์ชั่นของนนทรีย์ นิมิบุตร หยิบ "ตำนาน" มาต่อยอดเสริมด้วยเรื่องเล่าว่า สมเด็จพุฒาจารย์โตสนทนากับนางนากที่ปากหลุม ตามเอกสารของ "พระยาทิพโกษา" ที่เคยบันทึก อ้างอิงไว้ แม้จะเป็นเอกสารในชั้นหลังก็ตาม
ท้ายหนังเรื่องนี้ กล่าวว่า "... หลังจากท่านมรณภาพไปแล้ว กระดูกหน้าผากนางนากชิ้นนั้นได้ตกไปอยู่กับสมเด็จ กรมหลวงชุมพรฯ และเปลี่ยนมือไปอีกหลายคน จนบัดนี้ ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ใด กระดูกหน้าผากอันเป็นที่สถิตวิญญาณนางนากชิ้นนี้ได้สาบสูญไปแล้ว เหลือเพียงตำนานเล่าขานถึงความรัก ความภักดีต่อผัว อันเป็นตำนานอมตะที่ยังร่ำลือตราบจนทุกวันนี้ ..."
บุคคลลำดับที่สองที่ถูกกล่าวถึง คือ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ นิยมเรียกสั้นๆว่า "กรมหลวงชุมพรฯ" หรือ สมัญญานามอื่นๆเช่น เสด็จเตี่ย , หมอพร , เสด็จในกรม (หลวงชุมพร) เป็นต้น
พระองค์ได้ชื่อว่าเป็น "องค์บิดาแห่งทหารเรือไทย" ทั้งเชี่ยวชาญในศาสตร์อื่นๆ อีกมากมาย
ชื่อเสียงของท่าน ถูกนับถือในด้านอภินิหาร, คงกระพันชาตรี เกร็ดประวัติของพระองค์ท่าน กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนสร้างนวนิยาย โดยนำเกร็ดประวัติ "พระองค์ท่าน" มาเป็นบุคคลในฉากหลัง เช่น
"สุวัฒน์ วรดิลก" เขียนนวนิยาย "ทหารเสือกรมหลวงชุมพร" ต่อมาเป็นหนัง เมื่อปี 2501 และละครเวทีที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ 19-28 พฤษภาคม 2532
ค่ายเมตตามหานิยม ทำละคร "ชาติพยัคฆ์" ทางช่อง 3 ได้นำเสี้ยวหนึ่งของชีวประวัติของ "เสด็จในกรมฯ" เป็นแรงบันดาลใจ นวนิยาย "ชาติพยัคฆ์" (POST BOOKS) "หอมไกล" (รักษ์มนัญญา สมเทพ) ได้สร้างนวนิยายจากบทประพันธ์และบทโทรทัศน์ ของ ณ พุทธ สุศรีฯ และ ฉัตรชัย เปล่งพานิช มีละครหนึ่งในเรื่อง ถูกปรับและใช้ชื่อ "ท่านเตี่ย" ส่วนชื่อจริง คือ "หม่อมเจ้านภากรเกียรติวงศ์" และในละครใช้ชื่อ " หม่อมเจ้าชาตรีเกียรตินภากร"
เรื่องสมเด็จโตปราบผีแม่นาก ! เป็นความเพียง 2 ย่อหน้า ปรากฏในหนังสือ "ประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)" จากบันทึกของ มหาอมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์) (หน้า 76-77 ) สรุปความว่า เสียงเล่าลือว่า แม่นาคและวาดหนัก สมเด็จโต จึงเดินทางจากวัดระฆังไปปราบผีนางนากที่พระโขนง ด้วยพุทธคุณและเจาะกะโหลกแม่นาก ทำปั้นเหน่ง
"เณร" ที่เราเห็นในหนัง "นางนาก" ถ้าจะเปรียบกับบุคคลในประวัติศาสตร์ก็คือ ม.ร.ว. เจริญ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่มาบวชและปรนนิบัติสมเด็จโต ตั้งแต่เป็น "สามเณร" มีเรื่องเล่าว่า วันหนึ่งแม่นากมาหยอกล้อเณร จนสมเด็จโตต้องหยิบปั้นเหน่งออกจากย่าม และพูดว่า โยมนาก อย่าไปรบกวนเณรเลย แล้วแม่นากก็เงียบหายไป จนเมื่อสมเด็จโตมรณภาพ ปั้นเหน่งเปลี่ยนมือไปอยู่กับ พระพุทธปาธปิลันทน์ หรือ พระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัด เสนีวงศ์) ซึ่งสามเณรเจริญก็ตามมาปรนนิบัติท่านด้วย ปรากฏว่า แม่นากก็ออกมาหยอกล้ออีกครั้ง หม่อมเจ้าพระพุทธปาธปิลันทน์กริ้วนางนาก ดุว่า เป็นผู้หญิงยิงเรืออย่ามารบกวน คุณเณรจะดูหนังสือหนังหา !
เรื่อง "ปั้นเหน่ง" หรือ "กะโหลกหน้าผากแม่นาก" เล่าจาก "ความทรงจำ" และเป็น "เอกสาร" ที่บันทึกในชั้นหลัง ทั้งสิ้น ! ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ "กรมหลวงชุมพรฯ" มีดังนี้
1. "อนุสรณ์ท่านหญิงเริง" ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพหม่อมเจ้าหญิงเริงจิตรแจรง อาภากร ต.จ. ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536 ภายในเล่มมี "เกร็ดประวัติ เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์" ซึ่งนิพนธ์โดยท่านหญิง หน้า 228 มีเรื่องเล่าว่า
"...มีคนเล่าว่า ท่านทรงเลี้ยงผี ซึ่งก็จริง เพราะท่านทรงปั้นหุ่นเล็กๆที่เรียกว่า "หุ่นพยนต์" แล้วเอาไปเสียบปักไว้ที่หน้าวัง รอบๆสนาม เมื่อคราวออกจากราชการ มีคนพูดว่า ที่วังนี้เลี้ยงคนไว้เยอะจัง พอตอนกลางคืนก็เห็นคนวิ่งกันเกรียวตตอนดึกๆดื่นๆ นอกจากนี้ยังมีหน้าผากแม่นาคพระโขนง คาดไว้ที่บั้นพระองค์ ไม่ทราบว่าใครนำมาถวาย"
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการฝึกลูกๆไม่ให้กลัวผี รวมถึงเวลามีคนตายจะตั้งศพบำเพ็ญกุศลใน "ตึกดำ" ภายในวังนางเลิ้ง
2. หนังสือ "ที่ระลึกพระราชพิธีเปิดพระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์" ณ วิทยาลัยพาณิชยพระนคร 19 ธันวาคม 2519 ในเล่มมีเรื่องบันทึก รวบรวม เกร็ดชีวประวัติพระองค์ท่านหลายเรื่อง เช่น เสด็จพ่อฯกับงานอดิเรก (พูนทรัพย์ เวชชบุษกร), หมอพร ผู้วิเศษ (ประมวล สาครพันธุ์), เสด็จพ่อกับไสยศาสตร์ (บุญลอย เที่ยวประดิษฐ์), เกร็ดพระประวัติ (สุภัทรา โกไศยกานนท์), กำเนิดศาลเสด็จพ่อ (พ.ว.), เจ้าคุณหาญเล่าเรื่อง (สัมภาษณ์และบันทึกโดย นิรมล ถิระธรรม, เพิ่มศักดิ์ วรรลยางกูร) และ ไม่น่าเชื่อ โดย เพิ่มศักดิ์ วรรลยางกูร เรื่องนี้ มีช่วงตอนที่กล่าวถึง "หน้าผากแม่นาคพระโขนง" ความดังกล่าว เป็นคำบอกเล่าของวินัย ถาวรประเสริฐ ซึ่งทีมงานที่ไปวันนั้น มี อ. เพิ่มศักดิ์ , ร.อ. สุวิทย์ ทัดพิทักษ์กุล (พ่อ "ฮาร์ท" สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล) และศิษย์เก่าอีก 1 คน มีเรื่อง "ห้องผี" กับ "หน้าผากแม่นาคพระโขนง" (หน้า 79-80) ทราบว่า หน้าผากนี้ได้จากหลวงพ่อพริ้ง, หม่อมแจ่ม เคยได้กลิ่นเหม็น
3. หนังสือ "เปิดตำนาน แม่นากพระโขนง" ของเอนก นาวิกมูล มีบทความพิเศษ เรื่อง "ปั้นเหน่งแม่นาก" มีกล่าวถึงข้อมูลของพระยาทิพโกษาและเพิ่มศักดิ์ วรรลยางกูร และเรื่องนายวินัย ถาวรประเสริฐ เล่าข้อมูลออกรายการ "ฉงน" ทางช่อง 9 เมื่อวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2540 ความโดยสรุปคือ หม่อมเมี้ยน, หม่อมแจ่ม และนายเทียบ อุทัยเวชเป็นพี่น้องกัน เมื่อเสด็จในกรมฯ สิ้นพระชนม์ได้ 5 ปี หม่อมแจ่มได้ลาออกจากหม่อม มาแต่งงานใหม่กับบิดาของนายวินัย
หลังเสด็จในกรมฯสิ้น มีการแบ่งมรดก หม่อมแจ่มจับสลากได้กะโหลกแม่นาก น้าเทียบของนายวินัยนำไปแขวนที่ศาลกรมหลวงชุมพรฯ
นายวินัยเกิดปี 2476 เคยวิ่งเล่นในวังนางเลิ้งตั้งแต่อายุ 8 ขวบจนโต ได้ยินเรื่องแม่นาก และเคยเห็นปั้นเหน่ง หลังจากขายวังและสร้างโรงเรียนแล้ว นายเทียบ อุทัยเวช ได้นำ ปั้นเหน่งไปไว้ที่ศาลกรมหลวงชุมพรฯ เชิงสะพานเทวกรรมรังรักษ์ ด้านถนนนครสวรรค์ ต่อมาได้ย้ายศาลไปอยู่ที่ วิหารคตวัดโพธิ์ และไม่ทราบเรื่องอีก
4. หนังสือปกแข็ง บรรจุกล่องสวยงาม "พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์" พระประวัติและพระปรีชา จากการค้นคว้าและค้นพบใหม่ ทั้งในประเทศไทย และสหราชอาณาจักร โดย มูลนิธิราชสกุลอาภากร ตีพิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2558 เป็นฉบับอ้างอิงทางวิชาการ และ ความปรากฏต่อไปนี้ยังไม่เคยกล่าวอ้างอิงที่ไหนมาก่อน
บทที่ 35 "ภูติผี วิญญาณ ศาสตร์ลี้ลับ" (หน้า 192-194) พูดถึงเรื่อง "กะโหลกแม่นาค" ว่า
นาวาตรี ภากร ศุภชลาศัย ได้บอกเล่าถึงเรื่องกระดูกหน้าผากแม่นากพระโขนงตามที่ได้รับฟังจาก ม.จ. หญิงจารุพัตรา ผู้เป็นมารดาว่า
"...ผู้คนรู้นี่ครับ ว่ากรมหลวงชุมพรฯ ทรงเล่นเรื่องไสยศาสตร์ ในวงการนี่รู้กัน แล้วกรมหลวงชุมพรฯ ท่านเป็นเจ้านายที่เรียกว่าซื่อสัตย์ ไม่เอาอะไรทำไม่ดี เพราะฉะนั้นถึงได้ให้ท่านเก็บไว้ เพราะกลัวว่า ถ้าให้คนอื่น เดี๋ยวก็เอาไปใช้ในทางที่ผิด...
... แม่เคยถามเสด็จตา คือ กรมหลวงชุมพรฯ ว่า นางนากพระโขนงนี้ เขาน่ากลัวเหมือนอย่างที่เขียนในหนังสือจริงๆหรือเปล่า ท่านรับสั่งว่า เขาไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอกลูก เขารักผัวเขา แต่คนอื่นไปกวนเขา เขาถึงได้อาละวาด เพราะฉะนั้นลูกไม่ต้องกลัวเขาหรอก เขาไม่ได้ดุร้ายอย่างในหนังสือที่เขียน ... แม่ก็เลยกราบทูล บอกว่า ลูกอยากเห็นแม่นากพระโขนงว่าตัวเขาเป็นยังไง ท่านก็บอก ได้ คือเอาปั้นเหน่งไปไว้ใต้หมอนแม่ แต่ต้องนอนคนเดียวนะ พอสักประมาณจากเที่ยงคืนถึงตีสอง เขาจะมาหาลูก แล้วให้ลูกเห็นด้วย เพราะลูกอยากเห็นเขานี่ แม่ก็เอาไปไว้ใต้หมอนแล้วก็นอน สองทุ่มก็ชักจะสั่นไปหมดแล้ว พอห้าทุ่มเที่ยงคืนสั่นใหญ่ นอนไม่หลับเลย กลัวมาก กลัวแม่นากพระโขนงจะมาให้เห็น ...
สั่นอยู่อย่างนั้นจนถึงตีสอง แม่นากพระโขนงก็ไม่ได้มา พอสักตีห้าก็ได้ยินเสียงเคาะประตู แม่ก็ไปเปิดประตู กรมหลวงชุมพรฯ ท่านก็ประทับอยู่ตรงนั้น ตรัสว่า ลูกหญิงใหญ่ เมื่อคืนนี้นางนากพระโขนง เขามายืนอยู่ที่ปลายเตียงลูกแล้ว แต่เขาเห็นว่า ลูกกลัวขนาดหนัก ถ้าเผื่อลูกเห็นเขาเมื่อไหร่ ก็คงช็อกตาย เขาเลยกลับไปบอกพ่อให้มาบอกลูกว่า เขามายืนแล้ว แต่เขาไม่ให้เห็นนางนากพระโขนง...
ตอนหลังๆนี่ ท่านก็ประชวรบ้าง ท่านก็รับสั่งกับแม่ว่า ลูก ถ้าเผื่อพ่อเป็นอะไรไป ให้เอาของขลังทั้งหมดที่เป็นผีที่พ่อเลี้ยงไว้ หรืออะไรต่างๆนี่ เอาไปถวายอาจารย์ที่วัดอะไรก็ไม่รู้ลืมไปแล้ว คือตอนนั้นเรายังเด็ก แม่เล่าให้ฟัง เราก็ฟังไปเรื่อยๆ อย่างนั้น แล้วให้ท่านใส่หม้อแล้วก็ถ่วงน้ำไป เพราะถ้าเก็บไว้แล้วไม่มีวิชาอาคมนี่ เขาจะเข้าตัวลูกเอง จะเป็นเหตุร้าย เพราะฉะนั้นพอเสด็จตาสิ้น แม่ก็เอาไปไว้ที่วัดนั้น ไปทำพิธี พอเขาทำพิธีเสร็จ ก็ใส่หม้ออย่างที่เห็นในทีวี แล้วท่านก็เอาไปทิ้งที่ปากแม่น้ำ พอทิ้งตุ้บไป เป็นควันบึ้มขึ้นมาใหญ่เลย ตกลง นางนากพระโขนงหรือผีทั้งหมดที่ท่านเลี้ยงไว้ ก็เลยโดนปล่อยไปหมดแล้ว แม่เป็นคนจัดการ เพราะแม่เป็นลูกสาวคนโตไง สมัยก่อนท่านน้าผู้ชาย ท่านเรียนเมืองนอกหมด แม่ต้องเป็นคนจัดการ แม่เล่าให้ผมฟังอย่างนี้"
ผ่าน "นางนาก" ของไท เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เมื่อปี 2542 และอีก 6 ปีถัดมา ในปี 2548 มีการทำหนังเรื่องนี้อีก ใช้ชื่อ "นาค รักแท้ / วิญญาณ / ความตาย" แสดงโดย "ซี" ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ และ "แตงโม" ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ อำนวยการสร้างโดย "สยามรัศมิ์ เลาหสุขเกษม และ วิรัตน์ อุดมสินวัฒนา" ภายใต้คอนเซ็ปต์ "เธอตายตาไม่หลับมากว่า 200 ปี"
เปิดเรื่อง ด้วยการบอกเล่าของ มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา หนึ่งในนักแสดงหนังเรื่องนี้ว่า
"ตำนานโศกนาฏกรรม ความรักแท้ของผีแม่นาค เป็นเรื่องที่คนไทยเล่าลือกันมานานนักหนาแล้ว เค้าว่า วันหนึ่ง ผีแม่นาคจะกลับมาอีก เพื่อมาหารักแท้ของเธอ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมี ดวงวิญญาณของเธอจะไม่มีวันตาย"
เรื่องเล่าว่า คู่รักชาย-หญิงชื่อ มากและนาค กำลังจะแต่งงานกัน ทั้งคู่ตัดสินใจซื้อบ้านเก่าหลังหนึ่งในท้องที่พระโขนง ฝ่ายชายเข้าร้านของเก่า ซื้อเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง เป็นแผ่นวงรี สีงาช้าง ด้านหลังสลักอักขระโบราณ เชือกร้อยในรูที่เจาะนั้นเพื่อเป็นสร้อยคอ หารู้ไม่ว่า มันคือ "ปั้นเหน่งแม่นาค"
ต่อมา ฝ่ายชายประสบอุบัติเหตุเป็นเจ้าชายนินทรา ฝ่ายหญิงเห็นมากลืมตาบนเตียงคนป่วย บอกเธอว่า ให้ตามหาแม่นาค ! แต่หมอและทุกคนไม่เชื่อ หนังเรื่องนี้ อ้างถึงสมเด็จพุฒาจารย์โต และปั้นเหน่ง สุดท้ายฝ่ายหญิงค้นหาและขุดศพแม่นาค เอาปั้นเหน่งไปคืน ฝ่ายชายจึงฟื้น ทั้งคู่ร่วมกันฌาปนกิจแม่นาค และกลับไปใช้ชีวิตคู่ดังเดิม
ในช่วงนี้ "สันติ เศวตวิมล" ได้เขียนบทความผ่านคอลัมน์ ผู้จัดการบันเทิง เรื่อง "หน้ากากผี" หลักฐาน "แม่นาคพระโขนง" ที่ถูกลืม ... ในหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 22 กันยายน 2548 บทความนี้ สันติ อ้างว่า เคยเห็น "หน้าผากแม่นาค" ด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพล ทิฆัมพร (พระองค์ชายกลาง) เป็นคนเอาให้ดู เมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งถือว่า เป็นการต่อยอดจากเรื่องที่กรมหลวงชุมพรฯ ครอบครอง "ปั้นเหน่ง"
ต่อมา ม.ร.ว. อภิเดช อาภากร ผู้เขียนและผู้เรียบเรียงหนังสือ "หลวงปู่ศุขกับกรมหลวงชุมพร" ได้ต่อยอดข้อมูล ดังปรากฏความในบทที่ 35 ต่อไปว่า
ม.ร.ว. อภิเดช อาภากร ได้รับทราบจาก ม.จ. หญิงดวงทิพย์โชติแจ้งหล้า อาภากรว่า ที่วังของพระองค์เคยเก็บรักษากะโหลกแม่นากไว้ แต่เมื่อประมาณ พ.ศ. 2500 เศษ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลทิฆัมพร (พระองค์ชายกลาง) ได้มาขอกระโหลกแม่นากไปเมื่อคราวสร้างภาพยนตร์เรื่องแม่นาคพระโขนง โดยอาจจะนำไปประกอบพิธีกรรมบางอย่าง จากนั้นก็ไม่ได้นำกลับมาคืน กะโหลกแม่นากจึงตกไปอยู่ที่วังของพระองค์ชายกลาง
เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2551 ได้มีพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลในวโรกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระอุโบสถวัดราชบพิธฯ ม.ร.ว. อภิเดช ได้ทูลถาม ม.จ. มงคลเฉลิม ยุคล พระโอรสของพระองค์ชายกลางถึงกะโหลกแม่นาก ทรงตอบว่า ทรงเคยเห็น และทรงอธิบายถึงลักษณะของกะโหลกแม่นากว่า มีขนาดกว้างประมาณ 3 นิ้ว ปิดทอง และมีรูเจาะ 2 ข้าง สำหรับร้อยเชือก เมื่อเสด็จพ่อ (พระองค์ชายกลาง) สิ้นพระชนม์แล้ว ก็ไม่ทรงทราบว่า กะโหลกแม่นากชิ้นนี้หายไปไหน
ตำนานหน้าผากแม่นาก อาจจะจบเพียงเท่านี้ ....
โลกปัจจุบัน รับรู้กันว่า "ปั้นเหน่ง" โบราณชิ้นหนึ่ง ซึ่งรู้จักกันในนาม "ปั้นเหน่งแม่นาก" นั้นอยู่ที่ สุเทพ จิรวัฒน์สุนทร หรือ "เทพ กำแพง" ซึ่งครอบครองต่อจากกำนันชูชาติ มากสัมพันธ์ เจ้าของพิพิธภัณฑ์พระ กำนันชูชาติ พุทธมณฑลสาย 2 (ผู้สนใจ สามารถอ่านบทความ "เทพ กำแพง” ปาฏิหาริย์ปั้นเหน่งแม่นาค : MGR Online - พระเครื่อง)
เรื่องราวของ "กะโหลกหน้าผากแม่นาค" หรือ "ปั้นเหน่ง" จึงเดินทางผ่านกาลเวลามาสิ้นสุด ณ ที่ตรงนี้
หมายเหตุ : โปรดใช้วิจารณญาณในการเลือกเสพ / ภาพบางส่วนจากอินเทอร์เน็ต