เทพธิดาขนนก ตอนที่8 | หน้าชื่นอกตรม
บทประพันธ์ : เพ็ญสิริ บทโทรทัศน์ : ปริศนา และ ทีมวันสุข
แววเดือน เจนนี่ เกวลีนั่งกินข้าวกันอยู่ในบ้าน ตกใจที่บุญทิ้งวิ่งมาบอกข่าวปลายอ้อ
“แกว่าไงนะ ไอ้อ้อมันไปไหน” แววเดือนย้อนถาม
“มันโทร.มาบอกฉันว่าเสี่ยลากมันไปเลี้ยงแสดงความยินดีจ้ะ เลยชวนฉันไปเป็นเพื่อน แต่พอฉันรีบออกไปที่หน้าออฟฟิศ ก็เห็นมันถูกเสี่ยเอาขึ้นรถไปแล้ว”
เจนนี่ส่ายหัวเอือมๆ “เวรกรรม ปลายอ้อเอ๊ย ยังไม่ทันจะดังก็โดนซะแล้ว”
บุญทิ้งงง “โดนอะไรพี่เจนนี่”
แววเดือนทำหน้าเซ็ง “ฮึ ก็สเต็ปเดิมๆ ของเสี่ยน่ะสิ พอได้นักร้องเข้าสังกัด ก็เตรียมเสนอตำแหน่งเมียในสังกัดให้อีกตำแหน่ง”
เกวลีถามด้วยสีหน้าหวาดหวั่น “อย่าบอกนะว่าเจ๊แววก็โดน”
“โอ๊ย ฉันน่ะรอดตัวไป เพราะตอนนั้นหนังหน้าฉันยังไม่ได้โม เสี่ยก็เลยไม่สน ไปคว้านังเพียงฟ้าแทน แต่ไอ้อ้อเนี่ย ไม่น่าจะรอด”
บุญทิ้งฟังแล้วใจคอไม่ดี “ไม่รอดอะไรเจ๊”
“ก็ไม่รอดโดนกล่อมให้ตอบแทนบุญคุณเสี่ยไง”
“ไม่นะเจ๊ ผมไม่ยอมให้ไอ้อ้อกลายเป็นของเล่นเสี่ยบูรพาเด็ดขาด”
“ก็อยู่ที่น้องแกแหละวะบุญทิ้งเอ๊ย” เจนนี่ว่าอย่างปลงๆ
บุญทิ้งนิ่งคิด ร้อนรนกระวนกระวายใจหนักมากขึ้น ยิ่งเมื่อนึกถึงคำพูดของอัปสรที่อยากให้ปลายอ้อเข้าถึงตัวบูรพา
“น้องผมมันคนซื่อ มาจากบ้านนอก มันจะไปทันเกมคนอย่างเสี่ยบูรพาได้ยังไง เจ๊ช่วยน้องผมด้วยเถอะ”
แววเดือนเหนื่อยใจ “จะช่วยยังไงวะ เขาพากันไปที่ไหนยังไม่รู้เลย ไอ้ทิ้ง”
“แล้วมีวิธีไหนที่จะรู้ไหม ผมไหว้ล่ะ ช่วยไอ้อ้อด้วย”
บุญทิ้งยกมือท่วมหัว เครียดจัด แววเดือน เจนนี่ เกวลีมองหน้ากัน พลอยวิตกไปด้วย
ในร้านอาหารแห่งนั้น ปลายอ้อนั่งเกร็งตั้งแต่มาถึง มองไปรอบๆ บรรยากาศแปลกๆ ไม่คุ้นเคย
“อยากทานอะไรอีกไหมปลายอ้อ”
“ไม่ล่ะค่ะ ที่เสี่ยสั่งมาก็เยอะแล้ว อีกอย่างหนูอ่านเมนูไม่เข้าใจหรอก มีแต่ภาษาอังกฤษ”
บูรพาหัวเราะขัน “เธอต้องหัดไว้นะ เพราะนี่จะไม่ใช่ครั้งแรก ยิ่งพอเป็นศิลปินดังแล้ว การใช้ชีวิตเธอก็ต้องเปลี่ยนไป สภาพแวดล้อมมันต้องมีระดับมากขึ้น จะทำตัวเหมือนสมัยก่อนไม่ได้หรอก มันจะเสียภาพลักษณ์”
“เป็นศิลปินทำตัวติดดินไม่ได้เหรอคะเสี่ย”
“มันก็ได้ แต่ก็ต้องบาลานซ์ความเรียบง่ายกับความหรูหราเพื่อรักษาราคาของเรา เพราะเดี๋ยวนี้แฟนเพลงไม่ได้แค่ติดตามศิลปินจากผลงาน แต่เขาติดตามไลฟ์สไตล์ของศิลปินด้วย เพราะฉะนั้นต้องวางตัวให้ดี แล้วฉันจะค่อยๆ สอน”
ปลายอ้อยิ้มรับ แต่สีหน้าดูเจื่อนๆ อยากให้มื้ออาหารนี้จบลงเร็วๆ
เวลาผ่านไป ปลายอ้อกินอาหารที่บูรพาสั่งมาแบบแกนๆ ไม่ถูกปากนัก ขณะที่พนักงานนำไวน์มาเสิร์ฟ
“รินให้คุณผู้หญิงด้วย”
ปลายอ้อตกใจ ปฏิเสธทันที “หนูไม่ดื่มหรอกค่ะ”
“ลองหัดดู อีกหน่อยเวลาไปงาน เธอก็อาจจะต้องดื่มบ้าง ถึงเวลานั้นจะได้ไม่เขิน”
ปลายอ้อทำหน้าอึดอัด บูรพาคะยั้นคะยอไม่หยุด จนต้องยกขึ้นลองดื่ม แต่พอไวน์เข้าปากก็สำลักพรวดออกมา เพราะไม่ชินรสชาติ
“แล้วกัน ไม่อร่อยเลยเหรอ”
“มันขมค่ะ”
“ครั้งแรกๆ ก็แบบนี้แหละ”
ปลายอ้อทำหน้าพะอืดพะอม แต่ยิ่งดูใสซื่อน่าเอ็นดูในสายตาเสี่ยบูรพา
“เลอะหมดเลย เดี๋ยวฉันช่วยเช็ดให้
บูรพาหยิบผ้าเช็ดหน้าตัวเอง แล้วขยับมาจะเช็ดปากให้แบบถือโอกาส
“ไม่เป็นไรค่ะเสี่ย”
“เฉยๆ น่ะ”
ปลายอ้อปัดป้องอึดอัดใจ แล้วตัดสินใจลุกขึ้น
“เอ่อ อ้อขอไปล้างในห้องน้ำดีกว่าค่ะ”
ใครคนหนึ่งมองจากหน้าร้านเข้ามา เห็นปลายอ้อผละลุกจากโต๊ะ แล้วรีบหนีเข้าห้องน้ำไป
ปลายอ้อหนีเข้ามาในห้องน้ำอย่างใจหายใจคว่ำ
“ไอ้เสี่ยบ้า แค่วันแรกก็ฉวยโอกาสแล้ว”
ปลายอ้อลูบเนื้อตัวตัวเองอย่างรังเกียจ แล้วเปิดน้ำล้างหน้า ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา แต่ไม่สนใจ จนกระทั่งเสียงพูดดังขึ้น
“เลอะเทอะ มากไหม ฉันจะช่วยล้างให้”
ปลายอ้อเงยหน้าหันไปมอง “คุณเพียงฟ้า”
“แกนี่ไม่ยอมให้เสียเวลาไปเปล่าๆ เลยนะ แค่วันแรกก็แสดงธาตุแท้แล้วว่าหวังอะไรจากการเข้ามาอยู่ในค่าย แต่อย่าหวังนะว่าฉันจะปล่อยให้แกมาชุบมือเปิบ นังเด็กเมื่อวานซืน”
เพียงฟ้าตรงเข้ามากระชากหัวปลายอ้อกดใส่อ้างล้างหน้าอย่างแรง
“โอ๊ย คุณเพียงฟ้า”
ปลายอ้อปัดมือไม่ให้เพียงฟ้าเปิดน้ำ ผลักอีกฝ่ายออก แล้ววิ่งหนีออกไป
เพียงฟ้าถลันตามปลายอ้อออกมา โกรธจนเลือดขึ้นหน้าไม่สนใจใครทั้งนั้น
“คิดว่าจะรอดมือฉันง่ายๆ เหรอ นังหน้าด้าน”
เพียงฟ้ากระชากตัวปลายอ้อกลับเข้ามาตบหน้าฉาดใหญ่
“ดูซิว่าหน้าด้านๆ อย่างแกมันต้องตบกี่ทีถึงจะแหก”
“ปล่อยฉัน”
ปลายอ้อปัดป้องและสู้ จิกผมเพียงฟ้าคืนบ้าง เพียงฟ้าร้องกรี๊ดเจ็บ เงื้อมือจะตบปลายอ้ออีก ปลายอ้อยันหน้าเพียงฟ้าไว้ พวกแขกกับพนักงานได้ยินเสียงเอะอะ ชะโงกหน้าดู บางคนเอามือถือถ่ายไว้
เพียงฟ้ากับปลายอ้อยังไม่รู้ตัว ยังกระชากหัวกันกลิ้งไปกลิ้งมา จนบูรพาวิ่งเข้ามา
บูรพาตกใจ “นี่มันอะไรกัน หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
บูรพาตรงเข้าไปห้าม พยายามกระชากตัวเพียงฟ้าออกมา
“ปล่อยฟ้านะ ฟ้าจะฆ่ามัน”
“เธอจะบ้าหรือไง ไม่อายคนเขาเหรอ”
“มันสิต้องอายที่ลักกินขโมยกินผัวชาวบ้าน”
เพียงฟ้าเงื้อมือจะตบปลายอ้ออีก แต่บูรพากระชากแขนแรงจนร้องลั่น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ เห็นแก่หน้าฉันบ้างสิ” เสี่ยหันไปมองเห็นไทยมุงเต็มก็เริ่มอาย “กลับบ้านเดี๋ยวนี้”
บูรพาลากเพียงฟ้าผลุนผลันออกไปโดยเร็ว ลืมนึกถึงปลายอ้อไปเลย
ส่วนปลายอ้อพอตั้งสติได้ เห็นทุกสายตาจ้องมองมาซุบซิบๆ ก็อาย รีบลุกขึ้นวิ่งออกไปจากตรงนั้นอีกคน โดยไม่รู้ว่ามีคนถ่ายคลิปเหตุการณ์ทั้งหมดไว้
เสี่ยบูรพาเปิดประตูคอนโด แล้วเหวี่ยงร่างเพียงฟ้าเข้าไปเต็มแรง เพียงฟ้าเกือบหน้าคว่ำหัวโขกโต๊ะ
“เสี่ย ฟ้าเจ็บนะ”
“ดี จะได้หายบ้า”
เพียงฟ้าเจ็บใจ กรี๊ดใส่ “แอร๊ย ใช่สิ ฟ้ามันเป็นบ้าไปแล้ว ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะใครล่ะ ใครที่มันไม่ซื่อสัตย์”
“เธออย่ามาใช้คำนี้กับฉันนะ คนที่จะใช้ได้ มีแต่เมียฉันเท่านั้น”
“แล้วฟ้าไม่ใช่เมียเหรอ ที่นอนอยู่ด้วยกันทุกวันเนี่ย”
บูรพาของขึ้น “เธอเคยรู้สถานะของตัวเองไม่ใช่เหรอเพียงฟ้า เธออยู่กับฉัน แต่เธอไม่ได้เป็นเจ้าของฉัน แล้วฉันก็ไม่ใช่เจ้าของเธอ เรามีอิสระที่จะพบใครใหม่ก็ได้”
“ใช่สิ ตอนนี้เสี่ยเจอที่หมายใหม่แล้วนี่ ถึงได้ทำเป็นพูดเรื่องอิสรภาพกับฟ้า แต่ฟ้าไม่ยอม ฟ้าไม่ให้เสี่ยไปมีอิสระกับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะนังปลายอ้อ”
เพียงฟ้าแผดเสียงใส่ กระโจนเข้าทุบตีบูรพาไม่หยุด จนบูรพาโมโห จับมือสองข้างไว้
“เธอคิดว่าเธอเป็นใคร ถึงจะห้ามฉันได้ อย่าลืมนะว่าที่เธอมีตัวตนทุกวันนี้ ฉันเป็นคนสร้างขึ้นมา ฉันจะทำลายเธอเมื่อไรก็ได้ อย่าพยายามท้าทายอำนาจฉัน”
บูรพาผลักเพียงฟ้าล้มไปบนโซฟา แล้วผลุนผลันออกไป เพียงฟ้ามองตามอย่างเจ็บใจ เกิดความระแวงมากขึ้น
ทางด้านบุญทิ้งนั่งไม่ติดที่ เดินกระวนกระวายรอปลายอ้อที่หน้าบ้านพัก จนโทรศัพท์จากปลายอ้อดังขึ้นพอดี เขารีบรับสาย
“ไอ้อ้อ เป็นยังไงบ้างวะ แกยังอยู่กับเสี่ยหรือเปล่า”
ปลายอ้อเดินออกมาหน้าร้านอาหาร สีหน้าเป็นกังวล
“ไม่แล้วพี่ทิ้ง เสี่ยกลับไปแล้ว คุณเพียงฟ้ามาอาละวาดเอาตัวไป”
“ค่อยยังชั่วหน่อย”
ปลายอ้อเอะใจ “ฝีมือพี่ทิ้งเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันไม่รู้จะช่วยแกยังไง เจ๊แววนึกถึงเพียงฟ้าขึ้นมาได้ก็เลยรีบโทร.ไปฟ้อง เพราะรู้ว่ายัยนั่งต้องแอบตั้งจีพีเอสตามตัวเสี่ยไว้ แล้วเขาทำอะไรแกหรือเปล่า”
ปลายอ้อหัวเราะแค่นๆ “จะเหลือเหรอ”
บุญทิ้งถอนใจ “เอาวะ ถือว่าฟาดเคราะห์ ดีกว่า...”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นแหละ แต่ทีนี้เคราะห์ฉันยังไม่จบสิพี่ทิ้ง”
“ทำไมวะ”
“ฉันจะกลับไปที่บูรพาซาวด์ยังไง แถวนี้มันอยู่ตรงไหนของกรุงเทพฯ ฉันก็ไม่รู้”
“อ้าว ก็เรียกแท็กซี่มาสิ”
ปลายอ้อบอกเสียงอ่อย “ไม่มีเงินแล้ว พอเสี่ยมันชิ่งไป ฉันก็ต้องจ่ายค่าอาหารแทนมันหมดเลยเนี่ย”
บุญทิ้งสงสาร “เวรกรรม งั้นแกรอเดี๋ยวนะ ฉันจะไปรับเอง”
“พี่ทิ้งจะมาถูกเหรอ”
“เออว่ะ”
บุญทิ้งหน้าเครียด คิดหาทางช่วยปลายอ้อ
อีกด้าน ปอแก้วมองดูคลิปที่เพียงฟ้าตบตีกับปลายอ้อ โดยมีบูรพาเข้ามาห้าม แล้วฉุดเพียงฟ้าออกไปด้วยความตกใจ แม้ภาพจะมืด แต่ก็จำลักษณะท่าทางได้ว่าเป็นพ่อของตัวเองกับเพียงฟ้าแน่นอน
“คุณแม่ไปได้คลิปนี้มาจากไหนคะ”
“ในกรุ๊ปไลน์เพื่อนแม่ เขาส่งต่อๆ กันมาถามว่าใช่พ่อหรือเปล่า”
“แล้วคุณแม่ตอบไปว่ายังไงคะ”
พรทิพย์มีสีหน้าเจ็บปวด ส่ายหน้า
“แม่ไม่ได้ตอบ ไม่กล้าตอบ...แต่แก้วดูแล้วก็คงเห็นใช่ไหมว่าใครเป็นใคร”
ปอแก้วพยักหน้ารับรู้ “ค่ะ น้าโสมบอกตั้งแต่เย็นแล้วว่าคุณพ่อรับปลายอ้อออกไปข้างนอก แก้วก็ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่คิดว่าถ้าเพียงฟ้ารู้เข้าคงเป็นเรื่องแล้วก็เป็นจริงๆ”
“แม่ไม่สนใจหรอกนะว่าคนอื่นเขาจะมองแม่ยังไง จะคิดว่าแม่โง่เง่า ถูกสวมเขาก็ช่าง แต่แม่ไม่อยากให้มันมีกระทบกับบริษัทของเรา”
“คุณแม่...”
ปอแก้วบีบมือพรทิพย์ด้วยความสงสาร รู้ว่าแม่ก็ทุกข์ใจเรื่องพ่อไม่น้อย
“แก้วจะจัดการเรื่องนี้เองค่ะ”
พรทิพย์พยักหน้ารับ แล้วเดินซึมกลับห้องตัวเองไป ปอแก้วมองตาม ถอนใจเฮือกใหญ่ หยิบโทรศัพท์มากดโทร.หาบูรพา แต่ติดต่อไม่ได้
ปลายอ้อนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ มองรถผ่านไปผ่านมา สลับกับดูมือถืออย่างเซ็งๆ รอบุญทิ้งโทร.มา
กระทั่งมีรถยนต์คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่ป้ายรถเมล์ บีบแตรเรียก ปลายอ้อคุ้นๆ จนเห็นศุภกฤตรีบลงจากรถมาหาท่าทางร้อนใจ
“คุณศุภกฤต มาได้ไงเนี่ย”
“บุญทิ้งโทร.ไปบอกผมว่าเกิดเรื่องกับคุณ เป็นยังไงบ้าง”
ศุภกฤตเข้ามาจับเนื้อตัวปลายอ้อดูอย่างเป็นห่วง เห็นรอยช้ำแดงนิดๆ หน่อยๆ
“ไม่ถึงตายหรอก”
ศุภกฤตถอนใจเซ็งๆ “ขึ้นรถสิ เดี๋ยวผมไปส่ง”
พร้อมกับว่าศุภกฤตเปิดประตูให้ปลายอ้อ แล้วรีบกลับขึ้นรถ พอปิดประตู เสียงท้องปลายอ้อก็ร้องจ๊อก
“เอ่อ คุณ ก่อนกลับ แวะร้านข้าวก่อนได้มะ ฉันหิว”
ศุภกฤตงงในตอนแรก แล้วหัวเราะออกมา “ไหนบุญทิ้งบอกว่าเสี่ยลากมากินข้าว”
“ก็ยังไม่ทันได้กินไง หิวไส้จะขาด” ปลายอ้อลูบท้องตัวเอง
ศุภกฤตขำ “เอาสิ แต่ผมคงไม่มีปัญญาเลี้ยงอาหารหรูๆ คุณเหมือนเสี่ยหรอกนะ”
“โอ๊ย ร้านตามสั่งง่ายๆ เถอะ ขอร้อง ฉันขยาดไอ้ร้านหรูๆ แบบนี้แล้ว”
ศุภกฤตอมยิ้ม แล้วขับรถออกไป
ปลายอ้อนั่งกินอาหารข้างทาง ศุภกฤตมองเป็นห่วง
“คุณไม่เจ็บตรงไหนแน่เหรอ ไปหาหมอดีไหม”
“ไม่ต้องหรอก นิดหน่อยเอง” ปลายอ้อแค่นยิ้ม “ฉันก็สู้คนนะคุณ เรื่องอะไรจะยอมโดนกระทำฝ่ายเดียว”
“แล้วนึกยังไง ถึงได้ยอมมากับเสี่ยบูรพาสองต่อสอง ไม่รู้หรือไงว่าเขามีเจ้าของแล้ว”
“รู้ แต่ยังไงเขาก็คือเจ้านายฉัน ยิ่งเขาบอกว่าจะพามาเลี้ยงฉลอง จะให้ฉันทำยังไงล่ะ”
ศุภกฤตนึกโมโห “ฮึ มุกเดิมๆ พามาเลี้ยงฉลอง เลี้ยงต้อนรับ เลี้ยงรับขวัญให้เหยื่อเคลิบเคลิ้ม เดี๋ยวซักพักก็จะซื้อนั่นซื้อนี่มาเอาใจ กว่าจะรู้ตัวอีกทีเหยื่อก็จะเกรงใจจนปฏิเสธไม่ได้ ต้องเอาร่างกายตอบแทนพระคุณ นี่แหละสเต็ปของเสี่ยบูรพา”
ปลายอ้อรับรู้วีรกามน่าชิงชังของบูรพาที่อัปสรเคยเล่าให้ฟังมาก่อนแล้ว แต่แกล้งถาม
“จริงเหรอ ไม่เห็นมีใครลุกมาแฉเลยล่ะ”
“จะแฉทำไม พวกที่ยอมให้เสี่ยเลี้ยงก็ได้ดิบได้ดีทั้งนั้น พอเบื่อก็แยกกันไปแบบแฟร์ๆ แล้วก็เปิดรับตำแหน่งใหม่เข้ามาแทน วนเวียนแบบนี้ ไม่มีใครเดือดร้อนอะไรนี่”
“ยกเว้นยายเพียงฟ้าสินะ”
“ก็นั่นเขาเป็นตัวท็อปมาตั้งหลายปี ไม่เคยมีใครมาเขย่าบัลลังก์ บูรพาซาวด์เงียบเหงาขาดศิลปินใหม่ๆ มานานแล้วคุณ ไม่มีใครอยากจะเข้ามาอยู่หรอก เพิ่งมีคุณนี่แหละที่บ้าบิ่นจะเข้าค่ายนี้ให้ได้ แล้วคุณก็คงบังเอิญตรงสเป็กเสี่ย เพียงฟ้าถึงได้ระแวง”
ศุภกฤตเหล่อมองปลายอ้ออย่างห่วงๆ
“แต่ผมหวังว่าคุณจะไม่ไขว้เขวเพราะคนอย่างเสี่ย จนลืมเป้าหมายของตัวเองที่เข้ามาในบูรพาซาวด์นะ”
ศุภกฤตเตือนสติ คิดว่าปลายอ้อคิดถึงแต่เรื่องร้องเพลง แต่ปลายอ้อกลับนึกถึงคำพูดของแม่
“ขอให้อ้อได้เป็นนักร้องที่โด่งดังเหมือนที่พ่อเขาเคยทำได้นะลูก แต่จงอย่าลืมเป้าหมายที่แท้จริง อ้อต้องทวงคืนความยุติธรรมให้พ่อ ทำลายไอ้บูรพาให้ได้”
เสียงอัปสรดังก้องในหัววนไปวนมา ปลายอ้อคลี่ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
“ฉันไม่ลืมง่ายๆ หรอกคุณศุภกฤต”
ศุภกฤตจอดรถหน้าบ้านพัก เปิดประตูรถให้ปลายอ้อลงและจะไปส่งเธอเข้าบ้าน แต่เสียงปอแก้วดังขัดขึ้น
“ปลายอ้อ”
ปลายอ้อกับศุภกฤตหันไปมอง เห็นปอแก้วยืนหน้าตาบูดบึ้งนิ่งขึงอยู่
“พ่อฉันอยู่ที่ไหน”
“ฉันไม่รู้ค่ะ คุณคงต้องไปถามคุณเพียงฟ้า”
“เธอนี่ก่อเรื่องเก่งจริงๆ เลยนะ มาไม่ทันไรก็สร้างแต่ขาวฉาวๆ ทั้งนั้น”
ศุภกฤตโมโห “เฮ้ยคุณ นี่คุณเห็นสภาพนักร้องของคุณไหมเนี่ย ปลายอ้อโดนตบตีเยินขนาดนี้”
“ฉันเห็นจากในคลิปหมดแล้ว”
ศุภกฤตเริ่มไม่พอใจ “เห็นแล้ว แต่ก็ยังมาซ้ำเติมกันเนี่ยนะ”
“ปลายอ้อเป็นคนในสังกัดฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะต่อว่าสั่งสอนเขายังไงก็ได้”
“แล้วคุณได้ต่อว่าพ่อของคุณหรือยังที่เป็นต้นเหตุเรื่องฉาวๆ นี่” เขาโต้กลับ
ปอแก้วโกรธ เสียงเขียว “คุณอยู่ในเหตุการณ์ด้วยหรือไง ถึงรู้ว่าพ่อฉันเป็นต้นเหตุ”
“ถึงผมไม่อยู่ ก็เดาจากพฤติกรรมเก่าๆ ของเสี่ยบูรพาได้ เขารู้กันทั้งวงการว่าพ่อคุณชอบทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัด”
ปอแก้วยัวะ “หยุดดูถูกพ่อฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันว่าการที่ฉันให้อภิสิทธิ์คุณเข้าออกในค่ายนี้อย่างอิสระเพื่อทำสกู๊ป จะทำให้คุณสำคัญตัวผิด จนล้ำเส้นเกินไปแล้ว คุณศุภกฤต”
ศุภกฤตไม่ยอม สวนออกไปอย่างมีอารมณ์ “ผมพูดความจริงทั้งนั้น ที่จริงก็ไม่อยากพูดหรอก แต่ผมทนไม่ได้ที่เห็นปลายอ้อกลายเป็นเหยื่ออีกคนของเรื่องนี้ แล้วแทนที่คุณซึ่งเป็นผู้หญิงด้วยกันจะเห็นใจ กลับมาพูดจาเหยียบย่ำกันอีก”
ปอแก้วโกรธจนตัวสั่น
“นี่มันเป็นเรื่องภายในบริษัทฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย กลับไปได้แล้ว ไม่งั้นฉันจะถือว่าสิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้คือการบุกรุกพื้นที่ของบริษัทในยามวิกาล”
ศุภกฤตมองจ้องปอแก้วอย่างเคืองขุ่น ฉุนขาด ก่อนจะผลุนผลันออกไป ปอแก้วหันมาตำหนิปลายอ้อ
“ส่วนเธอ ไม่ต้องให้สัมภาษณ์ใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งนั้น ถ้าไม่อยากหมดอนาคตก่อนจะได้แจ้งเกิด ปล่อยให้ฉันจัดการเรื่องนี้เอง”
ปอแก้วพูดจบก็หันหลังเดินออกไป ปลายอ้อมองตามด้วยสายตาชิงชัง
เพียงฟ้าออกจากลิฟต์ตรงมายังลานจอดรถ ต้องชะงักเมื่อเห็นสื่อมารออยู่เต็ม นักข่าวเห็นเพียงฟ้ารีบพากันกรูเข้ามายื่นไมค์ถาม
“คุณเพียงฟ้าเห็นคลิปหรือยังครับ” นักข่าว1ยิงคำถาม
เพียงฟ้าระแวง “คลิปอะไรคะ”
นักข่าว2 บอกว่า “คลิปที่ผู้หญิงหน้าคุณตบตีกับนักร้องดาวรุ่งของบูรพาซาวด์ที่ร้านอาหารไงคะ”
เพียงฟ้าตกใจ ตั้งตัวแทบไม่ทัน นักข่าวยิงคำถามใส่
“ตกลงว่าเป็นคุณจริงๆ ใช่ไหมคะ”
“ทะเลาะกันเรื่องอะไรครับ” นักข่าว1 ซัก
“ม...ไม่ ไม่ใช่ ฉันไม่รู้เรื่อง อย่ามายุ่งกับฉัน” เพียงฟ้ารีบเดินหนีไปขึ้นรถ
กลุ่มนักข่าววิ่งตามพยายามขอสัมภาษณ์ เพียงฟ้ารีบล็อกรถแล้วขับหนีออกไปโดยเร็ว
ฝ่ายบูรพายืนยิ้มหน้าระรื่นอยู่กับปอแก้ว ถูกนักข่าวมาดักรอและรุมสัมภาษณ์อยู่ด้านหน้าตึก มีแสงโสมยืนคุมอยู่ห่างๆ
“ผมขอยืนยันตรงนี้เลยนะครับว่าผมไม่ใช่บุคคลในคลิปข่าว เมื่อคืนนี้ผมก็อยู่กับครอบครัวตลอดเวลา ใช่ไหมปอแก้ว”
บูรพาโอบปอแก้วยิ้มๆ ปอแก้วฉีกยิ้มตอบ
“ใช่ค่ะ คุณพ่อทานข้าวอยู่กับที่บ้าน ตอนที่นักข่าวโทรมาข้าม แก้วก็ยังงงๆ ว่าข่าวออกไปแบบนั้นได้ยังไง”
นักข่าว1 ยิงคำถามใส่บูรพา “แล้วผู้หญิงสองคนในคลิปนั่นใช่คุณเพียงฟ้า ลดาวัลย์กับศิลปินใหม่ของบูรพาซาวด์หรือเปล่าครับ”
“จริงๆ ทางเราคงยืนยันไมได้ เพราะว่าไม่ได้อยู่เหตุการณ์นะครับ แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรที่ทั้งสองท่านจะกระทำอย่างนั้นตามในคลิป”
“ใช่ค่ะ คุณเพียงฟ้ากับคุณปลายอ้อ ศิลปินทั้งสองที่ถูกโยงไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกันเลยค่ะ แล้วภาพจากคลิปเองก็ไม่ชัดเจนเลยทำให้เข้าใจผิดกัน”
นักข่าว2 ซักว่า “แล้วเรื่องเสี่ยบูรพากับคุณเพียงฟ้า ที่เคยมีข่าว...”
บูรพาตั้งรับและตอบคำถามอย่างคนผ่านข่าวมาอย่างโชกโชน “ข่าวลือพวกนั้นมีมานานแล้ว แต่ครอบครัวผมรู้ดีครับว่าผมไม่เคยทำอะไร ออกนอกลู่นอกทาง ไม่งั้นก็คงบ้านแตกไปนานแล้ว ขอบคุณนะครับ”
บูรพายิ้มหัวเราะกลบเกลื่อนกับปอแก้ว แล้วรีบไหว้สื่อ ก่อนจะเข้าตึกไป
ปอแก้วเดินลิ่วๆ เข้าตึกมา บูรพาเดินตามจะเข้ามาโอบ
“ยัยแก้ว ขอบใจนะลูก...”
ปอแก้วปัดมือพ่อออก “เดี๋ยวแก้วต้องไปประชุมต่อค่ะคุณพ่อ ค่อยคุยกันนะคะ”
น้ำเสียงปอแก้วพูดห้วนๆ ยังไม่หายเคืองดี แล้วเดินหนีขึ้นลิฟต์ไปเลย แสงโสมเดินเข้ามาซ้ำ
“คุณพี่น่าจะเกรงใจลูกบ้าง หนูปอแก้วต้องตากหน้ามาโกหกสื่อช่วยพ่อแบบนี้ มันไม่สนุกหรอกนะคะ”
บูรพาถอนใจเซ็งๆ และรำคาญแสงโสม
“รู้ไหมว่าโสมต้องจ่ายเงินค่าปิดปากร้านอาหารกับไอ้พวกตากล้องจำเป็นแบบนั้นไปกี่แสน”
“จะกี่บาทก็ไปเบิกเงินบริษัทเอา ไม่ต้องมาสาธยายให้ฉันฟัง”
“ก็โสมอยากให้คุณพี่รับรู้ไว้ จะได้ระวังตัว”
“ทำไมฉันต้องระวัง ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด กับเด็กปลายอ้อนั่นฉันก็แค่พาเขาไปกินข้าว คนผิดที่ต้องไปไล่เบี้ยก็คือเพียงฟ้าโน่น”
“ถ้าคุณพี่ไม่ให้ความสำคัญกับมันจนเหลิง มันก็คงไม่บ้าอย่างนี้หรอก”
บูรพาถอนใจแรง รำคาญเต็มทน “บ่นพอหรือยัง ถ้าพอแล้วก็กลับไปทำงาน ฉันจ้างเธอมาทำงาน ไม่ได้จ้างมาเทศนาฉัน”
แสงโสมหน้างอ กระแทกเท้าเดินปึงปังหนีไป
แววเดือนดูคลิปในมือถือบุญทิ้ง เห็นปลายอ้อโดนเพียงฟ้าตบก็โมโห เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“แหม เห็นแล้วมันขึ้นจริงๆ ทำไมแกไม่ตบสู้มันวะปลายอ้อ”
“ฉันตั้งตัวไม่ทันจริงๆ ไม่คิดว่าคุณเพียงฟ้าจะโผล่มา”
“ก็เจ๊แววนั่นแหละ โทร.ไปฟ้องเพียงฟ้า” บุญทิ้งว่า
“อ้าว ถ้าไม่ใช่วิธีนี้ ไอ้อ้อมันจะรอดมาไหม”
ปลายอ้อหัวเราะขัน “ฉันก็ว่างั้นแหละ ถือซะว่าเสียค่าคุ้มครองก็แล้วกัน”
“แต่ยังไงอ้อต้องระวังตัวมากกว่านี้นะ ที่คุณเพียงฟ้าเขาเป็นแบบนี้ก็เพราะเสี่ย ต้องอยู่ห่างๆ เสี่ยไว้”
“ฉันก็พยายามอยู่ เมื่อวานถ้าพี่บุญทิ้งไปทันก็ไม่มีเรื่อง”
“ก็นั่นน่ะสิ ทำไงดีวะ หรือฉันจะลาออกจากอาชีพนักดนตรีมาเป็นบอดี้การ์ดให้แก จะได้คอยปกป้องแกจาก...” บุญทิ้งจะพูดชื่อบูรพา แต่มีเสียงเสี่ยดังขึ้น
“ปกป้องจากใครเหรอบุญทิ้ง”
บุญทิ้งสะดุ้งหันไปมอง เห็นเสี่ยบูรพาเดินเข้ามา ทุกคนหน้าเสียกันหมด บูรพายังทำหน้ายิ้มๆ
“ว่าไง”
“เอ่อ ก็จากคุณเพียงฟ้าน่ะครับ ผมเห็นคุณเพียงฟ้าชอบรังแกปลายอ้อน่ะครับเสี่ย” บุญทิ้งหัวเราะแหะๆ กลบเกลื่อน
“ตัวแค่นี้ แน่ใจเหรอว่าจะปกป้องปลายอ้อได้” เสี่ยเยาะในที รู้ทันเจตนาบุญทิ้ง “ฉันขอคุยกับปลายอ้อหน่อย หวังว่านายคงไม่มีปัญหานะ”
บุญทิ้งจ๋อย ไม่กล้าพูดอะไรอีก บูรพาหันไปพยักหน้ากับปลายอ้อ แล้วเดินนำออกไป
ปลายอ้อลอบถอนใจเซ็งๆ เดินออกจากห้องโถงตามไป แววเดือน เกวลีมองตามอย่างเอาใจช่วย
ปลายอ้อเดินเลี่ยงๆ ออกมาคุยกับบูรพา ท่าทางอึดอัดใจ
“เสี่ยมีอะไรกับหนูเหรอคะ”
“ฉันอยากมาขอโทษเรื่องเมื่อคืน”
ปลายอ้อแกล้งย้อนถาม “เรื่องไหนคะ เรื่องที่คุณเพียงฟ้าพยายามทำร้ายหนูเพราะหึงเสี่ย หรือเรื่องที่หนูถูกทิ้งให้ตากหน้าอยู่ที่ร้านอาหารคนเดียว”
บูรพาหน้าเสีย “ตอนนั้นฉันคิดแต่ว่าต้องพาเพียงฟ้าออกไป เธอจะได้ไม่เจ็บตัว พอส่งเขาที่คอนโดฉันก็ย้อนกลับมาหาเธอ แต่เธอไม่อยู่แล้ว”
บูรพาถือโอกาสจับมือปลายอ้อ
“ฉันเสียใจจริงๆ นะปลายอ้อ”
“ช่างเถอะค่ะ”
“ไม่ได้ ฉันอยากชดเชยให้เธอ จริงสิ เธอต้องจ่ายเงินค่าอาหารที่ร้านแทนฉันด้วย” บูรพาควักกระเป๋ามาหยิบเงินให้ “รับไว้เถอะนะ”
ปลายอ้อไม่อยากรับ แต่บูรพาจับมือปลายอ้อให้กำเงินไว้ โดยไม่รู้ว่าเพียงฟ้าโผล่เข้ามาพอดี
“นังปลายอ้อ”
บูรพาหันไปมองเซ็ง เห็นเพียงฟ้าก้าวฉับๆ เข้ามา
“นี่ถึงกับเจรจาซื้อขายกันหน้าบริษัทไม่อายผู้อายคนเลยเหรอ”
“อะไรอีกล่ะเพียงฟ้า เธอก่อเรื่องมากพอแล้วนะ”
“ถ้ามากพอ ฟ้าก็คงไม่เห็นมันมายืนอ้อนเสี่ยอยู่ตรงนี้หรอก แกนี่มันเจ็บไม่จำนะ อยากโดนอีกหรือไง”
เสียงศุภกฤตดังขึ้น “คุณปลายอ้อครับ”
เพียงฟ้าชะงักมือหันไปมอง ศุภกฤตถือโอกาสเข้ามาขัดจังหวะ ยกมือไหว้บูรพาทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“สวัสดีครับเสี่ย ผมศุภกฤตจากสตาร์เดลี่ที่คุณปลายอ้อไปออกรายการสดเมื่อวาน พอดีผมนัดสัมภาษณ์เพิ่มเติมกับคุณปลายอ้อไว้ครับ”
เพียงฟ้าทำหน้าไม่ถูกเมื่อรู้ว่าศุภกฤตเป็นนักข่าว ไม่กล้าวีนต่อ บูรพาพลอยอึกอักไปด้วย
ศุภกฤตมองคนโน้นทีคนนั้นที ทำไก๋ “ไม่ทราบกำลังยุ่งกันอยู่หรือเปล่าครับ ผมจะได้มาใหม่...”
“อ๋อ เปล่าๆ ผมเสร็จธุระพอดี เชิญตามสบายนะ”
บูรพาถลึงตาใส่เพียงฟ้าให้ตามออกไป ปลายอ้อมองตามแล้วหันมายิ้มให้ศุภกฤตเชิงขอบคุณ
บูรพาลากแขนเพียงฟ้าขึ้นมาที่ห้องทำงาน แสงโสมรีบตามเข้ามา
“ตายแล้ว ไปฉุดกระชากกันมาจากไหนคะ พวกนักข่าวกลับไปหมดหรือยัง เดี๋ยวก็มาเห็นเข้า”
“ก็เพราะเจอนักข่าวนี่แหละ ถึงต้องลากกันออกมา ก่อนที่จะฉีกหน้าฉัน”
“แค่นี้มันยังน้อยไปกับสิ่งที่เสี่ยทำกับฟ้า เสี่ยกำลังจะถีบฟ้าให้ตกกระป๋อง”
แสงโสมหัวเราะสะใจ “อุ๊ยตาย ในที่สุดก็มีวันนี้เนอะ”
เพียงฟ้าหันมาแหวใส่ “ทำเป็นหัวเราะดีไปเถอะคุณโสม ถ้าฟ้าตกกระป๋อง คนที่อยู่ก้นกระป๋องอย่างคุณโสมจะไปอยู่ไหน ถ้าไม่ใช่ในถังขยะ”
แสงโสมกรี๊ด “อ๊าย นี่เธอ”
บูรพารำคาญ “ฉันไม่เขี่ยใครทิ้งทั้งนั้นแหละ ถ้าอยู่ในที่ในทางของตัวเอง”
“จะให้ฟ้าอยู่เฉยๆ ดูเสี่ยเห่อของเล่นชิ้นใหม่อย่างนังปลายอ้องั้นเหรอ ฟ้ายอมไม่ได้”
“หมายความว่ายังไง นี่อย่าบอกนะว่าคุณพี่...” แสงโสมฮึดฮัด
“ก็ตามไปพะเน้าพะนอนังปลายอ้อมาน่ะสิ ฟ้าเห็นกับตาว่ายัดเงินยัดทองให้ มันชัดเสียยิ่งกว่าชัดว่าเสี่ยมีเจตนาอะไร”
แสงโสมฟังแล้วอึ้ง โมโหตาม “คุณพี่ แสดงว่าที่โสมเตือนไปเนี่ยไม่ได้มีความหมายเลยใช่ไหม”
บูรพาเริ่มโมโห “ฉันยังไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดเลยซักนิด มีแต่พวกเธอนั่นแหละที่ตีโพยตีพาย แล้วฉันจะบอกให้นะ ถ้าฉันจะยกย่องใครขึ้นมาจริงๆ เธอสองจะทำอะไรได้ ในเมื่อไม่ได้ตีทะเบียนเป็นเมียฉัน”
บูรพาพูดจบก็ปึงปังออกจากห้องไปเลย เพียงฟ้าดีดดิ้นเจ็บแค้นในใจ
ปลายอ้อพาศุภกฤตเดินมานั่งเล่นหน้าบ้านพักศิลปิน
“เสี่ยมาทำอะไรอีก ยังวุ่นวายกับคุณไม่เลิกอีกเหรอ”
“แหม ก็พื้นที่ทั้งหมดนี้เขาเป็นเจ้าของ เขาจะไปไหนมาไหนก็ได้ทั้งนั้น”
ปลายอ้อเห็นสายตาศุภกฤตห่วงใยก็เลยเล่าให้ฟัง
“เขามาขอโทษฉันที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นๆ ขึ้นน่ะ แต่คุณอย่าเอาไปลงข่าวนะ ฉันโดนสั่งห้ามไม่ให้ให้ข่าวเรื่องนี้กับสื่อ”
เสียงปอแก้วขัดขึ้น “ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็ยังพานักข่าวเข้ามาวุ่นวายในเขตบ้านพักศิลปินอีกเหรอ”
ปลายอ้อสะดุ้ง หันไปเห็นปอแก้วเดินหน้าดุเข้ามา
“ผมมาเยี่ยมในฐานะเพื่อน ไม่ได้มาทำข่าว”
ปอแก้ววีนแหลก “ต่อให้มาในฐานะแฟน ฉันก็ไม่อนุญาตให้เข้ามาวุ่นวายถึงในบริเวณนี้”
“ได้ งั้นเราไปที่อื่นกันเถอะปลายอ้อ เดี๋ยวจะผมพาคุณกลับมาส่ง”
ศุภกฤตลุกขึ้นดึงแขนปลายอ้อจะพาเดินหนีไปทางอื่น
“ครูสอนร้องเพลงมารอคุยกับเธอเรื่องตารางคลาสนะปลายอ้อ เขารออยู่ที่ห้องประชุม เรื่องคุยกับผู้ชาย เอาไว้ก่อนดีไหม”
ปลายอ้อตวัดสายตามองปอแก้วอย่างเชือดเฉือน แล้วจำต้องดึงมือออกจากศุภกฤต
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะ วันหลังค่อยว่ากัน”
ปลายอ้อเดินเลี่ยงออกไป ปล่อยให้ปอแก้วกับศุภกฤตยืนเผชิญหน้ากัน
“หวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะเห็นคุณเข้ามายุ่มย่ามในบริเวณนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตินะ”
“คุณคิดจะกีดกันสื่ออย่างผมเหรอ”
ปอแก้วแค่นยิ้มใส่ “เปล่าค่ะ แต่สื่ออย่างคุณ ถ้าต้องการสัมภาษณ์ศิลปินของบูรพาซาวด์ จะต้องติดต่อผ่านคุณแสงโสม ผู้จัดการฝ่ายดูแลศิลปินก่อน แล้วเราจะจัดคิวสัมภาษณ์ให้ เพราะตอนนี้ปลายอ้อถือเป็นศิลปินฝึกหัด ไม่ใช่แค่แดนเซอร์ที่เป็นเพื่อนของคุณอีกต่อไปแล้ว”
“ผมคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันเสียอีก”
“ความเป็นเพื่อนของเรา จบลงตั้งแต่คุณกล่าวร้ายพ่อฉันแล้วค่ะ ต่อไปนี้คุณก็คือสื่อคนนึงที่จำเป็นต้องร่วมงานกันเป็นครั้งคราวเท่านั้น”
ปอแก้วพูดจบก็เดินออกไป ทิ้งให้ศุภกฤตยืนอึ้ง รู้สึกผิดหวังในตัวปอแก้วมากเอาการ
ปลายอ้อเดินมาที่ห้องประชุม ชะโงกหน้ามองเข้าไปในห้อง แต่ไม่เห็นมีใคร หันมาเห็นปอแก้วเดินตามมาพอดี
“ไหนล่ะค่ะ ครูสอนร้องเพลง ไม่เห็นใครเลย”
ปอแก้วไม่ตอบ แต่เดินนำเข้าห้องประชุม แล้วปิดประตู
“ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับเธอ”
“เรื่องอะไรคะ”
“เกี่ยวกับคุณพ่อของฉัน”
ปลายอ้อแค่นยิ้มรู้ทัน “นึกอยู่แล้ว”
“ถ้าเธอยังอยากจะเป็นศิลปินทำเพลงกับที่นี่ กรุณาตั้งใจกับการฝึกซ้อมพัฒนาตัวเอง อย่าทำอะไรที่จะตัดอนาคตตัวเอง”
ปลายอ้อฉุนกึก “นี่คุณขู่ฉันเหรอคะคุณปอแก้ว”
“ฉันไม่ได้ขู่ แต่เรื่องอื้อฉาวอย่างเมื่อคืน มันไม่เป็นผลดีกับอนาคตการร้องเพลงของเธอหรอกนะ”
“แต่คุณเพียงฟ้าก็ยังขายได้นี่คะ”
ปอแก้วผิดหวัง ถามเสียงไม่พอใจ
“นี่เธออยากจะเป็นอย่างเขาเหรอ”
“ถ้าพูดถึงการเป็นเบอร์หนึ่งก็ใช่ค่ะ แต่ฉันจะเป็นให้ดีกว่าคุณเพียงฟ้า”
“งั้นก็เลิกยุ่งกับพ่อฉันสิ ฉันจะสนับสนุน”
ปลายอ้อพูดเป็นนัย “ฉันว่าที่คุณเพียงฟ้าขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งได้ เพราะพ่อของคุณสนับสนุนต่างหาก”
เห็นปอแก้วอึ้งไป ปลายอ้อยิ้มสาสมใจ
“หมดธุระที่จะต้องพูดกันแล้วใช่ไหมคะ ฉันจะไปซ้อมต่อ ไม่อยากเสียเวลาพัฒนาตัวเองค่ะ
ปลายอ้อหันหลังกลับเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ปอแก้วยืนเครียดอยู่ลำพัง มองเห็นเจตนาปลายอ้อชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
พรทิพย์นั่งอ่านหนังสืออยู่ในโถงบ้าน ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังเอะอะโวยวายก็แปลกใจ จะลุกออกไปดู ก็เห็นเพียงฟ้าพรวดพราดเข้ามายกมือไหว้พอดี
“สวัสดีค่ะคุณพรทิพย์”
อัมพรกับดาราวิ่งตามเข้ามาหน้าตาตื่น
“เราสองคนพยายามห้ามแล้วล่ะคุณผู้หญิง แต่คุณแกฟังภาษาคนคงไม่รู้เรื่อง”
“หุบปาก” เพียงฟ้าตวาดใส่แล้วหันมาหาพรทิพย์ “ฟ้ามีเรื่องต้องคุยกับคุณพรทิพย์ค่ะ เรื่องสำคัญ”
สีหน้าท่าทีเพียงฟ้าร้อนใจเหลือทน จนพรทิพย์อดสงสัยไม่ได้
พรทิพย์นั่งดูคลิปเมื่อคืนซ้ำอีกเพราะเพียงฟ้ายัดเยียดให้ดู มีอัมพรกับดารากวาดถูบ้านคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ
พรทิพย์ทนดูไม่จบ ส่งคืน “เธอเอาคลิปประจานตัวเองมาให้ฉันดูทำไมไม่ทราบ”
“ฟ้ากำลังประจานนังเด็กหน้าไม่อายคนนี้ต่างหาก คุณพรทิพย์คงรู้จักมันแล้ว นังคนที่ชนะประกวดร้องเพลงไงคะ พอเข้าสังกัดวันเดียวก็ลายออก เมื่อคืนถ้าฟ้าไม่ไปห้ามไว้ มันก็คงคาบเสี่ยไปกินแล้ว”
พรทิพย์นั่งคอแข็ง ไม่พูดไม่จา จนเพียงฟ้าหงุดหงิด
“นี่คุณพรทิพย์ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอคะ”
“จะให้ฉันรู้สึกอะไรล่ะ ในเมื่อนี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนพยายามจะคาบสามีฉันไปกิน” พรทิพย์ด่าด้วยสายตา “เธอจะให้ฉันลุกขึ้นมาเต้นแร้งเต้นกาเหมือนเธอ ฉันทำไม่ได้หรอก”
เพียงฟ้าฉุน “แต่ถ้าคุณนิ่งเฉย เสี่ยก็จะยิ่งไม่เกรงใจ เผลอๆ ก็จะไม่ได้หยุดที่มันคนเดียวนะคะ”
“เธอไปบอกแสงโสมให้จัดการสิ คนหัวอกเดียวกันนี่นะ”
“เสี่ยไม่ฟังใครทั้งนั้นแหละค่ะ นอกจากคุณ” เพียงฟ้าทรุดลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้นพรทิพย์อึ้งไปเลย “คุณพรทิพย์ขา เราต้องร่วมมือกันนะคะ ต้องหยุดเสี่ยไว้ก่อนที่จะโดนนังเด็กคนนี้ปอกลอก”
เพียงฟ้ากราบซบตัก แต่พรทิพย์รีบปัดเพียงฟ้าออก แล้วลุกหนี
“ฉันไม่ร่วมมือกับใครทั้งนั้นแหละ ที่มาเกาะแกะสามีฉันก็หวังปอกลอกกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ วันนี้กรรมตามสนองพวกเธอแล้วก็ไปแก้ปัญหากันเอาเอง ฉันไม่รับรู้”
เพียงฟ้าอึ้งไป โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ลุกพรวดขึ้น
“อ๋อ ที่แท้คุณก็คิดจะแก้แค้นฟ้านี่เอง แน่ใจเหรอคะว่าฟ้าจะเจ็บคนเดียวเวลาที่เสี่ยมันคว้าผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับคุณปอแก้วมากก คุณทนได้เหรอ”
พรทิพย์สะอึก จุกใจเจ็บจี๊ดขึ้นมา แต่ยังทำเฉย
“ฮึ ทำเป็นลอยตัวเหนือปัญหา เป็นเมียบนหิ้ง มิน่าล่ะ เสี่ยถึงได้ไม่รู้จักพอจะกินมูมมามสวาปามยังไงก็ได้ เพราะมีเมียทำตัวเป็นคนหูหนวกตาบอดไม่รับรู้แบบนี้”
อัมพรกรี๊ด โกรธแทน “อ๊าย จะมากไปแล้วนะ กล้าดียังไงมาล่วงเกินนายฉันถึงในบ้าน”
อัมพรกับดาราปรี่เข้ามา โบกไม้กวาดกับไม้ถูพื้นไปมา
“ถ้าอยากจะมีฟันไว้เคี้ยวข้าวล่ะก็ ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้เลย แล้วไม่ต้องกลับมาอีก ไม่งั้นอย่าหากว่าอัมพรพวากับดาราวดีไม่เตือนนะโว้ย”
“โอ๊ย นึกว่าอยากมาเหยียบนักเหรอ เชิญอยู่ไปเถอะบ้านหลังใหญ่แต่ผัวไม่ค่อยกลับมานอนค้างอย่างเนี้ย”
เพียงฟ้ากระแทกเท้าออกไป อัมพรกับดาราวิ่งไล่ไปถึงหน้าบ้าน แล้วหันกลับมาหาพรทิพย์ที่ยืนหันหลังนิ่ง ด้วยความเป็นห่วง
“คุณผู้หญิง” / “คุณผู้หญิงขา”
อัมพรกับดาราจะเข้าไปจับตัว แต่พรทิพย์ยกมือห้าม
“ฉันไม่เป็นไร”
พรทิพย์พูดจบก็เดินขึ้นชั้นบน ซ่อนสีหน้าเจ็บปวด
พรทิพย์เดินขึ้นห้องนอนมา สีหน้ากดดัน แล้วทรุดตัวลงนั่ง นึกถึงคำพูดดูถูกของเพียงฟ้า
“ฮึ ทำเป็นลอยตัวเหนือปัญหา เป็นเมียบนหิ้ง มิน่าล่ะ เสี่ยถึงได้ไม่รู้จักพอ จะกินมูมมามสวาปามยังไงก็ได้ เพราะมีเมียทำตัวเป็นคนหูหนวกตาบอดไม่รับรู้แบบนี้”
พรทิพย์หลับตาลงอย่างปวดร้าว พอลืมตาขึ้นมาอีกทีก็เห็นรูปแต่งงานขอตัวเองกับบูรพา นั่นทำให้หวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต
ครั้งนั้น พรทิพย์กับอัมพรประคองบูรพาที่เมามายเข้าบ้าน บูรพาร้องเพลงดังโหวกเหวก
“ทำไมถึงกินให้เมาขนาดนี้คะ ดีนะไม่ได้ขับรถไปตกคูก่อนถึงบ้าน”
“เลี้ยงฉลองยอดขายเทปของเผ่าพงศ์มัน ก็ต้องเต็มที่หน่อยสิ เราจะรวยแล้วนะคุณพรทิพย์”
บูรพาหัวเราะลั่น แล้วร้องเพลงต่อ พรทิพย์ทำหน้าเอือมระอา แต่ก็ประคองบูรพาขึ้นไปถึงห้อง
พรทิพย์จัดแจงพาบูรพาเข้าห้องได้ อัมพรตามขึ้นมา ท่าทางกระวนกระวาย
“คุณผู้หญิงขา”
“มีอะไรอัมพร”
อัมพรทำหน้ากระอักกระอ่วน แล้วหยิบของที่ซ่อนอยูด้านหลังขึ้นมาโชว์ให้ดู
อัมพรอึ้งไป เพราะเห็นว่าเป็นเสื้อชั้นในผู้หญิง
เช้าวันต่อมา ขณะบูรพากำลังแต่งตัว เตรียมไปทำงาน ปากก็อธิบายเสียงรำคาญนิดๆ
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าเด็กมันยั่ว บรรยากาศตอนนั้นมันก็กำลังสนุก ไม่มีใครคิดอะไรมากหรอก”
“แต่ฉันคิด คุณจะให้ฉันทำใจได้ยังไง ที่เจอยกทรงผู้หญิงอื่นในรถสามี ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“ก็พวกหางเครื่อง”
“ไล่ออกซะ”
บูรพาไม่ยอม “อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่น่า เด็กพวกนั้นมันก็ของเล่นชั่วคราว ยังไงฉันก็ยกให้เธอเป็นที่หนึ่งเหนือใครอยู่แล้ว”
พรทิพย์ฟังแล้วยิ่งจุก เจ็บ บูรพาเข้ามากอดอ้อน
“ฉันทำงานหนักก็เพื่อครอบครัวของเรานะ ให้ฉันมีพื้นที่ผ่อนคลายบ้าง อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยเลย รอใช้เงินที่ฉันหามาให้ดีกว่าน่า”
บูรพาทำเป็นกอดหอมเอาใจ แต่สีหน้าพรทิพย์ยังไม่ดีขึ้น
หลายวันต่อมา บูรพาเดินลงมาจากชั้นบน เห็นพรทิพย์กำลังนั่งรออยู่กับแสงโสม
“คุณคะ นี่แสงโสม ลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง”
บูรพาหันไปมองแสงโสมเต็มตา อึ้งไปเล็กน้อยเพราะแสงโสมทั้งสาวทั้งสวย
แสงโสมช้อนสายตาไหว้ แอบปิ๊งและให้ท่าบูรพาเหมือนกัน
“แสงโสมเพิ่งเรียนจบบริหาร ฉันก็เลยชวนมาทำงานที่บริษัท พอจะมีตำแหน่งว่างบ้างไหมคะ”
บูรพามองแสงโสมเพลิน พอได้สติก็ตะกุกตะกัก
“อ๋อ มีสิ กำลังอยากได้คนมาดูแลคิวศิลปินพอดีเลย ทำได้ไหมล่ะ”
“โสมทำได้ทุกอย่างแหละค่ะ” แสงโสมหันไปหาพรทิพย์ “คุณพี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ โสมจะรับผิดชอบหน้าที่อย่างเต็มที่”
แสงโสมพูดนัยกับพี่สาว ที่ฝากให้มาเฝ้าบูรพา ขณะที่บูรพาก็มองแสงโสมตาเป็นมัน
วันหนึ่ง พรทิพย์เปิดประตูห้องทำงานบูรพาเข้าไปแล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นบูรพากอดจูบกับแสงโสมอยู่คาตา
“คุณพี่”
“พรทิพย์”
บูรพารีบผละออก เห็นสภาพเสื้อผ้าทั้งสองคนยับยู่ยี่ ดูออกว่าทำอะไรกันมา
พรทิพย์กรีดร้องอย่างเจ็บปวด “ทำไมทำอย่างนี้แสงโสม กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา คุณก็เหมือนกัน หน้ามืดกินไม่เลือกแม้กระทั่งน้องสาวฉันเชียวเหรอ เลว เลวทั้งคู่”
“ใจเย็นๆ ก่อนน่า”
บูรพาเข้ามาจับแขน พรทิพย์
“อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ คนสกปรก”
พรทิพย์ผลุนผลันออกไป แสงโสมร้องลั่น รีบวิ่งตามไป
“คุณพี่”
พรทิพย์กดเปิดลิฟต์ เห็นแสงโสมตามมา ไม่อยากเจอเลยวิ่งลงบันไดไป
“คุณพี่ ฟังโสมก่อนค่ะ”
พรทิพย์ไม่สนใจ รีบวิ่งลงบันได แต่ก้าวพลาด เซถลาล้มตกบันไดไปไม่กี่ขั้น แต่ก็ทำให้สลบไป
“คุณพี่” แสงโสมกรี๊ด
พรทิพย์นอนซมอยู่บนเตียง ตาแดงๆ ผ่านการร้องไห้ไม่หยุด แสงโสมนั่งเฝ้าอยู่ ก้มกราบลงที่เท้า
“คุณพี่ขา โสมขอโทษ โสมพลาดเองยับยั้งชั่งใจไม่ได้ แต่โสมไม่เคยมีเจตนาร้ายกับคุณพี่เลยนะคะ”
“เธอแทงข้างหลังฉันขนาดนี้ ยังจะมีหน้าพูด”
“แต่โสมก็ไม่เคยคิดจะมาแทนที่คุณพี่ และโสมสัญญาว่าจะไม่ให้ผู้หญิงคนไหนฉวยโอกาสนั้นเป็นอันขาด”
พรทิพย์หันหน้าหนีไม่อยากฟัง แสงโสมจับเท้าพรทิพย์ เอาหน้าแนบ แสดงความจงรักภักดีสุดๆ
“ให้อภัยโสมเถอะนะคะ อย่าไล่โสมไปเลยนะคะ โสมสัญญาว่าจะทุ่มเททำงานสุดความสามารถ เพื่อตอบแทนบุญคุณคุณพี่”
พรทิพย์นอนน้ำตาไหล นิ่งคิด ลึกๆ ก็เวทนาแสงโสม
พรทิพย์นั่งน้ำตาซึมนึกถึงความเจ้าชู้ของสามี แล้วรีบเช็ดเพราะได้ยินเสียงเคาะประตู ก่อนปอแก้วจะเข้ามา
“ทำไมเลิกงานเร็วจังล่ะลูก”
“ดาราวดีโทร.ไปบอกว่าเพียงฟ้ามาอาละวาดที่บ้าน แก้วก็เลยรีบมาดู”
“ไม่มีอะไรหรอก สองคนนั้นไล่กลับไปแล้ว”
“เขาต้องการอะไรคะ”
“ก็เรื่อง...เด็กคนนั้น”
ปอแก้วถอนใจเฮือก
“เพียงฟ้าจะให้แม่ไปจัดการ แม่จะไปทำอะไรได้ ถ้าแม่ทำได้ตั้งแต่แรก คนพวกนี้จะมาวุ่นวายกับแม่ได้แบบนี้เหรอ”
พรทิพย์อดไม่ไหว เสียงเครือสั่นออกมา ปอแก้วดึงมารดามากอดไว้อย่างสงสาร
เย็น วันเดียวกัน เพียงฟ้าเปิดประตูให้ปอแก้วเข้ามา
“ถ้าจะมาตามหาพ่อคุณล่ะก็ เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ”
“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ” ปอแก้วแค่นยิ้มใส่ “ไม่งั้นเธอก็คงไม่วิ่งพล่านไปรบกวนคุณแม่ฉันถึงบ้าน”
เพียงฟ้าชักสีหน้าไม่พอใจ
“อย่าไปยุ่งกับแม่ฉันอีก ถ้าเธอยังอยากจะเป็นศิลปินที่บูรพาซาวด์”
ปอแก้วพูดเสียงเด็ดขาด เพียงฟ้ายิ้มเยาะ
“คิดจะขู่กันแบบนี้อีกแล้ว แน่ใจเหรอคะว่าจะทำได้”
“เมื่อก่อนอาจจะยาก แต่สถานภาพเธอตอนนี้ก็ไม่แน่นอนแล้วไม่ใช่เหรอ แค่ฉันเล่าให้คุณพ่อฟัง ใส่ไฟนิดหน่อยว่าเธอไปทำอะไรคุณแม่ ฉันว่าคุณพ่อยิ่งกว่ายินดีที่จะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ”
เจอคนจริงเพียงฟ้าชักริ่มกลัว “ไม่ได้นะ”
“งั้นก็อย่าก่อเรื่องมากไปกว่านี้ ฉันยังให้โอกาสเธอได้อีกครั้งนึง พรุ่งนี้ฉันจะนัดนักข่าวมาให้เธอให้สัมภาษณ์เปิดใจเธอกับปลายอ้อ ฉันจัดให้แยกกันคนละรอบ ขอให้พูดแต่เรื่องดีๆ เรื่องคลิปก็ตอบปัดๆ ไปว่าไม่รู้ไม่เห็น ไม่ได้มีปัญหากัน โอเคนะ”
เพียงฟ้าหน้างอที่โดนสั่ง แต่ก็ยังลวดลาย
“งั้นฟ้าจะพูดเรื่องเพลงใหม่ด้วย ไหนๆ ก็เป็นข่าวแล้ว คุณต้องทำเพลงใหม่ให้ฟ้าออกเร็วๆ จะได้ยิ่งดัง”
“ถ้าพฤติกรรมเธอน่ารัก ฉันจะเอาไปคิดดู”
ปอแก้วพูดจบก็กลับไป เพียงฟ้าเบ้ปากมองตาม
เช้าวันนี้ เกวลีถือถุงเครื่องปรุงยำแหนมขึ้นมาบนตึก แสงโสมเดินออกมาเห็น
“อ้าว เกวลีมาแล้วเหรอ”
“ค่ะ แหนมอยู่ในถุงนี้แล้วนะคะ ส่วนข้าวทอดอยู่อีกถุงนึง ถ้ายังไม่ทาน คุณโสมเอาข้าวออกมาใส่จานทิ้งไว้ก่อนได้ค่ะ มันจะได้ไม่หนืด”
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวทานเลย แต่แม่บ้านเขาไม่อยู่เนี่ยสิ วานเธอช่วยยำแทนเลยได้ไหม จะได้เอาไปเสิร์ฟในห้องประชุม”
“ได้ค่ะ”
เกวลีเดินตามแสงโสมเข้าไปในครัวออฟฟิศ ได้ยินเสียงคนคุยกันแว่วๆ
เกวลีอยากรู้ “วันนี้ประชุมเรื่องอะไรกันเหรอคะคุณแสงโสม”
“เรื่องประชุมแพลนงานครึ่งปีหลังน่ะ กำลังดูๆ กันอยู่ว่าจะมีงานของใครออกบ้าง”
เกวลีตื่นเต้น สีหน้ามีความหวัง รีบลงมือยำแหนมสุดฝีมือ
แสงโสมเปิดประตูห้องประชุมเข้ามา เห็นคนกำลังนั่งอยู่เต็ม
“มาแล้วค่ะ ยำแหนมฝีมือของเกวลี ศรีนคร วันนี้เจ้าตัวมาทำให้สดๆ เลยนะคะ”
เกวลีถือถาดยำแหนมที่จัดใส่จานหลายๆ จานเข้ามาอย่างอายๆ
“ดีจัง ฉันได้ยินว่าแหนมเกวลีนี่อร่อยนะ ยังไม่เคยได้ชิมเสียที” ปอแก้วว่า
“ถ้าคุณปอแก้วชอบ เดี๋ยวลีจะจัดอีกชุดเอาไว้ทำทานที่บ้านนะคะ”
บูรพามองเกวลีที่เอาจานมาเสิร์ฟ แต่ก็ไม่สนใจอะไรอีก คุยเรื่องงานต่อ
“พ่อเห็นด้วยนะ ถ้าจะให้เพียงฟ้าออกเพลงตอนนี้เลย แต่ไหนๆ ก็เป็นข่าวขึ้นมาพร้อมกับปลายอ้อ ทำไมไม่ให้สองคนนี้ทำเพลงคู่กันไปเลยล่ะ”
“ต๊าย มันจะไม่เข้าทางคุณพี่ไปหน่อยเหรอ”
“มีกระแส ก็ต้องรู้จักเล่นให้เป็น จริงไหม ปอแก้วว่ายังไงลูก”
“แต่ปลายอ้อเพิ่งเซ็นสัญญาเข้ามา ยังไม่ทันได้ฝึกอะไรเลย ให้โอกาสคนที่อยู่มานานก่อนไม่ดีกว่าเหรอคะ”
ปอแก้วมองเกวลีอย่างเห็นใจ เกวลีฝืนยิ้ม ทำหน้าไม่ถูก
“คนที่อยู่มานาน แต่ไม่สร้างกระแสให้ตัวเอง เราจะขายอะไรล่ะ”
เกวลีฟังแล้วจ๋อย ก้มหน้างุด
“ผมเห็นด้วยนะครับ แต่ตอนนี้กระแสของสองคนนี้กำลังมา ถ้าเลือกแต่เพียงฟ้าแล้วข้ามปลายอ้อไปมันน่าเสียดาย ลองไปดูยอดวิวในยูทูบงานคอนเสิร์ตที่ผ่านมาก็ได้ครับ เพลงที่ปลายอ้อร้องยอดวิวสูงมากขนาดเป็นนักร้องโนเนม”
ปอแก้วเถียงไม่ออก ไม่พูดอะไรอีก แสงโสมสรุป
“งั้นก็ตกลงตามนี้นะ ครึ่งปีหลัง เรามีผลงานต้องโปรโมทอีก 4 คน”
แสงโสมเขียนๆ ชื่อบนกระดาน เป็นชื่อเพียงฟ้า ปลายอ้อ นักร้องชายสองคน เกวลีเหลือบมองแล้วหน้าเศร้า เพราะไม่มีชื่อตัวเอง
ปลายอ้อ แววเดือน เจนนี่ เดินซื้อของในตลาดเช้า เห็นคนผ่านไปผ่านมามองปลายอ้อเหมือนคุ้นๆ แม่ค้ารับเงินค่าของสดจากปลายอ้อแล้วเขม้นมอง
“เอ๊ะ น้องนี่น่าคุ้นๆ นะ” แม่ค้าทัก
ปลายอ้อชะงัก หน้าเสีย “คุ้นอะไรกันคะ หนูไม่ใช่ดารา”
“ก็ที่อยู่ในคลิปไง เดี๋ยวๆ เปิดให้ดู”
ปลายอ้อเหวอ มองหน้าแววเดือนกับ เจนนี่
แววเดือนรีบแก้สถานการณ์ “แล้วหนูล่ะคะคุณป้า ไม่คุ้นบ้างเหรอ หนูเป็นนักร้องเคยออกเทปเชียวนะ เดี๋ยวๆ หนูร้องให้ฟังเลย”
“ไปเถอะเจ๊แวว จะต่อความยาวสาวความยืดทำไม” เจนนี่ดึงแขนไป
“เดี๋ยวๆๆ เจอแล้ว นี่ไงๆ คลิป”
แม่ค้าคะยั้นคะยอให้ดูใหญ่ปลายอ้อตกใจ ไม่กล้าดู
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ไม่ใช่หนู จำผิดแล้วค่ะ”
“ไม่ใช่ได้ยังไง ก็เนี่ย”
แม่ค้าเปิดเสียง หันมือถือให้ดู กลายเป็นคลิปปลายอ้อกำลังร้องเพลงในคอนเสิร์ตเปิดค่าย
ปลายอ้อโล่งอก แม่ค้าเขม้นมองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เจอนักร้องตัวเป็นๆ
“ใช่ ใช่ไหมล่ะ ร้องเพลงเพราะนะ”
“อ๋อ เอ่อ ค่ะ ขอบคุณค่ะ ฝากผลงานในอนาคตด้วยนะคะ” ปลายอ้อกระตุกแขนแววเดือน เจนนี่ “ไปเถอะเจ๊”
ปลายอ้อดึงแววเดือนกับเจนนี่ออกมาหน้าตลาด
“ฉันคงไม่กล้าเดินตลาดอีกพักใหญ่ หนาวๆ ร้อนๆ ยังไงไม่รู้”
“ก็ไหนว่าคุณปอแก้วสั่งห้ามเผยแพร่คลิปแล้วไงวะ” แววเดือนแปลกใจ
“โอ๊ย อินเตอร์เน็ตน่ะ อะไรที่มันลงไปแล้วมันก็จะอยู่ตลอดไปแหละเจ๊ ลบไม่หมดหรอก” เจนนี่ตัดบท “ได้ของครบแล้วใช่ไหม กลับเหอะ”
เจนนี่เดินนำทั้งสองสาวจะข้ามถนน จู่ๆ รถคันหนึ่งก็วิ่งพรวดเข้ามาอย่างเร็ว ปลายอ้อหันไปเห็นร้องบอกเสียงดังด้วยความตกใจ
“ว้าย พี่เจนนี่ พี่แวว”
ปลายอ้อเข้าไปกระชากทั้งสองให้หลบ เลยพากันล้มระเนระนาด ขณะที่รถคันนั้นแล่นฉิวผ่านไปเฉย
“โอ๊ย ไอ้บ้า ขับรถยังไงวะ ข้าวของเสียหายหมด โถปลาแดกของฉัน”
เจนนี่กอดโถปลาร้าที่แตกขึ้นมาด้วยความเสียดาย ทุกคนมองตามรถคันนั้นไป เห็นเป็นรถป้ายแดง แต่ไม่รู้ว่าใครขับ
เกวลีนั่งเหงาๆ อยู่ที่ม้านั่งด้านหลังตึกค่าย กำลังดูคลิปของปลายอ้อร้องเพลงที่ยอดวิวขึ้นเป็นแสน พอเปลี่ยนไปดูเพลงของตัวเองยังอยู่แค่หลักหมื่น ยิ่งจ๋อย
บุญทิ้งเดินตามหาเกวลีอยู่ พอเห็นเข้าก็รีบวิ่งมาหา
“ยัยแหนมหมู อยู่นี่เอง ฉันแวะไปที่บ้านไม่เห็นมีเจอใครซักคน”
“ปลายอ้อออกไปซื้อของกับพี่แวว พี่เจนนี่น่ะ คงยังไม่กลับ”
“แล้วเธอมานั่งทำไมตรงนี้”
“ฉันเอายำแหนมขึ้นไปส่งที่ห้องประชุม ก็เลยนั่งเล่นแป๊บนึง”
บุญทิ้งมองเห็นเกวลีดูคลิปตัวเองในมือถือก็แซว
“นั่งดูคลิปตัวเองเนี่ยนะ ไม่ค่อยเห่อเล้ย”
“ดูเพื่อเพิ่มยอดวิวน่ะ เผื่อจะถึงหลักแสนหลักล้านกับเขาบ้าง”
เกวลีพูดเสียงเศร้า จนบุญทิ้งเศร้าตาม
“เอาน่า อย่างน้อยก็หลักหมื่นแล้ว เดี๋ยวมันก็ถึคงล้านเองแหละ รอแป๊บ”
“แต่ถ้ามันไม่ถึง ฉันก็ไม่ได้ทำเพลงซักที” เกวลีเสียงเครือ
“ทำไม ใครบอก”
“ฉันเพิ่งได้ยินเสี่ยพูดวันนี้ ว่าคนอย่างฉัน ไม่มีกระแส ไม่มีอะไรจะขาย ขนาดปลายอ้อเข้ามาทีหลังก็ยังมีกระแสมากกว่าฉัน”
เกวลีระบายความอัดอั้นออกมา เสียงสั่นเครือ ทั้งน้อยใจ ทั้งเสียใจในโชคชะตา
“ฉันควรต้องยอมรับความจริงไหมบุญทิ้ง ว่าบางทีฉันอาจจะเป็นได้แค่แม่ค้าขายแหนม ไม่มีวันเป็นนักร้องกับเขาได้จริงๆ หรอก”
“อย่าเพิ่งท้อสิ แต่ตอนนี้เธอก็เข้ามาใกล้มากแล้วนะ ถ้าเธอหยุดตอนนี้ ที่ทุ่มเทมาทั้งหมดมันก็จะหายไปทันทีเลยนะ”
“แต่ฉันไม่รู้จะทุ่มเทกับสิ่งที่ไม่มีวันมาถึงไปทำไม”
เกวลีก้มหน้าซ่อนน้ำตา บุญทิ้งบีบมือให้กำลังใจ
“มันต้องมาถึงซักวันแหละ เธอไม่ใช่คนไร้ความสามารถ เธอควรจะเอากำลังใจจากคนที่มองเห็นผลงานของเธอเป็นแรงผลักดัน มันอาจจะไม่เยอะเท่าคนอื่น แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี โอกาสของคนเราไม่เท่ากันหรอกเกวลี แต่ยังไงคนที่พยายามไขว่คว้าก็จะได้เป็นเจ้าของมัน”
เกวลีเงยหน้าขึ้นสบตาบุญทิ้ง รู้สึกดีขึ้น แต่ยังเห็นน้ำตาซึมๆ
“วันนั้นจะมาถึงฉันจริงๆ เหรอ”
“ต้องมาถึงสิ ดูอย่างไอ้อ้อเป็นตัวอย่าง เพราะมันไม่ยอมแพ้ ถึงได้กลับมาเซ็นสัญญาเข้าบูรพาซาวด์จนได้ เธอก็ต้องไม่ยอมแพ้มันนะ”
เกวลีคิดตาม พยักหน้ารับ ปลอบใจตัวเองให้สู้ต่อ
ด้าน ปลายอ้อ แววเดือน เจนนี่ นั่งรถกลับมาถึงบริษัท กำลังจะกลับไปที่บ้านพัก แต่ชะงักเพราะเห็นรถป้ายแดงคันที่ขับเฉี่ยวพวกตนจอดอยู่ในลานจอดรถบริษัท
“เฮ้ย นี่มันไอ้รถตีนผีคันเมื่อกี้นี่ว่า”
แววเดือนมองจำได้เช่นกัน “ใช่จริงๆ ด้วย ฉันจำทะเบียนมันได้ ป้ายแดงคันนี้แหละ”
“อย่างนี้มันต้องเอาคืนโว้ย”
เจนนี่ควักพวงกุญแจออกมา ปลายอ้อรีบห้าม
“พี่เจนนี่ อย่าเลย เราไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน กรีดรถเขามันเกินไปนะ”
“แต่มันทำถุงกับข้าวที่เราซื้อมาตกแตกหมดเลยนะโว้ย ปลาแดกเจ้าอร่อยฉันหกเรี่ยราดหมด”
“แต่เราไม่รู้ว่ารถใคร ถ้าเขาเอาเรื่องขึ้นมา เราจะเอาหลักฐานอะไรไปสู้เขาได้”
แววเดือนคิดตาม เห็นด้วยกับปลายอ้อ “เออว่ะ ถูกเขาเรียกค่าเสียหายที่ไปกรีดรถนี่หลายหมื่นอยู่นะ”
“ช่างมันเถอะพี่เจนนี่ แค่นี้ก็ซวยพอแล้ว อย่าเพิ่มเคราะห์ให้ตัวเองเลย เข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวอ้อต้องไปเตรียมตัวให้สัมภาษณ์นักข่าว”
ปลายอ้อเดินนำแววเดือนกับเจนนี่ออกไป แต่เจนนี่ยังเจ็บใจไม่หาย หันมองรถคันนั้น
ศุภกฤตจอดรถที่หน้าตึก เดินเข้ามาในล็อบบี้เห็นแสงโสมกำลังยืนคุยอยู่กับแผนกต้อนรับจึงเดินไปหา
“คุณแสงโสม สวัสดีครับ”
“อ้าว คุณนี่เอง จากสตาร์เดลี่ใช่ไหม เชิญค่ะ เพียงฟ้ารออยู่”
แสงโสมผายมือเดินนำไป ศุภกฤตเดินตาม แต่งงๆ
“เอ่อ เมื่อวานที่ผมโทร.มานัด คือสัมภาษณ์ปลายอ้อนะครับ”
“ก็เดี๋ยวให้สัมทั้งคู่ไงคะ แต่ตอนนี้เปิดใจเพียงฟ้าก่อน ปลายอ้อเป็นแค่ศิลปินใหม่ สัมไปก็ไม่มีใครอยากอ่านหรอก ทางนี้ค่ะ”
แสงโสมเดินนำไปที่สนามด้านข้างตึก หรือมุมพักผ่อนสวยๆ เห็นเพียงฟ้านั่งคุยกับสื่อแบบสบายๆ มีนักข่าวรุมล้อม
“ขอบคุณมากนะคะที่ให้โอกาสฟ้าได้ชี้แจง เชิญค่ะพี่ สวัสดีค่า”
เพียงฟ้ายิ้มหวาน ไหว้กราดทุกคน ศุภกฤตจำต้องเข้าไปรวมกลุ่ม เตรียมอัดเทป
ฝ่ายอภิวัชง่วนมิกซ์เพลงอยู่ที่ค่าย มีปอแก้วนั่งรออยู่ด้วย
“ลองฟังเพลงนี้ดูหน่อยสิปอแก้ว”
ปอแก้วกลอกตาเซ็ง “ฉันมาหาคุณเพราะอยากจะหนีเรื่องงาน ยังจะเอาเพลงอะไรมาให้ฉันฟังอีก”
อภิวัชคะยั้นคะยอ “ลองดูน่า แล้วคุณจะแปลกใจ”
อภิวัชเอาหูฟังครอบหัวปอแก้วจับให้พอดีหู ปอแก้วฟังแล้วชะงัก สนใจ
“เพลงลูกทุ่งเหรอ”
“ใช่ ผมตัดสินใจแล้วว่าศิลปินเบอร์ใหม่ของค่าย จะเป็นเพลงลูกทุ่ง ก็เลยเอางานเก่ามิกซ์ใหม่”
“ก็ดีสิ อย่างนี้เราก็ต้องเป็นคู่แข่งกันแล้วนะ”
“เพราะพ่อคุณนั่นแหละ ทำให้ผมอยากเป็นคู่แข่ง”
“พ่อฉันควรจะโกรธหรือภูมิใจดีเนี่ย” ปอแก้วหัวเราะขำๆ พูดทีเล่นทีจริง
“แต่ผมคงไม่ทำลูกทุ่งจ๋าหรอก กลัวสู้ไม่ได้ อยากให้มันออกแนวลูกทุ่งโซล นิดๆ กำลังมองๆ หาศิลปินอยู่ ไม่รู้ว่าคนที่ประกวดเข้ามาในรายการจะปั้นได้ไหม”
“ลูกทุ่งโซลเหรอ น่าสนใจนะ”
ปอแก้วฟังเพลง แล้วหยิบเนื้อเพลงมาอ่าน ฮัมไปตามเมโลดี้ แล้วเหลือบตามองอภิวัช
“ประมาณนี้ถูกมะ”
อภิวัชยิ้ม ดีดนิ้วชมเปาะ “ใช่เลย ผมเกือบลืมไปว่าคุณถนัด”
ปอแก้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“เพราะดีนะคะ ฉันร้องไกด์ให้ไหม แต่คุณอย่าบอกใครก็แล้วกันว่าเป็นเสียงฉัน”
อภิวัชพยักหน้าดีใจ
เจนนี่เดินลับๆ ล่อๆ มาที่ลานจอดรถ มองไปที่รถป้ายแดงอย่างแค้นใจ
“เจ็บนี้ต้องเอาคืนโว้ย ไอ้คนขับรถตีนผี”
เจนนี่ก้มย่องๆ ไปใกล้รถ
“ฉันไม่กรีดรถแกก็ได้ แต่แกจะต้องได้รับบทเรียนแสนแพงจากฉัน”
เจนนี่หยิบถุงที่ใส่น้ำปลาร้าก้นถุงออกมา แล้วโผล่หัวมองซ้ายขวา พอเห็นไม่มีใคร ก็เทน้ำปลาร้าลงไปในขอบกระจกรถให้ไหลเข้าไปในช่องประตู จู่ๆ เจนนี่ก็ได้ยินเสียงเพียงฟ้า
“ขอบคุณมากนะคะพี่ๆ ฟ้าฝากเรื่องเพลงใหม่ด้วยนะคะ เร็วๆ นี้ค่า”
เพียงฟ้าไหว้ลาพวกนักข่าวที่ทยอยกันไปสัมภาษณ์ปลายอ้อ แล้วเดินมาทางรถ
เจนนี่มองเห็นเพียงฟ้า ก็รีบหลบไป ก้มต่ำหนีไปหลบที่รถคันอื่น ยังไม่ทันรู้ว่าเป็นรถเพียงฟ้า จนกระทั่งเพียงฟ้าเดินมาถึงรถ
“ฮ้า นี่รถนังเพียงนรกเองเหรอ สมน้ำหน้า”
เพียงฟ้าเปิดประตูรถขึ้นนั่ง ยังไม่สนใจอะไร จนกระทั่งสตาร์ทเครื่อง เปิดแอร์ จู่ๆ ก็กรี๊ดออกมาลั่นรถ เปิดประตูออกมาโอ้กอ้าก เจนนี่แอบขำแล้วรีบหลบออกไปจากลานจอดรถ
ตอนบ่าย แสงโสมจัดให้นักข่าวขึ้นมาสัมภาษณ์ปลายอ้อบนห้องซ้อม เห็นปลายอ้อแต่งตัวสบายๆ ดูธรรมชาติ
“คับแคบหน่อยนะคะ พอดีต้องนัดสื่อขึ้นมาบนนี้เลยเพราะปลายอ้อเขากำลังยุ่ง เดี๋ยวมีเรียนร้องเรียนเต้น ไม่สะดวกเรื่องเวลาเท่าไร”
“สวัสดีพี่ๆ สื่อทุกคนนะคะ”
“อยากถามอะไร เชิญถามได้เลยนะคะ”
แสงโสมถอยออกไป ให้นักข่าวขยับเข้ามา แต่ยังไม่ทันมีใครถาม เสียงเพียงฟ้าก็แผดดังลั่นขึ้น
“นังปลายอ้อ”
ทุกคนหันขวับไปมอง เห็นเพียงฟ้าเปิดประตูพุ่งพรวดเข้ามาอย่างลืมตัว
“แกเอาปลาร้าไปสาดรถฉันใช่ไหม นังบ้า”
เพียงฟ้าปราดเข้ามากระชากตัวปลายอ้อหันมาหา แล้วเงื้อมือจะตบ ทุกคนอึ้งตกใจกันทั้งแถบ
อ่านต่อตอนที่ 9