xs
xsm
sm
md
lg

เทพธิดาขนนก ตอนที่7 | ฟ้าส่งฉันมาเป็นนักร้อง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เทพธิดาขนนก ตอนที่7 | ฟ้าส่งฉันมาเป็นนักร้อง

บทประพันธ์ : เพ็ญสิริ บทโทรทัศน์ : ปริศนา และ ทีมวันสุข

เพ็ญกำลังสับๆ ซอยๆ ฝานมะละกอง่วนอยู่ ถึงกับชะงักมือ เงยหน้ามองปอแก้วกับแสงโสม และสาวๆ บูรพาที่ยกโขยงกันมาขอร้องเป็นแผง

“อะไรนะ จะให้ฉันขึ้นเวทีคอนเสิร์ต”
“ถือว่าเป็นเกียรติให้กับคอนเสิร์ตเปิดตัวบูรพาซาวด์อีกครั้ง พวกเราต้องการป้าเพ็ญนะคะ”
เพ็ญรู้ทัน “ไม่ใช่ว่าเพราะนังเพียงฟ้ามันเบี้ยว แล้วคุณก็เลยพยายามหาศิลปินไปยัดๆ ให้ครบเวลาเหรอ”
ปอแก้วหน้าเสีย แสงโสมช่วยพูดโน้มน้าว
“แหมเจ๊ นั่นมันก็เหตุผลนึง แต่ฉันก็รู้นะว่าเจ๊ยังคิดถึงแสงสี ยังคิดถึงการจับไมค์ร้องเพลงอยู่ นี่เป็นโอกาสดีที่เจ๊จะได้กลับมาทำสิ่งที่รักอีกครั้ง ไม่อยากโชว์ฝีมือให้เด็กรุ่นหลังๆ มันรู้จักอดีตราชินีเพลงลูกทุ่งที่ชื่อ เพ็ญจันทร์ วันเพ็ญ บ้างเหรอ
เพ็ญสับสนวุ่นวายใจ แววเดือนช่วยบิวท์
“ฉันเห็นด้วยนะ เจ๊เคยบ่นว่าเพลงลูกทุ่งสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน ก็ไปโชว์ให้เด็กรุ่นหลังๆ มันได้ดูซะหน่อยสิว่าลูกทุ่งยุคเจ๊มันคลาสสิคยังไง เพราะไม่มีใครทำได้ดีกว่าเจ๊อีกแล้ว”
“ใครมันจะอยากฟัง นักร้องแก่ๆ โทรมๆ อย่างข้า ดูสภาพข้าซะก่อนนังแวว”
“เรื่องนั้นป้าเพ็ญไม่ต้องห่วงเลยจ้ะ ถ้าตกลง รับรองว่าแก้วจะเนรมิต เพ็ญจันทร์ วันเพ็ญ ราชินีลูกทุ่งคนเดิมให้คืนชีพในคอนเสิร์ตนี้ได้อย่างแน่นอน” ปอแก้วบอกอย่างมั่นใจ
“ฉันเองก็ได้แต่ฟังป้าเพ็ญทางวิทยุ ไม่เคยฟังสดๆ ซักที ในฐานะที่เป็นศิลปินรุ่นน้อง ก็อยากจะมีโอกาสเห็นป้าโชว์บนเวทีคอนเสิร์ตซักครั้งให้เป็นบุญตาเหมือนกันจ้ะ”
เกวลีช่วยกล่อมอีกแรงจนเพ็ญที่ขึงขังไม่ยอม เริ่มมีสีหน้าอ่อนลง เพราะลึกๆ ก็โหยหาการร้องเพลงเหมือนกัน

บ่ายคล้อยจวนเย็นวันเดียวกัน
ที่หน้าลานเทวา เห็นแฟนเพลงทยอยกันเข้ามาหาที่นั่งจับจองดู เทวา ไลฟ์ คอนเสิร์ต
ปอแก้วพาอภิวัชเข้ามาหาพรทิพย์กับบูรพา ที่ยืนดูสถานการณ์อยู่มุมหนึ่ง
“คุณแม่คะ นี่คุณอภิวัชค่ะ ผู้บริหาร Arista Music”
อภิวัชยกมือไหว้พรทิพย์ แล้วหันไปไหว้บูรพาตามมารยาท
“ได้ยินชื่อเสียงคุณมานานแล้ว ดีใจที่ได้เจอกันเสียทีนะคะ” พรทิพย์ยิ้มเมตตา
“ผมต้องขอบพระคุณที่ทางบูรพาซาวด์ให้เกียรติครับ”
บูรพาขัดหู เหน็บไปทันที “ยัยแก้วเขาอยากตอบแทนที่คุณเคยเชิญทางเราไปร่วมรายการออดิชั่นนักร้องน่ะ ถือว่าตอบแทนกันไปมาก็แล้วกัน แต่ไม่ต้องเกร็งนะ ผมเข้าใจว่าตัดสินเพลงลูกทุ่งมันไม่ใช่ทางถนัด ถือว่ามาหาประสบการณ์ก็แล้วกัน”
บูรพาพูดยิ้มๆ ข่มๆ ในที อภิวัชไม่ค่อยชอบใจนัก แต่เขาโต้กลับอย่างสุภาพ
“แต่ผมว่าดนตรีมันคือภาษาเดียวกันครับไม่ว่าแนวไหน ลูกทุ่งก็เป็นสำเนียงนึง สตริงก็สำเนียงนึง เราสื่อสารกันได้อยู่แล้วครับ เสี่ยอาจจะไม่ชิน แต่ยุคนี้เส้นแบ่งทางดนตรีมันเลือนไปเยอะแล้วครับ”
บูรพาหน้าตึงที่ถูกย้อน ปอแก้วเห็นท่าไม่ดีรีบตัดบท
“เอ้อ เดี๋ยวคุณอภิวัชไปพักผ่อนที่ห้องรับรองก่อนดีกว่านะคะ แก้วพาไป”
ปอแก้วรีบพาหลบฉากไป บูรพาขึงตามองตาม
“ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”
“แต่ฉันว่าเขาดูมีวิสัยทัศน์ดีออกค่ะ ไม่แปลกใจที่ยัยแก้วจะอยากร่วมงานด้วย” พรทิพย์ว่า
“แค่งานนี้เท่านั้นแหละ ผมไม่อยากเห็นหน้ามันอีกแล้ว”
บูรพาเดินฉุนเฉียวจากไป พรทิพย์ส่ายหัวเอือมระอาผัวขี้หงุดหงิด

ในห้องแต่งตัวคลาคล่ำไปด้วยศิลปินในค่ายและแดนเซอร์มากมี วิ่งไปมาแต่งตัวเตรียมพร้อม
เจนนี่เดินแหวกผู้คนเข้ามาหน้ากระจก เห็นแววเดือนช่วยแต่งสวยให้เพ็ญอยู่ก็ร้องกรี๊ดกร๊าด
“เจ๊เพ็ญ ต๊ายตาย จำไม่ได้เลย นึกว่าศิลปินหน้าใหม่”
“พอๆ ไม่ต้องมาอวยข้า แค่นี้ก็เขินจะตายอยู่แล้ว แก่ปูนนี้ไม่คิดว่าจะต้องลุกขึ้นมาแต่งชุดอะไรแบบนี้อีก”
“เขินทำไมเจ๊ นานทีปีหนจะแซ่บ เจ๊กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์แน่ เชื่อฉันเถอะ” แววเดือนว่า
“แล้วนี่ไอ้ลีไปไหน”
“มาแล้วค่ะ”
เกวลีแต่งชุดนักร้องสายหวาน เดินเขินๆ อายๆ เข้ามา เจนนี่มองปลาบปลื้ม
“สวย หวาน เจ้าหญิงแห่งวงการลูกทุ่งที่แท้ทรู”
เกวลีเขินใหญ่ “พี่เจนนี่”
“แต่ฉันว่ามันยังจืดๆ ไปนิดนะ”
แววเดือนผละมาหาเกวลี แล้วหันไปมองที่ราวแขวนเสื้อ เห็นโค้ทยาวปักเลื่อมระยิบระยับแขวนอยู่
“ใส่นี่เข้าไปอีกตัวดีกว่าลี บนเวทีจะได้เด่นๆ ไม่งั้นแดนเซอร์กลืนหมด”
“ไม่ได้นะ”
ลั้นลาแผดเสียงมาแต่ไกล แล้วปราดเข้ามากระชากคืน
“นี่มันชุดของเพียงฟ้า รู้จักที่ต่ำที่สูงซะมั่ง”
“อ้าว ก็มันไม่มาแล้วไม่ใช่เหรอ จะแขวนไว้บูชาหรือไง ชั้นจะได้ซื้อน้ำแดงมาตั้ง”
“ถึงไม่มาก็เอาไปใช้ไม่ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลีเอาแค่นี้แหละ”
เกวลีไกล่เกลี่ยไม่อยากให้มีเรื่อง แต่ทุกคนเริ่มของขึ้น เพ็ญลุกมาร่วมวง มองหมั่นไส้
“เงินค่าชุดนี่ เอ็งกับนังเพียงฟ้าเป็นคนออกหรือว่าเป็นงบบริษัท”
ลั้นลาอึกอัก ทำโมโหใส่ “แล้วป้ามายุ่งอะไรด้วย”
“เอ๊า ก็ข้าเป็นคนเก่าคนแก่ที่นี่มาก่อน แต่ไหนแต่ไร เสื้อผ้านักร้องหางเครื่อง เสี่ยก็ให้วนกันใช้ตามแต่โอกาส ไม่ใช่ของใครคนเดียว ยกเว้นแต่จะออกตังค์ทำเอง ถ้าชุดนี้นังเพียงฟ้ามันจ่ายตังค์ค่าตัดเย็บก็ว่าไปอย่าง”
ลั้นลาอึกอัก ไปไม่เป็น “ก็...”
“ถ้าไม่ใช่เงินพวกแก ใครก็มีสิทธิ์เอาไปใช้ทั้งนั้นแหละโว้ย นังเพียงฟ้ามันเป็นขี้กลากหรือไงถึงได้หวงไว้คนเดียว”
แววเดือนกระชากคืนมา ลั้นลากระชากกลับไม่ยอมแพ้
“พวกแกนั่นแหละจะเอาขี้กลากมาติดเด็กฉัน ไม่ให้โว้ย”
“งั้นก็เอาไปให้คุณปอแก้วตัดสิน”
เจนนี่กระชากเสื้อผ้าได้แล้วรีบเผ่นออกไปทันที แววเดือนรีบตามไป
“นังเจนนี่ นังแววเดือน เอาคืนมานะ”
ลั้นลาวี้ดว้ายแล้วรีบวิ่งตามไป เกวลีหน้าเจื่อน
“ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องด้วยก็ไม่รู้ป้าเพ็ญ ลีไม่เห็นจะอยากใส่เลย”
“เอาน่า มันเป็นสิทธิ์ของเอ็ง วงการบันเทิง อยากสำเร็จมันต้องรู้จักฟาดฟันแย่งชิงบ้างสิวะ” เพ็ญสอน

ด้านเพียงฟ้านอนเอกเขนกกดดูทีวีอย่างเซ็งๆ อยู่ที่คอนโด จนเห็นเบอร์ลั้นลาโทร.มาก็รีบกดรับ
“ว่าไงเจ๊”
ลั้นลาเดินคุยโทรศัพท์มาหน้าเวทีท่าทางร้อนรนใจ
“แกอยู่ไหนเพียงฟ้า”
เพียงฟ้าถอนใจหงุดหงิด “ถามโง่ๆ ก็นอนอยู่คอนโดน่ะสิ ฉันจะไปไหนได้ล่ะเดี้ยงขนาดนี้”
“เตรียมตัวไว้นะ เดี๋ยวชั้นจะไปรับมาที่ลานเทวา”
“โอ๊ย ฉันไม่ไป ก็บอกแล้วไง ฉันไม่อยากให้คนมาเห็นฉันในสภาพนี้”
“แต่แกต้องมารักษาสิทธิ์ ไม่งั้นเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวของแก พวกนังแววเดือนมันฮุบไปใช้หมดแน่”
“ว่าไงนะ โอ๊ย”
เพียงฟ้าโมโห เผลอตัวลุกพรวด แล้วร้องลั่นเพราะยังเจ็บขาอยู่ ทรุดลงไปอีก

ยุพากลับมาจากทำงาน เดินเข้าบ้านมาเห็นอัปสรนั่งอยู่หน้าจอทีวีใจจดจ่อ จึงร้องแซว
“อ้าว พี่สร วันนี้ออกจากห้องได้นะ”
“มารอดูคอนเสิร์ตไอ้อ้อน่ะ”
อัปสรตอบยิ้มๆ แล้วหันไปจ้องทีวีต่อ ยุพาเปิดดูกับข้าวบนโต๊ะ เห็นว่ายังไม่พร่อง
“อ้าว แล้วนี่ไม่ได้กินข้าวกินปลาเลยเหรอ”
“ยังไม่หิวหรอก แกกินก่อนได้เลยยุ” อัปสรดูทีวีพูดโดยไม่หันมา
ยุพาเห็นอัปสรจดจ่อก็ถอนใจ เดินมาหยิบรีโมทกดปิด
อัปสรฉุน “เอ๊ะ ปิดทำไมเนี่ย”
“คอนเสิร์ตมันเล่นค่ำๆ โน่น ไปกินซะก่อน”
“ก็ฉันไม่หิว” อัปสรเสียงแข็งใส่
“ถ้าไม่กิน ฉันไม่พาไปดูคอนเสิร์ตนะ” ยุพาหยิบตั๋วออกมาโชว์ “เพิ่งได้บัตรมาจากที่ทำงาน พี่ไม่อยากไปดูลูกใกล้ๆ หรือไง”
อัปสรอึ้ง พอได้สติรีบดึงบัตรคอนเสิร์ตมาดูด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

ฝ่ายปลายอ้อแต่งตัวสวยเตรียมพร้อมขึ้นเวที เดินเข้ามาทางด้านหลัง เห็นนักร้องประกวดคนอื่นๆ กำลังจับกลุ่มพูดคุยกัน บางคนซ้อมร้องเพลง ซ้อมเต้น บุญทิ้งโทร.เข้ามาพอดี เธอจึงกดรับคุยสาย
“อยู่ไหนแล้วไอ้อ้อ”
“อยู่หลังเวทีแล้วพี่ทิ้ง เดี๋ยวเจอกันนะ”
ปลายอ้อวางสายเดินเข้ามาหาที่นั่ง แล้วเห็นศุภกฤตเดินมาจากอีกด้านนึงพอดี
“คุณศุภกฤต”
ศุภกฤตสะพายกล้องคล้องคอ ยิ้มทัก “ผมแอบมาให้กำลังใจน่ะ เป็นไง ตื่นเต้นไหม”
“นิดหน่อย ฉันเดินผ่านมาเห็นคนมาดูเยอะมาก อาจจะเยอะที่สุดเท่าที่ฉันเคยขึ้นเวทีประกวดมาด้วยมั้ง”
“ทำให้ดีที่สุดแล้วกัน ผมจะส่งกำลังใจให้” เขานึกบางอย่างได้ ล้วงสร้อยที่คอ “หรือจะเอาหลวงพ่อที่คอผมไปห้อย”
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ขอบคุณนะ”
ปอแก้วเดินเข้ามา เห็นศุภกฤตคุยกับปลายอ้อกระหนุงกระหนิงก็ปราดเข้ามาหา ดุเขา
“คุณศุภกฤต ฉันจัดที่นั่งสื่อมวลชนเอาไว้ด้านหน้าเวทีแล้ว ทำไมคุณมาอยู่ตรงนี้”
“ขอมาให้กำลังใจเพื่อนแป๊บนึงสิคุณ”
ปอแก้วหมั่นไส้ “หน้าที่ของคุณคือมาทำข่าวคอนเสิร์ตหรือมาให้กำลังใจคนเข้าประกวดร้องเพลงกันแน่”
ปลายอ้อชักสีหน้าไม่พอใจ คลี่ยิ้มให้ศุภกฤต
“ออกไปหน้าเวทีเถอะคุณศุภกฤต แล้วรอเขียนข่าวตอนชั้นชนะประกวดร้องเพลงก็แล้วกัน”
ปลายอ้อยิ้มยั่วประสาทปอแก้วแล้วสะบัดหน้าเบาๆ เดินออกไป

บนเวทีตอนนี้ แววเดือนกำลังร้องเพลง “ชิมิ” แนวสนุกสนานแนวถนัด มีแดนเซอร์เต้นจัดเต็ม ต่อหน้าคนดูแน่นขนัด
เพลงสุดท้าย “ไม่มีเธอจะบอกรักใคร” จบลงพอดีตอนอัปสรกับยุพาเพิ่งมาถึงสองคนแหวกผู้คนเข้ามานั่งชะเง้อมองดูบนเวที อย่างตื่นเต้น
“สวัสดีค่าพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน ลืมแววเดือนคนนี้หรือยังค้า”
ระหว่างที่แววเดือนทักทายแฟนเพลง นักดนตรีชุดใหม่เข้ามาเปลี่ยนแทน บุญทิ้งรีบวิ่งเข้าไปหลังเวที เกวลีเดินไปมาอยู่ใกล้ๆ แถวบันไดทางขึ้นเวที บุญทิ้งวิ่งลงมาชนโครม
“ขอโทษครับ” บุญทิ้งเงยหน้าขึ้นมอง จำแทบไม่ได้ “เกวลี นี่เธอเหรอ”
บุญทิ้งมองตะลึง เกวลีแต่งตัวสวยหวานจัดเต็ม สวมเสื้อโค้ทปักเลื่อมของเพียงฟ้า
“อะไร อย่าเวอร์ แค่นี้ทำเป็นจำไม่ได้”
“จำไม่ได้สิ ฉันไม่เคยเห็นเธอแต่งตัวอย่างนี้มาก่อน สวยชะมัด”
บุญทิ้งชมอย่างลืมตัว เกวลีหน้าแดงด้วยความเขิน พูดแก้เก้อ
“ก็ชุดแบบนี้ ใครเขาจะแต่งบ่อยๆ เล่า”
บุญทิ้งอมยิ้มมองเกวลีอย่างเอ็นดู พอเกวลีเห็นก็ยิ่งประหม่า ทำอะไรไม่ถูก เพ็ญเดินเข้ามาเตือน
“ไอ้ลี ใกล้คิวเอ็ง นังแววมันกำลังลาคนดู”
เกวลีตกใจ รีบตามเพ็ญไปสแตนด์บาย ท่าทางตื่นเต้น แล้วหันมาหา
“นายล่ะบุญทิ้ง”
“คิวฉันพักนะ เดี๋ยวเอาใจช่วยอยู่ข้างหลังนี้นะ สู้ๆ”
เกวลียิ้มๆ พยักหน้าให้แล้วรีบออกไป บุญทิ้งมองตามยิ้มๆ คิดอะไรบางอย่างได้ รีบออกไปอีกด้าน
เสียงเพลงลูกทุ่งหวานซึ้ง “ยอมจำนานฟ้าดิน” ดังขึ้น เกวลีเดินไหว้คนดูออกไปหน้าเวที เริ่มร้องเพลงของตัวเอง
พอเห็นคนดูดูอย่างเพลิดเพลิน บางคนโยกตัวตามเพลง เกวลีก็หายตื่นเต้น ตั้งใจร้องเพลงโชว์พลังเสียงเต็มที่

พรทิพย์ ปอแก้ว อภิวัชและคนอื่นๆ นั่งพักอยู่ในห้องรับรอง ดูทีวีที่ถ่ายทอดคอนเสิร์ตอยู่ พรทิพย์ดูเกวลีร้องเพลง “เด็กคนนี้เสียงดีนะลูก ร้องเพราะกว่าเพียงฟ้าอีก ได้ออกเพลงบ้างหรือยัง”
“ยังค่ะ ตอนนี้เป็นศิลปินฝึกหัดของเราอยู่”
“ฝึกมาตั้งหลายปีแล้วค่ะแม่เกวลีเนี่ย” แสงโสมว่า
พรทิพย์งง “อ้าว ทำไมไม่ให้เขาทำเพลงล่ะ ร้องเพลงเพราะนะ”
“ต้องถามคุณพี่บูรพาดูค่ะ แต่โสมคิดว่าคงเพราะเด็กมันไม่ว่านอนสอนง่ายเหมือนเพียงฟ้าละมั้ง เดาถูกไหมคะคุณพี่”
แสงโสมเหล่มองบูรพาเชิงแดกดัน บูรพาขยับตัวอย่างอึดอัด ยิ่งเมื่อเห็นสายตาสงสัยของอภิวัช ที่มองมา รีบแก้ตัวพัลวัน
“ก็เพลงลูกทุ่งช้าๆ สมัยนี้มันขายไม่ได้ จะทำเพลงเร็วๆ เปรี้ยวๆ ให้ก็ไม่เข้ากับเด็กมัน ต้องฝึกอีกเยอะ”
“ค่า”
แสงโสมประชดมองค้อนหมั่นไส้ หันไปพยักพเยิดกับพรทิพย์อย่างรู้ทัน บูรพารีบเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วนี่ตกลงว่าแก้วเอาใครขึ้นร้องแทนเพียงฟ้าล่ะลูก”
“รอดูเองดีกว่าค่ะคุณพ่อ” ปอแก้วยิ้มมีเลศนัย

บนเวทีพิธีเดินออกมาหลังจากเกวลีร้องเพลงที่สอง “อารมณ์หญิง” จบพอดี
“จบไปแล้วนะครับกับเพลงรักหวานๆ ของศิลปินดาวรุ่งดวงใหม่ เกวลี ศรีนคร ใครที่ยังติดใจเสียงเพราะๆ ของเธอ คงต้องรอติดตามกับผลงาน เพลงซิงเกิ้ลแรกที่คงจะออกมาให้ฟังในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอนครับ เอาล่ะ ทีนี้ก็มาถึงหนึ่งเซอร์ไพรส์ ที่เราเกริ่นกันไว้ว่าวันนี้เราจะมีแขกรับเชิญพิเศษ เธอเป็นหนึ่งในศิลปินยุคบุกเบิกของบูรพาซาวด์ อดีตราชินีลูกทุ่ง เจ้าของเพลงฮิตมากมาย ขอเสียงปรบมือให้กับเพ็ญจันทร์ วันเพ็ญด้วย”
เสียงปรบมือดังเกรียวกราว ตามด้วยเสียงกรี๊ดกร๊าดจากคนดูดังสนั่น ดนตรีอินโทรเพลงฮิต “จันทร์” ดังขึ้น เพ็ญแต่งตัวสวยพริ้ง สง่าและสมวัย ออกมาหน้าเวทีมาดราชินีเป๊ะเวอร์
บูรพาเห็นในจอถึงกับแปลกใจ “ฮะ ยัยเพ็ญเนี่ยนะ”
ปอแก้วยิ้มภูมิใจ “เซอร์ไพรส์ไหมล่ะคะพ่อ”

เพ็ญออกมาร้องเพลงอย่างมีความสุข เห็นแฟนๆ ร้องเพลงตามได้ก็ยิ่งตื้นตันใจ
ในหมู่คนดูเห็นอัปสรนั่งมองเพ็ญร้องเพลง น้ำตารื้นขึ้นมา
“พี่เพ็ญ...”
เพ็ญยังร้องเพลงของตัวเองอย่างมีความสุข โดยไม่เห็นว่ามีอัปสรปนอยู่ในกลุ่มคนดู

ด้านหลังเวทีแววเดือน เจนนี่ เกวลีจับกลุ่มกันแอบเชียร์เพ็ญอย่างตื่นเต้น
“อู๊ยยย ปลื้มใจแทนอีเจ๊ ดูสิ แฟนๆ ร้องตามกันได้หมดเลย ทีเพลงฉันล่ะ แหม ยื่นไมค์ให้เงียบกันกริบ”
“ชื่อชั้นมันต่างกันโว้ย” เจนนี่ว่า
“อยากเห็นป้าเพ็ญชัดๆ กว่านี้จัง เดี๋ยวฉันมานะจ๊ะ”
เกวลีผละจากแววเดือน เจนนี่ เดินห่างออกมาทางด้านหลัง จะอ้อมไปดูข้างๆ เวที
เสียงเพียงฟ้าแหวใส่ดังขึ้น “นังเกวลี”
เกวลีตกใจเมื่อหันไปเห็นเพียงฟ้าเข็นรถพรวดเข้ามาพร้อมกับลั้นลา
“แกเอาเสื้อฉันมาใส่จริงๆ ด้วย กล้าดียังไง นังแมวขโมย”
“เอ่อ ก็...คุณแสงโสม”
ลั้นลาด่าต่อ “ไม่ต้องมาอ้างคนอื่น ถ้าแกเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่คิดยุ่งกับของคนอื่น ใครจะมาบังคับได้”
“ลีพยายามบอกทุกคนแล้วนะคะ แต่คุณแสงโสมเห็นว่าคุณเพียงฟ้าไม่มา”
“ก็ฉันมาแล้วนี่ไง แกเอาเสื้อฉันคืนมาสิ เอาคืนมา”
เพียงฟ้ายื่นมือเข้าไปกระชาก มีลั้นลาช่วยดึงอีกแรงเกวลีร้องห้าม ปลายอ้อได้ยินเสียงวิ่งเข้ามาดู ผลักสองคนออก
“อะไรกันน่ะ หยุดนะ”
ลั้นลาโมโห “แกไม่ต้องมายุ่ง นังคนนอก”
“ฉันต้องยุ่ง อยู่ๆ พวกคุณจะมารังแกเพื่อนฉันไม่ได้”
เพียงฟ้าด่ากราด “เพื่อนแกมันเอาเสื้อฉันไปใส่ สันดานตอดเล็กตอดน้อยพอกันไม่มีผิด มิน่าล่ะถึงได้คบกันได้”
“ฉันไม่ได้อยากใส่นะอ้อ แต่คุณแสงโสมกับเจ๊แววเดือนเป็นคนบอกให้ใส่” เกวลีอธิบาย
“นั่นไง แล้วจะขอคืนก็บอกกันดีๆ ไม่ได้หรือไง ยื้อยุดฉุดกระชากกันเป็นพวกอันธพาลไปได้”
เพียงฟ้าลืมตัว “อีนี่ ปากดีนักใช่ไหม จับมันไว้เจ๊ ชั้นจะตบสั่งสอนมัน”
ลั้นลาพลอยลืมตัวไปด้วยเข้ามาจับตัวปลายอ้อกดหัวลงจะให้เพียงฟ้าตบ เกวลีพยายามขอร้อง
“อย่าค่ะเจ๊ ขอเถอะค่ะ”
ลั้นลาไม่สนใจ ยื้อยุดจับปลายอ้อ ผลักเกวลีจนเซไปโดนรถเข็นเพียงฟ้าที่ไม่ได้ดึงเบรกไว้ เพียงฟ้าร้องกรี๊ด รถไถลไปด้านหลัง ลั้นลาตกใจหันไปมอง
“อ๊าย เพียงฟ้า”
เพียงฟ้าตกใจสุดขีด รถถลันไปไกลแล้วพุ่งเข้าป่าหญ้าหลังเวที เพียงฟ้าเอามือห้ามล้อสุดชีวิต รถเสียหลักล้มโครม ลั้นลาร้องวี้ดว้ายแล้วรีบวิ่งตามไป ปลายอ้อรีบพาเกวลีหนีไป เจอกับบุญทิ้งที่วิ่งมาพอดี
“อะไรวะไอ้อ้อ ฉันได้ยินเสียงกรี๊ด”
“คุณเพียงฟ้ามาหาเรื่องลี ฝากดูลีด้วยนะพี่ทิ้ง ฉันต้องไปเตรียมตัวขึ้นประกวดแล้ว”
บุญทิ้งพยักหน้า ประคองเกวลีไว้ ขณะที่ปลายอ้อรีบผละไปเตรียมตัว

แสงโสมถือโพยสำหรับกรรมการเข้ามาแจกให้ปอแก้ว อภิวัช บูรพา
“รายชื่อผู้ประกวดกับเพลงที่ร้องค่ะ เดี๋ยวเชิญกรรมการสแตนด์บายได้เลยนะคะ”
บูรพาอ่านชื่อเพลงคร่าวๆ “มีแต่เพลงเก่าๆ ทั้งนั้นแหละ คุณอภิวัชคงไม่กระดิกหูแน่ๆ จะไปหาฟังในยูทูบตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว ยายแก้วเอาคุณมาทรมานทรกรรมแท้ๆ เอาเป็นว่านั่งฟังเฉยๆ ก็ได้นะครับ ไม่ต้องให้คะแนน เดี๋ยวผลการตัดสินจะพลาด”
บูรพาหัวเราะเยาะข่มอีก อภิวัชยิ้มตอบ
“ไม่พลาดหรอกครับ การที่ผมไม่เคยฟังอาจจะเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ เพราะผมจะไม่มีอคติในหัวจากการฟังเพลงต้นฉบับ นักร้องอาชีพเวลาคัฟเวอร์เพลงใครก็ตาม ควรจะทำให้เป็นเพลงตัวเอง ถ้าพรีเซนต์ตัวเองออกมาไม่ได้ ก็ไม่น่าจะเหมาะเป็นศิลปินนะครับ”
อภิวัชยิ้มอ่อนแล้วลุกเดินออกไปอีกมุม บูรพามองตามฉุนขาด อภิวัชดูรายชื่อผู้เข้าประกวดสะดุดตาที่ชื่อปลายอ้อ
“ปลายอ้อ...ชื่อเหมือนเด็กที่ไปรายการ The Artist เลยนะครับ”
ปอแก้วตอบเซ็งๆ “คนเดียวกันนั่นแหละค่ะ”
“ฮะ มีปลายอ้อด้วยเหรอ” บูรพาหูผึ่ง รีบอ่านดูให้แน่ใจ “ทำไมแก้วไม่บอกพ่อ”
บูรพาแสดงท่าที่ตื่นเต้นออกนอกหน้า จนพรทิพย์สังเกตเห็น
“แก้วก็นึกว่าคุณพ่อรู้ซะอีก”
“แหม โสมก็นึกว่าคุณพี่เป็นคนชี้แนะให้เด็กนี่กลับมาประกวดในงานนี้อีก ถึงได้ทำตัวเป็นอาจมในโถส้วมที่ราดเท่าไรก็ไม่ลง”
“ฉันจะไปรู้อะไรด้วยล่ะ อย่ามาหาเรื่องน่าแสงโสม”
บูรพาเดินฉุนเฉียวออกจากห้องไป คนอื่นๆ ลุกตาม ปอแก้วหันไปหาแม่
“ถ้าคุณแม่กลัวร้อน นั่งดูอยู่ในนี้ก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ แม่จะไปด้วย แม่อยากไปเห็นเด็กปลายอ้อคนนี้ให้ชัดๆ”

ปอแก้ว บูรพา อภิวัช และคอมเมนต์คนดัง นั่งพร้อมอยู่ที่โต๊ะกรรมการ พรทิพย์ แสงโสมนั่งเยื้องไปทางด้านหลัง มีศุภกฤตอยู่กับพวกสื่อมวลชนด้านข้าง กำลังฟังพิธีกรบนเวทีประกาศ
“ในที่สุดก็ถึงช่วงเวลาสำคัญที่แฟนเพลงหลายคนรอคอย โดยเฉพาะคนที่มารอเป็นกำลังให้กับลูกๆ หลานๆ ที่จะเข้าประกวดเฟ้นหาดาวรุ่งพุ่งแรงของบูรพาซาวด์”
ในหมู่คนดู เห็นยุพาเขย่าขาอัปสรอย่างตื่นเต้น
“พี่สร จะถึงคิวไอ้อ้อแล้วพี่”
อัปสรพยักหน้า ใจเต้นระทึกไม่ต่างกัน
“ผมขอเรียนกติกาให้ทุกท่านทราบก่อน มีเพียงผู้ชนะเลิศเท่านั้นที่จะได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด ส่วนการตัดสินเราจะแบ่งคะแนนออกเป็นสองพาร์ท คือ 50 เปอร์เซ็นต์แรกตัดสินจากคะแนนกรรมการ และอีก 50 เปอร์เซ็นต์เราจะตัดสินจากผลรวมพวงมาลัยที่แฟนๆ หน้าเวทีคล้องให้ แฟนเพลงหนึ่งท่านมีสิทธิ์คล้องพวงมาลัยให้ศิลปินเพียงคนเดียวเท่านั้นครับ”
ยุพากับอัปสรกระชับพวงมาลัยในมือ ลุ้นรอฟังรอดูปลายอ้อ

ที่หลังเวที ปลายอ้อกับนักร้องคนอื่นๆ กำลังยืนรอถูกเรียกตัว แววเดือน เจนนี่ เกวลี เพ็ญเข้าไปหา
“เป็นไงวะอ้อ ตื่นเต้นไหม” เจนนี่ถาม
“นิดหน่อยจ้ะ”
เกวลีบอกว่า “หายใจลึกๆ หายใจลึกๆ”
แววเดือนเชียร์อัพเต็มที่ “ไม่ต้องกลัว หน้าตาดี หน่วยก้านดี เสียงก็ไม่ได้แย่ รับรองว่าแกต้องชนะแน่ พวกเราเอาใจช่วย”
“ออกไปร้องให้ชนะ จะได้เข้ามาอยู่ค่ายเดียวกันนะอ้อ” เกวลียิ้มบอก
อีกมุมหนึ่ง เห็นเพียงฟ้ากับลั้นลาแอบมองมาที่ปลายอ้อด้วยสายตาหมั่นไส้ และไม่ชอบใจเอามากๆ
“ฮึ หมั่นไส้ อวยชัยให้พรกันใหญ่ คงมีโชคมีชัยหรอก ได้พรจากอีพวกตกกระป๋องทั้งนั้น เจ๊ว่าไหม”
“อย่าประมาทเชียวนะ เจ๊ว่ามันร้องดี”
เพียงฟ้าขัดใจ “นี่เจ๊เข้าข้างมันเหรอ”
“ก็พูดไปตามเนื้อผ้า เด็กมันมีแวว”
“ฉันไม่ยอมให้มันฉายแววง่ายๆ หรอก”
“แล้วแกจะทำยังไง”
เพียงฟ้านิ่งคิด หันมองไปรอบๆ แล้วกวักมือให้ลั้นลาเอียงหูมาให้กระซิบ
พิธีกรบนเวทีประกาศชื่อปลายอ้อ
“ขอเชิญผู้เข้าประกวดคนต่อไปหมายเลข 7 คุณปลายอ้อ ทอประกายครับ”
ศุภกฤต อัปสร ยุพา ตื่นเต้น ส่วนที่โต๊ะกรรมการ บูรพาขยับเนื้อตัวรอฟังเต็มที่ ปอแก้วเหล่มอง
ปลายอ้อก้าวออกมา เห็นคนดูมากมายอยู่ตรงหน้าก็อดตื่นเต้นไม่ได้
“สวัสดีค่ะ ขอมอบเพลงนี้ให้ผู้หญิงทุกคน เชื่อมั่นในความรักที่คุณมี ขอให้ทุกคนเชื่อว่ารักแท้ ยังมีอยู่จริง”
คนดูปรบมือให้ เสียงดนตรีเริ่มขึ้น พอถึงช่วงที่ปลายอ้อจะขึ้นเพลง อยู่ๆ ไฟก็ดับพรึ่บลง ทุกคนฮือฮาตกใจ
พรทิพย์แปลกใจ “ไฟดับได้ยังไง ทำไมมาดับตอนนี้”
บูรพาบอกลูก “รีบไปเช็คสิ”
“ค่ะ”
“ผมไปช่วย”
อภิวัชลุกขึ้นตามปอแก้วไป ทีมงานวิ่งกันให้อื้ออึง
ศุภกฤต อัปสร ยุพา กระสับกระส่าย เป็นห่วงปลายอ้อที่ยืนนิ่งอยู่บนเวที
ด้านหลังเวที บรรยากาศวุ่นวาย แววเดือน เจนนี่ เกวลี เพ็ญ คลำกันไปมา
“เฮ้ย อะไรกันวะ ใครดับไฟแกล้งมันหรือเปล่า” เพ็ญโวยวาย
แววเดือนไม่เชื่อ “บ้า ใครจะทำบ้าๆ อย่างนั้น”
เกวลีเอ่ยขึ้น “หรือว่าไฟช็อต”
เจนนี่เป็นห่วงปลายอ้อ “โห อ้อเอ้ย ดวงจะดับไปไม่ได้เกิดแล้วมั้งเนี่ย ดูซิ พอจะเข้าเพลง ไฟดันดับซะได้”
“แกก็พูดเป็นลางไปได้ มันอาจจะแค่ไฟช็อตน่ะแหละ”
เพียงฟ้ามองดูเหตุการณ์ชุลมุนอยู่มุมหนึ่งยิ้มสะใจ

อีกด้าน ปอแก้วกับอภิวัชรีบมาหาทีมงานแบ็คสเตจ
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ อยู่ๆ ก็ดับหมด กำลังเช็คอยู่ครับ”
อภิวัชคิดปราด “เช็คคัทเอาท์สิ”
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คุณกำลังคิดว่ามีใครสับคัทเอาท์งั้นเหรอคะ” ปอแก้วท้วง
“คงจะเป็นที่ระบบช็อตมากกว่าครับ”
“เชื่อผม เช็คคัทเอาท์”
ปอแก้วมองอภิวัชด้วยความแปลกใจ
“คุณคิดอะไรอยู่คะ”
“เราอยู่ในโลกมายา เรื่องน้ำเน่า เกิดขึ้นได้เสมอ”
“คุณกำลังจะบอกว่ามีคนแกล้งสับคัทเอาท์งั้นเหรอคะ”

ปลายอ้อยังยืนงงอยู่ในดงคนดู ได้ยินเสียงคนดูพูดคุยกันอื้ออึง คนดูบางคนเริ่มบ่น
บุญทิ้งยืนอยู่ด้านหลัง พยายามกระซิบเรียก
“ไอ้อ้อ...ไอ้อ้อ”
ปลายอ้อหันไปมองด้านหลัง
“อย่าตื่นเต้น ทำใจให้สบาย คิดถึงน้าสร คิดถึงพ่อแกไว้ แค่นี้ไม่ใช่อุปสรรคของแก แกเอาชนะมันได้”
ปลายอ้อฝืนยิ้ม แต่ก็เกิดกำลังใจ หันกลับมาหน้าเวที จู่ๆ ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สูดลมหายใจ แล้วเริ่มร้องเพลงสดๆ โดยไม่มีดนตรี เสียงเซ็งแซ่ค่อยๆ เงียบลง คนดูอึ้งไป
เสียงของปลายอ้อสะกดคนดูให้เงียบฟังไปทั้งลาน

ที่โต๊ะกรรมการ ปอแก้ว อภิวัชเดินกลับมาด้วยความทึ่งๆ เห็นบูรพานั่งมองปลายอ้ออย่างพิศวง
“เพลงของเราหรือเปล่าแก้ว ทำไมพ่อถึงคุ้นนัก”
“ไม่ใช่ค่ะ หนูไม่แน่ใจว่าต้นฉบับเป็นใคร”
บูรพาอ่านชื่อเพลง เป็นเพลงของอัปสร แต่เสี่ยจำไม่ได้เพราะเคยฟังอัปสรร้องสมัยสาวๆ แค่ครั้งเดียว ขณะที่พรทิพย์มองดูปลายอ้อในเงามืดๆ อย่างประทับใจ
“ไม่เลวเลยนะโสม เด็กคนนี้ รู้จักแก้สถานการณ์”

ที่กลุ่มคนดู อัปสรฟังเสียงปลายอ้อที่ร้องเพลงดังก้องกังวานก็น้ำตาไหลออกมาด้วยความปลื้มใจ
ศุภกฤต เห็นคนดูยังเงียบกริบอยู่ ก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดหน้าจอแล้วชูขึ้นเรียกเสียงฮือฮาจากคนดู
แสงไฟจากมือถือค่อยๆ สว่างขึ้นทีละจุดสองจุด จนสว่างทั่วลานเทวาไปหมด
ปลายอ้อมองเห็นแสงไฟจุดประกาย โยกไหวไปมา เหมือนเป็นสัญลักษณ์ว่าคนดูมีอารมณ์ร่วมไปกับเพลง ก็ยิ่งมีกำลังใจถอดจิตวิญญาณร้องเต็มที่

ที่หลังเวที แววเดือน เกวลี เจนนี่ เพ็ญยังแอบมองอยู่ที่เดิม
“เจิดจรัสม๊าก ไอ้อ้อเอ๊ย คราวนี้แกเกิดแน่”
ปลายอ้อร้องเพลงโชว์พลังเสียงโดดจนเข้าสู่ช่วงท้าย อยู่ๆ แสงไฟบนเวทีก็ค่อยๆ ติดสว่างขึ้นทีละดวงๆ
“เฮ้ยๆๆ ไฟมาแล้ว” เจนนี่ร้องบอก
“อย่างนี้เค้าเรียกว่าฆ่าไม่ตายเว้ย” แววเดือนร้องลั่น
“เสียงดีขนาดนี้ต้องชนะแน่ๆ” เกวลีมั่นใจ
เพ็ญหันไปเห็นทีมงานวิ่งเข้ามาพอดี
“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นวะ”
“มีคนสับคัทเอาต์ใหญ่ครับ”
“นั่นไง กูว่าแล้วเชียว” เพ็ญว่า

ปลายอ้อร้องเพลงจนจบเพลงลง ได้รับเสียงปรบมือดังกึกก้องยาวนาน
“ไพเราะมากครับกับเสียงเพลงสดๆ ของคุณปลายอ้อ ทอประกาย ผู้เข้าประกวดหมายเลข 7 ของเรา ทีนี้ก็ถึงเวลาลงคะแนนนะครับ แฟนเพลงท่านไหนที่อยากมอบพวงมาลัยให้กับคุณปลายอ้อ ขอเรียนเชิญที่หน้าเวทีได้เดี๋ยวนี้เลยครับ อย่าลืมนะครับนึงคะแนนต่อนึงท่านเท่านั้น”
แฟนเพลงลุกกันพรึ่บพรั่บตรงไปที่หน้าเวที แย่งกันคล้องพวงมาลัย ยุพารีบชวนอัปสร
“ไปพี่สร”
อัปสรตื่นเต้น ลุกฝ่าคนเข้าไปหาปลายอ้อด้วยมืออันสั่นเทา

ที่โต๊ะกรรมการ อภิวัชมองดูคลื่นฝูงชนนที่เข้ามารุมปลายอ้ออย่างทึ่งๆ
“คงไม่ต้องตัดสินแล้วมั้งครับ พวงมาลัยขนาดนี้”
“ไม่ได้นะคะ ยังไงเราก็ต้องลงคะแนน” ปอแก้วทักท้วง
“ผมรู้ แต่คุณจะปฏิเสธความเห็นมหาชนได้จริงเหรอ”
บูรพาแทรกขึ้น “ถ้าไม่อคติ แก้วก็คงต้องยอมรับว่าปลายอ้อร้องดีจริงๆ ใช่ไหมลูก”
ปอแก้วหน้างอ รู้สึกเหมือนถูกรุม แต่ยังไม่อยากยอมรับปลายอ้อง่ายๆ
พรทิพย์มองไปที่หน้าเวที เห็นอัปสรเบียดเสียดผู้คนไปที่หน้าเวที
“เอ๊ะ นั่น...”
แสงโสมสนใจมองตาม “อะไรคะคุณพี่”

ปลายอ้อยังคงก้มหน้ารับพวงมาลัยจากแฟนๆ ด้วยความปลาบปลื้มใจ
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
“น้าภูมิใจในตัวแกนะอ้อ”
ปลายอ้อตกใจ เงยหน้าขึ้นมอง เห็นยุพาคล้องพวงมาลัยให้
“น้ายุ” ปลายอ้อหันไปเห็นอัปสร “แม่...”
อัปสรมองหน้าปลายอ้อน้ำตารื้น ค่อยๆ คล้องพวงมาลัยให้ลูก ส่งสายตาประสานกันจังๆ ต่างคนต่างพูดอะไรกันไม่ออกทั้งคู่
อัปสรมองหน้าปลายอ้ออย่างภาคภูมิใจ อยากจะเอ่ยคำพูดชื่นชมออกมา แต่สายตาเหลือบไปเห็นพรทิพย์เดินเข้ามา อัปสรตกใจ รีบผละออกจากหน้าเวทีทันที
ปลายอ้องง “แม่...”
อัปสรหันไปมองพรทิพย์อย่างระแวง ก้มหน้าเบียดผู้คนพยายามหนีออกไป ยุพางง
“พี่สร”
ยุพาเบียดคนตามอัปสรออกไป ขณะที่พรทิพย์ก็มองตามอัปสรไม่วางตา รีบตามไปดัก
ปลายอ้อมองอัปสรที่รีบร้อนออกไป อยากจะตามลงไปหา แต่ติดพันที่คนดูยังเข้ามารุมคล้องพวงมาลัยให้ไม่หยุดหย่อน พวงมาลัยล้นคอ

อัปสรรีบร้อนพายุพาหนีออกมาด้านนอกลานคอนเสิร์ต
“อะไรพี่สร จะไปไหน”
“กลับเถอะยุ”
“กลับได้ยังไง รอประกาศผลก่อนสิ”
“ไปฟังผลที่บ้านก็ได้ เราต้องกลับเดี๋ยวนี้”
“ทำไมล่ะพี่” ยุพางงงัน
“ฉันบอกให้กลับก็กลับสิ”
อัปสรตวาดเสียงแข็ง แล้วรีบเดินหนีมาเรียกแท็กซี่ก่อนจะกระโจนขึ้นไปนั่งทันทียุพาวิ่งพรวดตามขึ้นไป แท็กซี่แล่นออกไปเลย
พรทิพย์ไล่ตามออกมา แต่ไม่เห็นใครแล้ว มีแสงโสมตามออกมาด้วย
“คุณพี่ จะไปไหนคะ”
“ฉันเห็น...”
“เห็นใคร แล้วทำไมต้องรีบร้อนตามมาขนาดนั้น น้องตกใจหมด”
พรทิพย์ทำท่าจะเล่าให้แสงโสมฟัง แต่แล้วเกิดเปลี่ยนใจ
“ช่างมันเถอะ เขาไปแล้ว อาจจะไม่ใช่คนที่ฉันคิดก็ได้”

หลังจากการประกวดครบทุกคน ปลายอ้อออกมายืนหน้าเวทีพร้อมกับผู้เข้าประกวดคนอื่นๆ มีพิธีกรถือใบประกาศผลอยู่ในมือ เสียงคนดูหน้าเวทีส่งเสียงเรียกปลายอ้อๆๆๆ กึกก้องจนปลายอ้อภูมิใจ
“เอาล่ะ มาถึงช่วงเวลาระทึกใจแล้ว ผลรางวัลชนะเลิศ ตำแหน่งดาวรุ่งพุ่งแรงของบูรพาซาวด์อยู่ในมือผมแล้ว เชียร์ใครกันบ้าง ขอเสียงเป็นครั้งสุดท้ายหน่อย”
เสียงคนดูร้องเชียร์ “ปลายอ้อๆๆๆๆ” ดังกระหึ่มขึ้นอีก ปลายอ้อดีใจจนน้ำตาซึม
“กึกก้องขนาดนี้ คงไม่ประกาศไม่ได้แล้วล่ะครับ และรางวัลชนะเลิศได้แก่ผู้เข้าประกวดหมายเลข....7 ครับ คุณปลายอ้อ ทอประกาย”
เสียงคนดูเฮลั่นด้วยความดีใจ
ศุภกฤตลุกขึ้นยืนปรบมือให้ปลายอ้ออย่างชื่นชม บุญทิ้งเต็มตื้นกอดกับเพื่อนนักดนตรี เช็ดน้ำตาป้อยๆ ขณะที่ด้านหลังเวที แววเดือน เกวลี เจนนี่ เพ็ญ กระโดดกอดกันกลม
ปลายอ้อน้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้ม ขณะที่ถูกพาตัวออกมายืนเดี่ยวหน้าเวที
“ขอเรียนเชิญเสี่ยบูรพา ในฐานะประธานจัดงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ร่วมมอบถ้วยและเงินรางวัลกับผู้ชนะด้วยนะครับ”
บูรพายิ้มหน้าบาน ขึ้นเวทีมาพร้อมปอแก้วที่ทำหน้าที่อัญเชิญรางวัล
“ดีใจด้วยนะ”
ปลายอ้อยกมือไหว้บูรพา แล้วรับมอบถ้วยรางวัล
“เดี๋ยวเรียนเชิญทั้งสองท่านถ่ายรูปด้วยนะครับ”
ปอแก้วจำต้องขยับเข้ามาใกล้ ถือโอกาสกระซิบ
“ฉันต้องยอมเธอจริงๆ วันนี้เธอชนะ”
“ไม่ใช่แค่วันนี้หรอกค่ะ ฉันจะต้องชนะตลอดไป”
ปลายอ้อกระซิบบอกพร้อมรอยยิ้ม ขณะที่ศุภกฤตและสื่อพากันเข้ามารุมถ่ายภาพสามคนรัวๆ

ตรงมุมหนึ่งที่หลังเวที เพียงฟ้ากำลังแว้ดๆ ใส่ลั้นลา
“บ้าที่สุด เจ๊ทำอะไร ฉันบอกให้ไปสกัดดาวรุ่ง ไม่ใช่ไปให้ซีนมัน”
“ก็ทำอย่างที่แกสั่งนั่นแหละ แกเป็นคนให้ไปสับคัทเอาท์เองนี่หว่า”
เสียงเจนนี่ดังแทรกขึ้น “อ๋อ เจอแล้วอีพวกตัวการ พวกแกนี่เองที่คิดจะเตะตัดขาเด็กฉัน”
แววเดือนถกแขนเสื้อพร้อมลุย “แบบนี้มันต้องเอาซะหน่อยให้หลาบจำดีไหม ขาเดี้ยงไปแล้ว ควรจะหน้าแหกด้วย จะรักษาทีเดียว”
“เอาสิ ขาฉันเดี้ยงข้างเดียว อีกข้างยังถีบหน้าแกได้อยู่ก็แล้วกัน”
เพียงฟ้ากับแววเดือนฮึ่มๆ ฮ่ำๆ ใส่กัน เกวลีรีบห้าม
“พอเถอะค่ะ ตอนนี้นักข่าวกำลังเยอะ อย่ามีเรื่องกันเลยนะคะ”
แววเดือนขัดใจ “จะปล่อยให้มันลอยนวลได้ยังไง คนเลวๆ แบบนี้ต้องสั่งสอนสิ”
“เอาเถอะน่า ยังไง ปลายอ้อมันก็ชนะ ที่จริงอาจจะต้องขอบคุณแผนเลวๆ ของพวกแกด้วยซ้ำที่ช่วยดันให้มันแจ้งเกิด ถ้าไม่มีใครไปทำให้ไฟดับปลายอ้อมันอาจจะแพ้ก็ได้”
เพ็ญว่าพร้อมกับหัวเราะเยาะเสียงดังลั่น จงใจเยาะเย้ยเพียงฟ้ากัลลั้นลา แววเดือนคล้อยตาม
“เออ ก็จริงนะ มันต้องขอบคุณพวกแก เอาเป็นว่าฉันจะบอกไอ้อ้อให้มันกรวดน้ำทำบุญให้ตอนเช้าก็แล้วกัน”
แววเดือนหัวเราะประสานเสียงกับเพ็ญ แล้วพากันลอยหน้าลอยตาออกไป
เพียงฟ้าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง หันมาทำตาเขียวใส่ลั้นลาเพราะไม่รู้จะไปลงที่ใคร

ปลายอ้อยืนให้สัมภาษณ์อยู่บนเวที มีสื่อมวลชนรุมล้อม ศุภกฤตช่วยยิงคำถาม
“ใครเป็นแรงบันดาลให้คุณอยากเป็นศิลปินครับ”
“ที่จริงอ้อก็มีไอดอลหลายคนค่ะ แต่คนที่สำคัญที่สุดก็คือคุณแม่ ถึงคุณจะไม่เคยเป็นนักร้องอาชีพ แต่คุณแม่ก็เป็นคนปลูกฝังให้อ้อรักเสียงเพลง ส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้อ้อไขว่คว้าหาความสำเร็จมาถึงวันนี้ได้ก็เพราะอยากเป็นศิลปินให้คุณแม่ภูมิใจค่ะ”
ศุภกฤตซักอีกว่า “แล้วหลังจากนี้มีแผนในการทำงานยังไงครับ”
“ก็คงต้องแล้วแต่ทางผู้ใหญ่ค่ะ แต่อ้อจะพยายามรักษาสิ่งที่เป็นจุดแข็งของตัวเอง ที่ทำให้แฟนๆ ชื่นชอบในวันนี้เอาไว้เพื่อใส่ลงไปในผลงานที่จะออกต่อไปค่ะ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณค่ะ”
ปลายอ้อยกมือไหว้กราดสื่อทุกคนเป็นการจบสัมภาษณ์ รอจนเห็นสื่อค่อยๆ ทยอยออกไปจนหมด บุญทิ้งรีบวิ่งเข้ามากระโจนกอดปลายอ้อด้วยความดีใจ
“ไอ้อ้อ เก่งมากโว้ย ฉันภูมิใจกับแกจริงๆ”
“ใช่ รับรองพรุ่งนี้คุณต้องได้พาดหัวใหญ่หนังสือพิมพ์ทุกเล่มแน่ ผมดีใจด้วยจริงๆ” ศุภกฤตยิ้มให้
“ขอบคุณกำลังใจที่คุณให้ฉันเสมอมาด้วยนะคะ พี่ทิ้งก็เหมือนกัน ถ้าตอนนั้นไม่ได้พี่ทิ้งเรียกสติไว้ ฉันคงเตลิดเปิดเปิงไปแล้ว”
“ไม่หรอกน่า ดวงเองมันจะขึ้นวันนี้โว้ย ช้างก็ฉุดไม่อยู่”
“ผมต้องกลับก่อน แต่พรุ่งนี้เจอกัน เพราะผมขอคิวคุณไปให้สัมภาษณ์ที่ออฟฟิศผมเป็นที่แรก”
“ค่ะ แล้วไว้ว่างๆ ฉันจะเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่คุณนะ”
ศุภกฤตพยักหน้ายิ้มๆ ให้ แล้วเดินออกไป ปอแก้วเดินเข้ามาหาหน้าเคร่งเสียงเย็นชา
“ปลายอ้อ”
ปลายอ้อหันไปมอง เห็นปอแก้วยืนอยู่กับพรทิพย์ บูรพา และแสงโสม
“นี่คุณพรทิพย์ คุณแม่ฉัน ท่านกำลังจะกลับ”
ปลายอ้อไหว้นอบน้อม “สวัสดีค่ะ”
พรทิพย์ยิ้มมีเมตตา “ขอแสดงความยินดีด้วยนะ วันนี้เธอทำได้ดีมาก ฉันเองก็ประทับใจ”
“ขอบพระคุณค่ะท่าน”
“ขอให้พัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ อย่าหยุดนิ่งนะ แล้วฉันจะรอฟังผลงานของเธอ”
“อีกไม่นานหรอกคุณ ผมรับรอง ตีเหล็กเราก็ต้องตีตอนร้อน” บูรพาหันมาทางปอแก้ว “จริงไหมลูก”
ปอแก้วทำหน้าเนือยๆ ไม่ได้อะไร บูรพาหันไปสั่งแสงโสมต่อ
“พรุ่งนี้ให้ฝ่ายกฎหมายร่างสัญญามาให้ปลายอ้อเซ็นเลยนะ”
แสงโสมแย้งว่า “เราไม่ต้องประชุมกันก่อนเหรอคะคุณพี่”
บูรพารำคาญ “จะประชุมอะไรอีก นี่รับนักร้องเข้าค่าย ไม่ได้รับซีอีโอ”
แสงโสมหน้าม่อยไม่เต็มใจ บูรพาหันมายิ้มหวานให้ปลายอ้อ
“พรุ่งนี้เจอกันนะปลายอ้อ คืนนี้กลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ เรายังมีอะไรต้องลุยกันอีกเยอะ”
“ค่ะเสี่ย”
บูรพาทำท่าจะแตะไหล่ปลายอ้อเหมือนเอ็นดู แต่บุญทิ้งรีบเอาตัวมาแทรกกลาง ก้มหัวไหว้
“ขอบพระคุณนะครับเสี่ย ขอให้เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพครับ”
บูรพามองบุญทิ้งอย่างไม่พอใจ แต่ก็เดินออกไปพร้อมกับปอแก้วและคนอื่นๆ
บุญทิ้งโล่งอก ยิ้มให้กับปลายอ้อ

ถ้วยบะหมี่คัพในมือทุกคนยื่นมาชนกัน พร้อมกับส่งเสียงเฮดังลั่นบ้านพัก ต้นเสียงโดยบุญทิ้ง
“แด่ความสำเร็จของพวกเราทุกคน เย้”
“เจ๊แวว ไอ้ลี พวกแกทำได้ดีมาก ฉันดูอยู่ข้างล้างน้ำตาจะไหล” เจนนี่พูดๆ เริ่มเสียงเครือ “มิเสียแรงที่ฝึกวิชากันมาหลายปี”
แววเดือนแกล้งวางมาดทำเชิดๆ ยักไหล่
“ก็งั้นๆ แหละ ของจริงไม่ต้องพูดเยอะ เจ็บคอ”
“คนที่สำเร็จที่สุดก็คือปลายอ้อจ้ะพี่เจนนี่” เกวลีหันไปหาปลายอ้อ “ดีใจด้วยนะ ในที่สุดอ้อก็ได้เป็นศิลปินของบูรพาซาวด์สมใจ”
แววเดือนยิ้มร่า “ยินดีต้อนรับกลับสู่ค่ายของเรานะเว้ย ปลายอ้อ”
ปลายอ้อยิ้มให้ทุกคน “ขอบใจจ้ะ แต่ความสำเร็จของฉัน ทุกคนก็มีส่วนร่วมทั้งนั้น โดยเฉพาะป้าเพ็ญ ครูสอนร้องเพลงที่ดีที่สุดของฉัน” ตอนท้านหันไปยิ้มให้เพ็ญ
เล่นเอาเพ็ญเขินเลย “เฮ่ย ข้าไม่ได้ทำอะไร”
“คำแนะนำของป้า ทำให้ฉันเห็นมุมมองใหม่ในการเป็นศิลปิน ฉันถึงชนะประกวดมาได้ ฉันต้องขอบคุณป้ามากกว่าใครด้วยซ้ำ”
ปลายอ้อยกมือไหว้ เพ็ญรับไหว้ท่าทีเขินอาย
“ข้าก็แนะนำไปตามประสานักร้องแก่ตกยุค ขอบใจนะที่เอ็งยังให้ความสำคัญ”
“แหม ป้าเพ็ญอย่าถล่มตัว ตกยุคอะไรกั๊น พอออกมาคนกรี๊ดให้ลั่น” ไอ้ทิ้งบอก
เจนนี่ไถมือถืออ่านโซเชียล “นั่นสิ ในเฟซเขาก็ชื่นชมเจ๊กันให้รึ่ม บอกว่าเซอร์ไพรส์ที่กลับมาร้องเพลง นี่ๆๆ มีคนกดไลค์คลิปเจ๊เกือบพันคนแล้วนา”
ทุกคนยื่นหน้าเข้ามาดูท่าทางตื่นเต้น
“ตายแล้ว จริงด้วย” เกวลีกรี๊ด
แววเดือนยิ้มเย้า “ฮ็อตว่ะเจ๊เพ็ญ พรุ่งนี้คุณปอแก้วเรียกคุยเรื่องเพลงแน่เลย เผลอๆ จะได้เซ็นสัญญาพร้อมไอ้อ้อ”
“ให้มันน้อยๆ หน่อยเหอะวะ ข้าไม่เอาแล้วโว้ย ร้องสนุกๆ ชั่วคราวน่ะได้แต่ไม่ออกเทปแล้ว พอ”
“โฮ้ย เจ๊ ยังใช้ว่าออกเทปอยู่อีก เชื่อแล้วว่าตกยุค”
แววเดือน เจนนี่ เกวลี ปลายอ้อหัวเราะกันคิกคัก กินบะหมี่ฉลองต่อ เพ็ญมองค้อนเด็กๆ ก่อนจะยิ้มออกมา อดดีใจไม่ได้

ปลายอ้อปูที่นอนเรียบร้อย แต่ยังนอนไม่ได้ เพราะต้องเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เพ็ญนั่งคุยด้วย
“มาช่วยงานข้าไม่ทันไร ก็ต้องไปซะแล้ว ปลายอ้อเอ๊ย”
“ฉันไปแล้วไม่ไปลับหรอกจ้ะ ถ้าว่างจะมาช่วยป้าเพ็ญอีก”
“จะมีเวลาว่างเหรอ หลังจากนี้ เอ็งก็คงต้องง่วนกับการร้องเพลง เอาเถอะ ขอให้ไปดีก็แล้วกัน”
ปลายอ้อยกมือไหว้ “สาธุ แล้วป้าเพ็ญค่ะ คิดจะกลับไปร้องเพลงเป็นอาชีพอีกไหม คอนเสิร์ตวันนี้ป้าเพ็ญกระแสดีเชียวนะ”
“โอ๊ย ไม่เอาแล้ว ข้าก็ร้องแค่เฉพาะกิจเท่านั้นแหละ อาชีพนักร้องมันผ่านข้าไปนานแล้วโว้ย เพลงลูกทุ่งสมัยนี้ก็ไม่เหมือนก่อน ออกเทปมาก็ขายไม่ออก ขายส้มตำเหมือนเดิมแหละดีแล้ว แต่เอ็ง ยังมีอนาคตรออยู่อีกเยอะ ข้าขออวยพรให้เอ็งรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจนะ”
“ขอบคุณนะจ๊ะป้า”
ปลายอ้อยกมือไหว้ แล้วสวมกอดเพ็ญอย่างซาบซึ้งใจ

ด้านปอแก้วอาบน้ำแต่งตัว ทิ้งตัวลงบนเตียง คุยเฟซไทม์กับอภิวัช
“คุณไม่เหนื่อยบ้างเหรอ กลับถึงบ้านแล้วยังทำงานต่ออีก”
ฝั่งอภิวัชนั่งคุยเฟซไทม์อยู่ที่บ้าน เห็นตรงหน้ายังเปิดโปรแกรมทำเพลงอยู่
“ไม่หรอก คึกกว่าเดิมสิไม่กว่า ได้แรงบันดาลใจกลับมาเยอะเลย คุณจัดงานได้ดีมากนะ”
“เหรอคะ”
“มีแต่คนชม คุณไปอ่านตามเพจสื่อต่างๆ สิ”
ปอแก้วพยักหน้ารับ ก่อนจะถอนใจเฮือกใหญ่ออกมา
“ถอนใจทำไม ไม่ดีใจเหรอ ทำงานใหญ่ครั้งแรกก็เปรี้ยงปร้างขนาดนี้”
“ก็ดีค่ะ” ปอแก้วอัดอั้น ก่อนสารภาพออกมา “จริงๆ วันนี้อะไรๆ ก็ดีไปหมดแหละ เสียย่างเดียว...คนที่ประกวดชนะ”
“อ้าว” อภิวัชหัวเราะขำๆ “ทำไมล่ะ ผมว่าเขาร้องเพลงได้ดีเลยนะ เสียงเชียร์ออกจะเป็นเอกฉันท์ จะว่าไป ก็อาจจะเป็นเพราะคอมเมนต์ของคุณที่เคยสับเขาไว้เยอะ เขาถึงกลับไปพัฒนาตัวเองจนได้ขนาดนี้”
“แต่ยังไงฉันก็ไม่ชอบยายปลายอ้อนี่อยู่ดี เขามีอะไรบางอย่างที่ฉันรู้สึกไม่ไว้ใจ ไม่ถูกชะตา”
อภิวัชยิ้มขัน “งั้นเอามาให้ผมไหม เดี๋ยวผมปั้นเอง”
ปอแก้วฉุน “นี่คุณ”
“ก็ผมจะช่วยไม่ให้คุณลำบากใจไง ผมว่าเด็กคนนี้มีแววนะ”
“กล้าขอจากพ่อฉันไหมล่ะคะ ถ้ากล้าขอฉันก็กล้าให้”
ปอแก้วลอยหน้าลอยตายั่วคนรัก
“ถ้าจะขอ...ผมขอคุณดีกว่า บอกมาเลยจะให้ไปเมื่อไร”
“บ้า...”
ปอแก้วหน้าแดง อาย ม้วนไปม้วนมา อภิวัชหัวเราะเอ็นดู

รุ่งเช้า อัปสรกับยุพาออกมาใส่บาตรหน้าบ้าน แล้วนั่งลงไหว้รับพรจากพระ จนพระท่านเดินไป
“พี่ได้เผ่าคงอิ่มล่ะวันนี้ ใส่บาตรไปให้แต่ของโปรดๆ ทั้งนั้น”
อัปสรยิ้มชื่น “สมัยอยู่โคราชฉันก็แบบนี้แหละยุ เวลาไอ้อ้อประกวดชนะมา ต้องทำกับข้าวที่พี่เผ่าชอบใส่บาตรไปให้ แกจะได้ร่วมฉลองกับลูก”
“แล้วพี่ล่ะ ได้โทรไปแสดงความยินดีกับลูกบ้างหรือยัง”
อัปสรหน้าเศร้าลง “ยังหรอก ฉันกลัวว่ามันจะยังโกรธอยู่”
“โอ๊ย ไอ้อ้อมันรักแม่มันยังกะอะไร มันไม่โกรธหรอกพี่”
อัปสรไม่ตอบอะไร หันหลังเดินเข้าบ้าน ยุพาเดินตาม แต่ได้ยินเสียงปลายอ้อดังขึ้นจากอีกฝั่งถนน
“ใช่จ้ะ อ้อจะโกรธเกลียดแม่ได้ยังไง”
อัปสรกับยุพาหันกลับมา เห็นปลายอ้อกับบุญทิ้งยืนอยู่หน้านบ้าน อัปสรยิ้มออกมาทั้งน้ำตา

ทุกคนอยู่ในโถงบ้าน อัปสรมองถ้วยรางวัลชนะเลิศการประกวดที่วางอยู่ข้างๆ ปลายอ้อ ซึ่งก้มลงกราบที่ตัก
“แม่คือคนที่ให้ชีวิตอ้อ เป็นครูคนแรกของอ้อ ทั้งอ้อมกอดและไม้เรียวของแม่มีค่าสำหรับหนูเท่ากัน ยังไงหนูก็รักแม่จ้ะ”
ปลายอ้อพูดจบก็เข้าสวมกอดอัปสร แม่ลูกกอดกันกลม น้ำตาซึมกันทั้งคู่
“ไอ้ทิ้ง แกโทร.ไปสั่งหมูกระทะหน่อยสิวะ วันนี้น้าจะฉลองใหญ่ แม่ลูกเขาคุยกันได้แล้วโว้ย”
ปลายอ้อผละออกจากอ้อมกอดแม่ ปาดน้ำตาหันมาคุยกับยุพา
“เอาไว้วันหลังนะจ๊ะน้ายุ วันนี้อ้อกับพี่ทิ้งมีเวลาน้อย แค่อยากมาส่งข่าวดี” ปลายอ้อบอก
บุญทิ้งเสริมว่า “เดี๋ยวไอ้อ้อมันต้องกลับไปเซ็นสัญญาที่บริษัท”
“ฮ้า วันนี้เลยเหรอ น้าดีใจด้วยนะ” ยุพาเนื้อเต้น ดีใจไปด้วย
ปลายอ้อยิ้มปลาบปลื้ม แล้วนึกได้ เปิดกระเป๋าหยิบซองเงินรางวัลออกมา ยื่นให้แม่
“เงินรางวัลนี้อ้อยกให้แม่กับน้ายุ ขาดเหลืออะไรก็เอาไปใช้ได้ตามสบายนะจ๊ะ”
“เก็บไว้เถอะ แม่ไม่เอาหรอก อ้อก็รู้ว่าแม่ไม่เคยต้องการอะไร นอกจากอยากเห็นอ้อเข้าไปอยู่ในบูรพาซาวด์”
อัปสรลูบหัวปลายอ้อ ยิ้มละไม แต่แววตามุ่งมั่น
“ขอให้อ้อได้เป็นนักร้องที่โด่งดังเหมือนที่พ่อเขาเคยทำได้นะลูก แต่จงอย่าลืมเป้าหมายที่แท้จริง อ้อต้องทวงคืนความยุติธรรมให้พ่อ ทำลายไอบูรพาให้ได้”
ปลายอ้อสบตากับแม่ พยักหน้าตอบด้วยแววตามุ่งมั่นไม่แพ้กัน

เช้าวันเดียวกัน เพ็ญเดินหาวลงมาจากชั้นบนเพราะได้ยินเสียงเคาะประตูปังๆ
“อะไรกันโว้ย วันนี้กูว่าจะปิดร้านนอนตื่นสายซะหน่อย”
เพ็ญงัวเงียมาที่ประตูรั้วร้าน เตรียมจะอ้าปากด่า แต่ชะงักเพราะเห็นคนต่อแถวยาวเป็นหางว่าว
“เฮ้ย อะไรเนี่ย”
แฟนเพลง1บอกเพื่อนๆ “ร้านเจ๊เพ็ญจริงๆ ด้วยพวกเรา”
พวกแฟนเพลงส่งเสียงเฮ ตื่นเต้น เพ็ญยิ่งงง
“อะไรกันคุณ”
แฟนเพลง2 บอกว่า “พวกเราอ่านในเน็ตว่าพี่เพ็ญจันทร์ วันเพ็ญ ออกจากวงการมาเปิดร้านส้มตำอร่อยอยู่แถวบูรพาซาวด์ก็เลยอยากมาชิมค่ะ”
แฟนเพลง1เสริมว่า “คุณแม่ผมชอบเพลงมากเลย ฝากขอลายเซ็นมาด้วยครับ”
แฟนเพลงส่งเสียงดังเซ็งแซ่ “เจ๊เพ็ญเปิดร้านไหมคะวันนี้”
“พวกเราอยากอุดหนุนค่ะ อุตส่าห์มาแต่เช้า”
“พวกเราด้วยๆๆ”
เพ็ญงงๆ แต่พอเห็นแฟนเพลงส่งเสียงชื่นชมดังเซ็งแซ่ ก็ยิ้มออกมาอย่างปลื้มใจ

ปลายอ้อจรดปากกาเซ็นหนังสือสัญญาเข้าเป็นศิลปินในสังกัด ปอแก้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เรียบร้อยละ เท่ากับตอนนี้เธอเป็นศิลปินของบูรพาซาวด์เต็มตัว”
ปอแก้วแยกเอกสารสัญญาศิลปินให้ ปลายอ้อรับมาดูท่าทางตื่นเต้น
“อ้อไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ขอบคุณมากนะคะ”
แสงโสมมองหมั่นไส้ “จะให้ฉันหยิกเธอแรงๆ ซักทีไหมล่ะ ฉันทำได้นะ”
บูรพาถลึงตาปรามแสงโสม แล้วพูดกับปลายอ้ออย่างเอ็นดู
“เชื่อเถอะปลายอ้อ ความพยายามของเธอสำฤทธิ์ผลแล้ว เธอเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่ไม่ยอมแพ้ ฉันคุยกับโปรดิวเซอร์แล้วว่าเราจะเอาตรงนี้มาเป็นจุดขายในการทำเพลงให้”
“ขอบคุณค่ะเสี่ย”
ปลายอ้อยกมือไหว้บูรพาอย่างนอบน้อม บูรพาถือโอกาสลูบหัวเบาๆ
“แต่ไม่ใช่ว่าเซ็นสัญญาแล้วจะได้ทำเพลงแน่ๆ หรอกนะ เธอต้องฝึกร้อง ฝึกเต้น เหมือนเกวลีและศิลปินฝึกหัดคนในค่าย จนกว่าเราจะเห็นศักยภาพว่าเธอขายได้จริงๆ”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นค่ะ ฉันจะทำเต็มที่ไม่ให้ทุกคนผิดหวัง” ปลายอ้อช้อนสายตามองจ้องเสี่ยซึ้งๆ “โดยเฉพาะเสี่ย ที่เป็นคนแรกที่ให้โอกาสฉัน”
เสี่ยบูรพาตัวพองยิ่งเป็นปลื้มใหญ่ ขณะที่แสงโสมกับปอแก้วมองหน้ากัน อย่างไม่พอใจ

ในรถตู้ที่แล่นมา ปลายอ้อนั่งอ่านใบสัญญาของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ
“เลิกชื่นชมกับหนังสือสัญญาซักทีเถอะ” ปอแก้วยื่นกระดาษให้ “เธอควรจะอ่านโพยคำถามในรายการสดให้แม่นๆ จะได้ตอบคำถามได้ไม่ตะกุกตะกัก”
“ฉันไม่ตะกุกตะกักอยู่แล้วค่ะ เพราะฉันไม่ใช่คนตื่นเวที คุณอย่าเป็นห่วงเลย”
“ฉันไม่ได้ห่วงตัวเธอ แต่ฉันไม่อยากให้เธอทำให้บูรพาซาวด์ขายหน้า”
ปลายอ้อมองหน้าปอแก้วที่มึนตึง แล้วยิ้มยั่ว
“ห้าปีที่เราจะต้องทำงานร่วมกัน คงจะเป็นห้าปีแห่งความทรมานของคุณนะคะ”
ปอแก้วสะดุดหู “เธอหมายความว่ายังไง”
“ก็คุณไม่ชอบฉัน แต่ก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อผลักดันให้ฉันประสบความสำเร็จ แค่นึก็สนุกแล้ว”ปลายอ้อยิ้มสะใจ
ปอแก้วมองปลายอ้ออย่างหมั่นไส้
“อย่าลำพองไปเลย ฉันอาจจะยกเลิกสัญญาเธอก่อนครบห้าปีก็ได้ ศิลปินบางคนที่ค่ายเห็นว่าเข็ญไม่ขึ้น เราก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนให้เสียทรัพยากร”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงเวลานั้นฉันก็คงสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองในระดับนึงแล้ว ถ้าฉันไปต่อกับบูรพาซาวด์ไม่ได้ ฉันก็จะไปขออยู่ค่าย อาทิสต้า (Artista) ของคุณอภิวัช ถึงเวลานั้นคุณปอแก้วอย่าโกรธฉันก็แล้วกันนะคะ”
ปอแก้วชะงัก เมื่อเห็นสีหน้ายิ้มเยาะมีเลศนัยของปลายอ้อ

รถแล่นมาจอดที่หน้าตึกออฟฟิศสตาร์เดลี่พอดี ปอแก้วรีบตามปลายอ้อลงมา แล้วคว้าแขนไว้อย่างคาใจ
“เธอต้องการจะสื่ออะไร ทำไมฉันต้องโกรธเธอด้วย”
ปลายอ้อมองหน้าปอแก้วยิ้มๆ เหมือนรู้ทัน แต่ยังไม่ทันตอบ ศุภกฤตก็โผล่มาเสียก่อน
“ปลายอ้อ”
“สวัสดีค่ะคุณศุภกฤต”
“ยินดีต้อนรับสู่สตาร์เดลี่ครับ” เขาหันไปยิ้มทักปอแก้ว “ผมไม่นึกว่าคุณจะพาศิลปินใหม่ด้วยตัวเองเลย เดี๋ยวเชิญที่สตูเลยนะครับ ทีมงานกำลังรออยู่”
ศุภกฤตรีบพาทั้งสองขึ้นตึก ไม่มีจังหวะให้ปอแก้วได้ถามเรื่องที่คาใจกับปลายอ้ออีก

ปลายอ้อนั่งอยู่ในสตูดิโอถ่ายรายการ กำลังเตรียมออกรายการไลฟ์สด ศุภกฤตกับปอแก้วยืนดูอยู่นอกเซ็ต
“ขอบคุณนะครับที่ให้เกียรติบริษัทเราเป็นสื่อแรก”
“ก็ตามสัญญาที่ตกลงกันไว้แหละ ฉันไม่ใช่คนผิดคำพูดเหมือนใครบางคน” ปอแก้วมองตาเขียว
“เอ๊า มองแบบนี้ก็ผมน่ะสิ” เขาชี้ตัวเอง “ผมไปผิดคำพูดอะไรกับคุณ”
ปอแก้วฮึดฮัดที่ศุภกฤตทำไขสือ ลากตัวออกมาคุยนอกห้อง
“คุณบอกเรื่องฉันกับคุณอภิวัชคบกันให้ปลายอ้อฟังหรือเปล่า”
ศุภกฤตตกใจ รีบแก้เก้อ “เฮ้ย อะไร ผมจะไปบอกเขาทำไม”
“ก็วันนี้ยัยนั่นพูดแปลกๆ เหมือนรู้เรื่องของฉัน แล้วคุณก็สนิทกับเขา”
ศุภกฤตหัวเราะกลบเกลื่อน “ผมจะไปเล่าให้เขาฟังทำไม ปลายอ้อเขาไม่ได้อยากรู้เรื่องของคุณนักหรอก คิดมากไปได้น่า”
“แล้วตกลงใครส่งรูปแอบถ่ายฉันให้คุณ”
“ก็ผมบอกแล้วไงว่าแหล่งข่าว แต่ผมบอกไปแล้วว่าผมไม่เล่านข่าวนี้หรอกเพราะคุณกับนายอภิวัชไม่เห็นจะดังตรงไหนเลย เอาพื้นที่ข่าวไปลงเรื่องดาราแอบกินกันดีกว่า”
ศุภกฤตแกล้งแหย่ แล้วเดินหนีกลับเข้าสตูไป ปอแก้วเซ็ง จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน

อภิวัชนั่งอยู่ที่ห้องทำงาน กำลังพยายามทำเพลงใหม่ให้ศิลปินในค่าย แต่คิดไม่ออก หยิบรีโมททีวีมาเปิดดูช่อง 8 เขาเห็นบูรพาให้สัมภาษณ์นักข่าว จากงานเทวาไลฟ์คอนเสิร์ตเมื่อคืน
“วันนี้เราได้รับการต้อนรับจากผู้ชมอย่างล้นหลามเลยครับ ถือว่าเป็นการคอนเฟิร์มอีกครั้งว่าวงการเพลงลูกทุ่งยังคึกคัก และแฟนเพลงยังให้การต้อนรับอย่างเหนียวแน่น บางคนก็มาจากต่างจังหวัดเพื่อจะมาดูคอนเสิร์ตของเรา”
“กลัวไหมครับว่ากระแสเพลงลูกทุ่งยังแรง จะทำให้มีน้องใหม่เปิดตัวขึ้นมาเป็นคู่แข่ง” นักข่าวซัก
“ไม่กลัวหรอกครับ บูรพาซาวด์ของเราอยู่คู่กับลูกทุ่งมานาน คู่แข่งที่ผ่านมาก็มีมาเรื่อยๆ แต่ก็ล้มหายตายจาก มีแต่เราที่ยืนหนึ่ง ผมมั่นใจว่าไม่มีใครโค่นเราได้แน่นอนครับ”
อภิวัชมองดูบูรพาที่พูดอย่างลำพอง แล้วใช้ความคิด นึกถึงคำพูดข่มของบูรพาในงาน
“ผมเข้าใจว่าตัดสินเพลงลูกทุ่งมันไม่ใช่ทางถนัด ถือว่ามาหาประสบการณ์ก็แล้วกัน”
อีกคำบูรพาพูดพลางหัวเราะเยาะ เมื่อดูเพลงที่นักร้องใช้ประกวด “มีแต่เพลงเก่าๆ ทั้งนั้นแหละ คุณอภิวัชคงไม่กระดิกหูแน่ๆ จะไปหาฟังในยูทูบตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว ยายแก้วเอาคุณมาทรมานทรกรรมแท้ๆ เอาเป็นว่านั่งฟังเฉยๆ ก็ได้นะครับ ไม่ต้องให้คะแนน เดี๋ยวผลการตัดสินจะพลาด”
อภิวัชครุ่นคิดบางอย่าง มองหน้าจอ เห็นโปรแกรมดนตรีที่ตัวเองกำลังมิกซ์เพลงใหม่ อภิวัชตัดสินใจลบเพลงที่ทำไว้ทิ้ง แล้วทำเพลงใหม่ให้เป็นลูกทุ่งแนวใหม่

เกวลีจัดวางแหนมห่อใบตองเป็นห่อๆ สวยน่ากิน แล้วถ่ายรูปโพสต์ลงไอจีพร้อมกับพิมพ์แคปชั่น
“แหนมล็อตใหม่พร้อมส่งแล้ว คุณลูกค้าอดใจรออีกแป๊บ รับรองว่าไดอร่อยแน่นอนค่า”
โพสต์เสร็จเกวลีกำลังจะปิดไอจีดู แต่เห็นมีคนแท็กไอจีมาจึงเปิดดู เห็นเป็นคลิปที่ตัวเองร้องเพลงในเทวาไลฟ์คอนเสิร์ต ถูกแท็กมาหลายคลิปก็แปลกใจ
“ใครเนี่ย มาถ่ายตอนไหน”

บุญทิ้งกดดูคลิปในไอจีจากมือถือเกวลี แล้วพูดหน้าตาย โดยที่เขาทำไอจีนี้ขึ้นมาเอง
“คงเป็นแฟนคลับเธอแหละ”
เกวลีไม่อยากเชื่อ “หา ฉันเนี่ยนะมีแฟนคลับ ยังไม่เคยออกเพลงกับเขาซักเพลง”
“ก็เธอร้องเพลงเพราะ เมื่อคืนเขาคงมาฟังแล้วติดใจ ก็เลยตั้งตัวเป็นแฟนคลับ”
“แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าฉันทำแหนมขายด้วย”
เกวลีมีสีหน้าครุ่นคิด คาใจไม่หาย บุญทิ้งร้อนๆ หนาวๆ กลัวโดนจับได้
“เอ่อ ก็...เขาอาจจะเป็นลูกค้าแหนมเธอด้วยไง” บุญทิ้งเบือนหน้าหนีบ่นพึมพำ “สงสัยอะไรมากวะ”
“ว่าไงนะ”
“คือฉันว่าเธอไม่เห็นต้องสนใจเรื่องนี้เลย สนใจพวกคอมเมนต์ดีกว่า เห็นไหมเนี่ย มีแต่คนชมทั้งนั้นว่าเสียงดี อยากฟังอีก”
“เรื่องนั้นก็ดีแหละ แต่มันก็อดสงสัยไม่ได้นี่ว่าคนอย่างฉันจะมีแฟนคลับกับเขาด้วยเหรอ”
“โธ่ ยายแหนมเอ๊ย ชื่นชมตัวเองบ้างเถอะ เธอต้องมีดีสิ ไม่งั้นคุณปอแก้วก็คงไม่ให้ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตหรอก เลิกคิดไร้สาระ เอาเวลาไปร้องเพลงใหม่ๆ อัพลงโซเชี่ยลให้แฟนๆ ฟังดีกว่า”
บุญทิ้งส่งมือถือคืน เกวลีนิ่งคิด หน้าเศร้าลง
“ฉันจะไปร้องที่ไหนได้ล่ะ คอนเสิร์ตก็ไม่มีแล้ว”
“ก็ตั้งกล้องถ่ายตัวเอง แล้วก็ร้อง ไปดูตัวอย่างในยูทูบสิ เยอะแยะ”
“ไม่เอาอ่ะเขิน”
บุญทิ้งเซ็ง “เวทีใหญ่ก็ผ่านมาแล้ว จะเขินทำไมกับเรื่องแค่นี้ ตามใจนะ ถ้าไม่อัพเพลงใหม่ แฟนๆ หายหมดไม่รู้ด้วย”
เกวลีมีสีหน้ากังวล เมื่อนึกถึงแฟนลึกลับที่แอบติดตามตนอยู่

บุญทิ้งนั่งรอซ้อมดนตรีกับเพื่อนๆ หยิบมือถือออกมาเปิดดูคลิปในยูทูบ เป็นคลิปเดียวกับที่โพสต์ลงไอจีในฐานะแฟนคลับของเกวลีนั่นเอง

วันงานเทวาไลฟ์คอนเสิร์ต เกวลีร้องเพลงของตัวเองบนเวที เห็นแฟนเพลงเคลิบเคลิ้มชอบใจ
บุญทิ้งลัดเลาะไปซุ่มดู แล้วถ่ายคลิปไว้ ก่อนจะย้ายที่ไปอีกมุมเพื่อถ่ายเพิ่ม บุญทิ้งไล่ถ่ายคลิปเกวลีหลายมุม ทุกเพลงที่ร้อง

บุญทิ้งนั่งดูคลิปอยู่หน้าห้องอัด เห็นเกวลีเข้ามาคอมเมนต์ขอบคุณแฟนคลับด้วยตัวเองทุกเม้นต์ ก็อมยิ้ม เพื่อนนักดนตรีเดินเข้ามาใกล้ๆ
“เฮ้ยไอ้ทิ้ง ทำอะไรวะ คลิปเด็ดเหรอ ส่งให้มั่งดิ”
บุญทิ้งสะดุ้งรีบปิด “เปล่าพี่”
“ไม่เชื่อว่ะ ทำเป็นงุบงิบแบบนี้ใช่แน่ๆ ไหนดูซิ” เพื่อนอีกคนแซว
จากนั้นเพื่อนนักดนตรีก็พากันเข้ามาแย่งดู บุญทิ้งตกใจ กลัวเห็นคลิปเกวลีแล้วความแตก ปัดป้องไม่ยอมให้
“อย่าพี่ ไม่ใช่คลิปอย่างที่พี่คิดหรอกน่า ไม่มีอะไร”

ปลายอ้อกลับจากไปเดินสายขอบคุณสื่อ แยกกับปอแก้วจะกลับไปที่บ้านพัก แต่เห็นบูรพามาดักรออยู่
“เหนื่อยไหมปลายอ้อ”
ปลายอ้อยิ้มอ่อน “อ๋อ ไม่เหนื่อยค่ะเสี่ย สนุกดีค่ะ”
“งั้นแสดงว่ายังมีแรงจะไปฉลองต่อสินะ”
ปลายอ้ออึ้ง “ฉลอง...”
“ฉันอยากเลี้ยงต้อนรับเธอย่างเป็นทางการ เธอไม่ได้มีนัดอะไรที่ไหนใช่ไหม”
ปลายอ้อคิดคำตอบไม่ทัน “เอ่อ ม...ไม่มีค่ะ”
“งั้นไปทานข้าวกันแล้วฉันจะมาส่ง”
บูรพาโอบไหล่ปลายอ้อจะพาไปด้วยกัน ปลายอ้อนึกได้ รีบขืนตัวไว้
“เอ่อ หนูขอโทรหาพี่บุญทิ้งก่อนนะคะ”
“งั้นเดี๋ยวฉันวนรถมารับนะ”
บูรพาเดินออกไปที่รถ ปลายอ้อรีบกดมือถือโทร.หาบุญทิ้งทันควัน

ขณะที่บุญทิ้งนั่งแกะคอร์ดกีตาร์แต่งเพลงอยู่ จนเห็นเบอร์ปลายอ้อโทร.เข้ามารีบกดรับ
“พี่บุญทิ้ง อยู่ไหน”
“หน้าห้องซ้อม แกเสร็จงานแล้วเหรอ”
“เสร็จแล้ว พี่รีบออกมาที่หน้าค่ายตอนนี้เลยได้ไหม”
“ทำไมวะ มีอะไร”
“ไอ้เสี่ยมันจะพาฉันไปเลี้ยงฉลองกันสองคน ฉันไม่ไว้ใจมัน พี่ต้องมาเป็นเพื่อนฉันนะ”
บุญทิ้งตกใจ “เออๆๆ”
บุญทิ้งรีบเก็บของ แล้ววิ่งจู๊ดออกไปโดยไว

ปลายอ้อยืนชะเง้อรอบุญทิ้ง แต่บูรพาขับรถมาจอดเทียบเสียก่อนรีบลงมาหา
“ไปเถอะปลายอ้อ”
ปลายอ้ออิดออด “เอ่อ เสี่ยคะ คือพี่บุญทิ้งแกอยากไปด้วยอะค่ะ เสี่ยรอแป๊บได้ไหมคะ”
บูรพาไม่สบอารมณ์ ถามเสียงขุ่น “เขาอยู่ไหนล่ะ”
“อยู่ที่ห้องซ้อมดนตรี”
“โอ๊ย งั้นให้เขาซ้อมไปเถอะ อย่าไปกวนเลย เดี๋ยววันหลังค่อยฉลองรวมกันอีกทีนะ ไปเถอะ”
ปลายอ้ออึกอัก “เอ้อ แต่...”
บูรพาไม่สนใจ ดึงแขนปลายอ้อขึ้นรถไป ปลายอ้อละล้าละลังแต่ไม่รู้จะทำไงได้ จำต้องขื้นรถ
บุญทิ้งวิ่งกระหืดกระหอบมาจากอีกด้านเกือบจะทัน แต่เห็นปลายอ้อก้าวขึ้นรถออกไปพอดี
“โธ่เอ๊ย ไอ้อ้อ”

บุญทิ้งมองตามด้วยสีหน้ากระวนกระวาย เป็นห่วงปลายอ้อจับใจ

อ่านต่อตอนที่ 8


กำลังโหลดความคิดเห็น